สมาชิก




ลืมรหัสผ่าน
สมัครสมาชิก
 

เมนู

หน้าแรก

รวมรูปภาพ

เว็บบอร์ด

สนทนาคนรักต้นไม้

 

บทความ

หิน-หินเทียม

สารพัดต้นไม้จัดสวน

ไม้ประดับเพื่อการจัดสวน

ปลูกต้นไม้มงคล

เกี่ยวกับเรา

สวนสไตล์ต่างๆ

ต้นไม้ประจำจังหวัด ภูมิสัญญลักษณ์ของเมือง

มหัศจรรย์โลกพฤกษา

ว่าด้วยเรื่อง.....ดิน....และ..ปุ๋ย

พืชจัดสวนมีพิษที่ควรระมัดระวัง

เปลี่ยนสวนเก่าให้เป็นสวนใหม่

จัดสวนพื้นที่ขนาดใหญ่

จัดสวนด้วยตัวเอง

ชื่อนั้นสำคัญไฉน

การทำบ่อเลี้ยงปลา และระบบกรองรักษาคุณภาพน้ำอย่างง่าย

มุมสวนสวยสำหรับคุณ

ในนี้มีอะไรเยอะแยะ

 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/02/2008
ปรับปรุง 24/09/2023
สถิติผู้เข้าชม 14,915,346
Page Views 20,962,177
 
« September 2023»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930

ดินเปรี้ยว-ดินเค็ม-ดินปลูกไม้กระถาง

ดินเปรี้ยว-ดินเค็ม-ดินปลูกไม้กระถาง

 

                                                                                                                                                                                                              
ว่าด้วยเรื่อง ดิน
 เป็น นักปลูกต้นไม้ไม่พูดเรื่องดินคงแปลก  เพราะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอันดับแรกที่จะต้องคำนึงถึงของนักปลูกมืออาชีพ จัดไว้สวยยังไง อยู่ไปตายไปทีละต้นสองต้น เหี่ยวลงทีละกิ่งสองกิ่ง ไปดูดินเลย 

เป็นอันว่าดินมีความสำคัญมากแล้วกัน  ต้นไม้ที่จะนำมาปลูกจะให้เจริญเติบโตงอกงามได้ใจ ก็คือต้อง  พันธุ์ดี  น้ำดี  ดินดี ปุ๋ยดี  สี่อย่างดีจบ อ้อ จิตดีด้วย ถึงจะสมบูรณ์แบบ ปลูกไปอารมณ์เสียไป ต้นไม้ไม่ยอมอยู่ด้วยหรอก ไม่เชื่อก็ลอง เดี๋ยวจะหาว่าขู่ 

           ที่ดิน วาละสามหมื่น สี่หมื่น ที่คุณซื้อมา  ได้ดินที่ติดมาด้วยแบบมีปัญหา มองสภาพด้วยสายตา ต้นไม้เห็นแล้วคงจะด่าว่าพามาตายชัดๆ ทำยังไงดี จะโยกย้ายถ่ายเปลี่ยนขุดลอก คงจะอลังการเกินไป บางทีทำไม่ได้ด้วยเพราะพื้นที่ใหญ่ หรือหลายอย่างไม่อำนวย

การแก้ไขปรับสภาพดินหรือใช้การฟื้นฟูดินเข้ามาใช้ให้เหมาะสมจะดีกว่า แต่ต้องอาศัยเวลาพอสมควร ไม่ให้เวลา ถึงมีเงินให้ เสกให้ก็เสกไม่ได้ ยิ่งไม่เข้าใจธรรมชาติเอาแต่ใจตัว เลิกพูดไปเลย

สำหรับ เรื่องดินก่อนอื่นคุณต้องตรวจสอบดูว่าปัญหาของดินบ้านคุณคืออะไร แล้วแก้ไขให้ตรง ประเด็น ถ้าไม่แก้

หรือละเลยผลระยะยาวที่ตามมาที่จะเกิดกับต้นไม้ในอนาคตซี่งไม่คุ้ม หรอกยิ่งคนรักต้นไม้นะ จะยอมหรือ

