สมาชิก




ลืมรหัสผ่าน
สมัครสมาชิก
 

เมนู

หน้าแรก

รวมรูปภาพ

เว็บบอร์ด

สนทนาคนรักต้นไม้

 

บทความ

หิน-หินเทียม

สารพัดต้นไม้จัดสวน

ไม้ประดับเพื่อการจัดสวน

ปลูกต้นไม้มงคล

เกี่ยวกับเรา

สวนสไตล์ต่างๆ

ต้นไม้ประจำจังหวัด ภูมิสัญญลักษณ์ของเมือง

มหัศจรรย์โลกพฤกษา

ว่าด้วยเรื่อง.....ดิน....และ..ปุ๋ย

พืชจัดสวนมีพิษที่ควรระมัดระวัง

เปลี่ยนสวนเก่าให้เป็นสวนใหม่

จัดสวนพื้นที่ขนาดใหญ่

จัดสวนด้วยตัวเอง

ชื่อนั้นสำคัญไฉน

การทำบ่อเลี้ยงปลา และระบบกรองรักษาคุณภาพน้ำอย่างง่าย

มุมสวนสวยสำหรับคุณ

ในนี้มีอะไรเยอะแยะ

 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/02/2008
ปรับปรุง 19/03/2024
สถิติผู้เข้าชม 17,219,390
Page Views 23,359,703
 
« March 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31      

ปาล์ม6

ปาล์ม6

ปาล์ม 6 (ปาล์มที่ปลูกในประเทศไทย)

For information only-the plant is not for sale.

1 กูลูเบียปาล์ม/ Gulubia costata  33 ปาล์มบูเตีย/Butia eriospathe
2 กอนิโกร/ Phoenix reclinata 34 ปาล์มใบแดง/ Chambeyronia macrocarpa
3 กะเปา/ Pholidocarpus macrocarpus 35 ปาล์มพญาหนาม/ Aiphanes aculeata
4 ควีนปาล์ม/Syagrus romanzoffiana 36 ปาล์มพญาหนามใบขนนก/ Aiphanes erosa
5 ค้อ/ Levistona jenkinsiana 37 ปาล์มมาซารี/Nannorrhops ritchiana
6 ค้อดอย/ Trachycarpus oreophilus 38 ปาล์มมูเลอร์/Levistona muelleri
7 ค้อม่วง/ Livistona mariae 39 ปาล์มเมตโต/ Sabal palmetto
8 ค้อออสเตรเลีย/ Livistona australis 40 ปาล์มระกำแสด/ Phoenicopharium borsigianum
9 ทีโอ/Phoenix theophrastii 41 ปาล์มระย้าเขียว/ Phoenix rupicola
10 ปาล์มขนไก่/Allagoptera arenaria 42 ปาล์มราวีเนีย/Ravenea rivularis
11 ปาล์มขนนก -  Dypsis madagascariensis  43 ปาล์มล้อลม/ Livistona drudei
12 ปาล์มขนเม่น/ Copernicia glabrescens  44 ปาล์มละอองดาว/ Cryosophila warscewiczii
13 ปาล์มขวดหนาม/ Gastrococos crispa 45 ปาล์มลู่ลม/ Livistona decipiens
14 ปาล์มขุนหมากรุก/ Pseudophoenix vinifera 46 ปาล์มเลื้อย/ Serenoa repens
15 ปาล์มเขย่ง/ Verchaffeltia splendida 47 ปาล์มวู้ดฟอร์ด/ Saribus woodfordii
16 ปาล์มคอแดง/ Dypsis leptocheilos 48 ปาล์มสยาย/ Chuniophoenix hainanensis
17 ปาล์มเจ้าหญิง/Dictyosperma album var. conjugatum  49 ปาล์มสะดือเขียว/ Thrinax parviflola
18 ปาล์มฉัตรโสภา/ Copernicia berteroana 50 ปาล์มสะดือเหลืองหลังขาว/ Coccothrinax
19 ปาล์มชมพู/ Dypsis cabadae 51 ปาล์มสามเหลี่ยมเหลือง/Hyophorbe verschaffeltii
20 ปาล์มชูโก/ Chelyocarpus chuco 52 ปาล์มสายรุ้ง/ Arenga undulatifolius
21 ปาล์มชูซาน/Trachycarpus fortunei  53 ปาล์มหญิงกลาง - Dictyosperma aurium
22 ปาล์มชูแมน/ Brassiophoenix schumannii 54 ปาล์มหญิงเล็ก - Dictyosperma rubrum
23 ปาล์มซอมเบีย/Zombia antillarum  55 ปาล์มหญิงใหญ่/Dictyosperma album
24 ปาล์มซันเซท/ Colyptrocalyx polyphyllus 56 ปาล์มหน้าต่าง/ Reinhardtia gracilis
25 ปาล์มซาบาล/ Sabal causiarum 57 ปาล์มหน้าต่างใหญ่/: Beccariophoenix
26 ปาล์มซามูไร/Satakentia liukiuensis 58 ปาล์มหมีขาว/ Copernicia alba
27 ปาล์มตีนช้าง/ Phoenix canariensis 59 ปาล์มหมีฟ้า/  Copernisia fallaense
28 ปาล์มไต้หวัน/ Phoenix hanceana var. taiwanniana 60 ปาล์มหางปลา/ Asterogyne martiana
29 ปาล์มบราเฮีย/ Brahea armata 61 ปาล์มแอสไซ/ Euterpe oleracea
30 ปาล์มบังกะโล/ Archontophoenix cunnighamiana 62 ปาล์มเฮนรี่/Pelagodoxa henryana
31 ปาล์มบังสูรย์ใบยาว/ Johanesteijsmannia lanceolata 63 ปาล์มโฮเวีย/ Howea forsteriana
32 ปาล์มบูเตีย/ Butia capitata 64 พีชปาล์ม/ Bactris gasipaes

---EPPO code---รหัสEPPOคือรหัสคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นสำหรับพืช แมลงศัตรูพืช (รวมถึงเชื้อโรค) ซึ่งมีความสำคัญในการเกษตรและการปกป้องพืช รหัสEPPOเป็นระบบการเข้ารหัสที่กลมกลืนกันซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดการชื่อพืชและศัตรูพืชในฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบไอที
EPPO (2021) EPPO Global Database (พร้อมใช้งานออนไลน์) https://gd.eppo.int

---Phonetic spelling of Latin names by edric https://www.palmpedia.net/wiki/

---การจำแนกประเภทของต้นปาล์ม. สวนพฤกษศาสตร์หลวงคิว ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของศิลปินและช่างภาพ (ดูภาพเพื่อเป็นเครดิต) https://www.palmpedia.net/wiki/

สถานะการอนุรักษ์ IUCN. Red List of Threatened Species https://www.iucnredlist.org/

1 สูญพันธุ์ (EX) การกำหนดที่ใช้กับสปีชีส์ที่บุคคลสุดท้ายเสียชีวิตหรือการสำรวจอย่างเป็นระบบและตามเวลาที่เหมาะสมไม่สามารถบันทึกได้แม้แต่บุคคลเดียว
2 Extinct in the Wild (EW) หมวดหมู่ที่ประกอบด้วยสปีชีส์ที่สมาชิกอยู่รอดได้เฉพาะในกรงขังหรือเป็นประชากรที่ได้รับการสนับสนุนเทียมซึ่งอยู่นอกขอบเขตทางภูมิศาสตร์ในอดีต
3 ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต (CR) ซึ่งเป็นประเภทที่มีสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงสูงอย่างยิ่งต่อการสูญพันธุ์อันเป็นผลมาจากจำนวนประชากรที่ลดลงอย่างรวดเร็วจาก 80 ถึงมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (หรือสามชั่วอายุคน) ปัจจุบันขนาดของประชากรน้อยลง กว่า 50 บุคคล หรือปัจจัยอื่นๆ
4 ใกล้สูญพันธุ์ (EN) ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้กับชนิดพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์อันเป็นผลมาจากจำนวนประชากรที่ลดลงอย่างรวดเร็วจาก 50 ถึงมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (หรือสามชั่วอายุคน) ขนาดประชากรปัจจุบันน้อยกว่า 250 บุคคลหรือปัจจัยอื่น ๆ
5 เปราะบาง (VU) ซึ่งเป็นหมวดหมู่ที่ประกอบด้วยสปีชีส์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์อันเป็นผลมาจากการลดลงอย่างรวดเร็วของประชากร 30 ถึงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (หรือสามชั่วอายุคน) ขนาดประชากรปัจจุบันน้อยกว่า จำนวน 1,000 บุคคล หรือปัจจัยอื่นๆ
6 Near Threatened (NT) เป็นชื่อที่ใช้กับชนิดพันธุ์ที่ใกล้จะถูกคุกคามหรืออาจเข้าเกณฑ์สำหรับสถานะถูกคุกคามในอนาคตอันใกล้
7 ความกังวลน้อยที่สุด (LC) หมวดหมู่ที่มีสายพันธุ์ที่แพร่หลายและอุดมสมบูรณ์หลังจากการประเมินอย่างรอบคอบ
8 Data Deficient (DD) ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ใช้กับสปีชีส์ซึ่งจำนวนข้อมูลที่มีอยู่ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของการสูญพันธุ์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จึงไม่สามารถดำเนินการประเมินได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น จึงไม่เหมือนกับหมวดหมู่อื่นๆ ในรายการนี้ หมวดหมู่นี้ไม่ได้อธิบายถึงสถานะการอนุรักษ์ของสปีชีส์
9 ไม่ได้รับการประเมิน (NE) ซึ่งเป็นหมวดหมู่ที่ใช้รวมสัตว์เกือบ 1.9 ล้านชนิดที่อธิบายโดยวิทยาศาสตร์แต่ไม่ได้รับการประเมินโดย IUCN

Version 3.1: สภา IUCN ได้นำเวอร์ชันล่าสุดนี้มาใช้ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อันเป็นผลมาจากความคิดเห็นของสมาชิก IUCN และ SSC และจากการประชุมครั้งสุดท้ายของคณะทำงานพิจารณาหลักเกณฑ์ฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2543

Version 2.3: IUCN (1994)
สภา IUCN นำเวอร์ชันนี้มาใช้ ซึ่งรวมการเปลี่ยนแปลงไว้ด้วย ความคิดเห็นของสมาชิก IUCN ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2537 ฉบับเริ่มต้นของเอกสารนี้เผยแพร่โดยไม่มีรายละเอียดทางบรรณานุกรมที่จำเป็นเช่นวันที่เผยแพร่และหมายเลข ISBN แต่รวมอยู่ในพิมพ์ซ้ำในปี 2541 และ 2542 รุ่นนี้ใช้สำหรับปี 2539 IUCN Red List of Threatened Animals (Baillie and Groombridge 1996), TheWorld List of Threatened Trees (Oldfield et al. 1998) และ 2000 IUCN Red List of Threatened Species (Hilton-Taylor 2000)


สกุล Hydriastele [hy-dree-Ah-STEL-eh] เป็นพืชดอกในตระกูลปาล์มที่มีแพร่หลายพบได้ทั่วไปทางตอนเหนือของออสเตรเลียเมลานีเซียโพลินีเซียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วย สปีชีส์ เพียง 9 สปีชีส์ จนถึงปี 2004 เมื่อการวิจัยระดับโมเลกุลซึ่งได้รับการสนับสนุนจากความคล้ายคลึงทางสัณฐานวิทยา ทำให้นักอนุกรมวิธานรวมสมาชิกของสกุล Gulubia , Gronophyllumและ Siphokentia ขณะนี้รู้จักประมาณ 40 ชนิดที่ยอมรับ

กูลูเบียปาล์มHydriastele costata 

[hy-dree-Ah-STEL-eh] [cohs-TAH-tah]


Pictures 1, 2---Papua, Indonesia. Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.https://www.palmpedia.net/wiki/Hydriastele_costata

ชื่อวิทยาศาสตร์---Hydriastele costata F.M.Bailey.(1898)
ชื่อพ้อง--- Has 10 Synonyms.
---Gulubia affinis Becc.(1923)
---Gulubia costata (Becc.) Becc.(1885)
---Gulubia gracilior (Burret) Burret ex AWHill & EJSalisbury.(1947)
---Kentia costata Becc.(1877)
---More.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:667438-1#synonyms
ชื่อสามัญ---Gulubia Palm, Cape York Palm, Cape York Palm Tree, Weeping Nymph Palm
ชื่ออื่น---กูลูเบียปาล์ม, ปาล์มกูลูเบีย ; [AUSTRALIA: Gulubia, Kupambal]; [INDONESIA: Limbun (Indonesia); Oratare (Papua); Tabuh (Maprik); Yawa (Ambakanja); Kaparo (Wandamen); Korr (Jal); Mabla (Orne), Oratare (Sumuri); Poi (Wapi); Tab (Timbunke).]; [Unknown dialect ; Tabavo Nyi ( North Cyclops Mts. area).].
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---HZDSS (Preferred name: Hydriastele sp.)
ถิ่นกำเนิด---โอเชียเนีย
เขตกระจายพันธุ์---หมู่เกาะบิสมาร์ค เคปยอร์ค รัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวกีนี
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลเป็นการรวมกันของคำกรีก "hydriad" = นางไม้ในน้ำในตำนาน และ "stele "= เสา ซึ่งอาจหมายถึงลำต้นที่เรียวตั้งตรงที่เติบโตใกล้น้ำ ; ชื่อสายพันธุ์ 'costata' จากคำคุณศัพท์ภาษาละติน 'costatus' = มีซี่โครงตามยาว ตั้งแต่หนึ่งซี่ขึ้นไป พร้อมกับการอ้างอิงที่ชัดเจน
Hydriastele costata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยFrederick Manson Baileyในปีพ.ศ. 2441  
ที่อยู่อาศัย--- เป็นพืชสกุลเดียวที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในออสเตรเลียซึ่งถูก จำกัด อยู่ทางตอนเหนือสุดของคาบสมุทร Cape York สกุลนี้มี 48 สายพันธุ์ 38 ชนิดและปัจจุบันไม่ได้เป็นพันธุ์เฉพาะถิ่นในควีนส์แลนด์ แต่มีการกระจายพันธุ์กว้างในนิวกินีและหมู่เกาะอารูและหมู่เกาะบิสมาร์กที่อยู่ใกล้เคียง เติบโตบนริมแม่น้ำ ตามลำธารและลำห้วย ในป่ามรสุม ป่ายูคาลิปตัส ป่าเปิดและในทุ่งหญ้า ที่ระดับความสูง 0-700 เมตร
ลักษณะ---เป็นปาล์ม ต้นเดี่ยว สูงได้ถึง 30-35 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น20-30 ซม. มีวงรอยแผลเป็นที่เกิดจากใบ กว้าง 3.5ซม.ระยะห่างระหว่างปล้อง 25 ซม.คอยอดยาว1.5เมตรสีเขียวเข้มมีขนสีเทาหนาแน่น ใบรูปขนนก (pinnate) มี10-15ใบ ทางใบยาว 3-4 เมตรยื่นออกมาตรงๆ ใบย่อยขนาดเล็ก 80-120 ใบในแต่ละด้านเรียงในระนาบเดียวสม่ำเสมอ ใบเรียวยาวห้อยลู่ลง ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (Infrafoliar) ห้อยลง ช่อดอกยาว 58–100 ซม. รวมก้านช่อดอก 5-25 ซม. แตกแขนงออกเป็น 2 หรือ 3 ลำดับ เห็นได้ชัดว่าเป็นต้นกำเนิด ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (Monoecious) ดอกจัดเรียงเป็นสาม ดอกเพศผู้ 1-2 ตัว ก้านดอกบนและกิ่งก้านมีกาบเป็นพื้นฐาน ยาวเป็นรูปสามเหลี่ยมถึง 6 มม. ช่อดอกย่อยตรงหรือค่อนข้างงอบ้าง ยาว 62 ซม. หนา 2-3 มม. ออกดอกได้ถึง 280 ดอก สีครีม กลิ่นสบู่ ยาว 6-7 มม. เกสรเพศผู้ 6 อัน สั้นกว่ากลีบดอก เกสรเพศเมีย 1.5 มม. สีแดงอมชมพู ผลรูปรี ขนาด 1.5x0.5 ซม.มีรอยย่นตามยาวผิวเรียบสีเทาอมน้ำเงินเมื่อสุกสีน้ำตาลแดงเข้ม มีเมล็ด 1 เมล็ด ขนาด 0.4x1 ซม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---(USDA Zone 10b-11) อุณหภูมิที่เหมาะสม 19 °C - 28 °C ทนอุณหภูมิต่ำสุด 0 °C ในช่วงสั้น ๆ ต้องการตำแหน่งที่แสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) หรือร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรงไม่น้อกว่า 4-6 ชั่วโมงต่อวัน) ดินร่วนอุดมสมบูรณ์มีความชื้นสม่ำเสมอและระบายน้ำได้ดี อัตราการเจริญเติบโตปานกลาง การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ค้องการน้ำปานกลาง รดน้ำสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้ดินแห้งระหว่างการรดน้ำ
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็น พืชสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ ซึ่งหมายความว่าโดยทั่วไปแล้วมันจะทิ้งใบสีน้ำตาลของมันเอง
การใส่ปุ๋ย---เพื่อป้องกันการขาดธาตุอาหาร ควรใส่ปุ๋ยปาล์มคุณภาพดีที่มีสูตรปลดปล่อยอย่างต่อเนื่องปีละ 3 ครั้ง ในช่วงฤดูปลูก ใส่ปุ๋ยห่างจากโคนต้นอย่างน้อย 15 ซม. เว้นการใส่ปุ๋ยในช่วงฤดูหนาว
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่ค่อยมีปัญหาแมลงหรือโรคร้ายแรง
ใช้ประโยชน์--- ปลูกกันทั่วไปใกล้หมู่บ้านใช้เป็นอาหารและวัสดุก่อสร้าง
ใช้กิน--- ยอดอ่อนหรือหัวใจปาล์มกินเป็นผัก
ใช้ปลูกประดับ--- ไม่ค่อยมีใครรู้จักในการเพาะปลูก ใช้ประโยชน์เฉพาะในเขตภูมิอากาศเขตร้อนชื้นและกึ่งเขตร้อน ใช้ในงานภูมิทัศน์ เป็นหนึ่งในปาล์มที่สวยงามที่สุดสำหรับเขตร้อน
อื่น ๆ---  ลำต้นและใบใช้สำหรับการปูพื้นและสร้างบ้าน ช่อดอกเก่าเป็นแปรง หัวใจปาล์มถูกบริโภค
ภัยคุกคาม---เนื่องจากสายพันธุ์นี้ถูกคุกคามจากความเสื่อมโทรมของแหล่งที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการแพร่กระจายและการเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ภัยคุกคามจึงไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประชากรทั้งหมด ได้รับการประเมินล่าสุดในบัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 2019 Hydriastele costata ถูกระบุว่าเป็นความกังวลน้อยที่สุด (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้)
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - ver 3.1 - IUCN Red List of Threatened Species (2019)
source: Petoe, P., Heatubun, C.D. & Baker, W.J. 2019. Hydriastele costata F.M.Bailey. The IUCN Red List of Threatened Species 2019: https://doi.org/10.2305/IUCN.UK.2019-3.RLTS.T151356855A151358585.en เข้าถึงเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 .
ระยะออกดอก/ติดผล---กรกฎาคม - ตุลาคม/กันยายน - มกราคม
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด

กอนิโกร/ Phoenix reclinata

[FEH-niks] [rek-lih-NAH-tah]

 

Picture---Miami FL. Photo by Ryan D. Gallivan.https://www.palmpedia.net/wiki/Phoenix_reclinata

ชื่อวิทยาศาสตร์---Phoenix reclinata Jacq. (1801)
ชื่อพ้อง--- Has 12 Synonyms.
---Fulchironia senegalensis Lesch. (1829)
---Phoenix abyssinica Drude. (1895)
---Phoenix baoulensis A.Chev. (1952)
---More.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:668943-1#synonyms
ชื่อสามัญ--- Wild date palm, Senegal date palm, Reclining date palm
ชื่ออื่น--- กอนิโกร(ทั่วไป) ; [AFRIKAANS: wilde-dadelboom; Mopalamo (Northern Sotho); Moséfa (Tswana);  Isundu (Xhosa, Zulu).];[CHINESE: Fei zhou hai zao.];[FRENCH: Dattier du Sénégal.];[GERMAN: Senegal-dattelpalme.];[KENYA: Mkindu, Mkindwi (Swahili).];[MADAGASCAR. Dara, Taratra, Taratsy, Calalou.];[NIGERIA: Kajinjiri, Dabino biri (Hausa).];[PORTUGUESE: Tamariera-do-Senegal.];[RWANDA: Umukindo.];[SIERRA LEONE: Shaka-Le (Sherbro), Kundi (Mende).];[SOMALI: Alol.];[SOUTH AFRICA: Dikindu, Makindu (Mbukushu), Makerewa, Shikerewa (Diriko).];[SPANISH: Palmera datilera del Senegal.];[TANZANIA: Daro, Taratra, Mkindwi (Swahili).];[THAI: Ko ni kro (General).];[UGANDA: Itchi (Madi), Lukindu, Musansa.].
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---PHXRE (Preferred name: Phoenix reclinata.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---แอฟริกา อียิปต์ มาดากัสการ์
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Phoenix' เป็นชื่อภาษากรีกซึ่งตั้งขึ้นในสมัยโบราณสำหรับต้นอินทผลัม ( Phoenix dactylifera ) ; ชื่อสายพันธุ์ 'reclinata' จากภาษาละติน = การก้มลง อ้างอิงถึงการโค้งงอของปลายใบ
Phoenix reclinata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Nikolaus Joseph von Jacquin (1727-1817) นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาการแพทย์ , เคมีและพฤกษศาสตร์ ชาวเนเธอร์แลนด์ในปี พ.ศ.2344
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิด ในเซเนกัลประเทศในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของแอฟริกา พบตั้งแต่แอฟริกาเหนือไปจนถึงอียิปต์ มาดากัสการ์และหมู่เกาะโคโมโร พบในป่าเปิด ทุ่งหญ้าสะวันนา หรือป่าละเมาะเตี้ยมักอยู่ในพื้นที่ดินทรายในตำแหน่งต่าง ๆ เช่นใกล้ริมฝั่งลำธาร ซึ่งพบได้ที่ระดับความสูง 0-3,000 เมตร
ลักษณะ---เป็นปาล์มมีหลายลำต้น มีความสูงประมาณ 3-6 (-10) เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 25-30 ซม.มักโค้งงอ รากที่หนาแน่นซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 1 ซม. อาจปรากฏบนลำต้นเหนือระดับพื้นดิน ใบรูปขนนก (pinnate) ขนาดของใบกว้าง ประมาณ 0.9 เมตร ยาว 2.5-4.5 เมตร ก้านใบหรือ Rachis (แกนหลักของใบไม้) มักมีหนาม ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (Dioecious) ดอกออกเป็นช่อกระจุก ออกระหว่างใบ (Interfoliar) ช่อดอกมีหนามแหลมเนื้อหนา ล้อมรอบด้วยกาบ (กาบโค้งคล้ายใบไม้) ดอกมีขนาดเล็กและมักเป็นดอกเดี่ยวที่มีดอกเพศผู้อยู่ส่วนบนของก้านดอก กลีบเลี้ยง 3 กลีบและกลีบดอก 3 กลีบเป็นอิสระหรือหลอมรวมกันด้านล่าง สีเหลืองซีดและร่วงหล่นหลังจากดอกบาน เกสรเพศผู้มี 6 อัน ดอกเพศเมียมีขนาดเล็กกลมสีเหลืองเขียว รังไข่ด้านล่างมี 3 Locules (ช่องภายในอวัยวะ เช่นรังไข่อับเรณู หรือผล) โดยมีออวุล เดี่ยว ในแต่ละอัน ผลสดมีเนื้อรูปขอบขนาน ขนาด 0.8-2.5 ซม.สีน้ำตาลส้ม มีเมล็ด 3 เมล็ด ขนาด 12 - 14 x 5-6 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---สามารถปลูกได้ในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศแบบเขตร้อน กึ่งเขตร้อน และเขตอบอุ่น (USDA Zone 9a-11) ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง (-3.9°C) ต้องการตำแหน่งที่มีแสงแดดจัด 80-100 % (แสงแดดโดยตรง 6-8ชั่วโมงต่อวัน) สถานที่ที่สว่างและมีแสงแดดส่องถึง (แสงแดดทางอ้อมไม่น้อยกว่า 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) ดินที่ระบายน้ำได้ดีเกือบทุกชนิด พืชทนแล้งได้และทนดินที่มีน้ำขัง พืชที่อยู่ในป่าประสบความสำเร็จในดินแห้งและยังทนต่อดินที่ไม่ดี pH ในช่วง 5.5 - 7 ทนได้ 5 - 7.5 อัตราการเจริญเติบโตจะแปรผันขึ้นอยู่กับแหล่งน้ำที่ดีซึ่งอาจส่งผลต่อขนาดและรูปร่างสูงสุดของต้นปาล์มด้วย อัตราการเจริญเติบโต ค่อนข้างเร็วถ้าเทียบกับปาล์มอื่น ๆ การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---พืชมีรากที่หยั่งลึกซึ่งมักจะหาแหล่งน้ำใต้ดินและชอบน้ำปานกลางที่ชุ่มชื้นสม่ำเสมอ พืชทนแล้ง สามารถทนต่อสภาพน้ำขังในการเพาะปลูกได้
การตัดแต่งกิ่ง---เป็นปาล์มหลายลำต้นที่มักจะเอาหน่อออกบ้างเพื่อสร้างลำต้นเดียว ในขณะที่หากปล่อยไว้โดยไม่ตัดแต่งก็จะก่อตัวเป็นกอขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ในที่สุด
การใส่ปุ๋ย---ใส่ปุ๋ยที่ปล่อยช้า ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เว้นการใส่ปุ๋ยในช่วงฤดูหนาว
ศัตรูพืช/โรคพืช---ต้นอ่อนจะอ่อนแอต่อโรคใบจุดและเชื้อราอื่นๆ เมื่อปลูกในสภาพอากาศชื้น
รู้จักอ้นตราย---พืชมีหนามแหลมคมที่ส่วนฐานของใบ ใช้ความระมัดระวังในการจัดการ
ใช้ประโยชน์---พืชถูกใช้อย่างกว้างขวางโดยคนในท้องถิ่นในฐานะแหล่งอาหารและสินค้าหลากหลาย  
ใช้กิน--- ผลไม้ - ดิบหรือสุก หวาน อร่อย แต่เนื้อน้อย ใช้ทำไวน์ได้ เมล็ดคั่วใช้แทนกาแฟ
ใช้เป็นยา---มีการใช้หนามในยาแผนโบราณ ส่วนต่าง ๆ ของต้นไม้ใช้เป็นยารักษาโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ น้ำนมถูกหมักในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และได้รับการบันทึกเป็นวิธีการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
ใช้ในวนเกษตร--- ใช้ปลูกเพื่อป้องกันการพังทลายของดิน
ใช้ปลูกประดับ--- เป็นต้นปาล์มแตกกอ ที่สวยงามและแปลกตา เติบโตเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ สามารถสร้างความโดดเด่นให้กับภูมิประเทศ นำมาใช้ในงานจัดสวน และตกแต่งภูมิทัศน์
อื่น ๆ--- เนื้อไม้น้ำหนักเบาทนต่อมดและเชื้อราขาวใช้สำหรับการสร้างกระท่อมสร้างประตูหน้าต่างและเสารั้ว เส้นใยของใบอ่อนที่ยังไม่เปิดนำมาทำพรมทำเสื่อตะกร้าและหมวก ใบแก่ใช้ทำวัสดุมุงหลังคา ไม้กวาดทำจากช่อดอกแห้ง รากมีแทนนินทำสีย้อมสีน้ำตาล ลำต้นทำถ่าน
ภัยคุกคาม---เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีการกระจายพันธุ์ที่กว้างมาก มีประชากรจำนวนมาก ปัจจุบันไม่พบภัยคุกคามที่สำคัญใดๆ และไม่มีการระบุถึงภัยคุกคามที่สำคัญในอนาคต สายพันธุ์นี้จึงได้รับการประเมินล่าสุดใน IUCN Red Listถูกระบุว่า เป็นความกังวลน้อยที่สุด (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้)
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - ver 3.1 - IUCN Red List of Threatened Species (2016)
source: Cosiaux, A., Gardiner, L.M. & Couvreur, T.L.P. 2017. Phoenix reclinata. The IUCN Red List of Threatened Species 2017: e.T67540526A67540546. https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2017-3.RLTS.T67540526A67540546.en. เข้าถึงเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566
การดำเนินการอนุรักษ์ https://www.iucnredlist.org/species/67540526/67540546
- ระยะการกระจายพันธุ์ของชนิดนี้ครอบคลุมพื้นที่คุ้มครอง 86 แห่ง และได้รับการบันทึกว่าอยู่ในคอลเลกชันการอนุรักษ์นอกแหล่งกำเนิด 105 ชุด (BGCI 2016)
ระยะออกดอก/ติดผล---สิงหาคม-ตุลาคม/กุมภาพันธ์ มีนาคม-เมษายน
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด แยกต้นอ่อน แบ่งกอ เมล็ดใช้ระยะเวลาในการงอก 2-3 เดือน

กะเปา/ Pholidocarpus macrocarpus

[fo-lee-do-KAR-pus] [ma-kro-KAR-pus]

 

Picture 1---Simpang Taiping, Perak, Malaysia. Photo by Dr. Ahmad Fuad Morad
Picture 2---Lae Botanic Garden, Papua New Guinea. Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. https://www.palmpedia.net/wiki/Pholidocarpus_macrocarpus


ชื่อวิทยาศาสตร์---Pholidocarpus macrocarpus Becc.(1886)
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-152717
ชื่อสามัญ---Kepang palm.
ชื่ออื่น---กะเปา (ภาคใต้) ;[MALAYSIA: Kepau, Kepang palm (Malay).];[THAI: Kapao (Peninsular).].
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---QJSMA (Preferred name: Pholidocarpus macrocarpus.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์---ไทย มาเลเซีย
นิรุกติศาสตร์--- ชื่อสกุลPholidocarpus มาจากคำภาษากรีก 2 คำ ' Pholido ' = 'ขนาด' และ 'karpos' = 'ผลไม้' ; ชื่อสปีชีส์ " macrocarpus " มาจากคำภาษากรีก "macro" แปลว่าใหญ่ และ "karpos" แปลว่าผลไม้
Pholidocarpus macrocarpus เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี ในปี พ.ศ.2329

 

Picture 1---Ajil, Terengganu, Malaysia. Photo by Dr. Ahmad Fuad Morad
Picture 2---https://www.palmpedia.net/wiki/Pholidocarpus_macrocarpus

ที่อยู่อาศัย--- พบในคาบสมุทรมาเลเซีย ,เกาะสุมาตราและประเทศไทย พบในป่าพรุที่ลุ่ม ในภูมิอากาศเขตร้อนที่มีความชื้นสูง ที่ระดับความสูง 500 เมตร เนื่องจากการสูญเสียที่อยู่อาศัย จำกัดอยู่เฉพาะที่คาบสมุทรมาเลเซียและคาบสมุทรไทย
ลักษณะ--- เป็นปาล์ม ต้นเดี่ยว สูงได้ถึง 30-40 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 25-30 ซม. มีใบในมงกุฏ 40-50 ใบ ใบ่ป็นรูปพัด (Costapalmate) ขอบใบจักเว้าลึกถึงสะดือ แผ่นใบขนาด1.5-2 เมตร ก้านใบยาว 2.5-3 เมตร มีแถบสีเหลืองและเขียวตลอดความยาวสองแถบที่มีลักษณะเฉพาะ  ขอบก้านใบมีหนามห่างๆยาวและแข็งมาก ช่อดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ออกระหว่างกาบใบ (interfoliar)  รวมยาวได้ถึง 2 เมตร ผลมีรอยเว้าตรงขั้ว ขนาด10–12 (–15) ซม. เปลือกผลหนาแข็งแตกสะเก็ด เมื่อสุกสีน้ำตาล ผิวขรุขระ
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พืชในภูมิอากาศเขตร้อนที่มีความชื้นสูง (USDA Zones 10b-11) ต้องการตำแหน่งที่มีแสงแดดจัด 80-100 % (แสงแดดโดยตรง 6-8ชั่วโมงต่อวัน) ดินร่วนอุดมสมบูรณ์ การเจริญเติบโต ปานกลาง การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำค่อนข้างมาก ชอบที่ชื้นแฉะ อย่าปล่อยให้ดินแห้งสนิทเป็นเวลานาน
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่ง พืชทิ้งใบตามธรรมชาติ
การใส่ปุ๋ย---ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีรายงานโรคและศัตรูพืชร้ายแรง
รู้จักอ้นตราย---พืชมีหนามแหลมคมยาวและแข็งมากที่ขอบก้านใบ ใช้ความระมัดระวังในการจัดการ
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ เหมาะสำหรับปลูกลงแปลงกลางแจ้งปลูกเดี่ยวๆหรือปลูกเป็นกลุ่ม
ภัยคุกคาม---เนื่องจากป่าพรุส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของป่าและกิจกรรมป่าไม้ การลดลงของพื้นที่ ขอบเขต และ/หรือคุณภาพของที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง จำกัดเฉพาะคาบสมุทรมาเลเซียและประเทศไทย ได้รับการประเมินใน บัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 1998 Pholidocarpus macrocarpus ถูกระบุว่ามีความเสี่ยงภายใต้เกณฑ์ B1+2c (มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์ในธรรมชาติในอนาคตอันใกล้)
สถานะการอนุรักษ์---VU - VULNERABLE B1+2c - ver 2.3 - IUCN. Red List of Threatened Species (1998)
source: Saw, L.G. 1998. Pholidocarpus macrocarpus. The IUCN Red List of Threatened Species 1998: e.T38632A10140802. https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.1998.RLTS.T38632A10140802.en. เข้าถึงเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566
ระยะออกดอก---มกราคม-มีนาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด

ควีนปาล์ม/Syagrus romanzoffiana

[see-AHG-ruhs] [roh-man-zoff-ee-AHN-ah]

   