การ ขนย้ายดินที่ได้จากการขุดบ่อเลี้ยงปลาจะเห็นว่า มีเศษอิฐเศษปูนและขยะเป็นจำนวนมาก ใต้พื้นดินโดยรวมในกรุงเทพฯก็จะพบกับสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ หากพบเจอก็จำเป็นต้องกำจัดทิ้งให้หมด

เป็นอุปสรรคต่อการปลูกต้นไม้ทุกชนิด

ปัญหาที่เกิดจากค่าพีเอชไม่เป็นกลาง

ปัญหา เกี่ยวกับดินสามารถตรวจสอบง่ายๆด้วยตัวคุณเองก็ได้ คุณอาจใช้ชุดทดสอบดิน ที่หาซื้อได้ที่ภาควิชา ปฐพีวิทยาคณะเกษตรศาสตร์ ม.เกษตร   ถ้าดินมีค่า พีเอชสูงกว่า 7แสดงว่าบ้านคุณเป็นดินด่าง (ดินเค็ม) หรือ ถ้าสงสัยว่าจะเป็นเพราะ ดินที่เป็นด่างจะเห็นมีเม็ดสีขาวหรือผงสีขาวเล็กๆ ปนอยู่ในดินได้ด้วยสายตา ให้คุณใช้น้ำส้มสายชูหยดลงบนก้อนดิน ถ้าเป็นฟองฟู่ขึ้นมา ดินนั้นเป็นดินด่างอย่างแรง ส่วนดินที่มีความเป็นกรดสูงจะสังเกตุเห็นหลังรดน้ำจะมีคราบสีน้ำ้ตาลจับอยู่ ตามผิวดิน และดินมีสีเหลือง

หน้าตา SOIL TESTER สำหรับหาค่าความเป็นกรดด่าง หรือค่า PH ในดิน แบบสะดวกสบายhitech

iูปภาพ : สวนสวรส

กดปุ่มสีขาว ถ้าต้องการหาความชื้นในดิน (2 in 1)วิธีใช้ ปักลงไปในดินแบบนี้ ให้ส่วนที่เป็นโลหะจมมิดดิน

อ่านค่า PH หรือความชื้นในดินด้านบน

ดินด่างหรือดินเค็ม
ดิน ด่างมีผลอย่างไรกับต้นไม้  ต้นไม้ที่ไม่ชอบดินด่างและไม่ยอมทนกับดินด่าง (หมายความว่า ตายสถานเดียว) ส่วนต้นไม้ที่ไม่ชอบดินด่างแต่ทนได้นิดหน่อย (คือไม่ตายแต่เลี้ยงไม่โต) ลักษณะของความไม่ชอบจะมีอาการดังนี้ ช่อใบอ่อนจะสีซีดบางครั้งก็ถีงกับเป็นสีขาว สภาพนี้คือสภาพพร่องคลอโรฟิลล์ อันเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก เนื่องจากธาตุเหล็กเป็นสารที่แทบละลายในด่างไม่ได้เลย จึงทำให้ต้นไม้ไม่ได้รับสารนี้ 

การ เพิ่มค่าความเป็นกรดให้กับดิน ดินที่เป็นด่างอ่อนๆนั้นเพิ่มค่าความเป็นกรดได้ง่าย ใช้วิธีเติมเหล็กซัลเฟตที่ใช้ในการเกษตร ประมาณ 100 กรัมต่อเนื้อที่ 1 ตารางเมตรรดน้ำ ให้ชุ่ม ทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ แล้วตรวจค่าพีเอชดูใหม่ ถ้ายังไม่ได้ให้ทำซ้ำอีกครั้ง สำหรับดินที่เป็นด่างอย่างแรง มักเพิ่มค่าความเป็นกรดได้ไม่เกินชั้นผิวดิน และโดยทั่วไปค่าความเป็นด่างจะกลับสูงขึ้น ทำให้ดินมีค่าพีเอชเท่ากับทดสอบครั้งแรก วิธีแก้ปัญหาทางเดียวคือให้เลือกปลูกต้นไม้ที่ชอบดินด่างเท่านั้นหรือเลือก พันธุ์ไม้ที่ปลูกได้ในทุกพื้นที่และทุกสภาวะ 

   ต้นไม้ที่ชอบดินด่าง

 แอลเลียม (Allium  spp.) เช่น หอมกระเทียม กุยช่าย

รักเร่ หรือ รักแรก (Dahlia)

Dianthus เช่น ผีเสื้อ คาร์เนชั่น  อัญชัน

ลิลลี่ต่างๆ ว่านแสงอาทิตย์ ว่านสี่ทิศ และว่านรางเงิน

ไอวี่ ( Hedrea helix)

มะลิต่างๆ ( Jasminum spp)

สน (Juniper spp)

สายน้ำผึ้ง (Lonicera spp)

องุ่น (Vitus spp)

แพงพวยฝรั่ง  

ราชาวดี (Buddleja spp)

ไทรชนิดต่างๆ (Ficus spp)

แปรงล้างขวดหลายชนิด ( Callistemon)

เสม็ดหลายชนิด (Melaleuca spp)

ต้นไม้ พวกนี้จะแฮปปี้มากและขึ้นได้งามดีถึงจะเป็นดินด่างแท้ๆ ส่วนการยกแปลงดินเปรี้ยวสังเคราะห์ให้สูงแล้วปลูกไม้ชนิดอื่นที่ไม่ชอบดิน ด่างก็เป็นอีกวิธีที่ทำได้เฉพาะที่ไป

ดินเปรี้ยว

ทดสอบความเป็นกรด

คุณ หาค่าพีเอชดินของคุณได้ต่ำกว่า 7 (ซึ่งเจ็ดเป็นค่าเป็นกลางของดิน ) ค่าที่เหมาะกับต้นไม้ทั่วไปส่วนใหญ่จะชอบดินที่มีค่าความเป็นกรดอ่อนๆคือ ค่าพีเอชอยู่ประมาณที่ 5.5-6.5 ถ้าวัดได้ค่าต่ำกว่านี้ จำเป็นที่จะต้องเติมสารที่เป็นด่าง หรือสารลดความเป็นกรด ให้ดิน สารที่ใช้กันทั่วไป คือ ปูนขาว หรือ โดโลไมท์ (dolomite) หรือใช้ปูนมาร์ล หินปูนบดละเอียด หรือเปลือกหอยเผา หรือปรับปรุงโดยใช้ปุ๋ยพืชสด (อย่างหลังคงไม่เหมาะกับตามบ้านแต่เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่)

ปุ๋ย เคมีและปุ๋ยหมักบางชนิดใช้นานเข้าบางทีก็ทำให้ดินเป็นกรดได้การเติมสารเพิ่ม ความเป็นด่างควรทำเมื่อดินเป็นกรดอย่างแรงเท่านั้น ถ้าค่าพีเอชต่ำกว่า 5.5 เล็กน้อยก็ใช้วิธีเลือกต้นไม้ที่ถูกกับดินเปรี้ยว เช่นพืชในวงศ์ ถั่ว ขี้เหล็ก ส้ม มะนาว พุด จำปี มณฑา ยี่หุบ  และปลูกพืชรากลึกสลับกับรากตื้นเพื่อนำธาตุอาหารในดินชั้นล่างขึ้นมาเป็น ประโยชน์กับรากตื้น

จาก www.PANYATHAI.or.th

การแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวด้วยวิธี "การแกล้งดิน" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเริ่มจากการแกล้งดินให้เปรี้ยวสุดขีด ด้วยการทำให้ดินแห้งและเปียกสลับกันเพื่อเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของดินพรุที่ มีสารประกอบของกำมะถันที่จะทำให้ดินมีสภาพเป็นกรดจัดเมื่อดินแห้ง จากนั้นก็จึงทำการปรับปรุงดินที่เป็นกรดจัดนั้นด้วยวิธีการต่างๆ ที่จะลดความเป็นกรดลงมาให้อยู่ในระดับที่จะปลูกพืช

  การแก้ไขและการปรับปรุงดินกรดกำมะถัน ทำได้โดยการระบายน้ำเฉพาะในส่วนของเนื้อดินตอนบนออกเพื่อล้างสารที่เป็นกรด ออกไป และจะต้องควบคุมให้มีน้ำแช่ขังอยู่ในดินล่าง เพื่อป้องกันไม่ให้สารที่เป็นกรดเกิดขึ้นใหม่อีก และจะต้องใส่สารปรับปรุงดินพวกปูน เช่น ปูนขาว ปูนมาร์ล หินปูนบดละเอียดหรือเปลือกหอยเผาเพื่อให้ทำปฏิกิริยาแก้ความเป็นกรดในดิน ควบคู่ไปกับการใส่ปุ๋ยเพื่อเพิ่มธาตุอาหารพืช