Picture 1, 2--This is the more robust, hardier form that is the one usually grown and planted now. Orlando FL. Photo by Eric.
https://www.palmpedia.net/wiki/Syagrus_romanzoffiana

ชื่อวิทยาศาสตร์---Syagrus romanzoffiana (Cham.) Glassman.(1968)
ชื่อพ้อง---Has 17 Synonymshttp.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-198839
---Basionym: Cocos romanzoffiana Cham.(1822)
ชื่อสามัญ---Giriba Palm, Queen Palm, Feathery coconut, Cocos plumosa palm, Cocos palm.
ชื่ออื่น---ควีนปาล์ม, ปาล์มควีน ;[ARGENTINA: Chirivà, Pindo.];[BRAZIL: Coco-babao, Jjerivà, Coqueiro-gerivà, Baba-de-boi, Coco-de-catarro.]; [CHINESE: Huang hou kui.];[FRENCH: Palmier de la reine, Ybá pitá, Palmier Pindó, Palmier de Romanzoff.];[GERMAN: Koniginpalme, Romanzoffianische Kokospalme.];[HUNGARIAN: Királynőpálma.];[JAPANESE: Joou yashi.];[PARAGUAY: Chirivà, Pindo.];[PORTUGUESE: Jeribá, Coquinho-de-cachorro, Coqueiro-jerivá, Coqueiro, Coco-catarro, Jerivá.];[SPANISH:  Pindó, Ybá pitá, Palmera Pindó.];[SWEDISH: Drottningpalm.]   
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---AQSRO (Preferred name: Syagrus romanzoffiana.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีแอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---อเมริกาใต้: โบลิเวีย อาร์เจนติน่า, อเมริกากลาง: อุรุกวัย ปรากวัย บราซิล
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Syagrus' ไม่ทราบที่มาของชื่อสกุลข้อสันนิษฐานที่น่าเชื่อถือที่สุดคือชื่อนี้มาจากชื่อ "Syagrus" ที่ผู้เฒ่าพลินี (Pliny the Elder) มอบให้กับต้นอินทผลัมหลายชนิด ; ชื่อสายพันธุ์ 'romanzoffiana' ตั้งชื่อตาม Nikolay Rumyantsev (1754–1826) ซึ่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียและนายกรัฐมนตรีของจักรวรรดิเป็นผู้อุปถัมภ์ที่มีชื่อเสียงในการเดินทางสำรวจของรัสเซีย เขาสนับสนุนการเดินเรือรอบโลกของรัสเซียเป็นครั้งแรกของโลก
Syagrus romanzoffiana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Adelbert von Chamisso (1781 – 1838) กวีและนักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Sidney Frederick Glassman (1919–2008) นักพฤกษศาสตร์และนักพิสูจน์วิทยาชาวอเมริกันในปี พ.ศ.2511
ที่อยู่อาศัย-- มีถิ่นกำเนิดอยู่ใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอาร์เจนตินา, โบลิเวีย, บราซิล (Rio Grande do Sul, Bahia, Goiás, Mato Grosso, Mato Grosso do Sul, Paraná, Santa Catarina, São Paulo, Espírito Santo, Minas Gerais); ปารากวัย; อุรุกวัย พบได้ในแหล่งอาศัยหลากหลายในป่าดิบ ป่าดิบแล้งตามฤดูกาล ตามริมฝั่งแม่น้ำและใกล้ชายฝั่ง ปัจจุบันแพร่กระจายไปทั่วโลกซึ่งตอนนี้มักถูกมองว่าเป็นวัชพืชในหลาย ๆ ประเทศรวมถึงออสเตรเลีย
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดกลาง ต้น สูง 7 - 15 เมตร ลำต้นโตประมาณ 25-50 ซม.มีข้อปล้องเห็นชัดวงแหวนเว้นระยะห่างกันมาก คอมีกาบใบหุ้มสีเขียวแก่ ใบรูปขนนก (pinnate) เรียงเวียนรอบก้านใบ ทางใบยาว 3-5เมตร ใบย่อยรูปขอบขนานเชิงเส้นโดยทั่วไปแล้วจะมีประมาณ 300 ใบ ยาวไม่เกิน 1 เมตรและกว้าง 3 ซม ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar)ขนาดใหญ่ ยาวถึง 2 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ดอกไม่มีก้านดอกสีเหลืองหรือสีครีมขนาดเล็กจำนวนมาก ออกเป็นกลุ่มๆ ละ 3 ดอก กลุ่มละหนึ่งดอกเป็นดอกเพศเมียและอีกสองดอกเป็นดอกเพศผู้ ดอกเพศผู้ มีกลีบเลี้ยงคล้ายหนังสามกลีบ กลีบดอกคล้ายหนังสามกลีบ และเกสรเพศผู้หกตัว ดอกเพศเมีย มีกลีบเลี้ยงแบบหนังสามกลีบ กลีบหุ้มด้วยหนังสามกลีบ ผลเรียงเป็นกระจุกขนาดใหญ่มาก ผลรูปไข่ยาว 2.5-3 ซม. และกว้าง 1-2 ซม.ผลสุกสีส้มเนื้อบางเหนียวมีเส้นใย
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พืชประสบความสำเร็จในสภาพอากาศชื้นแบบเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน (USDA Zone 8b: to -9.4 °C) ที่อุณหภูมิไม่เคยลดลงต่ำกว่า 10 °C ในตำแหน่งแสงแดดเต็มวัน (แสงแดดโดยตรง 6 ชั่วโมงขึ้นไป) แต่ก็อยู่ได้ดีในที่ร่ม (แสงแดดทางอ้อมอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงต่อเนื่อง) ชอบดินทรายที่มีความสมบูรณ์ที่มีสภาพเป็นกรดและมีการระบายน้ำที่ดี pH 6.0-6.5 แสดงการขาดแร่ธาตุอย่างรุนแรงบนดินที่เป็นด่าง สามารถเติบโตได้ดีในสภาพที่หลากหลาย ทนภัยแล้งและน้ำท่วม หรือน้ำค้างแข็ง ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง (-8°C) อัตราการเจริญเติบโตเร็ว การบำรุงรักษาปานกลาง
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ในฤดูร้อนและฤดูหนาว
การตัดแต่งกิ่ง---ใบที่ตายแล้วจะติดตาและมักต้องตัดแต่งกิ่งเพื่อเอาออก เมื่อใบแก่ตาย ควรเล็มออกและปล่อยให้โคนใบแห้ง
การใส่ปุ๋ย---ควรใช้ปุ๋ยที่ผลิตขึ้นสำหรับต้นปาล์มโดยเฉพาะ ปีละสองครั้งในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ด้วยปุ๋ยที่มีธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรองโดยเฉพาะแมงกานีส และ โพแทสเซียม
ศัตรูพืช/โรคพืช---โดยปกติแล้วจะไม่ได้รับผลกระทบจากศัตรูพืชแม้ว่าแมลงเกล็ดจะเป็นปัญหาก็ตาม/มีความเสี่ยงต่อโรค Fusaraam Wilt ซึ่งเป็นโรคเชื้อราที่แพร่กระจายโดยการตัดแต่งกิ่ง โรคที่อาจเกิดได้ Ganoderma butt rot (เห็ดหลินจือเน่า)
- การขาดธาตุอาหารเสริม (Mg, Mn ) ส่งผลให้อยู่ในสภาพที่เรียกว่า "ยอดฝอย" ซึ่งทำให้ใบไม้ดูเป็นฝอยและฉีกขาด
- การขาดโพแทสเซียม การขาดธาตุเหล็ก อาจทำให้ใบเหลืองไม่สม่ำเสมอ
- ปาล์มนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคเหลืองตาย Lethal yellowing (LY)
รู้จักอ้นตราย---N/A
การใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลรสหวานเหมือนพลัมกับกล้วยผสมกัน ตายอดหรือที่เรียกว่าหัวใจปาล์มกินเป็นผักได้ ในปี ค.ศ. 1920 อาร์เจนตินาใช้ปลูกเป็นพืชผล หน่ออ่อนใช้กินเป็นผัก ดองหรือดองในน้ำมัน ลำต้นของปาล์มให้แป้งสาคู  
ใช้ปลูกประดับ--- นี่คือต้นปาล์มที่ได้รับการปลูกเลี้ยงอย่างกว้างขวางที่สุดต้นหนึ่ง พบเห็นได้ตามถนนทางหลวงและในสวนสาธารณะทั่วไป เป็นปาล์มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในฐานะที่เป็นต้นไม้ประดับ ที่ใช้ในงานภูมิทัศน์ทั่วโลกที่อยู่ในเขตร้อน กึ่งเขตร้อนและเขตอบอุ่น เนื่องจากมีความน่าดึงดูดและความแข็งแกร่ง ทนต่อการย้ายปลูกเมื่อมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ขุดดิบแล้วปลูกเพื่อจัดสวนได้ทันที
- ผลไม้ที่ร่วงหล่นเป็นกระจุกขนาดใหญ่ จะกลายเป็นกองผลไม้เน่าเหนียว ซึ่งอาจทำให้ต้นอ่อนเล็กๆ ที่ไม่พึงประสงค์งอกออกมาจากเมล็ดที่มีอยู่มากมาย ดังนั้นควรพิจารณาสิ่งนี้เมื่อวางแผนการดูแลสวน
อื่น ๆ--- ใบหรือเส้นใยที่ได้นำมาใช้ทำ ตะกร้า หมวก ใบ ; ลำต้นปาล์ม เนื้อไม้มีน้ำหนักปานกลางแข็งและทนทานมากในน้ำทะเล มักจะถูกนำมาใช้ในการก่อสร้างบ่อยครั้งที่ถูกขุดออกมาเพื่อ ทำท่อน้ำ หรือท่อระบายน้ำ
- ช่อดอก ใช้เป็นอาหารสัตว์ (วัว) ในช่วงฤดูแล้ง
ภัยคุกคาม---เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีการกระจายพันธุ์ที่กว้างมาก มีประชากรจำนวนมาก ปัจจุบันไม่พบภัยคุกคามที่สำคัญใดๆ และไม่มีการระบุถึงภัยคุกคามที่สำคัญในอนาคต สายพันธุ์นี้จึงได้รับการประเมินล่าสุดในบัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 2020 Syagrus romanzoffiana ถูกระบุว่าเป็นความกังวลน้อยที่สุด
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - ver 3.1 - IUCN Red List of Threatened Species.(2020)
source: Hargreaves, S. 2022. Syagrus romanzoffiana. The IUCN Red List of Threatened Species 2022: e.T67557507A67557510. https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2022-2.RLTS.T67557507A67557510.en. เข้าถึงเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566
การดำเนินการอนุรักษ์ https://www.iucnredlist.org/species/67557507/67557510
- พบชนิดนี้ได้ใน แหล่งรวบรวม นอกแหล่งกำเนิด เกือบ 100 แห่ง (BGCI 2022)
ระยะออกดอก/ติดผล---ฤดูใบไม้ผลิ/ผลสุกในช่วงฤดูหนาว
ขยายพันธุ์---เมล็ด งอกง่าย มักจะพบต้นกล้าเล็กๆอยู่ใต้ต้น .ใช้ระยะเวลาในการงอก 2 เดือน

ค้อ/ Livistona jenkinsiana

[liv-iss-TOH-nah] [jehn-kens'-ee-AHN-ah]


Picture 1---Chiang Mai, Thailand.---Photo-palm.paradise@seznam.cz
Picture 2---https://www.palmpedia.net/wiki/Livistona_jenkinsiana

ชื่อวิทยาศาสตร์---Livistona jenkinsiana Griff (1845)
ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms.See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:668042-1#synonyms
---Latania jenkinsiana (Griff.) Anon. (1864)
---Saribus jenkinsianus (Griff.) Kuntze.(1891)
---Livistona jenkinsii Griff. ex Mart. (1849), orth. var.
---Livistona moluccana Schaedtler (1875)
ชื่อสามัญ---Assam fan palm, Major Jenkins' fan palm, Himalayan Fan Palm
ชื่ออื่น---ค้อ (ภาคเหนือ, พิษณุโลกและอุตรดิตถ์) ;[ASSAMESE: Tokou/ Toko pat, Tokou.];[FRENCH: Palmier évantail del' Himalaya.];[GERMAN: Himalaya-Fächerpalmem, Indische Livingstonpalme.];[INDIA: Adi, Toko-Patta, Taak Heklay, Toko Gutti.];[SWEDISH: Takopatpalm.];[THAI: Kho (Northern).]   
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---LIVJE (Preferred name: Livistona jenkinsiana.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์--- เอเซียตะวันออกเฉียงใต้
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Livistona' เป็นเกียรติแก่ Patrick Murray บารอนแห่ง Livingston สกอตแลนด์ ; ชื่อเฉพาะสายพันธุ์ 'jenkinsii' เป็นเกียรติแก่ Major Francis Jenkins (1793-1866) นักพฤกษศาสตร์และหัวหน้าผู้บัญชาการจังหวัดอัสสัมของอินเดียในช่วงยุคอาณานิคมของอังกฤษ
Livistona jenkinsiana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย William Griffith (1810–1845) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ในปี พ.ศ.2388
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในประเทศบังคลาเทศ พม่า( Chittagong ) อินเดีย ( อรุณาจัล , อัสสัม , มัธยประเทศ , รัฐเมฆาลัย , นาคาแลนด์ , สิกขิม , เบงกอลตะวันตก ), ภูฏาน , ประเทศจีน ( ยูนนาน ) และไทย ชอบขึ้นตามภูเขา ป่าเปิด พื้นที่เปิดโล่ง ในประเทศไทยพบในภาคเหนือและภาคใต้ บริเวณที่มีฝนตกชุกในป่าดิบชื้นส่วนใหญ่อยู่ในดินร่วนปนทรายที่มีส่วนผสมของศิลาแลง ที่ระดับความสูง 100-2,500 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์ม ต้นเดี่ยว ต้นสูงประมาณ10- 25 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น15-25ซม.หยาบกร้านมีรอยแผลเป็นจากใบ ก้านใบยาว1.5-2เมตร กว้าง 2--2.5 เมตร.มีหนามสีน้ำตาลยาว 3 ซม.ลดความหนาแน่นของหนามไปทางปลายก้านใบ ใบรูปพัด(costapalmate)ขอบใบจักเว้าลึกไม่ถึงครึ่งใบและพับจีบรอบใบ สีเขียวแกมเทา ใบอ่อนสีเขียวเข้มเป็นมัน ช่อดอกออกที่คอยอด (infrafoliar) ยาว 0.60-1เมตร ดอกกะเทย (Hermaphroditic) ติดผลจำนวนมากรูปกลมรี ขนาด2-3.5ซม.เมื่อสุกสีเขียวคล้ำ เมล็ดกลม  ในเส้นผ่านศูนย์กลาง  17-20 มม. แบนเล็กน้อยด้านหนึ่ง
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ปลูกได้ในภูมิอากาศเขตอบอุ่นและเขตกึ่งร้อน (USDA Zones 10b-11) ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -1 °C เจริญได้ดีที่สุดในตำแหน่งที่มีแสงแดดจัด 80-100%  (แสงแดดโดยตรงไม่น้อยกว่า 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) ถึงร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงไม่ต่อเนื่อง) แต่มีความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ 60% และดินมีการระบายน้ำดี  การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้ดินแห้งระหว่างการรดน้ำและอย่าให้น้ำมากเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่ง ทิ้งใบเก่าตามธรรมชาติ
การใส่ปุ๋ย---ใช้ปุ๋ยเม็ดอเนกประสงค์หรือปุ๋ยละลายช้าเพียงครั้งเดียวในช่วงฤดูปลูก ในช่วงฤดูหนาวพืชพักตัว หยุดใส่ปุ๋ยในปลายเดือนตุลาคมและกลับมาใส่ปุ๋ยในปลายเดือนกุมภาพันธ์
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีรายงานศัตรูพืชหรือโรคที่สำคัญ
รู้จักอ้นตราย---พืชมีหนาม ใช้ความระมัดระวังในการจัดการ
ใช้ประโยชน์---ต้นไม้ถูกเก็บเกี่ยวจากป่าสำหรับใบไม้ซึ่งใช้เฉพาะสำหรับมุงและทอเป็นหมวก บางครั้งมีการเพาะปลูกในสวนขนาดเล็กเพื่อจุดประสงค์นี้ในอินเดียและจีน
ใช้กิน--- เมล็ดใช้แทนหมากพลู
ใช้เป็นยา---ในไหหลำ ผลไม้ใช้เป็นยาได้ (efloras.org)
ใช้ปลูกประดับ--- เป็นปาล์มที่สวยงามจะพบได้ทั่วไปในสวนทั่วโลก
ระยะออกดอก/ผลไม้---กรกฎาคม - สิงหาคม/ตุลาคม.-พฤศจิกายน
ขยายพันธุ์---เมล็ด เมล็ดพันธุ์มีชีวิตยาวนานกว่าต้นปาล์มส่วนใหญ่

สกุล Trachycarpus [trahk-ee-KAHR-puhs] เป็นที่รู้จักจากสองกลุ่มประชากรที่แตกต่างกัน กลุ่มหนึ่งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไทยและอีกกลุ่มหนึ่งอยู่ในรัฐมณีปุระทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ประชากรมณีปุระเคยถูกพิจารณาว่าเป็นสายพันธุ์ที่แยกจากกัน

ค้อดอย/Trachycarpus oreophilus

[trahk-ee-KAHR-puhs] [oh-reh-oh-FILL-uhs]


Picture 1, 2---Chiang Dao, Thailand. At 2225 meters. Photo by Martin Gibbons and Tobias W. Spanner.
 https://www.palmpedia.net/wiki/Trachycarpus_oreophilus

ชื่อวิทยาศาสตร์---Trachycarpus oreophilus Gibbons & Spanner (1997)
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.http://theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-207165
ชื่อสามัญ---Thai mountain fan palm, Thai mountain palm, Thai Mountain Windmill Palm.
ชื่ออื่น---ค้อดอย (เชียงใหม่), ค้อเชียงดาว (ทั่วไป) ;[MANIPURI/Naga Hills: Saramati Palm.]; [THAI: Kho doi (Chiang Mai); Kho chiang dao (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---TRRSS (Preferred name:Trachycarpus sp.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์--- ประเทศไทย
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล ' Trachycarpus ' มาจากคำภาษากรีก 'trachys' = หยาบ และ 'karpos' = ผลไม้ โดยอ้างอิงถึงผลไม้บางชนิดในสกุล; ชื่อสายพันธุ์ ' oreophilus ' = ' รักเมฆ ' เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่ว่าต้นปาล์มนี้และถิ่นที่อยู่ของมันมักถูกเมฆบดบังโดยสิ้นเชิง
Trachycarpus oreophilus เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Martin Gibbons (เขามีบทบาทมากที่สุดในปีพ.ศ.2538)นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษและTobias Walter Spanner (1967–) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันผู้เชี่ยวชาญเรื่องปาล์ม ในปี พ.ศ2540.


Picture---Cultivated specimen growing in Ticino, Switserland. Photo courtesy Dr. Axel Kratel.
- https://www.palmpedia.net/wiki/Trachycarpus_oreophilus

ที่อยู่อาศัย--- ค้อดอยเป็นพรรณไม้ถิ่นเดียว(endemic) ที่ขึ้นอยู่บนยอดเขาหินปูนของดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และดอยภูแวจังหวัดน่าน มักขึ้นอยู่ตามซอกหินในพื้นที่ระดับสูง ทนทานต่ออากาศหนาวเย็นและลมพัดรุนแรง และมักจะถูกบดบังโดยเมฆที่ระดับความสูง1,680-1,800 เมตร พบที่อื่น ๆ ในรัฐมณีปุระในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ที่ระดับความสูง 1,200–1,800 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวที่ติดเมล็ดจำนวนมาก  แยกเพศเป็นต้นเพศผู้และต้นเพศเมีย (Dioecious) ลักษณะ ลำต้นเรียวตั้งตรง สูงประมาณ 9 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นขนาด10-20 ซม มีใบบนต้น 20-25 ใบ ใบรูปพัด (palmate) กว้าง70-100ซม. ก้านใบยาวประมาณ 50 ซม.ช่อดอกออกที่ซอกก้านใบ (interfoliar) ตั้งตรง 3-5 ช่อ ผลสีเขียวกว้างกว่ายาว (reniform) กว้าง 11 มม.ยาว 6 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เพิ่งได้รับการแนะนำให้รู้จักกับการเพาะปลูก ไม่มีต้นปาล์มที่โตเต็มที่ของสายพันธุ์นี้นอกถิ่นกำเนิดของมัน (M. Gibbons. 1997)/Palmweb.
สถานภาพ---เป็นพืชถิ่นเดียว (endemic) ของประเทศไทย [พืชถิ่นเดียวหรือพืชเฉพาะถิ่น (endemic plants)  คือ พืชชนิดที่พบขึ้นและแพร่พันธุ์ตามธรรมชาติในบริเวณเขตภูมิศาสตร์เขตใดเขตหนึ่งของโลก และเป็นพืชที่มีเขตกระจายพันธุ์ทางภูมิศาสตร์ค่อข้างจำกัด ไม่กว้างขวางนัก มักจะพบพืชถิ่นเดียวบนพื้นที่ที่มีลักษณะจำกัดทางระบบนิเวศ เช่น บนเกาะ ยอดเขา หน้าผาของภูเขาหินปูน แอ่งพรุ ฯลฯ  ถิ่นที่อยู่ดังกล่าวมีสภาพจำกัดของสิ่งแวดล้อมหรือมีสภาพดินฟ้าอากาศเฉพาะที่ (microclimate).] http://www.rspg.or.th/plants_data/rare_plants/definition.htm
สถานภาพ---เป็นพืชหายาก (rare plant) *[พืชหายาก (rare plants) คือ พืชชนิดที่มีประชากรขนาดเล็กซึ่งยังไม่อยู่ในสถานภาพใกล้จะสูญพันธุ์ (endangered) แต่มีความเสี่ยงที่จะเป็นพืชที่ใกล้จะสูญพันธุ์ได้ พืชหายากเป็นพืชที่เราทราบจำนวนประชากรที่มีอยู่ตามแหล่งต่างๆ และส่วนใหญ่มีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับพืชชนิดอื่นๆ]* http://www.rspg.or.th/plants_data/rare_plants/definition.htm
- ประชากรของค้อดอยเชียงดาวประกอบด้วยต้นไม้ไม่กี่พันต้นและได้รับการคุ้มครองในเขตป่าสงวน ดูเหมือนว่าจะอยู่ในสภาพดีแม้ว่าพื้นที่ที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า ทั้งหมดนั้นชาวเผ่ากำจัดต้นปาล์มมาเป็นเวลานานแล้ว จึงไม่เหลือต้นกล้าและต้นไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ เหลืออยู่เลย อย่างไรก็ตาม ต้นปาล์มส่วนใหญ่เติบโตในพื้นที่ที่สูงชันมาก ซึ่งแทบจะเข้าถึงไม่ได้ และเนื่องจากแรงกดดันต่อพื้นที่เหล่านี้โดยมนุษย์หรือสัตว์ร้ายนั้นน้อยมาก อนาคตของพวกมันจึงดูปลอดภัย เราจะจัดประเภทเป็น 'หายาก' (rare plant) http://www.palmsociety.org/members/english/chamaerops/035/035_31.shtml
การขยายพันธฺุ์---เมล็ด


ค้อม่วง/ Livistona mariae

[liv-iss-TOH-nah] [mar-EE-eh]


Picture 1, 2---Palm Valley, Finke Gorge National Park, Australia. Photo by Michael J. Barritt
https://www.palmpedia.net/wiki/Livistona_mariae

ชื่อวิทยาศาสตร์---Livistona mariae F.Muell.(1878)
ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms
---Saribus mariae (F.Muell.) Kuntze (1891)
ชื่อสามัญ---Central Australian Fan Palm,Central Australian cabbage palm, Red cabbage palm, Palm Valley Livistona, Gregory River Fan Palm, Lawn Hill Fan Palm, Mataranka Fan Palm
ชื่ออื่น---ค้อม่วง, มาเรีย, ปาล์มพัดออสเตรเลีย (กรุงเทพฯ) ;[FRENCH: Palmier évantail du centre de l'Australie.];[GERMAN: Zentral-australische Livingstonpalme.];[THAI: Paam phat Australia (Bangkok).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---LIVMA (Preferred name: Livistona mariae.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปออสเตรเลีย
เขตกระจายพันธุ์---ตอนเหนือของออสเตรเลีย ควีนส์แลนด์
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Livistona' เป็นเกียรติแก่ Patrick Murray บารอนแห่ง Livingston สกอตแลนด์ ; ชื่อสายพันธุ์ 'mariae' ได้รับเกียรติจาก Grand Duchess Maria Vladimirovna (born 1953) แห่งรัสเซีย (1853-1920)
Livistona mariae เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยSir Ferdinand Jacob Heinrich von Mueller (1825-1896) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันออสเตรเลีย ในปี พ.ศ.2421


Picture1 , 2---Maspalomas's Palmetum, Gran Canaria, Canary Islands. Photo by Migacebo
https://www.palmpedia.net/wiki/Livistona_mariae

ที่อยู่อาศัย--- พบได้ในธรรมชาติเฉพาะในประเทศออสเตรเลีย เฉพาะถิ่น (Endemic) ของระบบ Finke R. ใน Macdonnell Ranges ในอุทยานแห่งชาติ Finke Gorge พบอยู่ตามลำห้วยและธารน้ำตื้นถาวร ในช่องเขาหินทรายที่ระดับความสูง 600-650 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงได้ถึง 20-30 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางต้น 30-40 ซม.ขยายตัวที่ฐานสูงถึง 70 ซม. รอยแยกในแนวตั้งสีเทาที่มีร่องรอยวงแหวนของแผลเป็นทางใบ มีใบ 30-50 ใบ ใบรูปพัด (Costapalmate) รูปครึ่งวงกลมถึงเกือบเป็นคลื่นเล็กน้อย เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-2.5 เมตร สีเทาเขียวมันวาวด้านบน ด้านล่างซีดและปกคลุมด้วยขี้ผึ้ง ก้านใบตั้งตรงหรือโค้งยาว 1.5-2.2 เมตร สีเขียวอมเหลือง โคนใบมีหนามซึ่งมีลักษณะเป็น "กระโปรง" รอบลำต้น ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ช่อดอกออกที่คอยอดไม่มีก้านดอก (infrafoliar) ยาว 1.2-2.5 เมตร ดอกออกเป็นช่อกระจุก กลีบดอกมี 3-6 กลีบ ยาว 1.0-1.8 มม. สีเขียวอมครีมถึงเหลือง กลีบเลี้ยงรูปไข่ ยาว 0.8-1 มม. ผลกลมสีดำกึ่งเงาเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.2-1.6 ซม. เมล็ดกลม มี1เมล็ด ขนาด 8-12 มม
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พืชในเขตภูมิอากาศเขตร้อน กึ่งเขตร้อน และเขตอบอุ่น ต้องการแสงแดดเต็มที่ (แสงแดดโดยตรง 6  ชั่วโมงขึ้นไป) และมีร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4-6 ชั่วโมงไม่ต่อเนื่อง) ชอบดินปนทรายแต่สามารถปรับให้เข้าได้กับดินสภาพต่างๆที่มีการระบายน้ำดี ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -4 °C ในช่วงสั้น ๆ อัตราการเจริญเติบโต ช้า การบำรุงรักษาปานกลาง
การรดน้ำ---พืชจะเติบโตเร็วขึ้นหากรดน้ำเป็นประจำ ทนแล้ง เหมาะสำหรับการ xeriscaping ความต้องการน้ำโดยเฉลี่ย รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้น้ำมากเกินไป พืชควรได้รับการรดน้ำในช่วงฤดูแล้งและคลุมดินด้วยวัสดุอินทรีย์ (เปลือกไม้, ใบไม้)
การตัดแต่งกิ่ง---ใบล่างที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อพืชโตขึ้นจำเป็นต้องถอดออกจากต้น แต่อย่าลิดออกถ้าใบยังคงมีสีเขียวอยู่ ตัดแต่งฐานใบที่มีหนามเพื่อปรับปรุงลักษณะของลำต้น
การใส่ปุ๋ย---ไม่ต้องใส่ปุ๋ยในช่วงปีแรก ตั้งแต่ปีที่สองให้ปุ๋ยพิเศษสำหรับต้นปาล์มได้ทุกสองสัปดาห์หรือทุก ๆ เดือนระหว่างฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีรายงานศัตรูพืชหรือโรคที่สำคัญ อย่างไรก็ตามอาจถูกเพลี้ยแป้งและแมลงเกล็ดโจมตีได้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงปานกลางต่อโรคตัวเหลือง (LY)
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง ; ก้านใบมีหนามแหลมคม ใช้ความระมัดระวังในการจัดการ
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ เมื่อต้นยังเล็กสูงไม่ถึง 1 เมตรทุกส่วนของลำต้นมีสีม่วงแดงสวยงาม เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้กระถาง การใช้งานจะถูกจำกัดไว้เพียงการตกแต่งพื้นที่ภายนอก ต้องการแสงแดดเต็มที่เพื่อให้ได้สีแดงที่มีลักษณะเฉพาะ หากต้นใหญ่ขึ้นใบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว จึงย้ายปลูกลงแปลงในที่ถาวรต่อไป
ภัยคุกคาม---จัดอยู่ในหมวดหมู่และเกณฑ์ IUCN RED LIST ประเภท 'ความเสี่ยงต่ำกว่า/ขึ้นอยู่กับการอนุรักษ์'
สถานะการอนุรักษ์--- LR/LC - Lower Risk/Least Concern - IUCN Red List of Threatened Species (1998)
ระยะออกดอก/ติดผล---กรกฎาคม-ธันวาคม/พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด ใช้ระยะเวลาในการงอก 1-3 เดือน ที่อุณหภูมิ 26-28°C


ค้อออสเตรเลีย/Livistona australis

[liv-iss-TOH-nah] [aw-STRAHL-iss]


Picture---SoCal. Photo by Geoff Stein---Huntington Beach, California. Photo by Geoff Stein
-http://www.palmpedia.net/wiki/Livistona_australis

ชื่อวิทยาศาสตร์---Livistona australis (R.Br.) Mart.(1838)
ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:668014-1#synonyms
---Corypha australis R.Br.(1810)
ชื่อสามัญ---Cabbage Palm, Cabbage-tree, Cabbage-tree palm, Australian cabbage tree palm.
ชื่ออื่น---ค้อออสเตรเลีย, ออสตราลิส (กรุงเทพฯ), ปาล์มออสเตรเลีย (ตรัง) ;[AUSTRALIA: Gippsland palm, Southern fan palm (Aust.).];[CHINESE: Ao zhou pu kui.];[FRENCH: Daranggara (Cadigal); Livinstona d’Australie, Latanier pleureur, Palmier sventai d’Australie, Palmier évantail d'Australie.] ;[GERMAN: Australische Fächerpalme.];[NORWEGIAN: Skjermpalme.];[PORTUGUESE/BRAZIL: Palmeira-leque-de-saia, Falsa latania.]; [SPANISH: Latania de Australia, Llivistona de Australia, Palma col, Palmera abanico, Palmera australiana.];[THAI: Kho ottrelia (Bangkok); Pam ottrelia (Trang),]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---LIVAU (Preferred name: Livistona australis.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปออสเตรเลีย
เขตกระจายพันธุ์--- ออสเตรเลียตะวันออกเฉียงใต้
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Livistona' อุทิศให้แก่ Patrick Murray บารอนแห่ง Livingston ; ชื่อสายพันธุ์ 'australis'คือคำคุณศัพท์ภาษาละติน 'australis, e' = austral, southern
Livistona australis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยRobert Brown (1773-1858) นักพฤกษศาสตร์และนักบรรพชีวินวิทยาชาวสก็อตและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยCarl Friedrich Philipp von Martius (1794-1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2381
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในออสเตรเลียตะวันออกเฉียงใต้ (นิวเซาธ์เวลส์ ควีนส์แลนด์และวิกตอเรีย)พบมากในเขตอบอุ่นถึงเขตกึ่งร้อนในป่า แต่ยังขยายสู่เขตร้อน เกิดขึ้นในป่าหลากหลายประเภทโดยมากมักพบในป่าพรุ ป่าฝนเขตร้อน หรือป่าฝนกึ่งเขตร้อน มักอยู่ใกล้ชายฝั่ง ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน1,000เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวสูงได้ถึง 25-30 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางต้น 25-35 ซม. ลำต้นมีแผลเป็นที่เกิดจากก้านใบนูนเด่น ก้านใบยาว1.5-2.5 เมตร ขอบก้านมีหนามสั้นสีน้ำตาลดำ ใบรูปพัด (Costapalmate) สีเขียวเข้ม แผ่นใบกว้าง1-1.5เมตร ยาว1.1-1.3 เมตร สีเขียวเข้มและมันวาวด้านบนด้านล่างซีดเล็กน้อย ขอบใบจักเว้าลึกไม่ถึงครึ่งใบ ช่อดอกระหว่างใบ (Interfoliar) มีดอกกระเทย (hermaphrodite) [มีทั้งเพศผู้และเพศเมียในดอกเดียวกัน เป็น monoecious แต่ 'functionally dioecious'] ดอกออกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่ม 2-4 ดอก เกสรเพศผู้ 6 อันรวมกันที่ฐาน ดอกสีขาวครีม ผลกลมขนาด1.5-2ซม.เมื่อสุกน้ำตาลแดงถึงสีม่วงดำมันวาว มีเมล็ด1เมล็ด ขนาด10-16 มม สีน้ำตาลซีดหยาบ
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พืชในเขตภูมิอากาศเขตร้อน กึ่งเขตร้อน และเขตอบอุ่น เติบโตได้ดีในตำแหน่งแสงแดดเต็มที่ (แสงแดดโดยตรง 6  ชั่วโมงขึ้นไป) หรือแสงรำไร (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงไม่ต่อเนื่อง) ทนอุณหภูมิต่ำสุด -6 °C ชอบดินร่วนปนทรายที่สมบูรณ์ด้วยธาตุอาหารและชุ่มชื้นสม่ำเสมอ แต่ก็สามารถเจริญได้ในดินชั้นลึก ที่มีการระบายน้ำดี ดินควรมีค่าความเป็นกรดด่างที่เหมาะสมมีความเป็นกลางต่อกรด ค่า pH ในช่วง 5.5 - 7 ทนได้ 5 - 7.5
การรดน้ำ---พืชจะเติบโตเร็วขึ้นหากรดน้ำเป็นประจำ ทนแล้ง เหมาะสำหรับการ xeriscaping ความต้องการน้ำโดยเฉลี่ย รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้น้ำมากเกินไป พืชควรได้รับการรดน้ำในช่วงฤดูแล้งและคลุมดินด้วยวัสดุอินทรีย์ (เปลือกไม้, ใบไม้)
การตัดแต่งกิ่ง---ใบล่างที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อพืชโตขึ้นจำเป็นต้องถอดออกจากต้น แต่อย่าลิดออกถ้าใบยังคงมีสีเขียวอยู่ ตัดแต่งฐานใบที่มีหนามเพื่อปรับปรุงลักษณะของลำต้น
การใส่ปุ๋ย---ไม่ต้องใส่ปุ๋ยในช่วงปีแรก ตั้งแต่ปีที่สองให้ปุ๋ยพิเศษสำหรับต้นปาล์มได้ทุกสองสัปดาห์หรือทุก ๆ เดือนระหว่างฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง เว้นการใส่ปุ๋ยในช่วงฤดูหนาว
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีรายงานศัตรูพืชหรือโรคที่สำคัญ อย่างไรก็ตามอาจถูกเพลี้ยแป้งและแมลงเกล็ดโจมตีได้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงปานกลางต่อโรคตัวเหลือง (LY)
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง ; ก้านใบมีหนามแหลมคม ใช้ความระมัดระวังในการจัดการ
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ตายอดที่มักเรียกกันว่า หัวใจปาล์ม เป็นอาหารโปรดของชาวอะบอริจินออสเตรเลียและผู้ตั้งถิ่นฐานผิวขาวยุคแรก ๆ แต่สิ่งนี้แทบจะไม่ได้รับการกินเลยในทุกวันนี้ เนื่องจากการทำเช่นนี้นำไปสู่การตายของพืชซึ่งไม่าสมารถแตกตาด้านข้างได้
- ชาว "Dtharowal" ซึ่งสะกดด้วยคำว่าTharawal ซึ่งแปลว่าต้นกระหล่ำปลี (ชาว อะบอริจินของออสเตรเลีย) ใช้ต้นกล้าที่งอกใหม่นำมาปรุงหรือกินดิบได้
ใช้เป็นยา---แก่นของลำต้นปรุงเป็นยาแก้เจ็บคอ
ใช้ปลูกประดับ--- พืชที่ปลูกมักจะปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ สามารถปลูกในภาชนะได้เป็นเวลานาน และย้ายปลูกในตำแหน่งถาวรเมื่อขนาดที่แท้จริงกำหนดเท่านั้น
- ปาล์มสามารถปลูกถ่ายได้แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่มากก็ตาม แม้ว่ารากที่มีเนื้อหนาจะถูกทำลายได้ง่ายและ/หรือถูกทำให้แห้ง แต่โดยทั่วไปแล้วรากใหม่จะผลิตได้อย่างอิสระ สิ่งสำคัญคือต้องปักหลักต้นไม้ให้แน่น  และให้น้ำปริมาณมากจนกว่าจะตั้งตัวได้
อื่น ๆ--- ใบใช้สำหรับมุง ทำหมวก ทำตะกร้า กระเป๋า มุ้ง ฯลฯ
- เส้นใยสำหรับทำเชือก และสายเบ็ด
ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้)
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2017)
การขยายพันธุ์--- เมล็ด เมล็ดพันธุ์ชนิดนี้มีชีวิตที่ยาวนานกว่าต้นปาล์มส่วนใหญ่ ระยะเวลาการงอก 1-3 เดือน


ทีโอ/Phoenix theophrastii

[FEH-niks] [theh-OH-frahs-tee]

  

Picture---Vai, Crete, Greece. Photo-Phrygana.eu---Vai, Crete, Greece. Photo by Colin
-https://www.palmpedia.net/wiki/Phoenix_theophrasti

ชื่อวิทยาศาสตร์---Phoenix theophrasti Greuter.(1967)
ชื่อพ้อง--No synonyms are recorded for this name. https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:668954-1
ชื่อสามัญ---Cretan Date Palm, Theophrastus's Date Palm
ชื่ออื่น---ทีโอ (ทั่วไป) ; ;[CRETE: Cretan Date Palm, Vaion (palm leaf).];[FRENCH: Palmier de Crete.];[GERMAN: Kretische Dattelpalme.];[FRENCH: Dattier de Crète.] ; [ITALIAN: Palma da dattero di Creta.];[SPANISH: Datilera de Creta, Palmera de Creta.];[SWEDISH: Kretapalm.];[THAI: Ti O (general).];[TURKISH: Datça hurması.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---PHXTH (Preferred name: Phoenix theophrasti.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปยุโรป
เขตกระจายพันธุ์---ชายฝั่งของตุรกีและครีต
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Phoenix' เป็นชื่อภาษากรีกซึ่งตั้งขึ้นในสมัยโบราณสำหรับต้นอินทผลัม ( Phoenix dactylifera ) ; ขื่อสายพันธุ์ ' theophrasti'ได้รับเลือกจากนักพฤกษศาสตร์ชาวสวิส  Werner Greuterในปี 1967เป็นชื่อของ Theophrastus (371–287 BC) "บิดาแห่งพฤกษศาสตร์" ของชาวกรีกโบราณได้บรรยายถึงต้นปาล์มหลายประเภท รวมทั้งชนิดที่มาจากเกาะครีต
Phoenix theophrasti เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Werner Greuter หรือ Werner Rodolfo Greuter (1938-) นักพฤกษศาสตร์ชาวสวิสในปี พ.ศ.2510
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในกรีซตอนใต้ (ครีต) และตุรกีตะวันตกเฉียงใต้ (คาบสมุทรDatça) เป็นปาล์มพื้นเมืองในภาคตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีการกระจายจำกัดในภาคใต้ของกรีซ มีไม่กี่แห่งบนเกาะครีตและหมู่เกาะใกล้เคียง พบได้ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลไม่ว่าจะเป็นบนหน้าผาที่มีหินปูนสูงชันและโขดหินในระยะไม่กี่เมตรจากทะเล หรือ ตามหุบเขาที่มีความชุ่มชื้น ใกล้ลำธาร จากระดับน้ำทะเลถึง 350 เมตร
ลักษณะ--- เป็นเป็นปาล์มต้นเดี่ยวหรือแตกกอ ต้นสูงประมาณ 15 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 50 ซม.มักถูกปกคลุมด้วยฐานใบที่ไม่แยกออกจากกันเป็นเวลาหลายปี มีขนาดและรูปร่างคล้ายต้นอินทผลัมมากที่สุด แตกต่างกันที่ต้นจะกระทัดรัดกว่าและช่อดอกตั้งขึ้น ใบรูปขนนก (pinnate) จัดเรียงอย่างไม่เป็นระเบียบในระนาบมากกว่าหนึ่งระนาบถึง 10 ในแต่ละด้านของ rachis สีเหลืองถึงสีส้มสีเขียว ใบย่อยจัดเรียงไม่เป็นระเบียบในระนาบหนึ่งถึงสองระนาบ ประมาณ 65 - 100 ใบในแต่ละด้านของ rachis ชนาดใบย่อย 50 x 2 ซม. พื้นผิวใบมักเป็นสีขาวเคลือบด้วยขี้ผึ้ง ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar)ก้านช่อดอกยาวประมาณ 40 ซม.ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (Dioecious) ช่อดอกเพศผู้มีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของช่อดอกเพศเมีย ดอกเพศผู้มีสีเหลือง-ขาว มีกลีบเลี้ยง 3 กลีบ กลีบดอก 3กลีบ มีกลิ่นอับแรง ช่อดอกเพศเมียตั้งตรงโค้งเล็กน้อยเมื่อผลสุก ผลรูปทรงกระบอกยาว 1.5-2 ซม.เมื่อสุกสีเหลืองส้ม ต่อมาเปลี่ยนเป็นม่วงแดง เมล็ดขนาด 11-13 x 6-7 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พืชในเขตอบอุ่นและเขตกึ่งร้อน ตำแหน่งแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) ทนอุณหภูมิต่ำสุดถึง -7 °C ขึ้นได้ในดินทุกสภาพ ทนความร้อนและความแห้งแล้งได้ดีมาก อัตราการเจริญเติบโต ช้าถึงปานกลาง การบำรุงรักษาต่ำ
การรดน้ำ---ความต้องการน้ำปกติ ทนทานต่อฤดูแล้งที่ยาวนาน เหมาะสำหรับการ Xeriscaping  (Xeriscaping คือแนวทางปฏิบัติในการออกแบบภูมิทัศน์เพื่อลดหรือขจัดความจำเป็นในการชลประทาน ซึ่งหมายความว่าภูมิประเทศ แบบ xeriscaped ต้องการน้ำเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยนอกเหนือจากสภาพอากาศตามธรรมชาติ)
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดใบที่ตายแล้วที่มีคราบเหลืองติดอยู่บนลำต้นเป็นเวลาหลายปีหลังจากเหี่ยวเฉา
การใส่ปุ๋ย---ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่ค่อยมีโรคหรือแมลงรบกวน
รู้จักอ้นตราย---อันตรายอย่างยิ่ง เป็นปาล็มมีหนาม ใช้อุปกรณ์ป้องกันดวงตา หากจะทำการตัดหรือย้ายปลูก
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ไม่มีส่วนของเนื้อที่กินได้ ผลเนื้อบางเกินไปและมีเส้นใย มีรสชาติเปรี้ยวหวานปานกลาง ฉุน แต่ว่าบางครั้งผลไม้อาจจะถูกกินโดยชาวบ้าน
อื่น ๆ---ในเกาะครีตใบของ R theophrasti ใช้ในการเฉลิมฉลองปาล์มซันเดย์ เช่นเดียวกับใบของ P. dactylifera ที่ถูกใช้ในที่อื่น
ภัยคุกคาม---เนื่องจาก บนเกาะครีต มีประชากรย่อยแปดกลุ่ม ที่ใหญ่ที่สุดมีไม่กี่พัน สี่ประชากรย่อยเป็นที่รู้จักในตุรกี มีการลดลงของประชากร ถูกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความเสี่ยงต่ำกว่า/ใกล้ถูกคุกคาม'
สถานะการอนุรักษ์--- LR/NT - Lower Risk/near threatened  -  IUCN Red List of Threatened Species (1998)
สถานะการอนุรักษ์---การประเมิน RED LIST ที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ ระบุเป็นประเภท 'มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์โดยผิดธรรมชาติ (เกิดจากมนุษย์)' - VU (Vulnerable) 1978
ระยะออกดอก---ตลอดปี
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด

ปาล์มขนไก่/Allagoptera arenaria

[ahl-lah-gohp-TEH-rah] [ahr-eh-nahr-EE-ah]

  

Picture---Origin; Hawaii Horticulture Magazine.-Montgomery Botanical Center, Coral Gables, FL. Photo by Paul Craft. https://www.palmpedia.net/wiki/Allagoptera_arenaria

ชื่อวิทยาศาสตร์---Allagoptera arenaria (Gomes) Kuntze.(1891)
ชื่อพ้อง--Has 5 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/8520-2#synonyms
---Basionym: Cocos arenaria Gomes (1812). https://www.gbif.org/species/2732040
---Allagoptera pumila Nees (1821)
---Diplothemium arenarium (Gomes) Vasc & Franco (1948)
---Diplothemium littorale Mart (1826)
---Diplothemium maritimum Mart (1826)
ชื่อสามัญ---Seashore Palm, Restinga palm, Coast Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มขนไก่ (ทั่วไป) ;[BRAZIL: Buriri, Buri-de-praia, Cachandó, Caxandó, Coco-da-restinga, Coco-de-praia, Coquiero-de-praia, Guriri, Guriri da restinga, Imburi, Motachu-chì, Motacuchi, Motagui, Pissandó, Purunã.];[FRENCH: Coco des plages.];[GERMAN: Restinga-Palme.];[PORTUGUESE: Coco da praia, Buri da Praia, Coqueiro da Praia, Coqueiro Guriri, Guriri, Guri, Imburi, Guriry, Gury, Imbury, Pissando, Coqueiro guriry, Puranan, Coquinho-da-Praia, Coquinho Guriri.];[THAI: Pam khon kai (general).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---AGAAR (Preferred name: Allagoptera arenaria.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---บราซิล
นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสกุลคือการรวมกันของคำกรีก 'allagé' = การเปลี่ยนแปลงการกลายพันธุ์และ 'pterón' = ปีกโดยอ้างอิงถึงใบย่อยที่จัดเรียงในทิศทางต่างๆบนทางใบ ; ชื่อของสายพันธุ์ 'arenaria' คือคำคุณศัพท์ภาษาละติน“ arenarius, a, um” = ทราย โดยมีการอ้างอิงที่ชัดเจน
Allagoptera arenaria เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยBernardino António Gomes (1769–1823) นักพฤกษศาสตร์ชาวโปรตุเกสและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยCarl Sigismund Kunth (1788–1850) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2434
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในบราซิล พบในมหาสมุทรแอตแลนติกตามแนวชายฝั่งบราซิลตะวันออกเฉียงเหนือบราซิลตะวันออกเฉียงใต้และทางใต้ของบราซิลอาศัยอยู่ตามธรรมชาติในดินทราย ตามแนวชายฝั่งทะเล ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล ถึง 100เมตร
ลักษณะ--- เป็นเป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดเล็กลักษณะมีลำต้นใต้ดินที่แตกสาขาทำให้ดูลักษณะเหมือนปาล์มแตกกอ สูงประมาณ 1.5-2 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 10-12 ซม.ออกเดี่ยว (หรือแตกแขนงเป็น 2 แฉก) แต่อยู่ใต้ดิน มี rhizomatose ซึ่งไม่ค่อยปรากฏให้เห็น ลักษณะเป็นกระจุก เจริญเป็นวงเวียน และกระจายออกไปในระนาบที่แตกต่างกันและดูเหมือนสุ่ม ในบางครั้งพืชที่มีอายุมากๆ บางชนิดอาจมีลำต้นเตี้ยเหนือพื้นดินได้ และสามารถเติบโตได้สูงถึง 2.4 เมตร และกว้าง 4.5 เมตร. ใบรูปขนนก (pinnate) เป็นพวงยาว 0.6-1.8 เมตร ใบย่อยแตกออกเป็นกระจุก 2-3 ใบ แต่ละใบยาว 60 ซม. แผ่ออกคนละทิศทางเป็นพวงคล้ายขนไก่พอง แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้ม ด้านล่างใบสีเขียวเงิน ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ยาว0.60-1 เมตรดอกคล้ายซังข้าวโพด บนแกนช่อดอก 50-70 ซม. ก้านดอกแหลมคม ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ดอกสีเหลืองแกมเขียว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อ ครึ่งแรกของช่อเป็นสามดอก (ดอกเพศเมียหนึ่งดอกระหว่างเพศผู้สองดอก) ในขณะที่ส่วนที่เหลือจะมีแต่ดอกเพศผู้อยู่เป็นคู่ ดอกเพศผู้ออกที่ก้านดอกยาวค่อนข้างแบน มีเกสรเพศผู้ 6-18 อัน ดอกเพศเมียมีก้านดอกรูปรีสามกลีบ ดอกเพศผู้จะสุก (และร่วง) 8-9 วันก่อนดอกเพศเมีย ผลรูปไข่ถึงกลม  เรียงเป็นเกลียวชัดเจน สีเขียวอมเหลืองรูปร่างคล้ายมะพร้าวขนาดเล็กยาวประมาณ 25 มม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 13 มม.มีเกล็ดสีน้ำตาลปกคลุม มีส่วนของดอกติดทน มีเมล็ดเดียว ยาว 1.7 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 ซม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เป็นพืชในเขตร้อนที่ราบต่ำ สามารถขึ้นได้ดีในเขตร้อนชื้นและแห้ง เช่นเดียวกับในเขตร้อนชื้นและในเขตอบอุ่นที่ไม่มีน้ำค้างแข็ง เป็นหนึ่งในปาล์มที่มีความทนทานและปรับตัวได้ดีที่สุดกับสภาพการเพาะปลูกที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าต้นปาล์มดั้งเดิมจะปลูกในเขตร้อนชื้น แต่ก็เติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศอบอุ่น และทนอุณหภูมิต่ำสุด -4 °C ได้โดยไม่มีความเสียหาย ชอบตำแหน่งแสงแดดเต็มที่ (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แต่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่มีร่มเงาบางส่วนที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรง (อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงไม่ต่อเนื่อง) อยู่รอดได้ในที่ร่มลึก แต่ "ยืด" จนสูญเสียรูปร่างที่กะทัดรัด ไม่เจาะจงดินเป็นพิเศษมีความทนทานสูงต่อดินที่ไม่ดี แต่ต้องมีการระบายน้ำดี ทนต่อไอเกลือจากทะเล ต้านทานแรงลมได้และทนแล้ง อัตราการเจริญเติบโต เร็ว การบำรุงรักษาต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลางที่ชื้นแต่ไม่สม่ำเสมอ ไม่ชอบดินที่เปียกแฉะตลอดเวลามีแนวโน้มที่จะได้รับความเสียหายจากการรดน้ำเหนือ ลำต้น (ควรให้น้ำหยดมากกว่า) ทำให้เกิดใบใหม่พับแปลกๆ (ใบงอกลับเข้าหาตัวเอง)โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่ได้ปลูกในที่ที่มีแสงแดดจัด
การตัดแต่งกิ่ง---ให้ตัดแต่งกิ่งปาล์ม เมื่อใบแก่ตาย ควรตัดแต่งออกและปล่อยให้โคนใบแห้ง แต่อย่าลิดถ้าใบยังมีสีเขียวอยู่บ้าง
การใส่ปุ๋ย---ใช้ปุ๋ยสูตรเฉพาะสำหรับปาล์ม ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบ รวมทั้งธาตุอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด หรือปุ๋ยที่ปลดปล่อยช้าในช่วงฤดูปลูก
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องศัตรูพืชหรือโรคพืชที่สำคัญ
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์ และไม่มีหนาม
การใช้ประโยชน์-ผลสุกจัดเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมากในท้องถิ่นมีการเพาะปลูกอย่างกว้างขวางในอเมริกาใต้สำหรับผลไม้ที่กินได้
ใช้กิน--- ผลดิบ-สุก กินได้ ผลมีกลิ่นหอมและมีรสหวานเล็กน้อย ซึ่งกินสดหรือทำเป็นเครื่องดื่มหรือแยม
วนเกษตร---ใช้ปลูกเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับเนินทราย ช่วยชะลอการสึกกร่อน
ใช้ปลูกประดับ--- เหมาะปลูกกลางแจ้ง ปลูกประดับตามริมทะเลได้ดี
อื่น ๆ--- ใบใช้ทำตะกร้าและเป็นวัสดุทอต่าง ๆ มีศักยภาพในการผลิตกระดาษ
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด แช่เมล็ดในน้ำก่อน 3 วันก่อนนำไปเพาะ ใช้ระยะเวลาในการงอก 2-6 เดือน ที่อุณหภูมิ 32-38ºC และความชื้นสูงเป็นเวลานาน
- แยกลำต้นใต้ดิน (rhizome)

Picture by---www.palmasenresistencia.blogspot.com

                                                                                                                                              *This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation! https://www.palmpedia.net/wiki/Allagoptera_arenaria นี่คือต้นปาล์มที่แตกกอมันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของรากแซกโซโฟน (มีส้นเท้า) รักษาส้นที่สามบนเหนือระดับดิน* (แปลโดยกูเกิ้ล)   

ปาล์มขนนก -  Dypsis madagascariensis

[DIP-sis] [mad-ah-gas-kahr-ee-EN-sis]


Picture---Roma Street Parklands, in central Brisbane, Australia. Photo by Daryl O'connor
-http://www.palmpedia.net/wiki/Dypsis_madagascariensis

ชื่อวิทยาศาสตร์---Dypsis madagascariensis D.T.Fish. (1886)
ชื่อพ้อง---Has 9 Synonyms.
---Areca madagascariensis Regel. (1872), nom. illeg.
---Chrysalidocarpus madagascariensis (D.T.Fish) Becc. (1906)
---Dypsis madagascariensis (Becc.) Beentje & J.Dransf. (1995), not validly publ.
---More.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:77211330-1#synonyms
ชื่อสามัญ--- Malagasy palm, Lucuba palm, (Aka Dypsis sp. 'Herihery', 'Mahajanga', 'Diego', )
ชื่ออื่น---ปาล์มขนนก (ทั่วไป) ;[BRAZIL: Palma-de-madagascar, Palmeira-de-lucuba, Areca-de-lucuba.];[CHINESE: Ma dao san wei kui.];[FRENCH: Palmier de Madagascar, Palmier malgache, Palmier plume de Madagascar.];[MALAGASY: Farihazo, Hirihiry, Kindro, Kizohazo, Madiovozona.];[MALAYSIA: Palma Madagaskar.];[PORTUGUESE: Dypsis Madagáscariensis];[SPANISH: Palma anillo, Palma de Madagascar.];[THAI: Pam khon nok (general).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---DYQMA (Preferred name: Dypsis madagascariensis.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์ หมู่เกาะมอริเชียส
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Dypsis' ต้นกำเนิดของชื่อไม่เป็นที่รู้จัก; ชื่อสายพันธุ์จากภาษาละติน 'madagascariensis'= มาดากัสการ์แหล่งกำเนิด
Dypsis madagascariensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย David Taylor Fish FRHA (1824–1901) นักพฤกษศาสตร์และนักเขียนพืชสวนในศตวรรษที่ 19 ในปี พ.ศ.2429
ที่อยู่อาศัย---ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมาดากัสการ์ ระหว่าง Miandrivazo และ Antsiranana เกิดขึ้นในป่าดงดิบชื้นและป่ากึ่งผลัดใบ ในลำห้วยและหุบเหวในป่าที่แห้งแล้ง (สามารถพบได้ในป่าที่แห้งแล้งมากกว่าสายพันธุ์ Dypsis อื่น ๆเกือบทุกชนิด) ที่ระดับความสูงจากน้ำทะเล 1-1,000 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดกลาง ลำต้นสีเทาสูงประมาณ15-18 เมตรในธรรมชาติ แต่อาจสูงน้อยกว่านี้ในการเพาะปลูก เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15-30 ซม.สามารถสร้างกลุ่มเล็ก ๆ ของลำต้น 2 - 4 ลำต้น ล้อมกันอย่างใกล้ชิด มงกุฎจัดเรียงใบแบบสามชั้น คล้ายกับปาล์มสามเหลี่ยม ใบ มี 7 ถึง 12 ใบ คอยอดสีเขียวถึงขาว ใบรูปขนนก(pinnate) กาบใบยาวสูงสุด 65 ซม.ก้านใบยาว 1.5-3เมตร ใบย่อยสีเขียว ประมาณ 80-130 (หรือมากกว่า) ในแต่ละด้านของ rachis ช่อดอกออกระหว่างกาบใบ (Interfoliar) แตกกิ่งถึง 3 กิ่งเรียวโค้ง ยาว 0.90-1.5 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (Monoecious) ดอกจัดเรียงเป็นกลุ่มสามดอก (ดอกเพศเมียอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้ 6 อันและเกสรเพศเมียพื้นฐาน ดอกเพศเมียรูปไข่ มีรังไข่ 1 เซลล์ และเกสรเพศผู้ ผลรูปไข่ถึงรูปวงรี ยาว 1-2 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5-1 ซม.สีดำเมื่อสุก เมล็ดยาว 1-1.2 ซม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พืชในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เติบโตได้ดีที่สุดในตำแหน่งที่มีแสงแดดเต็ม(แสงแดดโดยตรง 6 ชั่วโมงขึ้นไป)และมีร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 4 ชั่วโมงต่อวันไม่ต่อเนื่อง) ไม่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับดินหากมีการระบายน้ำดี อุณหภูมิต่ำสุดที่ทนได้คือประมาณ 1° C ทนความแห้งแล้ง ทนไอเกลือปานกลาง อัตราการเจริญเติบโตเร็ว การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ชอบดินชื้น (ไม่อิ่มตัว) ที่ชื้นสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้แห้งระหว่างการรดน้ำ ทนต่อความแห้งกร้านเป็นครั้งคราวหากไม่ยืดเยื้อ อย่าปล่อยให้น้ำขังแฉะ ไวต่อน้ำที่มีฟลูออไรด์
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งพืชสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ ซึ่งหมายความว่าโดยทั่วไปแล้วมันจะทิ้งใบสีน้ำตาลของมันเอง
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด มันขึ้นอยู่กับการขาดโพแทสเซียม (P) อย่าใส่ปุ๋ยในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวเมื่อพืชพักตัว
ศัตรูพืช/โรคพืช---ค่อนข้างต้านทานต่อแมลงศัตรูพืช ระวัง Aleurotrachelus atratus (Palm-infesting whitefly = แมลงหวี่ขาว); Rhabdoscelus obscurus (ด้วงงวง)/ ใส่ปุ๋ยเป็นประจำเพื่อป้องกันใบเหลืองที่เกิดจากการขาดโพแทสเซียม (P)
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง  
ใช้ประโยชน์--- มักถูกเก็บเกี่ยวมาจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นหลายประเภทรวมถึงอาหารยาและแหล่งที่มาของไม้ พืชที่มีเสน่ห์มันมักจะถูกปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับในประเทศเขตร้อนมีการรวบรวมเมล็ดพันธุ์สำหรับตลาดพืชสวนระหว่างประเทศ
ใช้กิน--- ตายอดหรือหัวใจปาล์ม (ส่วนปลายยอดและส่วนที่อ่อนที่สุดและด้านในสุดของกาบใบ) กินเป็นผัก ผลไม้กินได้ การเก็บเกี่ยวหัวใจนี้ทำให้ลำต้นตายเนื่องจากพืชไม่สามารถสร้างหน่อด้านข้างได้
ใช้เป็นยา---(ไม่ได้ระบุชิ้นส่วน แต่อาจใช้เปลือก/ผลไม้) ในการรักษาอาการปวดหัว โรคดีซ่าน ตับอักเสบและช่วยในการเพิ่มน้ำนมให้บุตร
ใช้ปลูกประดับ--- ส่วนใหญ่ใช้ปลูกประดับในสวนทั่วไปและสวนสาธารณะ สามารถปลูกลงแปลงเป็นกลุ่มหรือปลูกเดี่ยว ๆและเป็นปาล์มที่น่าสนใจสำหรับใช้ในที่ร่ม (ตำแหน่งที่มีแสงสว่างและมีแสงแดดส่องถึงบางชั่วโมงต่อวัน) สามารถปลูกใกล้ทะเล
อื่น ๆ---ไม้นั้นแข็งมากเพราะชั้นนอกของเส้นใยเหนียว ใช้ในการก่อสร้างมักใช้เป็นพื้นบ้าน จะใช้เฉพาะส่วนล่างของต้น ส่วนบนที่ไม่ใช้เพราะเนื้อไม้อ่อน ส่วนล่างนี้ถูกตัดเป็น 3 ส่วนแต่ละส่วนยาว 3-4 เมตร ผ่าตามยาวออกเป็นครึ่งเอาแกนกลางที่อ่อนนุ่มออกเพื่อผลิตไม้กระดานโค้ง 2 แผ่น เปลือกไม้จะถูกลอกออกไปและไม้กระดานจะถูกมัดเข้าด้วยกัน
ภัยคุกคาม---เนื่องจากเป็นปาล์มที่แพร่หลายและอุดมสมบูรณ์มีประชากรที่มั่นคง ในมาดากัสการ์มีจำนวนประชากรโตเต็มวัยประมาณ 7,500 -8,000 ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ได้รับการประเมินล่าสุดในบัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 2010 Dypsis madagascariensis ถูกระบุว่า ' เป็นความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้)
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - ver 3.1 - IUCN Red List of Threatened Species (2012)
source: Rakotoarinivo, M. & Dransfield, J. 2012. Dypsis madagascariensis. The IUCN Red List of Threatened Species 2012: e.T38543A2875781. https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2012.RLTS.T38543A2875781.en. Accessed on 11 October 2023.
การดำเนินการอนุรักษ์ https://www.iucnredlist.org/species/38543/2875781
- พบได้ในพื้นที่คุ้มครองต่อไปนี้: Lokobe, Manongarivo, Baie de Baly, Namoroka และ Bemaraha
- จำเป็นต้องมีการจัดการและการควบคุมที่ดีขึ้นของการเก็บเกี่ยวและการค้า
ระยะออกดอก--- พฤษภาคม-มิถุนายน
การขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด เมล็ดมีอายุการเก็บรักษาไม่นาน งอกง่ายเมื่อสด ใช้ระยะเวลาในการงอก 1-2 เดือนที่อุณหภูมิ 22-24 °C อ้ตราการงอกมากถึง 90% เติบโตเร็ว โดยต้นกล้าจะสูงประมาณ 120 ซม. หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ซึ่งพร้อมที่จะปลูกในตำแหน่งถาวร

ปาล์มขนเม่น/ Copernicia glabrescens

[koh-pehr-nee-SEE-ah] [glah-BRES-senz]

   

Picture---La Habana Botanical Garden, Cuba. Photo by Jason Schoneman.
-https://www.palmpedia.net/wiki/Copernicia_glabrescens

ชื่อวิทยาศาสตร์---Copernicia glabrescens H.Wendl. ex Becc.(1907)
ชื่อพ้อง--Has 1 Synonyms.See all The plant list http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-46701?ref=tpl2
---Copernicia glabrescens var. havanensis León (1936)
ชื่อสามัญ--- Cuban Palm, Guano Palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มขนเม่น (ทั่วไป) ; [ARABIC: Kubirnikiat jurda.];[CUBA: Guano, Guabo blanco, Guano jata.];[PORTUGUESE: Carnaúba-de-touceira, Carnaúba-glabra.];[SPANISH: Guano blanco, Jata.];[THAI: Pam khon men.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---CPDGL (Preferred name : Copernicia glabrescens.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---คิวบา
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Copernicia' เป็นเกียรติแก่ Nicolaus Copernicus (1473-1543) นักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ ; ชื่อสายพันธุ์ 'glabrescens' คือกิริยาปัจจุบันของกิริยาภาษาละติน'grabresco'=กลายเป็นเกลี้ยงเกลาไม่มีขนโดยอ้างอิงถึงการไม่มีขนบนกิ่งก้านของช่อดอก
Copernicia glabrescens เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม(Arecaceae)ได้รับการอธิบายครั้งแรกโดย Hermann Wendland (1825–1903)นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน จากอดีต Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี.ในปี พ.ศ.2451
Includes 2 Accepted Infraspecifics.https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:64976-2#children
- Copernicia glabrescens var.glabrescens
- Copernicia glabrescens var. ramosissima (Burret) O.Muñiz & Borhidi (1982)
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในคิวบา (endemic) พบทางตะวันตกและตะวันตกตอนกลางใน Habana, Matanzas และ Pinar del Río ของชายฝั่งทุ่งหญ้าสะวันนาและในป่าชายฝั่งที่ระดับความสูงต่ำ
ลักษณะ--- เป็นปาล์ม แตกกอ มีต้นกลางขนาดใหญ่ ในธรรมชาติสูงถึง 5-7 เมตรลำต้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง15-18ซม สีเทาน้ำตาล ใบรูปพัด (palmate) ขอบใบจักลึกถึงสะดือ ก้านใบยาว1.5 เมตรมีหนามขนาดใหญ่เรียงรายอยู่ตามก้านใบ ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของสายพันธุ์ Copernicia แผ่นใบด้านบนสีเขียว ด้านล่างปกคลุมด้วยคราบขี้ผึ้งเล็กน้อย แผ่กว้างขนาด 0.8-1 เมตร มีใบจำนวนมากและแห้งติดแน่นกับลำต้น ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ยาวพ้นใบ ยาวได้ถึง 3 เมตร ดอกกระเทยขนาดเล็กสีเขียวมะนาวถึงสีเหลือง มีกลิ่นหอม เกสรตัวผู้ 6 อัน ผลกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ1.8 ซม.เมื่อสุกสีดำ มีเมล็ดรูปทรงกลม 1 เมล็ด เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5 ซม หลังจากผลสุกช่อดอกยังอยู่เป็นเวลานานทำให้ดูยุ่งเยิง
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---สภาพอากาศแบบเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อนที่แห้งแล้งและเขตอบอุ่น ต้องการแสงแดดจัด (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) ตั้งแต่ระยะแรกของการเจริญเติบโต ชอบดินร่วนปนทรายเป็นกลางถึงเป็นด่างเล็กน้อย และความชื้นในดินสม่ำเสมอ มีการระบายน้ำดี ทนอุณหภูมิต่ำสุดถึง -3 °C โดยอาจทำให้ใบไม้เสียหายได้ อัตราการเจริญเติบโตช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ความต้องการน้ำโดยเฉลี่ยปานกลาง เติบโตได้ดีที่สุดในดินที่มีความชื้นเกือบตลอดเวลา รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ และอย่าให้น้ำมากเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่ง ต้นปาล์มบางต้นจะเก็บเฉพาะใบที่ไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วทิ้งไปในไม่ช้า บางครั้งขึ้นอยู่กับสภาพของความชื้นและความแรงของลมที่พวกมันอาศัยอยู่ อาจเก็บใบที่ตายแล้วหรือโคนก้านใบไว้บนลำต้นเป็นเวลาหลายปี
การใส่ปุ๋ย---เพื่อป้องกันการขาดธาตุอาหาร ควรใส่ปุ๋ยปาล์มคุณภาพดีสูตรสมดุล (18-18-18) หรือปุ๋ยปลดปล่อยอย่างต่อเนื่องปีละ 2 ครั้งในช่วงฤดูปลูก
ศัตรูพืช/โรคพืช--- ค่อนข้างมีความต้านทานต่อศัตรูพืช แต่อาจต้องมีการใส่ปุ๋ยเป็นประจำเพื่อป้องกันสีเหลืองที่เกิดจากการขาดโพแทสเซียม (P)
รู้จักอ้นตราย---พืชมีหนามยาว ใช้ความระมัดระวังในการจัดการ
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ สามารถปลูกได้ในเขตภูมิอากาศเขตร้อนกึ่งเขตร้อนและเขตอบอุ่น ทนต่อละอองน้ำเค็มได้ในระดับปานกลางดังนั้นจึงสามารถนำไปใช้ในได้ในการจัดสวนใกล้ทะเล
อื่น ๆ--- ใบแห้งถูกนำไปใช้มุงหลังคาที่พักอาศัยในท้องถิ่นและสำหรับทำงานหัตถกรรมที่ใช้กันทั่วไปต่างๆ
ภัยคุกคาม---เนื่องจากจำนวนประชากรที่ใหญ่ที่สุดที่เหลืออยู่ในพื้นที่ประเภทนี้คือต้นไม้โตเต็มวัยเพียง 84 ต้น และการใช้ประโยชน์มากเกินไปเป็นภัยคุกคามหลักต่อสายพันธุ์นี้
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด เมล็ดงอกง่ายมากเมื่อสด ใช้ระยะเวลาในการงอก 1 เดือน หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เมล็ดพันธุ์จะมีอายุการเก็บรักษาไม่นาน