ดินเหนียว

เจอ ดินที่ทั้งเหนียวทั้งแข็ง อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ถึงแม้จะพบว่าเวลาเปียกก็ขุดไม่ได้ เวลาแห้งก็แข็งโป๊กจนจอบกระเด้ง ถึงเป็นดินลักษณะนี้ก็มีวิธีแก้ สามารถปรับปรุงให้เป็นดินดำร่วนที่คนทำสวนทุกคนชอบใจได้ ดินเหนียวนั้นสามารถปรับปรุงได้โดยการเติมอินทรียวัตถุลงไป(ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ใบไม้ผุ กาบมะพร้าวและอื่นๆ)และแคลเซียม ซึ่งใส่ลงไปในรูปของยิปซั่มหรือแคลเซียมซัลเฟต(หาซื้อได้จากร้านขายอุปกรณ์ การเกษตรและผลิตภัณฑ์การเกษตร)การเติมแคลเซียมให้ดินเหนียวนั้นเรียกกันว่า เป็นการย่อยดินเหนียวให้ร่วน

ประเมิน ค่าดินเหนียวเพื่อดูว่าคุณต้องเติมแคลเซียมให้ดินเหนียวหรือไม่ สามารถทดสอบอย่างง่ายๆได้โดยนำดินเหนียวที่จะทดสอบใส่ในโหลทรงสูงหนา ประมาณ2เซนติเมตรเติมน้ำให้เต็มขวดปิดฝาเขย่าให้ทั่วแล้วตั้งทิ้งไว้ ถ้าน้ำใสภายใน30นาทีไม่ต้องเติม แต่ถ้าต้องรอชั่วโมงสองชั่วโมงถึงใสให้เติมแคลเซียมในดินประมาณ50กรัม ต่อ1ตารางเมตร แต่ถ้าทิ้งข้ามคืนแล้วยังขุ่นเป็นโคลนอยู่ ต้องเติมแคลเซียมในปริมาณที่มากขึ้น ลักษณะดินแบบนี้ต้องเติมแคลเซียมถึง 200กรัมต่อตารางเมตร ขุดให้ลึกอย่างน้อยเท่าหน้าจอบ ให้ทำซ้ำทุก4สัปดาห์จนกระทั่งทดสอบใหม่แล้วคุณภาพดินดีขึ้น

ดินปลูกไม้กระถาง

 เพราะ เนื้อดินในกระถางมีจำกัด รากพืชจึงหาอาหารได้ภายในขอบเขตของกระถางเท่านั้น หากดินในกระถางมีสารอาหารไม่เพียงพอ อย่าไปหวังเลยว่าจะงามเท่าที่ควร 

มาตรฐานของดิน

ใน การปลูกไม้กระถางไม้ดอกไม้ประดับส่วนใหญ่ ต้องการดินปลูกที่เป็นธรรมชาติ สามารถส่งผ่านน้ำ สารอาหารและอ็อกซิเจนไปเลี้ยงรากพืชได้ดี โดยดินปลูกต้องมี น้ำหนักเบา ร่วนซุย ดูดซับน้ำได้เร็ว มีที่ว่างดินที่สมดุล และเก็บกักสารอาหารไว้ได้ และต้องไม่เป็นแหล่งสะสมโรคและแมลง และสารพิษ มีอินทรียวัตถุและปริมาณปุ๋ยที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืชประมาณ 1-2 เดือน โดยไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเพิ่มเติมลงไปอีก คือเติมปุ๋ยลงไปคลุกในดินก่อนนำไปใช้ปลูกต้นไม้ในกระถาง

ดินผสมสำเร็จรูป

ส่วน ใหญ่เพื่อความสะดวก คุณมักจะใช้ดินสำเร็จรูปเพื่อนำมาปลูกก่อนอื่นคุณควรตรวจสอบดูก่อนซื้อว่า เหมาะกับพืชที่คุณจะปลูกหรือไม่ โดยทั่วไปจะมีรายละเอียดบอกไว้บนถุงว่ามีส่วนผสมอะไรและเหมาะกับพืชชนิดไหน หรืออาจสอบถามเจ้าของร้านก็ได้