                                             ปาล์มขวดหนาม/ Acrocomia crispa

[ak-roh-koh-MEE-ah] [KRIS-pah]

                       

Picture 1---Fairchild Tropical Botanical Garden in Miami, Florida. Photo by Paul Craft.
Picture 2---Acrocomia crispa, Sancti Spíritus, Cuba. Photo by Duanny Suárez
- https://www.palmpedia.net/wiki/Acrocomia_crispa

ชื่อวิทยาศาสตร์---Acrocomia crispa (Kunth) C.F.Baker ex Becc.(1912).
ชื่อพ้อง---Has 5 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:3544-2#synonyms
---Basionym: Cocos crispa Kunth.(1816) https://www.gbif.org/species/2739199
---Acrocomia armentalis (Morales) L.H.Bailey & E.Z.Bailey. (1941)
---Astrocaryum crispum (Kunth) M.Gómez.(1893)
---Gastrococos armentalis Morales.(1866)
---Gastrococos crispa (Kunth) H.E.Moore.(1968)
ชื่อสามัญ---Belly palm, Cuban belly palm, Corojo palm
ชื่ออื่น---ปาล์มขวดหนาม(ทั่วไป): [CHINESE: Zhòu yè cì jīng yēzi.];[FRENCH: Gastrococos crispa.];[GERMAN: Corojopalme, Kubanische Bauchpalme.];[RUSSIAN: Kubinskaya ladon' zhivota, Kubinskaya puzataya pal'ma.];[SPANISH (Español): Corojo (Cuba).];[THAI: Pam khuat hnam (general),]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---GCCCR (Preferred name :Acrocomia crispa.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---คิวบา เวสต์อินดีส
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลของพืช 'Acrocomia' มาจากองค์ประกอบของชื่อกรีก "akros" = ด้านบนยอดและ "kome" = กระจุกผม โดยมีการอ้างอิงถึงกระจุกหนาที่ด้านบนของลำต้น; ชื่อของสายพันธุ์คือชื่อละติน “crispa” = หยิก, หยัก
Acrocomia crispa เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Sigismund Kunth (1788–1850) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Charles Fuller Baker (1872 - 1927) นักกีฏวิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสหรัฐอเมริกาจากอดีตOdoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี ในปี พ.ศ.
ที่อยู่อาศัย--- ปาล์มพื้นเมืองของคิวบา (หมู่เกาะอินเดียตะวันตก) ถิ่นที่อยู่ พบได้ทั่วไปใน ทุ่งหญ้า ป่ากึ่งผลัดใบ และสะวันนาที่ซึ่งเป็นป่าเรียกว่า corojales บางครั้งก็กินพื้นที่ขนาดใหญ่และยังคงอยู่ในทุ่งนาและพื้นที่ที่ถูกรบกวนอื่นๆ ที่ระดับความสูงต่ำ
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ต้นตั้งตรง ส่วนโคนคอด บวมตรงกลาง  สูงได้ถึง 12-18 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 20-45 ซม. มีรอยแผลเป็นที่มีระยะห่างปกคลุมด้วยหนามตามแนวนอน ยกเว้นส่วนที่แก่ที่สุด หนามมีลักษณะแบนด้านหนึ่งสีเหลืองหรือสีขาว ปลายสีดำที่คม ใบรูปขนนก (pinnate) ทางใบโค้ง ยาว 2.5-3 เมตร กว้าง 1.5 เมตร สีเขียวเข้มด้านบนใบและ สีเงินเขียวหรือน้ำเงินเขียวด้านล่าง มีหนามแหลมละเอียดจำนวนมากยาวประมาณ 20 มม.ใบย่อยเล็กยาวเรียว ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (Infrafoliar) ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้นในช่อเดียวกัน (monoecious) ดอกสีเหลืองขนาดเล็ก ผลกลมเมื่อสุกสีน้ำตาลอมเหลืองกินได้ ขนาดผล 2.2-2.5 ซม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดจัด 80-100 % (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) ชอบดินร่วนปนทราย แต่ขึ้นได้กับดินหลากหลายชนิด ที่มีการระบายน้ำที่ดี และความชื้นในดินสม่ำเสมอ ทนต่อไอเกลือได้ปานกลาง ทนแล้งเป็นเวลานานและทนอุณหภูมิต่ำสุดถึง -3 °C ในช่วงเวลาสั้นๆ อัตราการเจริญเติบโตช้ามากในช่วง 2-3 ปีแรก แต่ค่อนข้างเร็วเมื่อผ่านช่วงวัยรุ่นไปแล้ว และจะเร็วขึ้นอย่างมากเมื่อพวกมันเริ่มตั้งลำ การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่ค่อนข้างแห้งและร้อน แต่ก็ชอบสภาพอากาศที่มีฝนตกชุกเช่นกัน และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถทนต่อสภาวะต่างๆ ได้หลากหลาย ในพื้นที่ที่มีฝนตกชุกในฤดูร้อน ดูเหมือนว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยน้ำที่เพียงพอ แต่มันไม่ต้องการดินที่เปียกและเป็นโคลนอย่างต่อเนื่อง ทนแล้งได้มากเมื่อโตเต็มที่
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดกิ่งที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าตัดออกถ้ายังมีสีเขียวอยู่บ้าง
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบปีละสองครั้งในช่วงฤดูปลูก รวมทั้งธาตุอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด หรือปุ๋ยที่ปลดปล่อยช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องการแมกนีเซียมจำนวนมาก
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน/ ใบไม้จะมีสีเหลือง หากได้รับแมกนีเซียมไม่เพียงพอ
รู้จักอ้นตราย---พืชมีหนามจำนวนมาก ใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการจัดการ
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลไม้กินได้ รสชาติของเมล็ดสดค่อนข้างคล้ายกับมะพร้าว
ใช้เป็นยา---กล่าวกันว่าไวน์และบรั่นดีที่ผลิตจากผลไม้มีสรรพคุณทางยา รวมถึงการรักษาโรคหอบหืดบางรูปแบบ [พ.ศ. 2432]
ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ--- เป็นหนึ่งในต้นปาล์มที่สวยที่สุดในโลก เหมาะปลูกลงแปลงกลางแจ้ง รูปลักษณ์และความสูงที่ประณีตทำให้เหมาะที่จะอยู่ใกล้ทางหลวงและใช้เพื่อเน้นภูมิทัศน์ที่อยู่อาศัย ปาล์มชนิดนี้มีราคาแพง แต่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปอย่างแน่นอน สามารถปลูกเลี้ยงในภาชนะบรรจุได้แม้ว่าอัตราการเติบโตจะช้าลง
อื่น ๆ---พืชสร้างริบบิ้นที่เรียวยาวคล้ายเส้นใยที่เรียกว่า pita de corojo ที่ได้จากใบ บางครั้งสกัดด้วยมือและปั่นเป็นเส้นด้ายทอเป็นผืนผ้า เส้นใยโคโรโจแบบแบนซึ่งเป็นรูปแบบทั่วไป ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในแปรงกำจัดแมลงที่เรียกว่า plumeros de pita.  
- ไฟเบอร์ยังใช้ทำเกลียว เชือก และเชือกแขวนคอที่ทำด้วยมือ
ระยะออกดอก/ติดผล---พืชมักจะเริ่มออกดอกและติดผลเมื่ออายุประมาณ 6 - 8 ปี แต่อาจใช้เวลานานถึง 18 ปี
- พืชมักจะออกดอกและผลปีละสองครั้งในสภาพแวดล้อมดั้งเดิม
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด อัตราการงอกต่ำ ควรหว่านทันทีที่สุก ใช้ระยะเวลาในการงอกนานกว่าหนึ่งปี

Picture by---www.palmasenresistencia.blogspot.com


*This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation! นี่คือต้นปาล์มที่แตกกอมันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของรากแซกโซโฟน (มีส้นเท้า) รักษาส้นที่สามบนเหนือระดับดิน* (แปลโดยกูเกิ้ล) https://www.palmpedia.net/wiki/Acrocomia_crispa


ปาล์มขุนหมากรุก/ Pseudophoenix vinifera

[soo-doh-FEH-niks] [vihn-ih-FEHR-ah]

 

Picture---Montgomery Botanical Center, Florida. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.
-https://www.palmpedia.net/wiki/Pseudophoenix_vinifera

ชื่อวิทยาศาสตร์---Pseudophoenix vinifera (Mart.) Becc.(1912)
ชื่อพ้อง---Has 5 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:669309-1#synonyms
---Basionym: Euterpe vinifera Mart.(1831) https://www.gbif.org/species/2737013
---Aeria vinifera (Mart.) O.F.Cook (1923)
---Cocos vinifera (Mart.) Mart. (1853)
---Gaussia vinifera (Mart.) H.Wendl.(1878)
---Pseudophoenix insignis O.F.Cook (1923)
ชื่อสามัญ---Buccaneer Palm, Wine Palm, Cacheo, Cherry Palm, Hispaniola Wine Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มขุนหมากรุก (ทั่วไป) ;[DOMINICAN: Cacheo (Creole).];[HAITI: Katié.];[THAI: Pam khun mak rook.];
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---QDPVI (Preferred name :Pseudophoenix vinifera.)
ถิ่นกำเนิด--- แคริบเบียน
เขตกระจายพันธุ์---ฮิสแพนอิโอล่า - เฮติ, สาธารณรัฐโดมินิกัน
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Pseudophoenix'เป็นการรวมกันของคำกรีก 'pseudo'= false และ 'phoenix' เนื่องจากความคล้ายคลึงกันของทั้งสองจำพวก ; ชื่อสายพันธุ์ 'vinifera' คือการรวมกันของคำภาษาละติน ''vinum'' = ไวน์กับคำกิริยา "fero"= พกพา โดยอ้างอิงถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้จาก Sap ที่เก็บรวบรวมโดยการตัดก้านของมัน
Pseudophoenix vinifera เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยCarl Friedrich Philipp von Martius (1794-1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยOdoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี ในปี พ.ศ.
ที่อยู่อาศัย--- เป็นปาล์มเฉพาะถิ่น (endemic) Hispaniola มีถิ่นกำเนิดในเฮติและสาธารณรัฐโดมินิกันตะวันตกเฉียงใต้เกิดขึ้นในป่าดิบชื้นที่ระดับความสูง 300–400 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวสูงได้ถึง 5-15 เมตร ลำต้นบริเวณใกล้ผิวดินคอดเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 ซม.ตรงแล้วค่อยป่องออกกลางลำต้น เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 30-40 ซม.มีรอยแผลเป็นวงแหวนที่มีลักษณะเฉพาะบนลำต้น คอใบยาว 50-60 ซม.สีเขียวนวลหรือเขียวอมขาว ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก (pinnate) ยาว 2-3 เมตร บนก้านใบยาว 15-30 ซม. ใบย่อยรูปใบหอกเชิงเส้นแหลม ยาว 50-70 ซม.กว้าง 2-3 ซม.มีทางใบอยู่บนต้นประมาณ 10 ใบและเอียงตั้งขึ้น ฐานทางใบสีเขียวอมน้ำเงินหรือเทาสูง 50-70 ซม.ห่อหุ้มลำต้นเพียงบางส่วนเท่านั้น ทุกส่วนของพืชถูกปกคลุมด้วยขี้ผึ้งสีขาวบาง ๆ ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ช่อดอกตั้งตรง ขึ้นหรือโค้ง แตกแขนงออกเป็น 2 หรือ 3 ลำดับยาว 1.8-2 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) มีดอกกระเทย (hermaphrodite) ยกเว้นที่ปลายกิ่งที่มีดอกเพศผู้เท่านั้น ผลกลมขนาด 2-2.5 ซม.เมื่อสุกสีแดงเหมือนเชอรี่ มี 1-3 เมล็ด เมล็ดยาว 11.1–14.7 มม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 10.6–14.5 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พืชในสภาพภูมิอากาศแบบเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อน ต้องการแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) ถึงร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 4 ชั่วโมงต่อวันไม่ต่อเนื่อง) ปรับตัวให้เข้ากับดินได้อย่างกว้างขวาง ชอบดินที่มีการระบายน้ำดีมาก pH 6.6 (neutral) - 9.0 (strongly alkaline) ทนแล้ง พืชสามารถทนต่อความหนาวจัด โดยมีอุณหภูมิลดลงเป็นบางครั้งประมาณ (-2°c) แต่ไม่สามารถทนต่ออุณหภูมิที่ผันผวนระหว่าง +3 °C ถึง +8 °C เป็นเวลานานเนื่องจากความชื้นสูง ทนทานต่อเกลือและแรงลมปานกลาง อัตราการเจริญเติบโตช้ามากโดยเฉพาะในช่วงปีแรก การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ความต้องการน้ำปานกลาง ต้องการดินที่ชื้นสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้แห้งระหว่างการรดน้ำ และอย่ารดน้ำมากเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่ง พืชทำความสะอาดตัวเองได้ ใบที่ตายแล้วและกำลังจะตายบนต้นปาล์มที่มีอายุน้อยกว่าจะเกาะติดกับลำต้นแน่นและอาจต้องตัดแต่งออกไป
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารที่มีปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบ รวมทั้งธาตุอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด 3 ครั้งต่อปี หากไม่ได้ปลูกในดินที่อุดมสมบูรณ์
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีระบุโรคพืช/ระวังโรคเชื้อรา Phytophthora หากรดน้ำมากเกินไป
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลไม้กินไม่ได้ ในอดีตสายพันธุ์นี้ถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างมากกับน้ำหวานที่สามารถหาได้จากลำต้น ก้านที่ถูกตัดลง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากส่วนที่บวมของลำต้น นำมาหมักเพื่อทำไวน์ และเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้ต้นไม้ถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นเป็นหลัก วิธีนี้เห็นได้ว่า ต้นไม้ต้องโดนฆ่าทิ้ง
ใช้ปลูกประดับ---เป็นปาล์มประดับที่โดดเด่น และบางครั้งได้รับการปลูกโดยนักสะสมและสวนพฤกษศาสตร์ (S. Zona.2002) /Palmweb.ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ปลูกประดับ จัดสวน และปลูกลงแปลงกลางแจ้งใช้ในงานตกแต่งภูมิทัศน์ทั่วไป สามารถปลูกใกล้ชายฝั่งทะเลที่มีที่กำบังลมแรง
อื่น ๆ--- ใบถูกนำมาใช้ในท้องถิ่นเป็นที่กำบังสำหรับกระท่อมหรือที่พักพิงชั่วคราว ผลไม้เป็นอาหารสำหรับปศุสัตว์
ระยะออกดอก/ติดผล---ตลอดทั้งปี
ขยายพันธุ์---เมล็ด เมล็ดสดใช้ระยะเวลาในการงอก 1-3 เดือนที่อุณหภูมิ 24-28 °C

ปาล์มเขย่ง/ Verchaffeltia splendida

[vehr-shaf-FELT-ee-ah] [splehn-DEE-dah]

 

Picture---Ho'omaluhia, Hawaii.---Ho'omaluhia Botanical Garden, Oahu, Hawaii. Photo by Geoff Stein.
-http://www.palmpedia.net/wiki/Verschaffeltia_splendida

ชื่อวิทยาศาสตร์---Verschaffeltia splendida H.Wendl.(1865)
ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms.See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:670228-1#synonyms
---Regelia magnifica H.Wendl.(1865).
---Regelia majestica Anon.(1865)
---Regelia princeps Balf.f. in J.G.Baker.(1877)
---Stevensonia viridifolia Duncan.(1870)
ชื่อสามัญ--- Stilt Palm, Seychelles Stilt Palm, Splendid Palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มเขย่ง, ปาล์มขาเขย่ง ;[FRENCH: Latanier latte, Latannyen lat.];[PORTUGUESE: Palmeria esplêndida.];[RUSSIAN: Vershaféltiya blestyáshchaya.];[THAI: Pam kha-yeng (general), Pam kha-khayeng.];
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---VRSSP (Preferred name :Verschaffeltia splendida.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา, มหาสมุทรอินเดีย
เขตกระจายพันธุ์---หมู่เกาะเซเชลส์
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล" Verschaffeltia" ได้รับเกียรติจาก Ambroise Colete Alexandre Verschaffelt (1825-1886) นักพืชสวนชาวเบลเยี่ยม ; ชื่อสายพันธุ์ 'splendida' จากภาษาละติน = งดงาม, ยอดเยี่ยม
Verschaffeltia splendida เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยHermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2408
-นี่เป็นสายพันธุ์เดียวในสกุล (Monotypic) ซึ่งแสดงถึงเชื้อสายวิวัฒนาการที่เป็นเอกลักษณ์ของเซเชลส์
ที่อยู่อาศัย--- การกระจายอยู่ในช่วงที่จำกัดมาก เนื่องจากเกิดขึ้นเฉพาะในสามเกาะ ได้แก่ Mahé, Silhouette และ Praslin พบตามธรรมชาติเฉพาะในป่าฝนที่ครอบคลุมเนินเขาสูงชันและหินในป่าดิบชื้น โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 216 ตร.กม.สปีชีส์นี้มีการกระจายตัวค่อนข้างดีบนเกาะ และเป็นไปได้ว่าจำนวนประชากรทั้งหมดจะเกิน 10,000 ต้นที่โตเต็มวัย (ในการสำรวจในปี 1994) พบจากระดับน้ำทะเล 300- 850 เมตร
ลักษณะ--- เป็นเป็นปาล์ม ต้นเดี่ยวสูงได้ถึง 25-30 เมตร เมื่อต้นโตขึ้นจะแตกรากค้ำยันสูงจากพื้นดิน 30-50 ซม. มีรากอากาศจำนวนมากที่ฐาน ลำต้นเรียบ แต่มีรอยแผลเป็นที่เกิดจากใบที่ร่วง [ขณะต้นเล็กมีหนามสีดำปกคลุมก้านใบและกาบใบ ใบทั้งใบรูปหางปลา (Bifid).] ใบรูปรีถึงขอบขนาน แผ่นใบกว้าง 1 เมตรยาว 2 เมตร ปลายใบแยกเป็น 2 แฉก ขอบใบหยักเว้าเล็กน้อย ใบจะแตกออกตามขอบใบตามอายุและอาจมีลักษณะเป็นปีกนก หากไม่มีลมพัดแผ่นใบจะไม่แตกออกจากกัน ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) แตกกิ่งก้านสาขายาวถึง 2 เมตร มีดอกไม้ทั้งสองเพศอยู่ในต้นเดียวกัน (Monoecious) ดอกเพศผู้ สมมาตร หุบเป็นดอกตูม เกสรเพศผู้ 6 อัน ผลกลมขนาด 2-3 ซม.สีเขียวคล้ำ เมื่อสุกหรือแก่เต็มที่จะเป็นสีแดง เมล็ดกลมมน ติดอยู่กับฐาน
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ปลูกได้ในสภาพอากาศกึ่งเขตร้อนหรือเขตร้อนชื้น อยู่ในตำแหน่งที่มีสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) ในแสงแดดเต็ม (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงบ่าย) หรือร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวันไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงเช้า) ที่ไม่มีลมพัดประทะแรงมีที่กำบัง (เพื่อรักษาใบ) ทนอุณหภูมิต่ำสุดในช่วง 1.7 °C ถึง 4.4 °C ชอบดินร่วนมีอินทรีย์วัตถุเป็นกรดเล็กน้อยและมีการระบายน้ำดี ความชื้นสม่ำเสมอ อัตราการเจริญเติบโต รวดเร็ว การบำรุงรักษาต่ำ
การรดน้ำ---ชอบการรดน้ำปกติและควรรดน้ำก่อนที่ดินจะแห้งสนิท ดินตัองคงความชื้นตลอดเวลาแต่อย่าปล่อยให้น้ำขัง ควรสเปรย์น้ำเป็นครั้งคราวในช่วงอากาศร้อนที่สุด สำหรับพืชในร่มไม่ควรให้น้ำมากเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---นำใบแห้งออก
การใส่ปุ๋ย---ต้องการปุ๋ยเพียงเล็กน้อย ใช้ปุ๋ยอาหารที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด หรือปุ๋ยที่ปลดปล่อยช้าในช่วงฤดูปลูก หรือตามทิศทางของบรรจุภัณฑ์ โดยใช้ปุ๋ยสูตรเฉพาะสำหรับปาล์ม อาจต้องใส่ปุ๋ยเป็นประจำเพื่อป้องกันใบเหลืองที่เกิดจากการขาดโพแทสเซียม
ศัตรูพืช/โรคพืช---ค่อนข้างต้านทานต่อแมลงศัตรูพืช ระวัง Aleurotrachelus atratus (แมลงหวี่ขาวที่ทำลายปาล์ม) แมลงเกล็ดและไรเดอร์ / การให้น้ำมากเกินไปสำหรับพืชในร่มอาจเกิดโรคเชื้อรา Phytophthora
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกเป๋นไม้ประดับ ในสวนในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนและที่อื่นๆ ในที่ร่ม สามารถปลูกในภาชนะ เป็นไม้ประดับหายากยิ่ง
อื่น ๆ--ในอดีตไม้จากต้นปาล์มนี้ใช้ทำรางน้ำและผนังกระท่อม
ภัยคุกคาม---เนื่องจาก พืขมีขอบเขตจำกัดมาก เกิดขึ้นเฉพาะบนเกาะสามเกาะในเซเชลส์ ดูเหมือนจะไม่ถูกคุกคามอย่างเห็นได้ชัด ยกเว้นโดยระยะที่จำกัดการบุกรุกของพันธุ์พืชต่างถิ่นและการสูญเสียถิ่นที่อยู่เนื่องจากการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์เป็นภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับสายพันธุ์นี้ ใน Praslin ไฟเป็นภัยคุกคามเพิ่มเติม แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากภัยคุกคามเหล่านี้ ได้รับการประเมินล่าสุดในบัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 2550 Verschaffeltia splendida ถูกระบุว่าใกล้ถูกคุกคาม
สถานะการอนุรักษ์---NT - Near Threatened - ver 3.1 - IUCN Red List of Threatened Species (2011)
source: Ismail, S., Huber, M.J. & Mougal, J. 2011. Verschaffeltia splendida. The IUCN Red List of Threatened Species 2011: e.T38722A10145395. https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2011-2.RLTS.T38722A10145395.en. เข้าถึงเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2566
การดำเนินการอนุรักษ์ https://www.iucnredlist.org/species/38722/10145395
- สายพันธุ์นี้เกิดขึ้นในอุทยานแห่งชาติ Morne Seychellois และในอุทยานแห่งชาติปราสลิน ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายโดยพระราชบัญญัติสาเกและต้นไม้อื่นๆ (การคุ้มครอง)
- ปัจจุบันถูกจำกัดไว้ในเขตที่ไม่อนุญาตและยากต่อการเข้าถึงมากที่สุด
ระยะเวลาออกดอก---พฤษภาคม-มิถุนายน
ขยายพันธุ์---ด้วยการเพาะเมล็ด ใช้ระยะเวลาในการงอก 2-6 เดือน เมล็ดงอกง่ายต้นกล้ามีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว สวยงาม หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เมล็ดพันธุ์จะมีอายุการเก็บรักษาไม่นาน


ปาล์มคอแดง/ Dypsis leptocheilos

[DIP-sis] [lehp-toh-KAY-lohs]


Picture---Gold Coast, Hinterland, Queensland. Photo by Daryl O'Connor. Photo by Simon van Heel
-https://www.palmpedia.net/wiki/Dypsis_leptocheilos

ชื่อวิทยาศาสตร์---Dypsis leptocheilos (Hodel) Beentje & J.Dransf.(1995)
ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:985344-1#synonyms
---Basionym: Neodypsis leptocheilos Hodel.(1993).See https://www.gbif.org/species/2735895   
ชื่อสามัญ---Redneck Palm, Teddy Bear Palm, Red-stemmed triangular palm, Red Fuzzy Palm, Velvet Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มคอแดง (ทั่วไป) ;[CHINESE: Hong jing san jiao ye zi.];[FRENCH: Palmier à col rouge de Madagascar, Palmier col rouge de Madagascar.];[GERMAN (Deutsch): Teddy-Palme, Teddybär Palme, Rotnacken Palme, Rotnackenpalme.];[THAI: Paam khor daeng.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---NEDLE (Preferred name :Dypsis leptocheilos.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์
นิรุกติศาสตร์--ชื่อสกุล 'Dypsis' ไม่ทราบที่มา ; ชื่อสายพันธุ์ 'leptocheilos' คือการรวมกันของคำภาษากรีก 'leptos' = ผอม บาง และ 'cheilos' = labrum (วงแหวนของกระดูกอ่อนที่เป็นเส้นใยสร้างขอบของช่องตื้น ๆ)
Dypsis leptocheilos เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยDonald Robert Hodel (เขามีบทบาทมากที่สุดในปีพ.ศ.2528) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Henk Beentje (เกิดปี 2494) นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์และ John Dransfield (เกิดปี 1945) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ในปี พ.ศ2538
ที่อยู่อาศัย---พืชเฉพาะถิ่น (endemic) ของมาดากัสการ์ ทราบแน่ชัดจากสถานที่แห่งเดียวในที่ราบสูงทางตะวันตกเฉียงเหนือของมาดากัสการ์ ระหว่าง Ambilobe และ Maevatanana แต่มีหลักฐานภาพถ่ายของการเกิดขึ้นที่ไซต์อื่น (ขอบเขตของเหตุการณ์และพื้นที่ครอบครองต่ำกว่า 4 กม.²) นอกจากนี้ยังปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ที่ระดับความสูง 100-150 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ลักษณะ--- เป็นปาล์มลำต้นเดี่ยวขนาดกลาง สูงได้ถึง 7-10 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 25 ซม.ลำต้นเป็นขี้ผึ้งสีขาว/เขียว มีโคนฐานกว้างขึ้นเล็กน้อยซึ่งสามารถมองเห็นวงแหวนสีขาวกว้าง 2 ซมซึ่งเป็นร่องรอยของใบไม้ที่ร่วงหล่น ระยะระหว่างข้อปล้องมีความยาวประมาณ 12 ซม. Crownshaft (คอยอด) ไม่สมบูรณ์ (ไม่ล้อมรอบลำต้นอย่างสมบูรณ์ - เห็นได้ชัดว่ามีฐานใบที่ 'เกือบ' ล้อมรอบลำต้น) ยาว 80 ซม.มีขนปุยสีน้ำตาลคลุมแน่นที่คอ มีใบ 10-20 ใบ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก (pinnate) ทางใบยาว 4 เมตร ใบย่อยยาว 80 ซม.กว้าง 4 ซม.ส่วนโคนใบมีความยาวประมาณ 60 ซม.ปกคลุมด้วยกาบใบสีน้ำตาลแดงหนา ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ตั้งขึ้นและแผ่กระจาย ยาว 65 ซม.ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ดอกจัดเรียงเป็นกลุ่มสามดอก (ดอกเพศเมียหนึ่งดอกอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) ดอกเพศผู้มีกลีบเลี้ยง 2-2.5 มม กลีบดอก 2 x 1.5-1.75 มม.ดอกเพศเมียมีกลีบเลี้ยง 2 มม.กลีบดอก 3 x 3 มม.สีเหลืองซีด ผลกลมขนาด 1-1.2 ซม.เมื่อสุกสีน้ำตาลดำ มีเมล็ดกลมสีน้ำตาล 1 เมล็ดขนาด 8.5-10 x 8.5-9 มม
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เหมาะที่สุดในพื้นที่กึ่งร้อนและร้อนชื้น ตำแหน่งที่มีแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แต่ก็ทำได้ดีในสภาพแสงน้อยเช่นกัน สามารถปรับตัวให้เข้ากับดินทุกสภาพที่ระบายน้ำได้ดี ซึ่งควรมีสภาพเป็นกรดเล็กน้อย pH 5.6-7.5 ความชื้นในดินสม่ำเสมอ ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -2 ºC ในช่วงสั้น ทนต่อไอเกลือได้ปานกลาง อัตราการเจริญเติบโตเร็ว การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ อย่าปล่อยให้ดินแห้งหรือแฉะเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่ง พืชสามารถทำความสะอาดตัวเองได้โดยการผลัดใบที่แก่กว่าออกไปตามธรรมชาติ
การใส่ปุ๋ย---ใส่ปุ๋ยเป็นประจำปีละ 2 ครั้งในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ใช้ปุ๋ยอาหารที่สมบูรณ์แบบสูตรเฉพาะสำหรับต้นปาล์ม รวมทั้งธาตุอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด หรือปุ๋ยที่ปลดปล่อยช้า
- ในดินที่มีค่า pH สูง (เป็นด่าง) ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ละลายน้ำที่เป็นกรด รวมทั้งการบำบัดด้วยแมกนีเซียมซัลเฟต
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีปัญหาแมลงหรือโรคร้ายแรง ระวังแมลงเกล็ด แมลงหวี่ขาว และไรเดอร์ /รากและลำต้นส่วนล่างสามารถเน่าได้หากดินมีความชื้นมากเกินไป
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นหนึ่งในปาล์มที่ดูสวยงามและแปลกตาที่สุดของมาดากัสการ์ ใช้จัดสวนทั่วไปและสวนสาธารณะ เหมาะสำหรับปลูกกลางแจ้ง เป็นแถวเดี่ยวตวมแนวถนนหรือปลูกเป็นกลุ่ม ตอนต้นยังเล็กสามารถปลูกในภาชนะเพื่อการตกแต่งภายใน ในสถานที่ ที่กว้างขวางและสว่างมาก และอาจปลูกใกล้ทะเลได้หากมีการป้องกัน (หลังเนินทราย อาคาร)
ภ้ยคุกคาม---เนื่องจากภัยคุกคามที่หลากหลาย จำนวนที่ลดลงที่พบในธรรมชาติ พบจำนวนที่โตเต็มวัย 5-10 ต้น เมล็ดพันธุ์ของสายพันธุ์นี้ถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อการค้าพืชสวนระหว่างประเทศ ล่าสุดได้รับการประเมินในบัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 2010 Dypsis leptocheilosถูกระบุว่าใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งภายใต้เกณฑ์ B1ab(iii,v)+2ab(iii,v); C2a(i,ii); D.
สถานะการอนุรักษ์---CR - Critically Endangered B1ab(iii,v)+2ab(iii,v); C2a(i,ii); D - IUCN Red List of Threatened Species (2010)
source: Rakotoarinivo, M. & Dransfield, J. 2012. Dypsis leptocheilos (Hodel) Beentje & J.Dransf.. The IUCN Red List of Threatened Species 2012: https://doi.org/10.2305/IUCN.UK.2012.RLTS.T195892A2429948.en เข้าถึงเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566
การดำเนินการอนุรักษ์ https://www.iucnredlist.org/species/195892/2429948
- สายพันธุ์นี้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่คุ้มครองและเป็นที่รู้จักเฉพาะในพื้นที่ที่ถูกรบกวนอย่างมากเท่านั้น
- จำเป็นต้องมีการสำรวจภาคสนามเพื่อยืนยันว่าสายพันธุ์นี้เกิดขึ้นที่อื่นหรือไม่ จำเป็นต้องมีมาตรการในการจัดการการเก็บเกี่ยวและเพื่อปกป้องสายพันธุ์นี้
ระยะออกดอก---พฤษภาคม-สิงหาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาการงอก 4-6 เดือน


สกุล Dictyosperma (dik-tee-oh-SPURM-ah) เป็น Monotypic genus.มีเพียง 1สายพันธุ์ในสกุล คือ Dictyosperma album (Bory) Scheff (ปาล์มหญิงใหญ่) ชื่อสามัญที่ถูกเรียกว่าเฮอร์ริเคนปาล์ม เนื่องจากความสามารถในการต้านทานลมแรง โดยการปล่อยใบทิ้งง่าย ในขณะที่พายุทำลายพืชอื่น ปาล์มกลุ่มนี้จะทำการซ่อมแซมให้คืนสภาพได้เร็วตามธรรมชาติของตัวเอง   มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะ Mascarene, Mauritius, Rodrigues, ลา เรอูนียง.พบได้ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลถึงระดับความสูง 600 เมตร อาศัยอยู่ในป่าชายฝั่งของ Mascarenes พวกเขาประสบกับอุณหภูมิที่อบอุ่น ความชื้นสูงและปริมาณน้ำฝนปกติ อัลบั้ม Dictyosperma พบได้ในพื้นที่เขตร้อน มันเกือบจะสูญพันธุ์ในถิ่นที่อยู่เนื่องจากที่อยู่อาศัยถูกแปลงเป็นพื้นที่การเกษตร
ชนิดย่อย พันธุ์ รูปแบบ และพันธุ์พืชที่อยู่ในกลุ่ม Dictyosperma album (แสดงในหน้านี้ 4 สายพันธุ์)
---Dictyosperma album (Bory) Scheff. มีเพลามงกุฎซึ่งมักจะเป็นสีเขียวหรือสีเทา-ขาว แต่ก็มีสีเหลืองหรือสีน้ำตาลด้วย นี่คือพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุด
---Dictyosperma album var. aureum Balf.f.  มี crownshaft ที่มีแนวโน้มจะเป็นสีขาว การกระจาย: มอริเชียส. การกระจายพันธุ์: เกาะโรดริเกส
---Dictyosperma album var. conjugatum H.E.Moore & J.Guého มีแกนมงกุฎที่มีแนวโน้มจะเป็นสีเหลือง มอริเชียส
---Dictyosperma album var. furfuraceum Becc.มีขนาดใกล้เคียงกับ D. album var. rubrumแต่ปลายใบยังคงติดกันแม้ในใบที่โตเต็มที่ แผ่นพับยังมีสีเขียวอมฟ้าอ่อนๆ อีกด้วย การกระจายพันธุ์ Round Island.
---Dictyosperma album var. rubrum (H.Wendl. & Drude) L.H.Bailey พันธุ์ที่ไม่เป็นทางการมีดอกสีแดงและใบสีแดงในต้นอ่อน- เหมือนกับ var. albumแต่มีก้านมงกุฎสีน้ำตาลแดง ใบสีบรอนซ์โผล่ออกมา และขอบใบสีแดง ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 ซม.

ปาล์มเจ้าหญิง/Dictyosperma album var. conjugatum

[dik'-tie-oh-SPURM-ah] [ALL-buhm] var [kohn-joo-GAH-tuhm]


Picture---La Reunion Island. Photo by timrann.
-http://www.palmpedia.net/wiki/Dictyosperma_album_var._conjugatum

ชื่อวิทยาศาสตร์---Dictyosperma album var. conjugatum H.E.Moore & J.Guého (1980)
ชื่อพ้อง---No synonym are recorded for this name. See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:887990-1
ชื่อสามัญ--- Princess Palm, Hurricane palm, Round Island Hurricane Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มเจ้าหญิง ; [THAI:Pam chao ying.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---1DYTG (Preferred name: Dictyosperma)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์--- หมู่เกาะมอริเชียส ลาเรอูนียง
นิรุกติศาสตร์--ชื่อสกุล 'Dictyosperma'มาจากการรวมกันของคำภาษากรีก"dictyon"= netและ "sperma"= เมล็ด ; ชื่อระบุชนิดสายพันธุ์ 'album' = สีขาว อ้างอิงถึง tomentum สีขาวที่บางครั้งอยู่บนกาบใบ ; ชื่อความหลากหลาย 'conjugatum' จากภาษาละติน 'coniugatus' = "เข้าร่วม"
- ชื่อสามัญ 'Hurricane palm' เพราะสามารถรับลมแรง (ปกติ) ได้โดยไม่ถูกทำลาย พวกเขาผ่านพายุเฮอริเคนระดับ 1 มาได้โดยไม่มีความเสียหาย ความต้านทานที่ยอดเยี่ยมต่อลมพายุเฮอริเคนเกิดจากใบแต่ละใบที่พับกลับเป็นรูปตัว "U" กลับหัวและช่วยในเรื่องนี้ได้มาก!
Dictyosperma album var. conjugatum เป็นความหลากหลาย (variety) ของ Dictyosperma album สายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์ปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Harold Emery Moore (1917–1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน และ Marie Ettiene Louis Joseph Guého (1937-2008) นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส จากมอริเชียส ในปี พ.ศ.2523
- เป็น Dictyosperma ที่เล็กที่สุดในทุกสายพันธุ์
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในมอริเชียส พืชเฉพาะถิ่น (Endemic) ที่ Round Island หมู่เกาะมาสคารีนในมหาสมุทรอินเดียเท่านั้น
ลักษณะ---เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ6-9เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15 ซม.ฐานลำต้นบวม ทางใบยาวประมาณ3เมตร สีเขียวเข้มเหลือบเงิน มีขุยสีขาวปกคลุม ใบรูปขนนก (pinnate) ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (Infrafoliar) ยาว 45 ซม.โค้งงอ แยกช่อดอกอยู่ในต้นเดียวกัน (monoecious) ดอกตูมสีแดงจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลประมาณ 8 มม.
ผลสุกเป็นสีม่วงหรือสีดำ เมล็ด1เมล็ด ผลไม้กินไม่ได้
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ประสบความสำเร็จในเขตร้อน กึ่งเขตร้อน และพื้นที่เขตอบอุ่นบางส่วน ทนต่อสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่แห้งแล้งได้ดี ตำแหน่งที่มีแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แต่ทนแดดครึ่งวันได้ (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อเนื่องกันในช่วงบ่าย) ชอบความชื้นในบรรยากาศสูงและไม่เจริญเติบโตในพื้นที่ที่มีลมแห้งตลอดเวลา และจะเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็วหากสัมผัสกับลมทะเลทรายที่ร้อนจัด ทนอุณหภูมิที่ใกล้เคียงกับ 0°C ในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น อัตราการเจริญเติบโตเมื่อปลูกในสภาพอากาศเขตร้อนที่เหมาะสม ปาล์มเหล่านี้เป็นหนึ่งในปาล์มที่เติบโตเร็วที่สุด การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำสม่ำเสมอ ค่อนข้างทนแล้ง รากและลำต้นส่วนล่างสามารถเน่าได้หากดินมีความชื้นมากเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่ง พืชสามารถทำความสะอาดตัวเองได้โดยการผลัดใบที่แก่กว่าออกไปตามธรรมชาติ
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กทั้งหมดและธาตุอาหารรองหรือปุ๋ยที่ปล่อยช้า พวกเขาไม่มีแนวโน้มที่จะขาดธาตุอาหารขนาดเล็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินที่มีค่า pH สูง
ศัตรูพืช/โรคพืช---ค่อนข้างต้านทานต่อศัตรูพืช/โรคที่เป็นศัตรูพืชของต้นปาล์มทั่วไป มีความไวต่อโรคเหลืองตาย (LY) ในระดับปานกลาง
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน หัวใจปาล์มใช้กินเป็นผัก
ใช้เป็นยา---ในมอริเชียสจะใช้รากต้มเป็นยาขับปัสสาวะ
ใช้ปลูกประดับ---พบได้ทั่วไปในบ้านและสวน เหมาะสำหรับการตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร นี่คือสายพันธุ์ที่สวยงามโดดเด่น ลักษณะและความสูงที่ประณีตทำให้เหมาะเป็นปาล์มอเวนิว ทนทานต่อการใช้งานในเมือง ปลูกห่างกัน 3-7 เมตร เป็นต้นไม้ข้างถนนและสามารถปลูกใต้สายไฟฟ้าได้เนื่องจากโตช้าและมีขนาดเล็ก สามารถเพาะเลี้ยงในภาชนะบรรจุได้แม้ว่าอัตราการเติบโตจะช้าลง เหมาะปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกในที่ร่มรำไรหรือกลางแจ้ง และในบ้านพักอาศัย สามารถปลูกใกล้ชายทะเลได้
- การขุดย้าย ระบบรากมีความละเอียดอ่อนมาก และขนาดพืชที่ดีนั้นยากมากที่จะขุดและย้ายปลูกไปยังที่อื่นได้สำเร็จ
ภัยคุกคาม---เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีสามรูปแบบ และมีการเอารัดเอาเปรียบมากเกินไป ทั้งหมดจึงหายากมากในป่า พวกเขายังไม่ได้รับการประเมิน ใน  IUCN Red List แต่ทั้งสามมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์  'ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต' ในป่า
สถานะการอนุรักษ์---NE -Not Evaluated (ไม่ได้ประเมิน ) - IUCN Red List of Threatened Species  (2013)
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ดใช้ระยะเวลาในการงอกประมาณ 2 เดือน

ปาล์มหญิงใหญ่/Dictyosperma album

[dik'-tie-oh-SPURM-ah] [ALL-buhm]

 

Picture---Fairchild Tropical Botanic Garden, Florida.
- Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.

ชื่อวิทยาศาสตร์---Dictyosperma album (Bory) Scheff (1876)
ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:666678-1#synonyms
---Basionym: Areca alba Bory.(1804) https://www.gbif.org/species/5293187
---Linoma alba (Bory) OFCook (1917)
ชื่อสามัญ---Hurricane palm, Common princess palm, Princess palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มหญิงใหญ่, ปาล์มเจ้าหญิงคอขาว, ปาล์มเจ้าหญิง (ทั่วไป) ;[CHINESE: Bai wang mai zhong zi zong, Ju feng ye zi.];[FRENGH: Palmiste blanc.];[GERMAN: Hurrikanpalme.];[MALAYSIA: Palma puteri (Malay).];[PORTUGUESE: Palmeira-princesa, Palmeira huracan.];[RUSSIAN: Diktiosperma belaya.];[SPANISH: Palma de huracán, Palmera huracán, Palmera princesa.];[SWEDISH: Orkanpalm, Prinsesspalm.];[THAI: Pam ying yai, Pam chao ying kho- khoa, Pam chao ying  (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---DYTAL (Preferred name: Dictyosperma album.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---หมู่เกาะมัสคารีน มอริเชียส ลาเรอูเนียงและโรดริกูซ
นิรุกติศาสตร์--ชื่อสกุล Dictyosperma เป็นการรวมกันของคำภาษากรีก"dictyon"= netและ "sperma"= เมล็ด ;ชื่อสายพันธุ์ 'album'=สีขาว
- ชื่อสามัญ 'Hurricane palm' เพราะสามารถรับลมแรง (ปกติ) ได้โดยไม่ถูกทำลาย พวกเขาผ่านพายุเฮอริเคนระดับ 1 มาได้โดยไม่มีความเสียหาย ความต้านทานที่ยอดเยี่ยมต่อลมพายุเฮอริเคนเกิดจากใบแต่ละใบที่พับกลับเป็นรูปตัว "U" กลับหัวและช่วยในเรื่องนี้ได้มาก!
Dictyosperma album เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Jean Baptiste Bory de Saint-Vincent (1778 –1846) นักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศสและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Rudolph Herman Christiaan Carel Scheffer ( 1844–1880) นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์ในปี พ.ศ.2419
Includes 3 Accepted Infraspecifics. https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:666678-1#synonyms
- Dictyosperma album var. album : Mauritius, Réunion
- Dictyosperma album var. aureum Balf.f.(1877) : Rodrigues Island
- Dictyosperma album var. conjugatum H.E.Moore & J.Guého.(1980) : Île Ronde of Mauritius
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะ Mascarene (มอริเชียส เรอูนียงและโรดริเกซ) เติบโตตามป่าชายฝั่ง ที่ระดับความสูงถึง 600 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดกลาง สูงประมาณ 12 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 20 ซม.ลำต้นมีฐานบวม คอยอดสูง 1 เมตร ค่อนข้างบวมมีตั้งแต่เขียวถึงเทาจนถึงน้ำตาลปกคลุมด้วยแว็กซ์สีขาว มีใบ10-20ใบ ก้านใบยาว 15–45 ซม.ใบประกอบแบบขนนก (pinnate) ใบมีความยาวประมาณ 2.2- 3 เมตร คุณสมบัติที่เด่นที่สุดคือใบที่เพิ่งออกใหม่ยืดขึ้นเป็นหอกแนวตั้ง ช่อดอกจะมีลักษณะเหมือนหางม้าหรือหางไก่ออกใต้คอยอด(Infrafoliar) มีประมาณ 6 ช่อ มีความยาวประมาณ 50 ซม.ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่บนต้นและช่อดอกเดียวกัน (monoecious) ดอกจัดเรียงเป็นกลุ่มสามดอก (ดอกเพศเมียอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) ดอกสีขาว-สีเหลือง ผลสุกสีม่วงหรือสีดำรูปไข่รี ขนาด 1.5-2  × 1 ซม.มีเมล็ดรูปรีสีน้ำตาล มี 1 เมล็ด  
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ประสบความสำเร็จในเขตร้อน กึ่งเขตร้อน และพื้นที่เขตอบอุ่นบางส่วน ทนต่อสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่แห้งแล้งได้ดี ตำแหน่งที่มีแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แต่ทนแดดครึ่งวันได้ (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อเนื่องกันในช่วงบ่าย) ชอบความชื้นในบรรยากาศสูงและไม่เจริญเติบโตในพื้นที่ที่มีลมแห้งตลอดเวลา และจะเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็วหากสัมผัสกับลมทะเลทรายที่ร้อนจัด ทนอุณหภูมิต่ำสุดถึง -1°c ในช่วงเวลาสั้น ๆ อัตราการเจริญเติบโต นี่คือพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุด การบำรุงรักษาต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำสม่ำเสมอ ค่อนข้างทนแล้ง รากและลำต้นส่วนล่างสามารถเน่าได้หากดินมีความชื้นมากเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่ง พืชสามารถทำความสะอาดตัวเองได้โดยการผลัดใบที่แก่กว่าออกไปตามธรรมชาติ
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กทั้งหมดและธาตุอาหารรองหรือปุ๋ยที่ปล่อยช้า พวกเขาไม่มีแนวโน้มที่จะขาดธาตุอาหารขนาดเล็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินที่มีค่า pH สูง
ศัตรูพืช/โรคพืช---ค่อนข้างต้านทานต่อศัตรูพืช/โรคที่เป็นศัตรูพืชของต้นปาล์มทั่วไป มีความไวต่อโรคเหลืองตาย (LY) ในระดับปานกลาง
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ตายอด - ปรุงสุก ตายอดของต้นปาล์มนี้เป็นอาหารที่มีค่าสูงและได้รับการเก็บเกี่ยวจากป่าในอดีต อย่างไรก็ตามขณะนี้มีพืชเพียงไม่กี่ต้นที่เหลืออยู่ในป่าดังนั้นจึงมีการจัดหาตายอดผ่านการเพาะปลูก ผลไม้กินไม่ได้
ใช้เป็นยา--- ในมอริเชียส ยาต้มรากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
ใช้ปลูกประดับ---พบได้ทั่วไปในบ้านและสวน เหมาะสำหรับการตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร นี่คือสายพันธุ์ที่สวยงามโดดเด่น ลักษณะและความสูงที่ประณีตทำให้เหมาะเป็นปาล์มอเวนิว ทนทานต่อการใช้งานในเมือง ปลูกห่างกัน 3-7 เมตร เป็นต้นไม้ข้างถนนและสามารถปลูกใต้สายไฟฟ้าได้เนื่องจากโตช้าและมีขนาดเล็ก สามารถเพาะเลี้ยงในภาชนะบรรจุได้แม้ว่าอัตราการเติบโตจะช้าลง เหมาะปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกในที่ร่มรำไรหรือกลางแจ้ง สามารถปลูกใกล้ชายฝั่งทะเลได้
- การขุดย้าย ระบบรากมีความละเอียดอ่อนมาก และขนาดพืชที่ดีนั้นยากมากที่จะขุดและย้ายปลูกไปยังที่อื่นได้สำเร็จ
ภัยคุกคาม---เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีสามรูปแบบ และมีการเอารัดเอาเปรียบมากเกินไป ทั้งหมดจึงหายากมากในป่า พวกเขายังไม่ได้รับการประเมิน ใน  IUCN Red List แต่ทั้งสามมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์  'ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต' ในป่า
สถานะการอนุรักษ์---NE -Not Evaluated (ไม่ได้ประเมิน ) - IUCN Red List of Threatened Species  (2013)
ขยายพันธุ์---ทำได้โดยการเพาะเมล็ด ใช้เวลาในการงอกประมาณ 2-4 เดือน

ปาล์มหญิงกลาง/Dictyosperma album var. aureum

[dik'-tie-oh-SPURM-ah] [ALL-buhm] var [ahoor-EH-oom]

Picture---Dictyosperma Album var. Aureum on the left, Dictyosperma Album on the right. Marco Herrero Farm (Costa Rica). Photo by Jason. https://www.palmpedia.net/wiki/Dictyosperma_album_var._aureum

ชื่อวิทยาศาสตร์---Dictyosperma album var. aureum Balf.f.(1877)
ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:77188826-1#synonyms
---Areca aurea Van Houtte.(1867)
---Dictyosperma aureum (Balf.f.) G.Nicholson.(1884)
ชื่อสามัญ---Rodrigues hurricane palm, Round Island Hurricane, Yellow princess palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มหญิงกลาง,ปาล์มเจ้าหญิง(ทั่วไป) ;[CHINESE: Jin huang wang mai zhong zi zong.];[KOREAN: Heolikein yaja, Young-Myung Hurricane Palm];[FRENCH: Palmiste bon, Palmiste jaune.];[THAI: Pam ying klang, Pam chao ying  (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---1DYTG (Preferred name: Dictyosperma)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---มัสคารีน โรดริกูส
นิรุกติศาสตร์--ชื่อสกุล Dictyosperma เป็นการรวมกันของคำกรีก"dictyon"= netและ "sperma"= เมล็ด ;ชื่อสายพันธุ์ 'album' = สีขาว ; ชื่อความหลาหหลายของสายพันธุ์ 'aureum' คำคุณศัพท์ภาษาละติน aurum= “ ทอง” และ ‎ -eus  ( “ -ous ” คำต่อท้ายที่มาจากรากศัพท์) = สีทอง, สวยงาม อ้างอิงถึงก้านใบสีเหลือง/สีส้ม
Dictyosperma album var. aureum เป็นความหลากหลาย (variety) ของ Dictyosperma album สายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์ปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Isaac Bayley Balfour (1853–1922) นักพฤกษศาสตร์ชาวสก็อต ในปี พ.ศ.2420
ที่อยู่อาศัย--- พืชเฉพาะถิ่น (Endemic) ของ Rodrigues Island มีจำนวนน้อยกว่า 10 ต้นที่อยู่ในป่า สายพันธุ์นี้ได้รับการปกป้องและปลูกที่สวนพฤกษศาสตร์ Sir Seewoosagur Ramgoolam ในมอริเชียสที่เรือนกระจกพฤกษศาสตร์แห่งชาติของมาสคารินในเรอูนียงและในหมู่ผู้รักปาล์ม
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวต้นสูงเกือบ 12 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15 ซม. คอยอด (crownshaft) ยาวมากกว่า1เมตร บวมที่ฐานปกคลุมด้วยแว็กซ์สีขาว ก้านใบยาว 30 ซม.มีสีเหลืองหรือสีส้มสดใสที่เห็นได้ชัดเจนถึงเพลามงกุฎและก้านใบ ใบยาว 2.5- 3 เมตร ใบประกอบแบบขนนก (pinnate) เมื่อออกดอกจะมีช่อดอกมากถึงหกช่อซึ่งล้อมรอบลำต้นใต้มงกุฎ (Infrafoliar) แตกแขนงออกเป็นลำดับเดียว มีดอกสีขาวถึงเหลืองทั้งเพศผู้และเพศเมีย ทั้งดอกเพศเมียและเกสรเพศเมีย ดอกไม้จัดเรียงเป็นกลุ่มสามดอก (ดอกเพศเมียอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) ดอกไม้สีขาว-เหลือง มีกลีบเลี้ยง 3 กลีบและกลีบดอก 3 กลีบซึ่งกลีบเลี้ยงนี้จะมีขนาดเล็กกว่ากลีบดอก ผลรูปไข่ ผลสุกเป็นสีม่วงหรือสีดำ มีเมล็ดสีน้ำตาลรูปวงรีหนึ่งเมล็ด ยาวประมาณ 1 ซม
- เกือบจะดูคล้ายปาล์มเจ้าหญิง (princess palm) แต่ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือใบอ่อนมีสีน้ำตาลอ่อนถึงส้ม
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ประสบความสำเร็จในเขตร้อน กึ่งเขตร้อน และพื้นที่เขตอบอุ่นบางส่วน ทนต่อสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่แห้งแล้งได้ดี ตำแหน่งที่มีแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แต่ทนแดดครึ่งวันได้ (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อเนื่องกันในช่วงบ่าย) ชอบความชื้นในบรรยากาศสูงและไม่เจริญเติบโตในพื้นที่ที่มีลมแห้งตลอดเวลา และจะเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็วหากสัมผัสกับลมทะเลทรายที่ร้อนจัด ทนอุณหภูมิต่ำสุดถึง -1°c ในช่วงเวลาสั้น ๆ อัตราการเจริญเติบโตเร็ว การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ความต้องการน้ำโดยเฉลี่ย รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้น้ำมากเกินไป ค่อนข้างทนแล้งเหมาะสำหรับการ xeriscaping
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่ง พืชสามารถทำความสะอาดตัวเองได้โดยการผลัดใบที่แก่กว่าออกไปตามธรรมชาติ
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กทั้งหมดและธาตุอาหารรองหรือปุ๋ยที่ปล่อยช้า พวกเขาไม่มีแนวโน้มที่จะขาดธาตุอาหารขนาดเล็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินที่มีค่า pH สูง
ศัตรูพืช/โรคพืช---ค่อนข้างต้านทานต่อศัตรูพืช/โรคที่เป็นศัตรูพืชของต้นปาล์มทั่วไป มีความไวต่อโรคเหลืองตาย (LY) ในระดับปานกลาง
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---พบเห็นได้ทั่วไปในมอริเชียสและขายในเรือนเพาะชำบางครั้งเรียกว่า Palmiste (ชื่อเรียกเฉพาะของ Dictyospermas Palm heart ซึ่งใช้บริโภคเป็นสลัดในหมู่เกาะ Mascarenes)
ใช้กิน--- ตายอด หรือหัวใจปาล์มใช้กินเป็นผัก
ใช้ปลูกประดับ---พบได้ทั่วไปในบ้านและสวน เหมาะสำหรับการตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร นี่คือสายพันธุ์ที่สวยงามโดดเด่น ลักษณะและความสูงที่ประณีตทำให้เหมาะเป็นปาล์มอเวนิว ทนทานต่อการใช้งานในเมือง ปลูกห่างกัน 3-7 เมตร เป็นต้นไม้ข้างถนนและสามารถปลูกใต้สายไฟฟ้าได้เนื่องจากโตช้าและมีขนาดเล็ก สามารถเพาะเลี้ยงในภาชนะบรรจุได้แม้ว่าอัตราการเติบโตจะช้าลง เหมาะปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกในที่ร่มรำไรหรือกลางแจ้ง สามารถปลูกใกล้ชายฝั่งทะเลได้
- การขุดย้าย ระบบรากมีความละเอียดอ่อนมาก และขนาดพืชที่ดีนั้นยากมากที่จะขุดและย้ายปลูกไปยังที่อื่นได้สำเร็จ
ภัยคุกคาม---เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีสามรูปแบบ และมีการเอารัดเอาเปรียบมากเกินไป ทั้งหมดจึงหายากมากในป่า พวกเขายังไม่ได้รับการประเมิน ใน  IUCN Red List แต่ทั้งสามมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์  'ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต' (CR) ในป่า
สถานะการอนุรักษ์---NE -Not Evaluated (ไม่ได้ประเมิน ) - IUCN Red List of Threatened Species  (2013)
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด

ปาล์มหญิงเล็ก/ Dictyosperma album var. rubrum

[dik'-tie-oh-SPURM-ah] [ALL-buhm] var [ROO-bruhm]

Picture---habit at Iao Tropical Gardens of Maui, Maui, Hawaii (USA). May 22, 2012.Photo by: Forest Starr & Kim Starr

ชื่อวิทยาศาสตร์---Dictyosperma album var.rubrum (H.Wendl. & Drude) L.H.Bailey.(1930)
ชื่อพ้อง---This name is a synonym of Dictyosperma album var. album https://www.gbif.org/species/5293195
ชื่อสามัญ---Red Princess Palm, Hurricane Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มหญิงเล็ก, ปาล์มเจ้าหญิง (ทั่วไป) ; [FRENCH: Palmiste rouge. ];[THAI: Paam ying lek, Paam chao ying  (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---1DYTG (Preferred name: Dictyosperma)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---หมู่เกาะมาสคารีน (มอริเชียสเรอูนียงและโรดริเกซ)
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Dictyosperma' เป็นการรวมกันของคำกรีก "dictyon" = netและ "sperma"= เมล็ด ; ชื่อสายพันธุ์ 'album' = สีขาว ; ชื่อความหลาหหลายของสายพันธุ์ 'rubrum' คำคุณศัพท์ภาษาละติน = สีแดง
Dictyosperma album var. rubrum ชื่อนี้เป็นชื่อพ้องของ  Dictyosperma album var. album ชื่อนี้เป็นชื่อที่ยอมรับได้ของอนุกรมวิธาน infraspecific ในสกุล Dictyosperma ; อ้างอิงหน้าtaxonเป็น 'WFO (2023): Dictyosperma album var. rubrum  (H.Wendl. & Drude) L.H.Bailey. เผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต http://www.worldfloraonline.org/taxon/wfo-0000943090. เข้าถึงเมื่อ:09 May 2023
- พันธุ์ที่ไม่เป็นทางการ มีดอกสีแดงและใบสีแดงในต้นอ่อน อธิบายภายใต้ Dictyosperma album var. album
ที่อยู่อาศัย---หมู่เกาะมาสคารีน (มอริเชียส เรอูนียง และโรดริเกซ) เติบโตในป่าชายฝั่งทะเล ที่ระดับความสูงตั้งแต่ระดับน้ำทะเลถึง 600 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดกลาง ในถิ่นที่อยู่อาศัย ต้นสูงได้ถึง 20-24 เมตร แต่ปลูกที่อื่นอาจสูงได้น้อยกว่า 12เมตรแต่ไม่เกิน 16 เมตร ลำต้นมีรอยแตกตามแนวตั้งเป็นจำนวนมาก สีเทาเข้ม ที่โคนบวมเล็กน้อย คอยอด (Crownshaft) ยาว 0.70-1.1 เมตรปกคลุมด้วยแว็กซ์สีขาวและขนสีน้ำตาลขนาดเล็กด้าน อย่างไรก็ตาม สีของ Crownshaft ค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่สีเขียว สีขาว สีเหลือง สีเทา หรือสีน้ำตาลแดง ใบประกอบแบบขนนก (pinnate) มี 20-30 ใบ จัดเรียงเป็นวง ทางใบยาว 2.1-3 เมตร ก้านใบย่อยสั้น 15-45 ซม.ใบย่อยยาว 1-2-3 เมตร สีเขียวเข้มในระนาบเดียว ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (Infrafoliar)  มันผลิตได้มากถึง 6 ช่อดอกยาวถึง 1 เมตรซึ่งล้อมรอบลำต้นใต้มงกุฎแยกเป็นลำดับเดียวและดูเหมือนหางม้าหรือหางไก่ ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่บนช่อเดียวกัน (Monoecious) ดอกไม้สีน้ำตาลแดงอมเหลืองทั้งดอกเพศเมียและดอกเพศผู้ ผลขนาด1.5-2 x 1 ซม.สีม่วงหรือสีดำ มีเมล็ดสีน้ำตาล ทรงรี ขอบไม่สม่ำเสมอ 1 เมล็ด
- แตกต่างจาก D. albumมาตรฐาน สำหรับเพลามงกุฎซึ่งมักจะเป็นสีน้ำตาลแดง มีใบโผล่ออกมาสีบรอนซ์และขอบใบสีแดง
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---(USDA Zone 10a-11) เป็นปาล์มที่ปลูกง่ายต้องการตำแหน่งแสงแดดจัด แสงแดดรำไรหรือร่มเงาบางส่วน ชอบดินปนทราย แต่สามารถปรับให้เข้ากับดินเหนียวและดินร่วนปนทั้งที่เป็นด่างเล็กน้อยและเป็นกรด มีการระบายน้ำที่ดี ทนต่ออุณหภูมิที่ใกล้เคียงกับ 0 °C ในช่วงเวลาสั้น ๆ รับลมแรง (โดยปกติ) ได้โดยไม่ถูกทำลายสามารถผ่านพายุเฮอริเคนระดับ 1 โดยไม่มีความเสียหาย เมื่อปลูกในสภาพอากาศเขตร้อนที่เหมาะสม พวกมันจะเป็นหนึ่งในต้นปาล์มที่เติบโตเร็วที่สุด Dictyosperma album var. rubrum อาจทนต่อสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่แห้งแล้งได้ดีกว่า
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ประสบความสำเร็จในเขตร้อน กึ่งเขตร้อน และพื้นที่เขตอบอุ่นบางส่วน ทนต่อสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่แห้งแล้งได้ดี ตำแหน่งที่มีแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แต่ทนแดดครึ่งวันได้ (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อเนื่องกันในช่วงบ่าย) ชอบความชื้นในบรรยากาศสูงและไม่เจริญเติบโตในพื้นที่ที่มีลมแห้งตลอดเวลา และจะเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็วหากสัมผัสกับลมทะเลทรายที่ร้อนจัด ทนอุณหภูมิต่ำสุดถึง -1°c ในช่วงเวลาสั้น ๆ อัตราการเจริญเติบโตปานกลาง การบำรุงรักษา ต่ำ
*การรดน้ำ---ความต้องการน้ำโดยเฉลี่ย รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้น้ำมากเกินไป ค่อนข้างทนแล้ง รากและลำต้นส่วนล่างสามารถเน่าได้หากดินมีความชื้นมากเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่ง พืชสามารถทำความสะอาดตัวเองได้โดยการผลัดใบที่แก่กว่าออกไปตามธรรมชาติ
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กทั้งหมดและธาตุอาหารรองหรือปุ๋ยที่ปล่อยช้า พวกเขาไม่มีแนวโน้มที่จะขาดธาตุอาหารขนาดเล็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินที่มีค่า pH สูง
ศัตรูพืช/โรคพืช---ค่อนข้างต้านทานต่อศัตรูพืช มีต้านทานต่อเพลี้ยอ่อน/ มีความไวต่อโรคเหลืองตาย (LY) ในระดับปานกลาง
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ตายอด หรือหัวใจปาล์มใช้กินเป็นผัก ผลไม้กินไม่ได้
ใช้เป็นยา---ในมอริเชียสจะใช้รากต้มเป็นยาขับปัสสาวะ
ใช้ปลูกประดับ---พบได้ทั่วไปในบ้านและสวน เหมาะสำหรับการตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร ไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างเดียวหรือเป็นกลุ่ม นี่เป็นสายพันธุ์ที่สวยงามโดดเด่น รูปลักษณ์และความสูงที่ประณีตทำให้เหมาะเป็นปาล์มอเวนิว เพาะเลี้ยงในภาชนะบรรจุได้แม้ว่าอัตราการเติบโตจะช้ากว่า มีความอดทนต่อมลพิษในเมือง ปลูกห่างกัน 3-7 เมตรเป็นต้นไม้ริมถนน และสามารถปลูกใต้สายไฟได้เนื่องจากโตช้าและมีขนาดเล็ก
- การขุดย้าย ระบบรากมีความละเอียดอ่อนมาก และขนาดพืชที่ดีนั้นยากมากที่จะขุดและย้ายปลูกไปยังที่อื่นได้สำเร็จ*http://www.llifle.com/Encyclopedia/PALMS_AND_CYCADS/Family/Arecaceae/24407/Dictyosperma_album_var._rubrum
ภัยคุกคาม---เนื่องจากมันถูกคุกคามโดยการสูญเสียที่อยู่อาศัย เป็นสายพันธุ์ที่หายากมากในธรรมชาติ มีประมาณ 50 ต้น ล่าสุดได้รับการประเมินสำหรับThe IUCN Red List of Threatened Speciesในปี 1998 อัลบั้ม Dictyosperma var. อัลบั้มถูกระบุว่าใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งภายใต้เกณฑ์ D 'ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต'
สถานะการอนุรักษ์---CR- CRITICALLY ENDANGERED D-IUCN Red List of Threatened Species (1998)
source: Page, W. 1998. Dictyosperma album var. album . The IUCN Red List of Threatened Species 1998: https://doi.org/10.2305/IUCN.UK.1998.RLTS.T38509A10124114.en  เข้าถึงเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด  ใช้ระยะเวลาในการงอกประมาณ 2 เดือน
 

ปาล์มฉัตรโสภา/ Copernicia berteroana

[koh-pehr-nee-SEE-ah] [behr-tehr-oh-AHN-ah]


Picture---Caracas Botanic Garden, Venezuela, photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.
- https://www.palmpedia.net/wiki/Copernicia_berteroana