ทำดินด้วยตัวคุณเอง

คน ที่ปลูกพืชหลายชนิดซึ่งต้องการดินปลูกไม่เหมือนกัน จะคิดค้นสูตรของตัวเอง  สามารถทำได้เอง ได้โดยใช้ส่วนประกอบของอินทรียวัตถุ (เช่น เปลือกไม้ ขี้เลื่อย ขุยมะพร้าว ปุ๋ยหมัก ทราย แกลบดิบ แกลบดำ เพอร์ไลท์  เวอร์มิคูไลท์ ) ในอัตราส่วนที่ต่างกันเพื่อให้เหมาะกับพืชที่จะปลูก

               ดินปลูกไม้กระถางไม่สามารถคงอยู่ตลอดไป เพราะจะเริ่มมีรากอัดกันแน่น ดินเสื่อมสภาพ หรือขาดความสมดุลจนไม่เหมาะที่จะปลูกต้นไม้ชนิดนั้นต่อไป หากดินกระถางคุณมีอายุการใช้งานถึงหนึ่งปี  ควรเปลี่ยนกระถางและดินใหม่ ถึงตอนนั้น รากคงอัดแน่นเป็นก้อนหรือไม่ก็ใหญ่จนคับกระถางควรเปลี่ยนได้แล้ว

 ดินทราย ดินร่วนก็คงรู้ๆกันอยู่ ก็ขอจบเรื่องดินไว้เพียงเท่านี้

ต่อ มาเมื่อแก้ปัญหาเรื่องดินได้แล้ว การจัดการเลี้ยงดูให้อาหารต้นไม้ที่เราปลูกไว้ให้เติบโตงอกงามดีมีความสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่ง ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับประเภทของปุ๋ยก่อนจะได้เลือกใช้ให้เหมาะสมกับ ต้นไม้แต่ละชนิด ดินแต่ละแบบ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อต้นไม้ที่รักของเรา และไม่เกิดความผิดพลาดยัดเยียดให้ต้นไม้รับประทานอาหารที่ไม่ชอบไปจนชั่วชีวิตต้นไม้ ..โศกนาฎกรรม..เลยนะท่าน

ประเภทปุ๋ย
ปุ๋ยอินทรีย์

ส่วน ประกอบของปุ๋ยชนิดนี้มาจากธรรมชาติทั้งหมด บางชนิดให้ผลเร็วบางชนิดค่อยๆให้การบำรุงในระยะเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปมักผสมดินก่อนปลูกหรือใช้โรยหน้าดินสำหรับต้นไม้ที่โตแล้ว

ปุ๋ยคอก

ส่วน ประกอบหลักคือมูลสัตว์ซึ่งมีสารอาหารของต้นไม้อยู่และอุดมด้วยสารอินทรีย์ ซึ่งช่วยปรับสภาพดินให้ดีขึ้น มูลสัตว์ที่ใช้ต้องทิ้งไว้ให้นานพอควรหากสดเกินไปจะเกิดความร้อนและเป็น อันตรายต่อต้นไม้ได้ ประโยชน์คือทำให้ดินร่วนซุย อากาศในดินถ่ายเทได้ดี เพิ่มธาตุอาหารที่สำคัญแก่ดิน ช่วยให้การทำงานของจุลินทรีย์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การใช้ปุ๋ย หว่านปุ๋ยบริเวณที่ปลูกให้ทั่ว ไถกลบให้ลึกประมาณ10เซนติเมตร หรือใส่ปุ๋ยเป็นรองพื้นก่อนปลูก หรือใส่รอบโคนต้นไม้

ปุ๋ยหมัก

ปุ๋ย ที่ได้จากการหมักเศษพืช เช่นหญ้าแห้ง ใบไม้ ฟางข้าวฯลฯ ให้เน่าเป์่อยเสียก่อน จึงนำไปใส่ดิน ปู่ยหมักจะปรับปรุงดินให้มีคุณสมบัติทางฟิสิกส์ดีขึ้นและปลูกพืชเจริญงอก งามดีเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพืชผักสวนครัว และไม้ดอกไม้ประดับ