ชื่อวิทยาศาสตร์---Copernicia berteroana Becc.(1907)
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name. https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:64962-2
ชื่อสามัญ---Yarey, Dyaré, Palma de cana
ชื่ออื่น---ปาล์มฉัตรโสภา (ทั่วไป) ;[CHINESE: Bo te la la zong.];[HAITI: Dyaré, Latanier caye.];[DOMINICAN: Yarei.];[THAI: Pam chat so pha.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---CPDSS (Preferred name :Copernicia sp.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---อเมริกากลาง; โดมินิกัน เฮติ เนเธอร์แลนด์แอนทิลลิส เวเนซุเอลา แคริบเบียน
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Copernicia' เป็นเกียรติแก่ Nicolaus Copernicus (1473-1543) นักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ ; ชื่อสายพันธุ์  'berteroana' ได้รับเกียรติจาก Carlo Giuseppe Bertero  (1789-1831) แพทย์ชาวอิตาลี นักธรรมชาติวิทยาและนักสำรวจ
Copernicia berteroana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลีในปี พ.ศ.2451
ที่อยู่อาศัย--- เป็นพืชเฉพาะถิ่น (Endemic) ใน Hispaniola (สาธารณรัฐโดมินิกัน เฮติ) และมีรายงานจากCuraçaoในเนเธอร์แลนด์แอนทิลลิส และเวเนซุเอลาด้วย แต่อาจมีการแปลงสัญชาติที่นั่น พบได้ในป่าเปิดในพื้นที่ราบที่มีปริมาณน้ำฝนต่ำ
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ต้นสูงประมาณ 4-5 เมตร ลำต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 ซม. เรียบสีเทาน้ำตาล มีทางใบจำนวนมาก ใบรูปพัด (costa-palmate) ขอบใบจักเว้าลึกเกือบถึงครึ่งใบ แผ่นใบกางเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1เมตร เรียงเวียนทางซ้าย ก้านใบยาว1เมตรมีหนามตามขอบยาว 0,3-1 ซม.และถูกปกคลุมด้วยกระจุกขนสั้นสีขาว ช่อดอกออกระหว่างกาบใบ (Interfoliar) ห้อยยาว 2 เมตร ดอกกระเทย (hermaphrodite) สีขาวครีม ผลรูปรียาวขนาด 2 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.8 ซม.เมื่อสุกสีดำ มี 1 เมล็ด
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เหมาะที่สุดสำหรับเขตร้อนที่แห้งแล้ง ต้องการคำแหน่งที่มีแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) ชอบดินร่วนซุยแต่เติบโตได้ในดินทุกสภาพที่มีการระบายน้ำดี pH 6.1 - 7.8 มีความทนทานต่อสภาพแล้ง มีความทนทานต่อความเค็มพอสมควร จึงอาจนำไปใช้งานใกล้ทะเลได้ ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -2°C ในช่วงสั้น ๆ อัตราการเจริญเติบโต ช้าถึงปานกลาง การบำรุงรักษาต่ำ
การรดน้ำ---ความต้องการน้ำโดยเฉลี่ยปานกลาง รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้น้ำมากเกินไป ต้องการดินที่ชื้นสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้แห้งระหว่างการรดน้ำ
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่ง ต้นปาล์มบางต้นจะเก็บเฉพาะใบที่ไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วทิ้งไปในไม่ช้า บางครั้งขึ้นอยู่กับสภาพของความชื้นและความแรงของลมที่พวกมันอาศัยอยู่ อาจเก็บใบที่ตายแล้วหรือโคนก้านใบไว้บนลำต้นเป็นเวลาหลายปี
การใส่ปุ๋ย---เพื่อป้องกันการขาดธาตุอาหาร ควรใส่ปุ๋ยปาล์มคุณภาพดีสูตรสมดุล (18-18-18) หรือปุ๋ยปลดปล่อยอย่างต่อเนื่องปีละ 2 ครั้งในช่วงฤดูปลูก
ศัตรูพืช/โรคพืช---ค่อนข้างมีความต้านทานต่อศัตรูพืช แต่อาจต้องมีการใส่ปุ๋ยเป็นประจำเพื่อป้องกันสีเหลืองที่เกิดจากการขาดโพแทสเซียม
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงและมนุษย์ ; พืชมีหนามหรือขอบแหลม ใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการจัดการ
การใช้ประโยชน์ ---พืชถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นจากไม้และสำหรับใบซึ่งเป็นแหล่งของวัสดุมุง
ใช้ปลูกประดับ--- นิยมปลูกเป็นต้นไม้ริมถนน ในสวนสาธารณะและสวนทั่วไป นอกเกาะ Hispaniola ไม่ค่อยพบในการเพาะปลูก มักจะจำกัดเฉพาะสวนพฤกษศาสตร์และคอลเลคชั่นส่วนตัวของนักสะสม
อื่น ๆ---ใบนำมาใช้มุงหลังคาและเพิงพักชั่วคราว ใช้ทำหมวกและงานหัตถกรรมอื่น ๆ
- ลำต้นแข็งแกร่งทนทานมากใช้ในการก่อสร้าง
- ผลไม้เป็นอาหารสำหรับสุกร
ภัยคุกคาม---ในเฮติถูกคุกคามโดยการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย พื้นที่การแพร่กระจายของมันได้ลดลงอย่างมาก จากการตัดไม้ทำลายป่าที่ทำขึ้นเพื่อสนับสนุนการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการปลูกอ้อย แต่ต้องขอบคุณความสง่างามของรูปลักษณ์ของมันที่ทำให้มันเป็นที่ต้องการสำหรับคอลเลคชั่นส่วนตัวของนักสะสมทั่วโลก
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด

ปาล์มชมพู/Dypsis cabadae

[DIP-sis] [kah-BAHD-eh]

 

Picture 1 ---Caracas Botanic Garden, Venezuela, photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.
Picture 2 --- Sri Lanka. Morning Garden. Photo by Philippe.
-https://www.palmpedia.net/wiki/Dypsis_cabadae

ชื่อวิทยาศาสตร์---Dypsis cabadae (H.E.Moore) Beentje & J.Dransf.(1995).
ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms. See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:985364-1#synonyms
---Basionym: Chrysalidocarpus cabadae H.E.Moore (1962).https://www.gbif.org/species/2735829
ชื่อสามัญ---Cabada Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มชมพู (ทั่วไป) ;[PORTUGUESE: Palmeira-cadaba, Palmeira-de-cadaba.];[THAI: Pam chom poo (general).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---DYQCA (Preferred name :Dypsis cabadae.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา (มาดากัสการ์)
เขตกระจายพันธุ์---ทะเลแคริบเบียน (คิวบา) มาดากัสการ์ และหมู่เกาะโคโมโร (มหาสมุทรอินเดีย)
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Dypsis' ไม่ทราบที่มา ; ชื่อสายพันธุ์ 'cabadae'ได้รับเกียรติจากเจ้าของสวนในคิวบาซึ่งเป็นที่ตั้งของต้นปาล์มและอธิบายว่าเป็นชนิดไหน
Dypsis cabadae เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย  Harold Emery Moore (1917–1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Henk Beentje (เกิดปี 2494) นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์ และ John Dransfield (เกิดปี 1945) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ในปี พ.ศ ในปี พ.ศ.2538
ที่อยู่อาศัย--- มีต้นกำเนิดที่น่าสงสัยอาจมาจากมาดากัสการ์หรือหมู่เกาะโคโมโร สายพันธุ์นี้รู้จักกันอย่างแพร่หลาย โดยการเพาะปลูก   มากกว่ารู้จักจากป่า มีการเพาะปลูกในเชิงพานิชย์
ลักษณะ--- เป็นปาล์มขนาดกลาง แตกกอแน่นได้ถีง 14 ต้น สูงได้ถึง 8-10 เมตร ลำต้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 9-12 ซม สีเขียวเข้มคั่นด้วยรอยแผลเป็นสีเขียว คอสีส้ม ใบรูปขนนก (pinnate) ทางใบยาว2เมตร ใบเรียบหนามันวาวสีเขียวเข้ม ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ยาว1.5 เมตรตั้งตรงสีเขียว ก้านช่อดอกยาว 50-60 ซม. มีเกล็ดเป็นสนิมหนาแน่นเป็นบางช่วง ดอกแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน (Monoecious) ดอกจัดเรียงเป็นกลุ่มสามดอก (ดอกเพศเมียอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) ผลกลมรียาว 0.8-1 ซม.เมื่อสุกสีแดง
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พืชในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เติบโตได้ดีที่สุดในตำแหน่งที่มีแสงแดดเต็ม(แสงแดดโดยตรง 6 ชั่วโมงขึ้นไป)และมีร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 4 ชั่วโมงต่อวันไม่ต่อเนื่อง) ไม่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับดินหากมีการระบายน้ำดี อุณหภูมิต่ำสุดที่ทนได้คือประมาณ 1° C ทนความแห้งแล้ง ทนไอเกลือปานกลาง อัตราการเจริญเติบโตเร็ว การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ชอบดินชื้น (ไม่อิ่มตัว) ที่ชื้นสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้แห้งระหว่างการรดน้ำ ทนต่อความแห้งกร้านเป็นครั้งคราวหากไม่ยืดเยื้อ อย่าปล่อยให้น้ำขังแฉะ ไวต่อน้ำที่มีฟลูออไรด์
การตัดแต่งกิ่ง---เอาใบแห้งออก
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด มันขึ้นอยู่กับการขาดโพแทสเซียม (P) อย่าใส่ปุ๋ยในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวเมื่อพืชพักตัว หากปลูกในบ้าน ควรให้อยู่ในตำแหน่วที่มีแสงสว่างเ เช่นเดียวกับปาล์มเขตร้อนส่วนใหญ่ รดน้ำให้ดี และใส่ปุ๋ยละลายน้ำเดือนละครั้ง
ศัตรูพืช/โรคพืช---ค่อนข้างต้านทานต่อแมลงศัตรูพืช / ใส่ปุ๋ยเป็นประจำเพื่อป้องกันใบเหลืองที่เกิดจากการขาดโพแทสเซียม (P)
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง เป็นปาล์มไม่มีหนาม
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เมื่อต้นยังเล็กใช้ปลูกประดับเป็นไม้กระถางได้สวยงาม ได้รับการยอมรับจาก South Florida Palm Society ว่าเป็นหนึ่งใน 10 ปาล์มที่ดีที่สุดสำหรับฟลอริดาตอนใต้
- การล้อมขุดย้ายไม่ดี ระบบรากบอบบางมักจะตาย แต่ขุดแยกต้นเล็กๆที่แตกหน่ออกมาจากโคนต้นนำไปปลูกได้
ขยายพันธุ์---ด้วยเมล็ด หน่อ เมล็ดสดใช้เวลาในการงอก 1-4 เดือน


ปาล์มชูโก/Chelyocarpus chuco

[keh-lee-oh-KAR-puhs] [KOO-koh]

 

Picture---Ho'omaluhia Botanical Gardens, Hawaii. Photo by Paul Craft.
-https://www.palmpedia.net/wiki/Chelyocarpus_chuco
ชื่อวิทยาศาสตร์---Chelyocarpus chuco (Mart.) H.E.Moore (1972)
ชื่อพ้อง---Has 5 Synonyms.See https://powo.science.kew.org/taxon/665944-1#synonyms
---Acanthorhiza chuco (Mart.) Drude (1882)
---Tessmanniodoxa chuco (Mart.) Burret (1941)
---Tessmanniophoenix chuco (Mart.) Burret (1928)
---Thrinax chuco Mart.(1844)
---Trithrinax chuco (Mart.) Walp.(1849)
ชื่อสามัญ---Round-leaf Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มชูโก(ทั่วไป) ; [THAI: pam cho kho (generel).]; [PORTUGUESE: Caranaí, Carnaubinha fide Prance.]; [BOLIVIA: Huechichaho, Choinan.];[VERNACULAR: Chuco, Carnaubinha, Huechichaho, Iriai, Sava, Choinan.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---KHKCH (Preferred name : Chelyocarpus chuco.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---บราซิล โบลิเวีย
นิรุกติศาสตร์--- ชื่อสกุล 'Chelyocarpus' มาจากภาษากรีกโบราณและแปลว่า "กระดองเต่า" ซึ่งหมายถึงพื้นผิวที่แตกของผลไม้ในสกุลนี้ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกระดองของเต่า
Chelyocarpus chuco เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794-1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยHarold Emery Moore (1917–1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2515
ที่อยู่อาศัย--- พบได้ในโบลิเวียและบราซิลตอนเหนือ ในพื้นที่เป็นแอ่งน้ำมักอยู่ใกล้แม่น้ำในป่าที่มีน้ำท่วมขัง ที่ระดับความสูงไม่เกิน 200 เมตร
ลักษณะ ---เป็นปาล์ม แตกกอ ขนาดกลาง ลักษณะ มีลำต้นหนึ่งต้นหรือมากกว่า สูง 5-12 เมตร ลำต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 - 12 ซม.ใบมี 14-17 ใบ เป็นใบรูปพัด (palmate) ที่มีใบกลมขนาดใหญ่ กว้างไม่เกิน 2 เมตร ประกอบด้วยปล้องรูปลิ่มจำนวนมาก และมีลักษณะเฉพาะที่แยกลึกตรงกลาง ก้านใบยาวประมาณ 1.8 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ดอกออกเดี่ยวหรือเป็นช่อสั้นๆ ออกเดี่ยวเป็นเกลียวบนกิ่งก้าน ใบประดับสั้นๆ เส้นรอบวงยาว 2-2.5 มม.สีขาวครีม กลีบเลี้ยง 3 กลีบเชื่อมติดกันประมาณ 0.5 มม.ยาว 2.0-2.5 มม.กลีบดอก 3 กลีบ ยาวประมาณเท่ากลีบเลี้ยง เกสรเพศผู้ 6 อัน ก้านเกสรเพศเมียกว้างและหนา ผลกลมขนาด 2.5 ซม.เมื่อสุกสีน้ำตาล มีเมล็ด 1-2 เมล็ด รูปทรงกลมรี ยาวประมาณ 1.6 ซม. กว้าง1.4 ซม และสุกเป็นสีเขียวแกมเหลืองหรือน้ำตาล
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ตั้งแต่เขตร้อนไปจนถึงเขตอบอุ่น ต้องการตำแหน่งแสงแดดจัด แสงแดด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แสงแดดรำไร(แสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงต่อวันต่อเนื่อง) หรือร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 4 ชั่วโมงต่อวันไม่ต่อเนื่อง) ดินร่วนระบายน้ำดี pH 6.6 - 7.5 (เป็นกลางถึงเป็นด่างเล็กน้อย) อัตราการเติบโต ช้ามาก
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ดินต้องชื้นสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้ดินแห้งเกินไปหรือแฉะเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดถ้ากิ่งยังมีสีเขียวอยู่บ้าง
การใส่ปุ๋ย---เพื่อป้องกันการขาดธาตุอาหาร (อาจมีการขาดโพแทสเซียม) ควรใส่ปุ๋ยปาล์มคุณภาพดีที่มีสูตรปลดปล่อยอย่างต่อเนื่องปีละ 3 ครั้ง ใส่ปุ๋ยห่างจากโคนต้นอย่างน้อย 15 ซม.ในช่วงฤดูปลูก เว้นการใส่ปุ๋ยในช่วงฤดูหนาว
ศัตรูพืช/โรคพืช---มีความเสี่ยงต่อโรคเหลืองถึงตาย ที่เกิดจากเชื้อราไฟโตพลาสมา [Candidatus Phytoplasma palmae (LY-Lethal yellowing).] ที่แพร่กระจายโดยเพลี้ยกระโดด
รู้จักอ้นตราย---เป็นปาล์มไม่มีหนาม
การใช้ประโยชน์---พืขถูกเก็บเกี่ยวใบจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นเป็นแหล่งมุงจากและวัสดุทอ ในการเพาะปลูกไม่ค่อยพบ
ใช้กิน--- ผลไม้หมักให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ใช้ปลูกประดับ---ในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน และที่อื่น ๆ ในอาคาร เหมาะสำหรับปลูกลงแปลงกลางแจ้ง หรือในร่มเงาเล็กน้อย หากปลูกในบ้าน ควรให้ได้รับแสงแดดพอๆ กับปาล์มเขตร้อนส่วนใหญ่
- พืชปลูกถ่ายได้ไม่ดี มีรากที่บอบบางมากซึ่งมีแนวโน้มที่จะตายหากจัดการ
อื่น ๆ---ใบใช้มุงหลังคา ทำวัสดุสิ่งทอ เนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้าง ความทนทานอยู่ที่อายุของต้นไม้
- เมล็ดใช้ในพิธีกรรม
ระยะออกดอก/ติดผล---พฤศจิกายน-มกราคม/เมษายน-กรกฎาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด


ปาล์มชูซาน/Trachycarpus fortunei

[trahk-ee-KAHR-puhs] [fohr-TOON-ee]

  

Picture---Dubrovnik, Croatia. Photo by Dr. Phillip J. Cribb, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.
-Hangzhou, China. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.
-https://www.palmpedia.net/wiki/Trachycarpus_fortunei

ชื่อวิทยาศาสตร์---Trachycarpus fortunei (Hook.) H.Wendl.(1861)
ชื่อพ้อง---Has 3 Synonyms. See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:670182-1#synonyms
---Basionym: Chamaerops fortunei Hook.(1860) https://www.gbif.org/species/2739071
---Trachycarpus caespitosus Becc.(1915)
---Trachycarpus wagnerianus hort. ex Becc.(1921)
ชื่อสามัญ---Chinese hemp palm, Chinese Windmill Palm, Chusan Palm, Windmill Palm tree
ชื่ออื่น---ปาล์มชูซาน (ทั่วไป) ; [ALBANIAN: Trakikarp.];[CHINESE: Shan zong, Zong shu, Zōnglǚ, zōng lú.];[DANISH: Chusanpalme, Hørpalme.];[DUTCH: Windmolenpalm.];[FRENCH: Palmier de Chine, Palmier de Chusan, Palmier à chanvre.];[GERMAN: Chinesische Hanfpalme, Echte Hanfpalme, Palmvezel.];[HUNGARIAN: Kínai kenderpálma (Magyar).];[ITALIAN: Palma del Giappone, Canapa cinese, Palma di Chusan.];[JAPAN: Visoka žumara, Shuro, Tô-juro, Wa-juro];[PAKISTAN: Shuro, Wajuro, Shuro];[PORTUGUESE: Cânhamo da China, Palmeira-da-China, Palmeira-do-cânhamo, Palmeira-excelsa, Palmeira-moinho-de-vento.];[RUSSIA: Trakhikarpus forchuna, Trakhikarpus forguna.];[SPANISH: Falso palmito, Palmera china de abanico, Palmera de Fortune, Palmera de molino de viento, Palmito elevado, Traquicarro.];[SWEDISH: Väderkvarnspalm, Väderkvarnspalm.];[THAI: Pam choo zan (general).];[TURKISH: Yelpaze palmiyesi.];[VIETNAM: Cọ núi, Cọ gai dầu, Cọ Chu sơn (Tiếng Việt).].
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---TRRFO (Preferred name :Trachycarpus fortunei.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย ภาคกลางของจีน (มณฑลหูเป่ยทางใต้) ตอนใต้ของญี่ปุ่น (คิวชู)
เขตกระจายพันธุ์--- พม่า อินเดีย ยุโรป อเมริกาเหนือ
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Trachycarpus'  มาจากการรวมกันของคำภาษากรีก "trachys" = ขรุขระ และ "karpόs" = ผลไม้ ; ชื่อของสายพันธุ์ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ Robert Fortune (1812-1880) นักพฤกษศาสตร์ชาวสก็อต
- ชื่อสามัญ 'Chusan Palm' หมายถึงเกาะ Chusan (ปัจจุบันคือเกาะ Zhoushan)
Trachycarpus fortuneiเป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยSir William Jackson Hooker (1785-1865) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษซึ่งเป็นผู้อำนวยการคนแรกของ Royal Botanic Gardens (Kew Gardens)และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยHermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2404
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดมาจากเนินเขาทางทิศตะวันออกของเทือกเขาหิมาลัย แม้ว่าจะถือว่าเป็นพืชพื้นเมืองทางใต้และตอนกลางของจีน (กวางตุ้ง กวางสี กุ้ยโจ วฝูเจี้ยน หูหนาน หูเป่ย เสฉวน ยูนนาน เจ้อเจียง) ไปจนถึงตอนเหนือของเมียนมาร์ ที่ระดับความสูงถึง 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล และมักพบอยู่ในบริเวณภูเขาและเขตอบอุ่นของเอเชียรวมถึงจีนตะวันออกเฉียงใต้, ไต้หวันและหมู่เกาะชูซานที่ระดับความสูง 100-2,400 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มพัดขนาดกลาง ต้นเดี่ยว ต้นสูงได้ถึง 6-20 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15 - 35 ซม ลำต้นมีแผ่นใยสีน้ำตาลปกคลุมหนาแน่นจากฐานใบ ในต้นแก่ เส้นใยจะหลุดลอกออกเพื่อเผยให้เห็นพื้นผิวที่เป็นวงแหวนเรียบ ใบรูปพัด (palmate) ขอบใบจักเว้าลึกถึงสะดือ แผ่นใบกว้าง 1 เมตร ยาว1.40-1.90 เมตร มีสีเขียวเข้มที่แผ่นใบด้านบน และสีเทาเล็กน้อยที่แผ่นใบด้านล่าง ก้านใบแบน ยาว 0.60-1 เมตร และมีหนามที่ขอบ ทางใบแห้งติดแน่นกับลำต้น ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) แยกแขนงสีเหลือง ยาว 0.60-1 เมตร.มีดอกเพศผู้และดอกเพศเมียแยกกันคนละต้น (Dioecious) ดอกเพศผู้สีเหลือง ดอกเพศเมียสีเขียว เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-4 มม.ติดผลจำนวนมาก ผลมีลักษณะ reniform (รูปไต) เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-1.3 ซม.สีดำและปกคลุมด้วยคราบขี้ผึ้งสีน้ำเงิน มีเมล็ดเดียว
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ตำแหน่งแสงแดดเต็มวัน (แสงแดดโดยตรง 6ชั่วโมงขึ้นไป) หรือครึ่งวัน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะทำงานได้ดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงบ่าย) ต้องการที่กำบังจากลมแรง ขึ้นได้ในดินร่วนระบายน้ำดีหลายชนิด และขึ้นได้ในดินร่วนปนหิน มันจะอยู่รอดได้ในเกือบทุกอย่างยกเว้นสภาพที่เปียกชื้นตลอดเวลา ทนแล้งทนความหนาวเย็นได้ดีเยี่ยมทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ต่ำกว่า -20°C และยังทนต่ออุณหภูมิฤดูร้อนที่เย็นจัดในภูมิอากาศแบบมหาสมุทร เช่น สกอตแลนด์และแม้แต่หมู่เกาะแฟโรที่ละติจูด 62°N ทำให้มัน เป็นต้นปาล์มที่อยู่เหนือสุดในโลก บางต้นที่ปลูกใน Plovdiv (บัลแกเรีย) เป็นที่ทราบกันดีว่ารอดจากอุณหภูมิ -27.5°C ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เย็นที่สุดที่มีรายงานว่ารอดได้สำหรับต้นปาล์มทุกชนิด อัตราการเจริญเติบโตช้าถึงปานกลาง จะใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปีในการเติบโตจาก ความสูง 30 ซม. เป็น 2 เมตร การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปกติไม่ชอบดินที่เปียกชื้นตลอดเวลา
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งกิ่งปาล์ม เมื่อใบแก่ตาย ควรตัดแต่งออกและปล่อยให้โคนใบแห้ง แต่อย่าลิดถ้าใบยังมีสีเขียวอยู่บ้าง
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด หรือปุ๋ยที่ปล่อยช้าในช่วงฤดูปลูก หรือตามฉลากของบรรจุภัณฑ์ โดยใช้ปุ๋ยสูตรเฉพาะสำหรับปาล์ม
ศัตรูพืช/โรคพืช---มักไม่ได้รับผลกระทบจากศัตรูพืชหรือแมลง
รู้จักอ้นตราย---อาจมีอันตรายจากหนามหรือขอบแหลม ใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการจัดการ
การใช้ประโยชน์---ได้รับการปลูกฝังในประเทศจีนและญี่ปุ่นเป็นเวลาหลายพันปี เนื่องจากเส้นใยจากใบที่แข็งแรงและหยาบมีประโยชน์หลายอย่างในงานหัตถกรรมท้องถิ่น ใช้ทำเชือก กระสอบ และผ้าหยาบอื่นๆ ที่ต้องการความทนทานสูง
ใช้ปลูกประดับ--- ถูกนำมาใช้ในการจัดสวนในสวนทั่วไปและสวนสาธารณะในหลายส่วนของโลก ในสภาพอากาศอบอุ่นและกึ่งเขตร้อน ความทนทานต่อฤดูร้อนที่เย็นสบายและฤดูหนาวที่หนาวเย็น ซึ่งมันจะอยู่รอดได้เป็นเวลานานภายใต้อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง สามารถปลูกเป็นไม้กระถางในภาชนะขนาดใหญ่ หรือปลูกลงแปลงกลางแจ้งและยังสามารถปลูกไว้ในภูมิทัศน์ใกล้ทะเลเนื่องจากทนต่อไอเค็มหากได้รับการปกป้อง (หลังเนินทราย อาคาร ฯลฯ ไม่ให้ลมทะเลพัดโดยตรง) จึงเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากของ ผู้ที่ชื่นชอบปาล์ม นักออกแบบภูมิทัศน์และนักจัดสวนในยุโรป
ได้รับรางวัล--- Award of Garden Merit (AGM) จาก Royal Horticultural Society (RHS)
ขยายพันธุ์---ด้วยการเพาะเมล็ด พืชขยายพันธุ์ได้ง่ายใช้เวลาในการงอกประมาณ 3 เดือน


ปาล์มชูแมน/Brassiophoenix schumannii

[brahs-see-oh-FIH-nihks] [shoo-mahn'-ee]


Picture---Costa Rica. Photo by Jeff Anderson.
Picture---Hoomaluhia Botanical Garden, Hawaii. Photo by AdamCT Hsu.
-http://www.palmpedia.net/wiki/Brassiophoenix_schumannii

ชื่อวิทยาศาสตร์---Brassiophoenix schumannii (Becc.) Essig (1975)
ชื่อพ้อง---Has 3 Synonys. See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:664921-1#synonyms
---Actinophloeus schumannii Becc.(1889)     
---Drymophloeus schumannii (Becc.) Warb. ex K.Schum. & Lauterb.(1900)
---Ptychococcus schumannii (Becc.) Burret (1928) .
ชื่อสามัญ---Schuman Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มชูแมน (ทั่วไป) : [CHINESE: Shu tou mu, Shū shì bù lā suǒ yē.];[JAPANESE: Shū no burazokokonattsu.];[MALAYSIA: Bindang (Bahasa Melayu).];[THai: Pam choo maan (general).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---BPXSS (Preferred name: Brassiophoenix sp.)
ถิ่นกำเนิด---โอเชียเนีย
เขตกระจายพันธุ์---ปาปัวนิวกินี
นิรุกติศาสตร์--- ชื่อสกุล 'Brassiophoenix' เป็นเกียรติแก่ Leonard John Brass (1900 –1971) นักสะสมพืชชาวออสเตรเลีย รวมกับชื่อ  'phoenix' ปาล์มอีกสกุลหนึ่ง. ; ชื่อสายพันธุ์ 'schumannii' เป็นเกียรติแก่ Karl Moritz Schumann (1851–1904) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นคนแรกที่รวบรวมสายพันธุ์นี้
Brassiophoenix schumannii เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลีและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย  Frederick Burt Essig (1947-) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกันในปี พ.ศ.2518
ที่อยู่อาศัย---พืชถิ่นเดียวของปาปัว - นิวกินี เติบโตตามที่ราบลุ่ม ป่าดิบชื้นชายฝั่ง ป่าสันเขา ในป่าฝนเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันออกของนิวกินี
ลักษณะ---เป็นปาล์ม ต้นเดี่ยว ขนาดเล็ก ต้นสูงได้ถึง 2- 10 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 3-5 ซม.ลำต้นเป็นสีเขียวอ่อน เปลี่ยนเป็นสีเทาน้ำตาลไปทางโคน ระยะห่างระหว่างปล้อง 10 ซม คอยอด (Crownshafts) สูงถึง 60 ซม. แต่โดยทั่วไปแล้วจะสูง 34-40 ซม. นูนเล็กน้อย ใบรูปขนนก (pinnate) ใบยาวประมาณ 1.40-2 เมตร.ใบย่อย 8-10 ใบในแต่ละด้าน รูปร่างใบย่อยคล้ายรูปสามเหลี่ยมหรือรูปลิ่ม ปลายใบหยักเว้าไม่สม่ำเสมอยาว 30 ซม ก้านใบยาว 22 ซม.20-45 ซม.มีขนสีขาวหนาแน่น ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (Monoecious) ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (Infrafoliar) แตกแขนงออกเป็น 2 หรือ 3 ครั้ง ยาว 25-74 ซม กว้าง 22-58 ซม.ดอกสีครีมหรือสีเหลืองสีเขียว ดอกเพศผู้ขนาด ยาว 7-9 มม.กว้าง 3-5 มม.กลีบเลี้ยงประมาณ 2-2.5 มม.เกสรเพศผู้ประมาณ 130-200 อัน เกสรเพศเมียสูงประมาณ 6 มม. และกว้าง 4-6 มม.ผลกลมรีขนาด ยาว  31-35 มม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 17-19 มม.ผลแก่สีเหลืองอมส้ม มีเปลือกชั้นในแข็งเป็นห้าเหลี่ยมคล้ายผลมะเฟือง มี 1 เมล็ด 5 แฉกเป็นแฉกสี่เหลี่ยมหรือแหลมตามขวาง เอนโดสเปิร์มเป็นเนื้อเดียวกัน
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการตำแหน่งแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) หรือร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะทำงานได้ดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงบ่าย) เช่นเดียวกับต้นปาล์มในป่าดิบชื้น พวกมันไม่ทนต่อแสงแดดจัดในวัยหนุ่มสาว แต่จะทนทานเมื่อโตเต็มที่ ดินที่อุดมสมบูรณ์และชื้นสม่ำเสมอและระบายน้ำได้เร็ว เจริญเติบโตได้ดีในดินเขตร้อนที่หลากหลายซึ่งมีสภาพเป็นกรดถึงค่อนข้างเป็นด่าง ควรหลีกเลี่ยงดินที่มีน้ำขัง เป็นดินลูกรังมาก เป็นหินมาก หรือเป็นดินเลน อัตราการเติบโตปานกลาง
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่อย่ารดน้ำมากเกินไป ในช่วงฤดูร้อน ให้รดน้ำบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ดินแห้ง
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่ต้องการการตัดแต่งมากนัก รอเพื่อกำจัดใบที่กำลังจะตายออกจนกว่าพวกมันจะมีสีน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีปัญหาศัตรูพืชหรือโรคที่สำคัญ
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้แทนหมาก (Areca catchu).
ใช้ปลูกประดับ---เป็นปาล์มหายากที่ส่วนใหญ่ปลูกโดยผู้ปลูกปาล์มผู้เชี่ยวชาญและสวนพฤกษศาสตร์ในประเทศเขตร้อน แต่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในการเพาะปลูก
- ต้นอ่อนมีขนาดเล็ก รูปร่างและสีของใบมีศักยภาพที่จะใช้เป็นไม้ประดับได้ เหมาะสำหรับสวนที่มีพื้นที่จำกัดและต้องการต้นไม้ขนาดเล็ก มันเป็นปาล์มของนักสะสมที่ยอดเยี่ยม
ขยายพันธุ์---ด้วยเมล็ด สายพันธุ์นี้มีชื่อเสียงว่าปลูกได้ยากมาก ประสบการณ์ที่พบบ่อยที่สุดคือพืชจะเติบโตจนถึงขนาด 20 ซม.ในภาชนะปลูกแล้วหยุดเจริญและจากนั้นก็ตายในที่สุด


สกุล Zombia (ZOHM-bee-ah) เป็นMonotypic genus มีเพียง 1 สายพันธุ์ในสกุล คือZombia antillarumที่รู้จักกันทั่วไปว่า ''Zombi Palm'' มันถูกอธิบายโดย Descourtilz ในปี 1821 ว่าเป็นChamaerops antillarumแล้วจึงย้ายไปยังสกุลZombiaของตัวเองโดย Bailey ในปี 1939 เป็นพืชประจำถิ่นไปยังเกาะของ Hispaniola (ทั้งสาธารณรัฐโดมินิกันและเฮติ )ใน Greater Antilles ใช้เป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยมเนื่องจากมีลักษณะที่โดดเด่น ต้องการการบำรุงรักษาต่ำ และความทนทานต่อไอเกลือ

ปาล์มซอมเบีย/Zombia antillarum

[ZOHM-bee-ah] [ahn-TIHL-lahr-uhm]

 

Picture---Montgomery Botanical Center, Florida. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.
-https://www.palmpedia.net/wiki/Zombia_antillarum

ชื่อวิทยาศาสตร์---Zombia antillarum (Descourt.) L.H.Bailey (1939)
ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:670338-1#synonyms
---Basionym: Chamaerops antillarum Descourt..(1821) https://www.gbif.org/species/8521356
---Coccothrinax anomala Becc.(1908)
---Oothrinax anomala (Becc.) O.F.Cook (1941)
---Zombia antillarum var. gonzalezii J.Jiménez Alm (1960)
ชื่อสามัญ---Zombia, Zombie Palm, Guanito
ชื่ออื่น---ปาล์มซอมเบีย (ทั่วไป) ; [FRENCH: Latanier zombi, Latanier piquant.];[HAITI: Latanye Zombi, Latanier pikan.];[THAI: Paam Som bea (general).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---ZOMAN (Preferred name : Zombia antillarum.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---สาธารณรัฐโดมินิกัน, เฮติ
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Zombia' มาจากภาษาละตินบ่งบอกถึงแหล่งกำเนิดที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมเฮติ แม้ว่าเราจะไม่สามารถยืนยันได้ว่าสายพันธุ์นี้โดยปกติมีความเกี่ยวข้องกับซอมบี้ ; ชื่อสายพันธุ์ 'antillarum' หมายถึง "จากแอนทิล " หมู่เกาะที่เป็น Hispaniola
- นี่คือ Monotypic genus มีเพียง 1 สายพันธุ์ในสกุล
Zombia antillarum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย แพทย์และนักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Michel Étienne Descourtilz ในปี พ.ศ. 2364 และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Liberty Hyde Bailey (1858-1954) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2483
ที่อยู่อาศัย---มีถิ่นกำเนิดในเกาะ Hispaniola ในทะเลแคริบเบียน ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐอิสระอย่างเฮติและสาธารณรัฐโดมินิกัน เติบโตตามแนวลาดที่แห้งแล้งและสันเขา ในพื้นที่ที่ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีอยู่ในช่วง 1,000 - 1,500 มม.
ลักษณะ--- เป็นปาล์มแตกกอ ขนาดเล็ก ต้นสูง 3-5 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 5 ซม.ตามลำต้นมีแผ่นใยสีน้ำตาลและมีหนามหนาขนาดใหญ่เรียงตัวชี้ลงด้านล่าง เรียงเป็นแถวเวียนรอบต้น หนามแหลมยาว 5 ซม.มีใบ 9-12ใบ รูปพัด (palmate) ขอบใบจักเว้าลึกเกินครึ่งใบ แผ่นใบขนาด 1 เมตร ด้านบนเป็นมันหรือสีเขียวหม่น ส่วนด้านล่างมีสีเทาอมเขียวสีเงินปลายใบชี้ตรงสีฟ้าอมเขียว ก้านใบเรียวไม่มีหนาม ฐานใบไม่แยก เกิดจากวงแหวนลำต้น กาบใบยังคงติดอยู่กับก้านหลังจากใบไม้ร่วงหล่น เนื้อเยื่อที่แทรกสอดจะค่อยๆ เสื่อมสภาพ และเนื้อเยื่อที่เป็นไม้จะแตกออก ทำให้เกิดหนามซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสายพันธุ์ ช่อดอกจะแตกแขนงออกเป็นสองส่วน (Interfoliar) ดอกกะเทย (Hermaphrodite Flowers พืชเหล่านี้สามารถผสมเกสรได้เองและไม่ต้องพึ่งแมลงผสมเกสร) มีขนาดเล็ก สีขาวครีม และ มีเกสรเพศผู้ 9-12 อัน ผลสีขาวเมื่อสุก รูปลูกแพร์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-2 ซม มีเมล็ดเดี่ยว ดอกและผลจะอยู่ท่ามกลางใบเนื่องจากช่อดอกจะสั้นกว่าใบ (ไม่มีผลปาล์มในแคลิฟอร์เนีย)
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ปลูกได้ในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เติบโตได้ดีที่สุดในสภาพอากาศอบอุ่น และดียิ่งขึ้นในสภาพอากาศชื้น (USDA Zone 10a-11) ทนอุณหภูมิที่ต่ำถึง -2 °C ต้องการแสงแดดเต็มจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) หรือแสงแดดบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะทำงานได้ดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงบ่าย) ชอบขึ้นในดินทรายที่ชุ่มชื้นที่มีการระบายน้ำดี pH 6.1-7.8 ทนแล้งมาก การเจริญเติบโต ช้ามาก การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำปกติ การเจริญเติบโตจะแข็งแกร่งขึ้นหากพืชได้รับความชื้นอย่างสม่ำเสมอในช่วงฤดูปลูก
การตัดแต่งกิ่ง---เล็มใบล่างออกบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อให้ชมความสวยงามของลำต้นได้ง่ายขึ้น
การใส่ปุ๋ย---เพื่อป้องกันการขาดธาตุอาหาร ควรใส่ปุ๋ยปาล์มคุณภาพดีที่มีสูตรปลดปล่อยอย่างต่อเนื่องปีละ 3 ครั้ง ใส่ปุ๋ยห่างจากโคนต้นอย่างน้อย 15 ซม.ในช่วงฤดูปลูก เว้นการใส่ปุ๋ยในช่วงฤดูหนาว
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีศัตรูพืชหรือโรคพืชที่สำคัญ
รู้จักอ้นตราย---พืชมีหนามหนาแหลมยาวรอบลำต้น เจาะผิวหนังได้ง่าย ระมัดระวังในการจัดการ และไม่ใช่ปาล์มประดับสำหรับพื้นที่ที่มีเด็กๆ ควรพิจารณาตำแหน่งการจัดวางให้เหมาะสม
ใช้ประโยชน์---พืชที่เก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ใบในท้องถิ่นในการมุงและทอ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
ใช้กิน--- ทางใต้ของSabanetaในสาธารณรัฐโดมินิกันมีรายงานว่าก้านใบ "ใช้ผสมแป้งมันสำปะหลังเพื่อทำขนมปังมันสำปะหลัง"  
ใช้เป็นยา--- มีรายงานว่าเมล็ดใช้รักษาโรคเลือดออกตามไรฟันและยางไม้นั้นถูกใช้โดยTaino Amerindians (กลุ่มของ American Indians ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกาใต้) เนื่องจากมีคุณสมบัติอันทรงพลัง
ใช้ปลูกประดับ--- เป็นปาล์มประดับที่มีขนาดและความสวยงามเหมาะสำหรับสวนและภูมิทัศน์ริมทะเล แต่ต้องจัดวางตำแหน่งให้ห่างทางสัญจร เพราะอาจมีคนเดินชน แล้วได้รับอันตรายจากหนาม ไม่เหมาะสำหรับปลูกในภาชนะหรือในร่ม
อื่น ๆ--- ใบใช้ทำไม้กวาด ใช้เป็นวัสดุถักทำหมวก เมล็ดที่มีปริมาณโปรตีน 2.8–4.9% ใช้สำหรับเลี้ยงสุกร
ความเชื่อ/พิธีกรรม---ชื่อเรียกปาล์มต้นนี้ว่าปาล์มซอมบี้ หรือ ปาล์มซอมเบีย เพราะใช้หนามของปาล์มแทงตุ๊กตา ในพิธีกรรมวูดู
สถานภาพ---เป็นพืชเฉพาะถิ่น (endemic) ของเกาะ Hispaniola *[พืชถิ่นเดียวหรือพืชเฉพาะถิ่น (endemic plants) คือพืชชนิดที่พบขึ้นและแพร่พันธุ์ตามธรรมชาติในบริเวณเขตภูมิศาสตร์เขตใดเขตหนึ่งของโลก และเป็นพืชที่มีเขตกระจายพันธุ์ทางภูมิศาสตร์ค่อนข้างจำกัด ไม่กว้างขวางนัก มักจะพบพืชถิ่นเดียวบนพื้นที่ที่มีลักษณะจำกัดทางระบบนิเวศ เช่น บนเกาะ ยอดเขา หน้าผาของภูเขาหินปูน แอ่งพรุ ฯลฯ  ถิ่นที่อยู่ดังกล่าวมีสภาพจำกัดของสิ่งแวดล้อมหรือมีสภาพดินฟ้าอากาศเฉพาะที่ (microclimate).] http://www.rspg.or.th/plants_data/rare_plants/definition.htm
ภัยคุกคาม---เนื่องจากแม้จะถูกระบุว่า "ไม่ถูกคุกคาม" ในรายการแดงของ IUCN ปี 2006 แต่การทบทวนสถานะของต้นปาล์มอินเดียตะวันตกในปี 2007 ได้จัดประเภท Zombia antillarum ว่ามีความเสี่ยงโดยพิจารณาจากการสูญเสียประชากร 10% ที่คาดการณ์ไว้ในช่วงศตวรรษหน้า โดยเฉพาะในเฮติ พืชชนิดนี้ถูกคุกคามโดยการถูกทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยเพื่อการเกษตร ต้นกล้ายังถูกทำลายโดยปศุสัตว์
สถานะการอนุรักษ์--- NT- Not Threatened -  IUCN Red List of Threatened Species (2006)
ระยะออกดอก/ติดผล---เมษายน-พฤษภาคม/กรกฏาคม-สิงหาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด (ต้นไม้สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ได้ 5,000 เมล็ดต่อปี สิ่งนี้ทำให้สายพันธุ์สามารถงอกใหม่ได้ค่อนข้างดี)

ปาล์มซันเซท/Colyptrocalyx polyphyllus

[kah-lip-troh-KAH-liks] [pahl-ee-FILL-lûs]

  

Picture---Photo by H. Robert Wilson
-https://www.palmpedia.net/wiki/Calyptrocalyx_polyphyllus

ชื่อวิทยาศาสตร์---Colyptrocalyx polyphyllus Becc.(1923)
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:665544-1
ชื่อสามัญ---Flame Palm, ‘Flame’ Palm Tree, Sunset Palm, Giagiau palm, Peliah palm
ชื่ออื่น---ปาล์มซันเซท (ทั่วไป); [THAI: Pam san set (grneral).];[MALAYSIA: Giagiau, Apolop, Pirare, Peliah, Belin Eddi (Malay).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---KPKSS (Preferred name : Calyptrocalyx sp.)
ถิ่นกำเนิด---โอเชียเนีย
เขตกระจายพันธุ์---ปาปัวนิวกินี
นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสกุล 'Calyptrocalyx' มาจากคำศัพท์ภาษากรีก "kalyptra" = หมวก และ "kalux" = กลีบเลี้ยง  โดยอ้างอิงถึงลักษณะที่กลีบเลี้ยงชั้นนอกสุดคลุมกลีบดอกอื่นๆ เมื่อดอกตูม ; ชื่อสายพันธุ์ "polyphyllus" ในภาษาละตินหมายถึง หลายใบ
Colyptrocalyx polyphyllus เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี ในปี พ.ศ.2466
ที่อยู่อาศัย--- ถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวยุโรป บนเกาะนิวกินีในการเดินทางสำรวจของสวิส Karl Lederman ได้ทำแผนที่แม่น้ำ Sepik (ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Kaiser fluss) ในภาคตะวันออกของนิวกินี (ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อประเทศปาปัวนิวกินี) และแม่น้ำสาขาหลายแห่ง ช่วงระดับความสูงแตกต่างกันไปตั้งแต่ 120 -700 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มแตกเป็นกอ สูงได้ถึง 4 เมตร มีลำต้น 2 – 5 ต้น สีน้ำตาลแดง ใบรูปขนนก (pinnate) สีเขียวเข้มเป็นมัน มีใบ 7 – 10 ใบ เรียงสลับกันเป็นระนาบเดียว ทางใบยาว 0.60-1 เมตร หรือมากกว่านั้น มีใบย่อย 10 – 21 คู่ ใบย่อยเป็นรูปใบหอกถึงรูปใบหอกกว้างหรือรูปขอบขนาน ปลายใบแบบ 'drip-tip' ( ปลายหยดน้ำคือส่วนปลายแหลมของใบ) กาบใบหุ้มลำต้นเล็กน้อย มองเห็นส่วนคอสั้น ๆใบใหม่สีแดง ใบใหม่จะคงสีไว้อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ โดยทั่วไปจะซีดจางเมื่อสิ้นสุดสัปดาห์ที่สอง สายพันธุ์นี้ยังคงมีนิสัยในการผลิตใบใหม่สีน้ำตาลแดง/แดงตลอดช่วงวัยเจริญพันธุ์ ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (Monoecious) ดอกจัดเรียงเป็นกลุ่มสามดอก (ดอกเพศเมียอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) ดอกเพศผู้หนึ่งดอก (ของคู่) เปิดออกก่อน และสังเกตได้ง่ายเนื่องจากมีเกสรเพศผู้สีขาวจำนวนมากและกลิ่นหอมอ่อนๆ หลังจากนี้ดอกเพศผู้ตัวที่สอง (ของคู่) จะทำซ้ำขั้นตอน ลำดับทั้งหมดใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน ดอกไม้เพศเมียที่มองเห็นได้ไม่บ่อยนักไม่ค่อยมีใครรู้จักและหลายสัปดาห์ต่อมาก่อนที่จะออกดอก ดอกเพศผู้จะต้องหมดรอบก่อนแล้วค่อยร่วงหล่นเพื่อให้ดอกเพศเมียซึ่งอยู่ระหว่างเพศผู้ทั้งสอง ผลรูปไข่ขนาดประมาณ 1 ซม. มีเนื้อฉ่ำ
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดรำไร (ไม่ใช่แสงแดดโดยตรง) หรือร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรงน้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ควรใช้เวลาอย่างน้อยสองสามชั่วโมงในตอนเช้า) แม้ว่าบางต้นปรับตัวเข้ากับแสงแดดเต็มที่ 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) เมื่อโตเต็มวัย ต้องการ การปกป้องจากลมเย็นและแห้งซึ่งสร้างความเสียหายหรืออาจตายได้ง่าย ไม่เฉพาะเจาะจงกับชนิดของดิน ชอบดินที่อุดมด้วย ฮิวมัส และมีการระบายน้ำอย่างรวดเร็ว อ้ตราการเจริญเติบโต ปานกลางถึงช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ดินที่ชื้นสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้แห้งระหว่างการรดน้ำ และอย่าให้ชื้นแฉะตลอดเวลา
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่ง ต้นปาล์มบางต้นจะเก็บเฉพาะใบที่ไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วทิ้งไปในไม่ช้า
การใส่ปุ๋ย---ใช้ปุ๋ยที่ออกแบบมาสำหรับต้นปาล์มโดยเฉพาะ ในช่วงฤดูปลูก เว้นการให้ปุ๋ยในฤดูหนาว
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีโรคและแมลงศัตรูพืชที่สำคัญ/ดินที่เปียกชื้นกระตุ้นให้เชื้อราเติบโต
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นปาล์มในร่มที่มีศักยภาพสำหรับเขตร้อน เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้กระถางหรือลงแปลงในที่ร่มรำไร
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด

ปาล์มซาบาล/ Sabal causiarum

[SAH-bahl] [kawz-ee-AHR-uhm]

                  

Picture---Fairchild Tropical Botanical Gardens, Coarl Gables, FL. Photo by Geoff Stein.
-https://www.palmpedia.net/wiki/Sabal_causiarum

ชื่อวิทยาศาสตร์---Sabal causiarum (O.F.Cook) Becc.(1908)
ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms. See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:224804-2#synonyms
---Basionym: Inodes causiarum O.F.Cook (1901) https://www.gbif.org/species/2732493
---Inodes glauca Dammer (1903)
---Sabal haitensis Becc. ex Martelli (1931)
---Sabal questeliana L.H.Bailey (1944)
ชื่อสามัญ---Puerto Rican Hat Palm, Puerto Rico Palmetto, Puerto Rican palmetto
ชื่ออื่น---ปาล์มซาบาล (ทั่วไป) : [FRENCH: Latanier chapeau, Palmier sombrero.];[PORTUGUESE/BRAZIL: Sabal-de-Porto Rico.]; [SPANISH: Cana, Palma de cana, Palma de escoba, Palma de sombrero.];[THAI: Paam sa ban (general).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---SABCA (Preferred name: Sabal causiarum.)                                                                                                ถิ่นกำเนิด--- ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์--- หมู่เกาะ Leeward, เปอร์โตริโก, สาธารณรัฐโดมินิกัน, เฮติ
นิรุกติศาสตร์---ไม่ทราบนิรุกติศาสตร์ของสกุลเนื่องจากผู้เขียนไม่ได้ระบุนักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Michel Adanson (1727-1806); ชื่อของสายพันธุ์นี้เป็นพหูพจน์ของสัมพันธการกของเพศหญิงในภาษาละติน "causia" ซึ่งเป็นหมวกสักหลาดสีขาวที่มีปีกกว้างซึ่งชาวมาซิโดเนียโบราณใช้เพื่อป้องกันตัวเองจากแสงแดด โดยอ้างอิงจากใบไม้ที่ใช้ทำหมวก
- ชื่อสายพันธุ์ มันคือ S. causiara ซึ่งตรงข้ามกับ S. causiarum ตามกฎหมายระหว่างประเทศของการตั้งชื่อที่นามสกุลของผู้หญิงจะต้องลงท้ายด้วยชื่อเฉพาะ หากมีอยู่ในชื่อสามัญ (เช่นใน S. bermudana, S. mexicana, S. uresana, S. etonia เป็นต้น). (Rare Palm Seeds.com)
Sabal causiarum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยOrator Fuller Cook (1867–1949) นักพฤกษศาสตร์และนักกีฏวิทยาชาวสหรัฐฯและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยOdoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี ในปี พ.ศ.2451
ที่อยู่อาศัย--- เติบโตตามธรรมชาติใน Hispaniola (สาธารณรัฐโดมินิกันและเฮติ); ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเฮติและสาธารณรัฐโดมินิกันตะวันออก, Anegada และ Guana Island ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินและหมู่เกาะแคริบเบียนที่อยู่ติดกันของ Greater Antilles พบตามดินทรายที่ราบชายฝั่ง ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 100 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยว มักอยู่กันเป็นกลุ่มหนาแน่น ลำต้นตั้งตรงสูงได้ถึง 15 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 40-70 ซม.ลำต้นสีเทาเรียบมองไม่เห็นวงแหวนแผลเป็นปิดที่เกิดจากฐานใบเก่าที่ใบหลุดร่วงอย่างรวดเร็ว ใบมีประมาณ 30-40 ใบ ใบรูปพัด (Costa palmate) และโค้งลงอย่างมาก ขนาดกว้าง 1.5-2 เมตร โดยปกติมีสีเขียวสดใส บางครั้งเป็นสีเขียวขุ่น แบ่งออกเป็น  60-120 ส่วนรวมกันที่ฐานประมาณครึ่งหนึ่งของความยาว มีเส้นใยบางๆ จำนวนมากตามขอบ ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ช่อดอกโค้งหรือห้อยและยาวกว่าใบ แตกกิ่งเป็นสามลำดับ ดอกไม้กะเทยสีขาวครีม ผล pyriform (รูปลูกแพร์) สีดำ ขนาด 0.7-1.1ซม.เมล็ดขนาดเล็ก มน และค่อนข้างแบน
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตในสภาพอากาศแบบเขตร้อน เจริญเติบโตได้ดีที่สุดในตำแหน่งที่มีแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) ไม่เฉพาะเจาะจงเกี่บวกับชนิดของดิน ต้องการดินที่มีการระบายน้ำดี อัตราการเจริญเติบโต เป็นปาล์มที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในสกุล การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำปกติปล่อยให้ดินแห้งระหว่างการรดน้ำ พืชทนทานต่อความแห้งแล้งสูง
การตัดแต่งกิ่ง---ต้นปาล์มบางต้นจะเก็บเฉพาะใบที่ไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วทิ้งไปในไม่ช้า จึงไม่ต้องตัดแต่งกิ่ง บางครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพของความชื้นและความแรงของลมที่พวกมันอาศัยอยู่ อาจเก็บใบที่ตายแล้วหรือโคนก้านใบไว้บนลำต้นเป็นเวลาหลายปี
การใส่ปุ๋ย---ใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยละลายช้า ปีละ 3 ครั้ง
ศัตรูพืช/โรคพืช---ปัญหาศัตรูพืชเฉพาะของปาล์มชนิดนี้คือเพลี้ยจักจั่นและเห็ดหลินจือ
รู้จักอ้นตราย---ใบไม้มีขนาดใหญ่ ระวังใบเก่าที่ร่วงหล่นตามธรรมชาติ
การใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เหมาะสำหรับใช้ในงานภูมิทัศน์ ปลูกกลางแจ้ง เป็นแถวเดี่ยว เช่นริมถนน หรือ สวนสาธารณะ เนื่องจากมี รูปร่างใหญ่โตสง่างาม รู้จักกันอย่างกว้างขวางในฐานะที่เป็นไม้ประดับทั่วเขตร้อน  
อื่น ๆ--- หมวกฟางเปอร์โตริโกทำมาจากใบอ่อนหลังจากผ่านการบ่มการฟอกและทำให้แห้ง เส้นใยใบใช้สำหรับทำตะกร้า เสื่อ และเปลญวน ใบแก่ใช้มุงหลังคา
ภัยคุกคาม---เนื่องจากภัยคุกคามหลักต่อสายพันธุ์นี้คือการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมและการเก็บสะสมเพื่อการค้าพืชสวนมากเกินไป ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นที่สงสัยว่าจำนวนประชากรทั้งหมดของสายพันธุ์นี้มีน้อยกว่า 10,000 ต้นในถิ่นกำเนิด ได้รับการประเมินล่าสุดในบัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 2017 Sabal causiarum ถูกระบุว่ามีความเสี่ยงภายใต้เกณฑ์ C2a(i)
สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE C2a(i) - ver 3.1 - IUCN. Red List of Threatened Species (2017)
source: Bárrios, S. & Hamilton, M.A. 2018. Sabal causiarum. The IUCN Red List of Threatened Species 2018: e.T57356844A125646226. https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2018-1.RLTS.T57356844A125646226.en.  เข้าถึงเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566
การดำเนินการอนุรักษ์ https://www.iucnredlist.org/species/57356844/125646226
- สายพันธุ์นี้พบได้ในพื้นที่คุ้มครองบางแห่งภายในขอบเขตธรรมชาติ ในเปอร์โตริโก พบในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติเกาะโมนา ป่าสงวนรัฐกัวนิกา และภายในขอบเขตของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งชาติบีเกส์ บนหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน มีการบันทึกจากอุทยานแห่งชาติ Shark Bay บน Tortola จากการรวบรวมสมุนไพร สรุปได้ว่าสายพันธุ์นี้เกิดขึ้นในบริเวณ Parque Nacional Sierra de Baoruco ในสาธารณรัฐโดมินิกัน และในอุทยานแห่งชาติ Pic de Macaya ในเฮติ
- มีนอกสถานที่คอลเลกชันที่จัดขึ้นที่สวนพฤกษศาสตร์ JR O'Neal บน Tortola หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (MR Corcoran pers. comm. 2017) และ Kew's Millennium Seed Bank ในสหราชอาณาจักร คอลเลกชันเหล่านี้ได้มาจากแหล่งข้อมูล Anegada และเปอร์โตริโก (TM Heller pers. comm 2017) จำเป็นต้องมีการดำเนินการอนุรักษ์เพื่อรักษาความปลอดภัย ของวัสดุ นอกแหล่งกำเนิดจากหลากหลายสายพันธุ์เพื่อจับความหลากหลายทางพันธุกรรมทั้งหมด ระดับการแสวงประโยชน์จากพืชสวนจำเป็นต้องได้รับการประเมินอย่างเร่งด่วนตลอดขอบเขตเพื่อรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับผลกระทบทั้งหมดจากภัยคุกคามนี้
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด

Picture by---www.palmasenresistencia.blogspot.com


*This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation.  https://www.palmpedia.net/wiki/Sabal_causiarum
- นี่คือปาล์มที่แตกกอมันแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของรากแซกโซโฟน (มีส้นเท้า)รักษาส้นที่สามบนเหนือระดับดิน (แปลโดยกูเกิ้ล)

ปาล์มซาบาลน้อย/Sabal minor

[SAH-bahl] [MY-nor]

Picture---Brunswick County, NC. I found this10 foot Sabal minor along the edge of HWY 17 in Brunswick County in March 2013. Photo by Gary Hollar. https://www.palmpedia.net/wiki/Sabal_minor
ชื่อวิทยาศาสตร์---Sabal minor (Jacq.) Pers.(1805)
ชื่อพ้อง---Has 22 Synonyms
---Basionym: Corypha minor Jacq.(1776).https://www.gbif.org/species/2732511
---Corypha minor Jacq. (1776)
---Sabal adansonii Guerns. (1803), nom. illeg.
---More.See all https://powo.science.kew.org/taxon/669719-1#synonyms
ชื่อสามัญ---Bush Palmetto, Dwarf palmetto, Blue Palmetto, Bluestem palmetto, Scrub palmetto, Little-bluestem, Swamp Palmetto.
ชื่ออื่น---ซาบาลน้อย (ทั่วไป) ; [CHINESE: Xiao ruo zong.];[PORTUGUESE: Palmeira-sabal-anã, Sabal-acaule, Sabl-anão.];[SWEDISH: Buskpalmetto.];[THAI: Sa ban noi (general).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---SABMI (Preferred name : Sabal minor.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---เม็กซิโก (Nuevo León); สหรัฐอเมริกา (Georgia, Florida, Arkansas, Alabama, Louisiana, Mississippi, North Carolina, Oklahoma, South Carolina, Texas)
นิรุกติศาสตร์---ไม่ทราบนิรุกติศาสตร์ของสกุลเนื่องจากผู้เขียนไม่ได้ระบุ นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Michel Adanson (1727-1806) ; ชื่อสายพันธุ์ 'minor' = เล็กน้อย
Sabal minor เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยNikolaus Joseph von Jacquin (1727-1817) นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาการแพทย์ , เคมีและพฤกษศาสตร์ ชาวเนเธอร์แลนด์ และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยChristiaan Hendrik Persoon (1761–1836) นักพฤกษศาสตร์ นักวิทยาเชื้อรา,นักไลเคนและแพทย์ ชาวแอฟริกาใต้ ในปีพ.ศ.2348
ที่อยู่อาศัย--- มึถิ่นกำเนิดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ภาคใต้ ภาคกลาง สหรัฐอเมริกาและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเม็กซิโก  พบได้ในอลาบามา อาร์คันซอ จอร์เจีย ฟลอริดา ลุยเซียนา มิสซิสซิปปี North Carolina, Oklahoma, South Carolina และ Texas เกิดตามธรรมชาติในแหล่งอาศัยที่หลากหลายรวม ป่าริมทะเลหนองบึง พื้นที่น้ำท่วมถึงเป็นครั้งคราว บางครั้งบนพื้นที่แห้งแล้ง ที่ระดับ 10-600 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดเล็กแคระ มีลำต้นใต้ดิน สูง 1-3 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางต้น 10-30 ซม. มีใบ 4-10 ใบ ใบรูปพัด (Costapalmate)ขอบใบจักลึกครึ่งใบ มีใบย่อย 25-40 ใบ ใบไม้แต่ละใบมีความยาว 1.5–2 เมตร แผ่นใบกว้าง 1 เมตร สีเขียวอมน้ำเงิน ช่อดอกออกระหว่างกาบใบ (Interfoliar) จะแตกแขนงสองครั้งและขยายออกไปนอกใบ ยาว 80-120 ซม.ดอกสมบูรณ์เพศ สีขาวนวล ผลกลมขนาด1-1.3ซม.สุกสีดำ มีเมล็ด 1 เมล็ด
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตในที่ที่มีแสงแดดจัด (แสงแดดโดยตรง6-8 ชั่วโมงต่อวัน) หรือร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรงไม่น้อกว่า 4-6 ชั่วโมงต่อวันในช่วงบ่าย)  ต้องการดินที่อุดมสมบูรณ์ และมีการระบายน้ำดี ทนแล้งได้ ทนต่อการสัมผัสทางทะเล ไอเกลือ ทนสภาวะดินเค็มได้ปานกลาง สามารถอยู่รอดได้ในอุณหภูมิต่ำสุด -21 °Cแม้ว่าจะมีความเสียหายใหญ่หรือใบร่วงหมดก็ตาม เป็นหนึ่งในปาล์มที่ทนความเย็นจัดที่สุดในอเมริกาเหนือ อัตราการเจริญเติบโตช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำปกติอย่าปล่อยให้ดินแห้งระหว่างการรดน้ำ  
การตัดแต่งกิ่ง---ต้นปาล์มบางต้นจะเก็บเฉพาะใบที่ไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วทิ้งไปในไม่ช้า จึงไม่ต้องตัดแต่งกิ่ง บางครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพของความชื้นและความแรงของลมที่พวกมันอาศัยอยู่ อาจเก็บใบที่ตายแล้วหรือโคนก้านใบไว้บนลำต้นเป็นเวลาหลายปี
การใส่ปุ๋ย---ใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยละลายช้า ปีละ 3 ครั้ง
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีปัญหาร้ายแรง
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---มีการใช้งานที่หลากหลาย ใช้เป็นอาหาร ยารักษาโรคและแหล่งวัสดุสำหรับใช้ในท้องถิ่น
ใช้กิน--- รากสดอบและกินเป็นขนมปัง แก่นของก้านสามารถกินได้
ใช้เป็นยา--- รากบดละเอียดใส่ตาเหมือนยาฆ่าเชื้อ รากแห้งใช้ต้มรักษาความดันโลหิตสูงและปัญหาเกี่ยวกับไต
ใช้ปลูกประดับ--- เหมาะปลูกเลี้ยงในกระถางขนาดใหญ่หรือปลูกลงแปลงกลางแจ้ง เป็นปาล์มที่นิยมใช้ตกแต่งภูมิทัศน์ชายทะเล เป็นที่นิยมในพื้นที่รีสอร์ทชายฝั่งทะเลตั้งแต่เวอร์จิเนียบีชไปจนถึงเท็กซัสตอนใต้
อื่น ๆ--- ไม้ เบาและนุ่ม ลำต้นถูกใช้เพื่อทำเสาเข็มท่าเรือ ใบใช้มุงหลังคา ทอเพื่อทำหมวกหยาบเสื่อและตะกร้า เปลือกที่เป็นรูพรุนของก้านใช้เป็นแปรงขัดผิว รากมีแทนนินประมาณ 10% สิ่งนี้ได้ถูกเก็บเกี่ยวในเชิงพาณิชย์ในอดีต แต่มีแทนนินไม่เพียงพอสำหรับการสกัดที่ได้ผลกำไร
ภัยคุกคาม---เนื่องจากไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ได้รับการประเมินใน บัญชีแดงของ IUCN Red List of Threatened Speciesในปี 2019 ส่วน Sabal minor ถูกระบุว่า 'เป็นความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้)
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - ver 3.1  - IUCN Red List of Threatened Species (2019)
source: IUCN SSC Global Tree Specialist Group. 2020. Sabal minor. The IUCN Red List of Threatened Species 2020: e.T79521201A79521207. https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2020-1.RLTS.T79521201A79521207.en. Accessed on 10 October 2023.
ระยะออกดอก---เดือนพฤษภาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด เมล็ดที่ใช้เพาะเมล็ดสดดีที่สุด ใช้เวลาในการงอก 3-4 เดือน

Picture by---www.palmasenresistencia.blogspot.com
*This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation.  https://www.palmpedia.net/wiki/Sabal_causiarum
- นี่คือปาล์มที่แตกกอมันแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของรากแซกโซโฟน (มีส้นเท้า)รักษาส้นที่สามบนเหนือระดับดิน (แปลโดยกูเกิ้ล)


สกุล Satakentia (sah-tah-kehn-TEE-ah) เป็น Monotypic genus มีเพียง 1สายพันธุ์ในสกุลคือ Satakentia liukiuensis มีประชากรในป่าหลักสองกลุ่มคือประชากรหลักใน Ishigaki Jima และประชากรที่เล็กกว่ามากบน Iriomote Jima ด้วยต้นไม้ไม่กี่ต้นที่กระจัดกระจายไปทั่วอิริโอโมเตะ ปลูกกันอย่างแพร่หลายเป็นต้นไม้ริมถนนในเมืองที่อยู่ไกลออกไปทางเหนือ โดยเฉพาะNahaในโอกินาว่า

ปาล์มซามูไร/Satakentia liukiuensis

[sah-tah-kehn-TEE-ah] [lee-oo-kee-oo-EHN-sis]


Picture---Fairchild Tropical Botanic Garden, Florida. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.
-Hawaii. Photo by Geoff Stein https://www.palmpedia.net/wiki/Satakentia_liukiuensis

ชื่อวิทยาศาสตร์---Satakentia liukiuensis (Hatus) H.E.Moore.(1969)
ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:669837-1#synonyms
---Basionym: Gulubia liukiuensis Hatus.(1964).See https://www.gbif.org/species/2738322
ชื่อสามัญ---Satake Palm, Yaeyama Palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มซามูไร (ทั่วไป): [JAPAN: Noyashi, Yaeyama-yashi.];[THAI: Paam Sa moo rai (general).];
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---SKILI (Preferred name : Satakentia liukiuensis.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์---เกาะโอกินาวา เกาะอิชิงากิ และอิริโอะโมะเตะในหมู่เกาะริวกุ ของญี่ปุ่น
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Satakentia' ตั้งเป็นเกียรติแก่Toshihiko Satake (1910–1998) นักอุตสาหกรรมชาวญี่ปุ่นและมือสมัครเล่นปาล์ม โดยการรวมชื่อของเขากับชื่อสกุล 'Kentia' ซึ่งตั้งชื่อตาม William Kent (1779 –1827) ภัณฑารักษ์ของสวนพฤกษศาสตร์ Buitenzorg, Java  (ปัจจุบันคือ Kebun Raya Bogor) ; ชื่อของพันธุ์ “liukiuensis” = ของ Liukiu หมายถึงถิ่นกำเนิด
- นี่คือสกุล monotypic มีเพียง 1 สายพันธุ์ในสกุล
Satakentia liukiuensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Sumihiko Hatusima (1906–2008) นักพฤกษศาสตร์ชาวญี่ปุ่นและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Harold Emery Moore (1917–1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกันในปี พ.ศ.2512
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะ Nansei-shoto Archipelago (Liukiu หรือ Ryukyu Islands) สายพันธุ์เดียวบนเกาะอิชิงากิ (Yonehara) และเกาะอิริโอะโมะเตะ (Hoshitate, แม่น้ำนาคา, โซไนและโยอิยามะกรุ๊ปของ Ryukyus) เติบโตตามธรรมชาติบนเกาะในป่าดิบชื้น บนเนินเขาสูงหรือใกล้ทะเล
ลักษณะ---เป็นปาล์ม ต้นเดี่ยวสูงได้ถึง 15-20 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 20-30 ซม.โคนฐานมักจะขยายใหญ่ขึ้นและมี ราก adventitious root (รากที่เกิดจากจุดอื่นที่ไม่ใช่แกนรากของพืช) จำนวนมาก ลักษณะของลำต้นและเรือนยอดคล้ายมะพร้าว ลำต้นสีเทา ข้อถี่สีน้ำตาล คอใบสีเขียวอมน้ำตาล ใบรูปขนนก (pinnate) ทางใบยาว 4 เมตร มีทางใบบนต้น10-12 ก้าน ฐานทางใบที่มีสีแตกต่างกัน, สีเขียวมะกอก, สีน้ำตาลแดงหรือสีน้ำตาลสีม่วง, มันวาวห่อหุ้มลำต้นทั้งหมดความยาว 60-70 ซม.ใบย่อยจำนวนมากเรียงสม่ำเสมอ มีเส้นเดียว รูปใบหอก และแผ่ออกในแนวนอนในระนาบเดียวกันแผ่กางและอ่อนลู่ประมาณ 60 ซม.ช่อดอกมีดอกเพศผู้และดอกเพศเมียแยกกันคนละต้น (Dioecious) ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (Infrafoliar) ช่อดอกจะแตกแขนงออกเป็นสองส่วนขนาดใหญ่สีชมพูอมม่วง ติดผลจำนวนมาก ผลกลมรี ยาว1.4 ซม. และมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.7 ซม. สีเหลืองเมื่อสุกสีดำ มีเมล็ด1เมล็ด
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) หรือแสงแดดบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะทำงานได้ดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงบ่าย) ชอบดินร่วนปนทรายอุดมด้วยฮิวมัสและมีการระบายน้ำดี ทนดินเค็ม ทนทานต่อแรงลม พายุเฮอริเคน อุณหภูมิที่เหมาะสมไม่เคยลดต่ำกว่า +16 °C สามารถอยู่รอดได้ในอุณหภูมิที่เย็นจัดถึง -3.8°C ในช่วงสั้น ๆ อัตราการเจริญเติบโตช้าปานกลาง การบำรุงรักษา ต่ำ หายากในการเพาะปลูก เปราะบางในป่า
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้ดินแห้งระหว่างการรดน้ำ
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็น ต้นไม้ทำความสะอาดตัวเองได้เนื่องจากใบไม้เก่าจะหลุดออกไปเอง
การใส่ปุ๋ย---ใช้ปุ๋ยที่ออกแบบมาสำหรับต้นปาล์มโดยเฉพาะปีละ 3 ครั้ง
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีปัญหาเรื่องโรคพืชและแมลงศัตรูพืชที่สำคัญ
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน กล่าวกันว่า 'ตายอด' ถูกกินในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ใช้ปลูกประดับ--- เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบปาล์มทั่วโลกในฐานะที่เป็นหนึ่งในปาล์มที่สวยที่สุดในโลกด้วยสีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ที่ก้านมงกุฎเป็นสีช็อคโกแลต เป็นไม้ประดับสำหรับภูมิทัศน์ที่ยอดเยี่ยม ปลูกเดี่ยว ๆ ปลูกเป็นกลุ่มหรือเป็นแถว เหมาะปลูกริมทะเลได้ดี
ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'พื้นฐานข้อมูลไม่เพียงพอ' (ข้อมูลที่มีอยู่ไม่เพียงพอสำหรับการประเมินความเสี่ยงของการสูญพันธุ์)
สถานะการอนุรักษ์---DD -Data Deficient - IUCN Red List of Threatened Species (1998) https://www.iucnredlist.org/species/38695/10139569
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด เมล็ดใช้เวลาในการงอก 2-4 เดือน ที่อุณหภูมิ 24-26°C