ปุ๋ยพืชสด

เป็นปุ๋ยที่ได้จากการปลูกพืชบำรุงดิน ได้แก่พืชตระกูลถั่วต่างๆแล้วไถกลบเมื่อพืชเจริญเติบโตมากที่สุดซึ่งจะเป็นพืชช่วงที่กำลังออกดอก

ปุ๋ยชีวภาพ

เป็นปุ๋ยที่ได้จากการหมักพืชหรือส่วนต่างๆ หรือจากสัตว์ ผสมรวมกับกากน้ำตาล ช่วยปรับปรุงดินให้มีสภาพดีขึ้น เพิ่มธาตุอาหารแก่พืช

ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอนินทรีย์

ป็น ส่วนผสมที่ไม่ใช่สารธรรมชาติอาจประกอบด้วยสารเคมีเพียงตัวเดียวที่กระตุ้น การเติบโตในแต่ละส่วนของต้นไม้ หรือผสมด้วยสารเคมีตั้งแต่2ตัวขึ้นไป

ปุ๋ยรวมหรือปุ๋ยผสม

เป็นปุ๋ยทั่วไป ประกอบด้วยธาตุอาหารหลัก3อย่างคือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ผสมแร่ธาตุอื่นๆที่จำเป็นต่อการเติบโตของพืช

ปุ๋ยน้ำ
ปุ๋ย น้ำมีประโยชน์มากกับต้นไม้กระถางและช่วยให้ต้นไม้ตั้งตัวได้เร็ว แก้ไขการขาดสารอาหาร ที่เราเรียกว่าวิตามิน นั่นแหละ เมื่อเจือจางแล้วใช้พ่นให้ต้นไม้ทางใบหรือรดทางราก
ปุ๋ยแบบออกฤทธิ์ช้า
แบบนี้มีส่วนผสมที่จะค่อยๆให้สารอาหารแก่ต้นไม้ตลอดช่วงเวลาหนึ่ง เช่นพวกออสโมโค้ท ปุ๋ย3เดือน6เดือน ใช้กับพวกไม้ล้มลุกอายุสั้นได้ดี
ธาตุหลัก 3 อย่าง ของปุ๋ย
ปุ๋ย ต้องประกอบด้วยธาตุอาหารหลัก อย่างน้อยหนึ่งใน3อย่างนี้ คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ซึ่งบำรุงต้นไม้ให้งามในลักษณะที่ต่างต่างกัน
ไนโตรเจน (N) บำรุงใบและการแตกกิ่งก้าน พืชที่ต้องการไนโตรเจนมากที่สุดคือหญ้า ผักกินใบ และไม้ใบ ปุ๋ยไนโตรเจนจะถูกชะล้างออกจากดินได้เร็วต้องใส่อยุ่เสมอ อาการขาด (N) ต้นไม้จะไม่โต กิ่งก้านอ่อนแอและเหลือง ใบซีด ใบล่างๆจะแห้ง ร่วงหล่นเร็ว
ฟอสฟอรัส(P) จำเป็นต่อการงอกของเมล็ดและการแตกรากต้นไม้อ่อน ไม้ที่ให้ผลให้เมล็ด และผักกินหัวพวกนี้ต้องการเป็นพิเศษ (P)อยู่ในดินได้2-3ปีหลังใส่ปุ๋ย ควรใส่ตอนปลูกหรือโรยบนดินตอนช่วงต้นไม้โต ผลจากการขาดธาตุนี้ ใบจะด้านหรืออกสีม่วงให้ผลน้อย

โพแทสเซียม(K) บำรุงให้ออกดอกและผล สำคัญต่อการเติบโตและช่วยให้พืชต้านทานโรคได้ดี ช่วยในการสะสมแป้งและน้ำตาลในผักผลไม้ ปกติ(K)จะอยู่ได้ในดิน2-3ปีใช้ปุ๋ยโรยหน้าดินหรือปุ๋ยน้ำก็ได้ อาการที่แสดงว่าต้นไม้ขาดสารอาหารตัวนี้คือ ไม่ค่อยมีความต้านทานโรค ให้ผลน้อย ดอกหรือผลสีไม่สดและใบแห้งเกรียม

Tipvipa..V  

www.suansavarose.com  

4/5/2008  



  Copyright 2005-2009 suansavarose All rights reserved.
view