ปาล์มตีนช้าง/ Phoenix canariensis

[FEH-niks] [kah-nahr-ee-EN-sis]

 

Picture 1---Tenerife, Santa Cruz de Tenerife, Canary Islands; Spain. Photo by Dr. John Dransfield,
Picture 2---La Gamera, Tenerife, Canary Islands. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.
-https://www.palmpedia.net/wiki/Phoenix_canariensis

ชื่อวิทยาศาสตร์---Phoenix canariensis Chabaud (1882)
ชื่อพ้อง---Has 8 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-152655
ชื่อสามัญ---Canary Islands date palm (CIDP), Canary date palm, Canary date, Canaries date palm, Pineapple palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มตีนช้าง; [CHINESE: Jia na li hai zao, Bing lang zhu, Jia na li ci kui, Zhen kui.];[CZECH: Ďatľovník kanársky.];[DUTCH: Kanarische dadel palm, Kanarische Dattel-palme.];[FRENCH: Palmier dattier des Canaries.];[GERMAN: Kanarische Dattelpalme.];[ITALIAN: Palma delle Canarie.];[JAPANESE: Fenikkusu, Kanarii yashi.];[KOREAN: K'a na ri a ya cha.];[PORTUGUESE: Palmeira-das-canárias, Palmeira-tamarei-ra, Tamareira-das-canarias.];[SPANISH: Palmera canaria, Palma canaria, Tamara.];[SWEDISH: Kanariepalm.];[THAI: Pam tin chang.];[TURKISH: Yalancı hurma.].
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---PHXCA (Preferred name : Phoenix canariensis .)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---หมู่เกาะคานารี เบอร์มิวดาและสหรัฐอเมริกา (ฟลอริด้าและแคลิฟอร์เนีย) สเปน, โปรตุเกส, อิตาลี, ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Phoenix' มาจากชื่อภาษากรีกซึ่งตั้งขึ้นในสมัยโบราณถึงต้นอินทผาลัม (Phoenix dactylifera) ; ชื่อสายพันธุ์ 'canariensis' = ของหมู่เกาะคะเนรี อ้างอิงถึงแหล่งกำเนิด
Phoenix canariensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย J. Benjamin Chabaud (1833–1915) นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2425
- ข้อมูลแรกเกี่ยวกับการมีอยู่ของต้นปาล์มในหมู่เกาะคะเนรีนั้นได้รับจาก Pliny the Elder (23/24 - 79 AD) ในขณะที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของกษัตริย์แห่ง Numidia, Juba II (Naturalis Historia)


Picture---Google headquarters, Palo Alto, Ca. Photo by Kelley MacDonald.. https://www.palmpedia.net/wiki/Phoenix_canariensis

ที่อยู่อาศัย--- ปาล์มชนิดนี้ในธรรมชาติ พบใน La Gomera 1ใน7 เกาะ ของหมู่เกาะคานารี มากที่สุด ที่อยู่อาศัยหลากหลายตั้งแต่บริเวณที่มีความชื้นต่ำกว่าป่าเมฆไปจนถึงพื้นที่กึ่งแห้งแล้ง ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลจนถึงระดับความสูง 1,200 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์ม ต้นเดี่ยว ลำต้นหนา ตั้งตรง สูงได้ 10-20 (-40) เมตร ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 60 - 90 ซม.มีรอยแผลเป็นที่เกิดจากรอยหลุดร่วงของก้านใบเด่นชัด มีความโดดเด่น ยก และเป็นคลื่น รูปเพชรหรือเรือแคนู ตรงโคนที่ติดพื้นดินป่องออกดูคล้ายตีนช้าง ด้านบนเกิดจากการตัดแต่งฐานใบ จนดูคล้ายสับปะรด มงกุฎมีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ 8-12 เมตร หนาแน่น มีใบโค้งยาวมากกว่า 50 ใบ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก (pinnate) พุ่งออกหลายทิศทาง ใบย่อย 80-100 ใบในแต่ละด้าน ทางใบยาว 5-6 เมตร คงทนอยู่ได้นาน แผ่นใบแข็งสีเขียว ลดเหลือหนามที่ฐาน ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ดอกเพศเมียมีความยาวได้ ถึง 2 เมตร ในขณะที่ดอกเพศผู้จะมีขนาดประมาณ 50 ซม. ดอกเพศเมีย สีขาวเหลืองมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ผลรูปทรงกระบอก ยาว1.5-3 ซม.สีเหลืองเขียว เมือสุกสีเหลืองอมส้มจนถึงม่วงดำ มีเมล็ดรูปรี ประมาณ 15 x 10 มม.1 เมล็ดแข็งมีเนื้อไม้
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ในสภาพอากาศที่เปียกชื้นในฤดูหนาวหรือในแถบเมดิเตอร์เรเนียน รวมถึงภูมิอากาศ กึ่งเขตร้อนชื้น (USDA Zone 8a-11) สามารถเพาะปลูกได้ในที่ซึ่งอุณหภูมิแทบไม่ลดลงต่ำกว่า -10 °C หรือ -12 °C ; ในเขตอบอุ่นทนต่ออุณหภูมิต่ำได้ถึง -8 °C แต่อาจได้รับความเสียหายต้องการแสงแดดจัด 80-100 % (แสงแดดโดยตรง6-8 ชั่วโมงต่อวัน) สามารถทนต่อการเปิดรับแสงได้หลากหลาย รวมถึงร่มเงาลึก และดินหลากหลายประเภท รวมทั้งดินทรายและดินเหนียว มีความสามารถเฉพาะตัวในการทนต่อทั้งความแห้งแล้งและน้ำท่วมอย่างรุนแรง pH ของดิน 6.1 (กรดอ่อน) ถึง 7.8 (ด่างอ่อน)  อัตราการเจริญเติบโตช้า การบำรุงรักษาต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำสม่ำเสมอเมื่อดินแห้ง ไม่ชอบดินที่เปียกชื้นตลอดเวลา ทนแล้ง; เหมาะสำหรับ xeriscaping
การตัดแต่งกิ่ง---พืชไม่สามารถทำความสะอาดตัวเองได้ ดังนั้นต้องตัดใบไม้เก่าออกด้วยมือ สำหรับพืชที่ดีต่อสุขภาพและน่าดึงดูดที่สุด ให้ตัดแต่งเมื่อใบแก่ตายและปล่อยให้ฐานใบแห้ง จากนั้นตัดแต่งและเล็มเพื่อให้ดูสวยงาม เมื่อตัดแต่งฐานใบด้านล่างของมงกุฎจะมีรูปร่างเป็นสับปะรด
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด หรือปุ๋ยที่ปล่อยช้าปีละ 2 ครั้ง ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน
ศัตรูพืช/โรคพืช---ด้วงงวงปาล์มในอเมริกาใต้ (South American palm weevil) ทำให้พวกมันเหี่ยวเฉา เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและตาย เพลี้ยแป้ง แมลงเกล็ด และเพลี้ยไฟมักพบบนต้นอ่อน / โรคเหี่ยว Fusarium โรคเชื้อราที่มักติดต่อผ่านเมล็ดพืชที่ปนเปื้อนดิน ไวต่อโรคเหลืองตาย [Lethal yellowing (LY).]
รู้จักอ้นตราย---พืชมีหนามใช้ความระมัดระวังในการจัดการ
การใช้ประโยชน์ ---ใช้กิน เนื้อผลไม้เมื่อสุก (สีดำสนิท) กินได้ แต่ไม่ใช่ดีที่สุดเนื่องจาก เนื้อน้อยบางมีเส้นใย ไม่น่ารับประทาน
ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ--- สามารถปรับตัวให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยและดินมากกว่าปาล์มอื่นเกือบทุกชนิด จึงได้รับการปลูกเลี้ยงอย่างกว้างขวางในเขตอบอุ่น ปลูกเป็นต้นไม้ริมถนนหนทาง หรือปลูกประดับจัดสวน เป็นจุดโฟกัสในงานอย่างได้ผล นับเป็นปาล์มที่โด่งดังที่สุด ถือเป็นไม้ประดับที่พบมากที่สุดในสวนเมดิเตอร์เรเนียนและปลูกกันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลก
- เปิดตัวในยุโรปในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในประเทศแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทั้งหมด
อื่น ๆ--- ใบใช้ผลิต ผลิตภัณฑ์ทอผ้าหลากหลาย ตาดอกช่อดอกจะถูกแตะเพื่อดูดซับน้ำหวานซึ่งกินได้เหมือนกับน้ำผึ้งปาล์ม Mifsud (1995) ในมอลตาชาวประมงใช้ ใบปาล์มสองหรือสามใบ ลอยบนผิวน้ำทะเลใกล้ตาข่ายที่ใช้ดัก เพื่อดึงดูด ปลาชนิดที่รวมตัวกันภายใต้วัตถุที่ลอยได้
- P. canariensis ผสมข้ามกับตัวอื่นได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอินทผาลัม ( Phoenix dactylifera ) ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงลูกผสมที่หลากหลายและมีลักษณะปานกลาง ระหว่างสองสายพันธุ์ที่ปลูกในปัจจุบัน
ได้รับรางวัล---Award of Garden Merit (AGM)จาก Royal Horticultural Society (1998)
สถานภาพ---เป็นพืชถิ่นเดียว (endemic) ของหมู่เกาะคานารี (Gobierno de Canarias 2017) *[พืชถิ่นเดียวหรือพืชเฉพาะถิ่น (endemic plants) คือพืชชนิดที่พบขึ้นและแพร่พันธุ์ตามธรรมชาติในบริเวณเขตภูมิศาสตร์เขตใดเขตหนึ่งของโลก และเป็นพืชที่มีเขตกระจายพันธุ์ทางภูมิศาสตร์ค่อนข้างจำกัด ไม่กว้างขวางนัก มักจะพบพืชถิ่นเดียวบนพื้นที่ที่มีลักษณะจำกัดทางระบบนิเวศ เช่น บนเกาะ ยอดเขา หน้าผาของภูเขาหินปูน แอ่งพรุ ฯลฯ  ถิ่นที่อยู่ดังกล่าวมีสภาพจำกัดของสิ่งแวดล้อมหรือมีสภาพดินฟ้าอากาศเฉพาะที่ (microclimate).] http://www.rspg.or.th/plants_data/rare_plants/definition.htm
ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ได้รับการประเมินล่าสุดในบัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 2017 Phoenix canariensis ถูกระบุว่า 'เป็นความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้)
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - ver 3.1 - IUCN Red List of Threatened Species (2017)
source: Beech, E. 2017. Phoenix canariensis (errata version published in 2018). The IUCN Red List of Threatened Species 2017: e.T13416997A122966725. https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2017-3.RLTS.T13416997A13417001.en. เข้าถึงเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566
การดำเนินการอนุรักษ์ https://www.iucnredlist.org/species/13416997/122966725
- ชนิดนี้ถูกระบุว่าใกล้ถูกคุกคามในช่วงธรรมชาติ (Bañares  et al.  2008) สวน Phoenix canariensisมีรายชื่ออยู่ใน EU Habitats Directive Annex I (รหัสที่อยู่อาศัย 9370) และประเภทถิ่นที่อยู่ได้รับการพิจารณาให้อยู่ในสถานะการอนุรักษ์ที่ 'ไม่เอื้ออำนวย-ไม่เพียงพอ' ในภูมิภาคมาคาโรนีเซียน (EUNIS 2017)
- ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่สำคัญของชุมชนหรือพื้นที่คุ้มครอง นอกจากนี้ยังมีมาตรการทางกฎหมายเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์เอกลักษณ์ทางพันธุกรรมของPhoenix canariensis ความพยายามในการกำจัดมอดตาลแดง (Bañares  et al.  2008) ประสบผลสำเร็จ อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อควบคุมมอดมะพร้าวสี่จุด มีรายงานว่า  Phoenix canariensis  จัดขึ้นในปี 151คอลเลกชันนอก แหล่งกำเนิด (BGCI 2016)
- ชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์อย่างเป็นทางการของ Canaries government, และเป็น species.คุ้มครอง
ระยะเวลาออกดอก/ผลสุก---ในป่าจะออกดอกในฤดูใบไม้ผลิ/ผลสุกในฤดูใบไม้ร่วง
ขยายพันธุ์---เมล็ด เมล็ดงอกง่าย ใช้เวลา 1-2 เดือนในการงอก ที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 25°C
- ในสภาพที่เหมาะสม ต้นกล้าจะเติบโตเป็นใบประกอบภายใน 1 ปีนับจากการแตกหน่อ และเพิ่มเป็นความกว้างเต็มที่ในเวลาประมาณ 5 ปี ซึ่งจะเริ่มสร้างลำต้น จากนั้นเพิ่มความสูงได้ประมาณ 30 ซม.ต่อปี

ปาล์มไต้หวัน/ Phoenix loureiroi var. loureiroi

[FEH-niks] [loo-rare-OH-ee] var [loo-rare-OH-ee]

Picture---Kenting National Park, Taiwan. Male and female. Photo by Adam https://www.palmpedia.net/wiki/Phoenix_loureiroi_var._loureiroi

ชื่อวิทยาศาสตร์---Phoenix loureiroi var. loureiroi sp. formosana  autonym
ชื่อพ้อง---Has 5 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:77171064-1#synonyms
---Phoenix hanceana Schaedtler(1875)
---Phoenix hanceana var. formosana Becc.(1908)    
---Phoenix hanceana var. philippinensis Becc.(1908)    
---Phoenix humilis var. hanceana (Naudin) Becc.(1890)
---Phoenix pygmaea Raeusch [Invalid](1797)
ชื่อสามัญ---Taiwan Date Palm, Mountain date palm,  Philippine Date Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มไต้หวัน (ทั่วไป) ; [CHINESE: Ci kui, Xiao zhen kui.];[MALAYALAM: Ichampullu, Chittinthal.];[THAI: Paam tai wan (General).];
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---PHXSS (Preferred name: Phoenix sp.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์---จีนตะวันออกเฉียงใต้(ไหหลำ) พม่า กัมพูชา ลาว ไต้หวัน ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Phoenix' มาจากชื่อภาษากรีกซึ่งตั้งขึ้นในสมัยโบราณถึงต้นอินทผาลัม (Phoenix dactylifera) ; ชื่อสายพันธุ์ ' loureiroi' ตั้งชื่อตาม Joao de Loureiro (1717–1791) เป็นมิชชันนารีและนักพฤกษศาสตร์นิกายเยซูอิตชาวโปรตุเกส
Phoenix loureiroi var. loureiroi เป็นความหลากหลาย (Variety) ของ Phoenix loureiroi * ชื่อนี้เป็นชื่อที่ยอมรับของอนุกรมวิธานที่ไม่จำเพาะของชนิด Phoenix loureiroi Kunth ในสกุล Phoenix (วงศ์ Arecaceae ) http://www.worldfloraonline.org/taxon/wfo-0000269787 บันทึกมาจากWCSP ซึ่งรายงานว่าเป็นชื่อที่ยอมรับ (บันทึก152690-wcs )
- คำอธิบายเดิมเขียนโดย Carl Sigismund Kunth (1788–1850) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในชื่อ ' loureiri ' แต่หลังจากนั้นก็ได้รับการแก้ไขเป็น " loureiroi "ภายใต้บทบัญญัติของ ICBN (International Code of Botanical Nomenclature)
- ในไต้หวันปาล์มต้นนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Phoenix hanceana เท่านั้น ต้องย้ำว่าชื่อที่ถูกต้องทางพฤกษศาสตร์ของสายพันธุ์นี้คือ Phoenix loureiroi var. loureiroi การเพิ่ม sp.formosana นั้นเป็นส่วนที่ระบุถึงถิ่นกำเนิดจากเกาะไต้หวัน https://www.trebrown.com/plant_info.php?species=Phoenix+loureiroi+var.+loureiroi+sp.+formosana


Picture---Rama IX Royal Park, Bangkok, Thailand. Photo by Dr. Tony Rodd
-https://www.palmpedia.net/wiki/Phoenix_loureiroi_var._pedunculata

ที่อยู่อาศัย--- พบได้ทั่วไปในพื้นที่ทางใต้ของไต้หวัน เติบโตบนเนินเขาริมชายฝั่งที่สูงชัน บนหน้าผาใกล้ทะเล บนเนินทรายและทุ่งหญ้าซึ่งอยู่ใกล้กับชายฝั่ง ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล ถึงความสูง 1,000-1,700 เมตร
- *สปีชีส์นี้พบเห็นได้ทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ เกือบจะเป็นวัชพืชในพงไม้สน Phoenix loureiroi var. loureiroi หายากในคาบสมุทรไทย ประชากรเป็นที่รู้จักเฉพาะจากจังหวัดตรังใกล้ชายแดนมาเลเซีย เติบโตในทุ่งหญ้าที่มีคนเข้าถึงมาก มักอาศัยอยู่บนจอมปลวกเก่าตามขอบนาข้าวที่ถูกละเลย (S.C. Barrow. 1998)/Palmweb.https://www.palmpedia.net/wiki/Phoenix_loureiroi_var._loureiroi
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดเล็กโตช้า แต่บางครั้งอาจแตกกอลำต้นสั้นและอยู่ใต้ดิน ลำต้นสูงได้ถึง 1-6 เมตรมีเส้นผ่านศูนย์กลาง  20-40 ซม. มีรอยของก้านใบเด่นชัดและถี่ ใบรูปขนนก(pinnate) ใบย่อยพุ่งออกหลายทิศทาง ทางใบยาว2-3เมตร ก้านใบมีหนามแข็ง ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ช่อดอกเพศผู้ตั้งตรงได้ถึง 65 ซม. มีถึง 30 ช่อย่อยยาว 10 ซม.  ช่อดอกเพศเมียตั้งตรง โค้งงอได้ถึง 2 เมตร มีถึง 40 ช่อย่อย ยาวได้ถึง 40 ซม ผลรูปทรงกระบอกสีเหลืองส้ม1.8 × 0.9 ซม.เมื่อสุกสีดำ น้ำเงินดำหรือม่วงเข้ม เอนโดสเปิร์มเป็นเนื้อเดียวกัน
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6 ชั่วโมงขึ้นไปต่อวัน) ถึงร่มเงาบางส่วน (แสงสว่างทางอ้อมอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) เติบโตได้ใน ดินเหนียว ดินร่วนปนทราย ชอบดินร่วนอุดมด้วยอินทรีย์วัตถุมาก ระบายน้ำได้ดี ค่า pH ของ ดินที่จำเป็นคือ 5.6 - 7.8 (เป็นกรดเล็กน้อยถึงเป็นด่างเล็กน้อย) อัตราการเจริญเติบโต ช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปริมาณปานกลาง รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยให้ดินแห้งระหว่างการรดน้ำ อย่าให้น้ำมากเกินไป ในฤดูหนาว เป็นช่วงเวลาพืชพักตัวการเจริญเติบโตของพืชช้าลง ควรเว้นระยะการรดน้ำให้ห่างขึ้นในช่วงเวลานี้
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดถ้ากิ่งยังมีสีเขียวอยู่
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบ รวมทั้งธาตุอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด หรือปุ๋ยที่ปลดปล่อยช้าในช่วงฤดูปลูก หรือตามคำแนะนำของบรรจุภัณฑ์ โดยใช้ปุ๋ยสูตรเฉพาะสำหรับปาล์ม
ศัตรูพืช/โรคพืช---ศัตรูพืชทั่วไปได้แก่ แมลงเกล็ด (Scale insects)/โรคที่พบบ่อยได้แก่โรคใบจุด (Leaf spot)
รู้จักอ้นตราย---อาจมีอันตรายจากหนามหรือขอบแหลม ใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการจัดการ ใบไม้จะแข็งมากและสามารถเจาะผิวหนัง เนื้อเยื่อได้ง่าย บางครั้งแม้แต่ชุดป้องกันและอาจทิ่มตาเมื่อทำงานใกล้ ๆ วางต้นไม้นี้ให้ห่างจากพื้นที่เล่นสำหรับเด็กและทางเดิน
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ นำมาใช้จัดสวน ตำแหน่งจัดวาง การปลูก  มักจะอยู่ข้าง ๆ  Phoenix sylvestris (อินทผลัมไทย) ซึ่งไม่จำเป็นต้องกลัวว่าการผสมพันธุ์จะเกิดขึ้นเนื่องจากเวลาออกดอกไม่ทับซ้อนกัน   
อื่น ๆ---ใบนำมาทอเป็นเครื่องใช้ในบ้านต่างๆ โดยเฉพาะไม้กวาด หรือใช้สำกรีบมุง
ระยะออกดอก/ติดผล--- ตลอดปี
ขยายพันธุ์---ด้วยเมล็ด

ปาล์มบราเฮีย/ Brahea armata

[brah-HEH-ah] [ahr-MAH-tah]


Picture---Menton, French Côte d'Azur, France. Photo by Philippe. https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_armata

ชื่อวิทยาศาสตร์---Brahea armata S.Watson.(1876)
ชื่อพ้อง---Has 13 Synonyms.
---Brahea clara (L.H.Bailey) Espejo & López-Ferr. (1993)
---Brahea elegans (Franceschi ex Becc.) H.E.Moore. (1975)
---More.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:664889-1#synonyms
ชื่อสามัญ---Mexican Blue Palm, Blue Hesper Palm, Gray-goddess, Big blue hesper palm, Blue fan palm, Sweet brahea
ชื่ออื่น----ปาล์มบราเฮีย (ทั่วไป);[CHINESE: Chang sui lü, Ci shi zong.];[DUTCH: Blauwe hesperpalm.];[FRENCH: Palmier de zinc, Palmier bleu, Palmier bleu de Mexique, Palmier à feuilles de zinc.];[GERMAN: Blaue Hesperidenpalme, Erytheapalme.];[ITALIAN: Palma blu del Messico, Palma blu Messicana.];[SPANISH: Palma blanca, Palma azul de Méjico, Palma gris, Palmera azul.];[SWEDISH: Blåpalm, Blå mexicopalm.];[THAI: Paam ba hia.];[TURKISH: Mavi palmiye.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code--- EYHAR (Preferred name: Brahea armata.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---ตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกา ตะวันตกเฉียงเหนือของเม็กซิโก ; บาจา แคลิฟอร์เนีย เม็กซิโก
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Brahea' เพื่อเป็นเกียรติแก่ Tycho Brahe (1546 –1601) นักดาราศาสตร์ชาวเดนมาร์ก ; ชื่อสายพันธฺุ์ 'armata' หมายถึง ขอบก้านมีหนาม
Brahea armata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Sereno Watson (1826–1892) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2419


Picture---At Gary Le Vines place. Escondito, CA. Photo by Troy Donovan https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_armata

ที่อยู่อาศัย--- เป็นปาล์มเฉพาะถิ่น (Endemic) ที่แพร่หลายที่สุดในคาบสมุทรทางเหนือ มีถิ่นกำเนิดทางตะวันตกเฉียงเหนือของเม็กซิโก (บาจา รัฐโซโนราและ แคลิฟอร์เนีย) เติบโตในหุบเขา ป่าแห้งแล้งและพบเห็นการเติบโตในรอยแยกของหินที่ระดับความสูงที่สูงขึ้น มักอยู่บนดินหินปูน จากระดับน้ำทะเลถึงกว่า 1,000 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวสูงได้ถึง15 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 30-50 ซม.ลำต้นสีเทา เรียบหรือบางครั้งมีรอยแผลเป็นที่เกิดจากใบ บวมเล็กน้อยที่โคน ใบมี 25-30 ใบ รูปพัด(Costapalmate) แบ่งเป็นแผ่นพับ 40 ถึง 60 ใบ ก้านใบขยายไปถึงมากกว่าครึ่งหนึ่งของใบ กลางใบ กว้าง2.4 - 2.7 เมตรไม่แบ่งแยก ก้านใบยาว 1 เมตร มีหนามโค้งงอตามขอบใบสีเข้ม ขอบใบจักเว้าลึก ใบปกคลุมด้วยแว็กซ์ สีฟ้าหรือสีเขียวอมน้ำเงิน ดอกออกระหว่างกาบใบ (Interfoliar) ช่อดอกจำนวนมาก โค้งงอ แผ่กว้างออกไปจนเกินมงกุฎ ยาวได้ 1 ถึง 5 เมตร และเกือบถึงพื้นในต้นที่ยังเล็ก ดอกไม้ขนาดเล็ก มีกลิ่นหอมและไม่เด่น ดอกเป็นดอกเดี่ยว ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่ในช่อดอกเดียวกัน ดอกปาล์มเฮสเปอร์สีน้ำเงินถือเป็นหนึ่งในดอกปาล์มที่สวยที่สุด ผลกลมรีขนาด 1.8-2.5 ซม.ผลอ่อนสีขาวอมเหลือง เผลสุกสีน้ำตาลดำมีเนื้อเล็กน้อย มีเมล็ดเดียว
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เป็นหนึ่งในปาล์มที่ปลูกกันอย่างแพร่หลายในสภาพอากาศกึ่งเขตร้อนและปลูกในสวนทั่วไปและสวนสาธารณะ มันถูกปรับให้เข้ากับภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่มีฤดูหนาวที่เย็นชื้นและฤดูร้อนที่แห้งแล้ง สามารถใช้ได้ทั้งในร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะทำงานได้ดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงเช้า) และแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) จะทำให้สีของใบเข้มขึ้น ทนต่อสภาพดินที่ไม่ดีแต่มีการระบายน้ำที่ดี สามารถเติบโตได้ในดินที่มีความเป็นด่างสูง ทนแล้งและทนความร้อน ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -10 °C (14 °F) แต่บางครั้งก็น้อยกว่าด้วยความเสียหายเล็กน้อยที่ใบ อัตราการเจริญเติบโต ช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ทนต่อระดับความชื้นต่ำและความแห้งแล้งในฤดูร้อน แม้ว่ามันจะชอบความชื้นที่สม่ำเสมอ แต่ไม่ชอบดินที่เปียกชื้นแฉะตลอดเวลาเพราะมักจะทำให้ลำต้นหรือรากเน่า การเติบโตที่ดีที่สุดโดยการให้น้ำชุ่มลึกเป็นครั้งคราว
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งกิ่งปาล์ม เมื่อใบแก่ตาย ควรตัดแต่งออกและปล่อยให้โคนใบแห้ง แต่อย่าลิดถ้าใบยังมีสีเขียวอยู่บ้าง
การใส่ปุ๋ย---ตอบสนองต่อปุ๋ยได้ดีมาก และต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบ รวมทั้งธาตุอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด หรือปุ๋ยที่ปล่อยช้าในช่วงฤดูปลูก โดยใช้ปุ๋ยสูตรเฉพาะสำหรับปาล์ม เช่นเดียวกับปาล์มอื่นๆ การขาดโพแทสเซียมและแมกนีเซียมอาจเกิดขึ้นได้ และควรให้อาหารเสริมแร่ธาตุในปริมาณที่แนะนำเพื่อป้องกันหรือรักษาการขาดธาตุดังกล่าว
ศัตรูพืช/โรคพืช--- แมลงและโรคที่อาจเกิดได้ Aleurotrachelus atratus (แมลงหวี่ขาว), Paysandisia archon (หนอนเจาะปาล์มในอเมริกาใต้)และ Rhynchophorus ferrugineus (มอดปาล์มแดง)/โดยทั่วไปปลอดโรค ค่อนข้างมีความต้านทานต่อโรคเหลืองตาย [Lethal yellowing disease (LY).]
รู้จักอ้นตราย---เป็นที่ทราบกันดีว่าใบไม้ที่ตายแล้วเป็นอันตรายจากไฟไหม้และเป็นที่พักอาศัยยอดนิยมสำหรับสัตว์ฟันแทะ ด้วยเหตุนี้จึงต้องกำจัดออก
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลไม้ที่กินได้บางครั้งจะถูกรวบรวมจากป่าและใช้ในท้องถิ่น
- ชาว Cocopah (เป็นชนพื้นเมืองอเมริกันที่อาศัยอยู่ใน Baja California, Mexico และArizona, United States) กินเมล็ดพืชหลังจากคั่วแล้ว
ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ--ปลูกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มเป็นแถว เมื่ออายุยังน้อยมีรูปลักษณ์ที่สวยงามนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในกระถางขนาดใหญ๋ได้
- ย้ายปลูกได้ง่าย มีความแข็งแกร่งและทนต่อการถูกทอดทิ้ง
ได้รับรางวัล---Award of Garden Merit (AGM)จาก Royal Horticultural Society
ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ได้รับการประเมินล่าสุดใน บัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 2014 Brahea armataถูกระบุอยู่ในรายการที่มีความกังวลน้อยที่สุด (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้)
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - ver 3.1 - IUCN Red List of Threatened Species (2014)
source: Quero, H. & López-Toledo, L. 2015. Brahea armata S.Watson. The IUCN Red List of Threatened Species 2015: https://doi.org/10.2305/IUCN.UK.2015-2.RLTS.T55948517A56756065.en เข้าถึงเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2566
การดำเนินการอนุรักษ์ https://www.iucnredlist.org/species/55948517/56756065
- สายพันธุ์นี้พบในเขตสงวนชีวมณฑล Valle de los Cirios และ El Vizcaíno
ระยะออกดอก---กุมภาพันธ์-มีนาคม/มืถุนายน-สิงหาคม
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด ระยะเวลาการงอกของเมล็ดสดอยู๋ระหว่าง 3-4 เดือน ปาล์มชนิดนี้ มีรูปแบบรากแก้วที่มีความยาวก่อนที่จะสร้างยอด ดังนั้นควรหว่าน 2 - 3 เมล็ดต่อถุงเพาะชำ ได้ต้นกล้าแล้วนำไปปลูกในตำแหน่งถาวรโดยเร็วที่สุด


สกุล Archontophoenix (ahr-kohn-toh-FEH-niks) King Palms ทั้งหมดอยู่ในสกุล  Archontophoenix มีหกชนิดในสกุลนี้ ทั้งหมดมาจากออสเตรเลีย แต่ละชนิดของ Archontophoenix มาจากพื้นที่ต่าง ๆ ของทวีปออสเตรเลีย สิ่งสำคัญที่ควรรู้เมื่อคนทั่วไปพูดถึง"King Palm" ทุกชนิดของสกุลนี้สามารถเรียกได้โดยคำนี้  ในขณะที่บางชนิดมีชื่อสามัญของตัวเอง  จากมุมมองของภูมิทัศน์ต้นปาล์มเป็นที่นิยมและปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก แต่สายพันธุ์ที่พบมากที่สุดคือ Archontophoenix cunninghamiana เป็นสายพันธุ์เดียวที่ชาวสวนส่วนใหญ่และแม้แต่สถาปนิกภูมิทัศน์บางคนคุ้นเคย เมื่อคนสวนพูดว่า "King Palm" มันเป็น คันนิงแฮม ที่ อ้างถึง เป็นขนิดที่พบมากที่สุดที่พบในพืชเชิงพาณิชย์ (แสดงในหน้านี้ 1 สายพันธุ์) สายพันธุ์ได้แก่
- Archontophoenix alexandrae (F.Muell.) H.Wendl. & Drude - อเล็กซานดราปาล์ม, คิงปาล์ม
- Archontophoenix cunninghamiana H.Wendl. & Drude - ปาล์มบังกาโล, พิคคาบีนปาล์ม
- Archontophoenix maxima Dowe
- Archontophoenix myolensis Dowe
- Archontophoenix purpurea Hodel & Dowe - Mount Lewis คิงปาล์ม
- Archontophoenix tuckeri Dowe

ปาล์มบังกะโล/ Archontophoenix cunnighamiana

[ahr-kohn-toh-FEH-niks] [kuhn-ning-ham'-ee-ahn-ah]


Picture---https://www.palmpedia.net/wiki/Archontophoenix_cunninghamiana

ชื่อวิทยาศาสตร์--- Archontophoenix cunnighamiana (H.Wendl.) H.Wendl. & Drude (1875)
ชื่อพ้อง---Has 5 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:134734-3#synonyms
---Basionym: Ptychosperma cunninghamianum H.Wendl.(1858) https://www.gbif.org/species/2732621
---Jessenia amazonum Drude  (1882)
---Loroma amethystina OFCook (1915)
---Loroma cunninghamiana (H.Wendl.) OFCook (1915)
---Seaforthia elegans Hook (1857) nom. illeg.
ชื่อสามัญ---Palm Bangalow, Piccabeen palm, Piccabeen bangalow palm, Illawara Palm, Common King Palm, King Palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มบังกะโล(ทั่วไป): [CHINESE: Ken shi jia bing lang.];[FRENCH: Palmier Bangalow, Palmier de Cunningham, Palmier élégant.];[GERMAN: Feuerpalme, Bangalowpalme, Cunninghams Palme.];[ITALIAN: Palma di Cunningham.];[PORTUGUESE: Palmeira-ciaforte, Palmeira-australiana, Palmeira-elegante, Palmeira-real, Palmeria-australiana.];[SPANISH: Areca australiana, Palmera de Cunningham, Seafortia.];[SWEDISH: Trapp-palm.];[TAIWAN: Ken shi ye zi.];[THAI: Pam bung ka lo (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code--- AHPCU (Preferred name: Archontophoenix cunnighamiana.)
ถิ่นกำเนิด---โอเชียเนีย
เขตกระจายพันธุ์--- ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกา
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Archontophoenix' จากภาษากรีก 'archon' หรือ 'archontos' หมายถึง 'ไม้บรรทัด' โดยอ้างอิงถึงลักษณะที่สง่างามและ 'phoenix' ในการอ้างอิงถึงอินทผลัม ( Phoenix L.) ; ชื่อสายพันธุ์ 'cunninghamiana' เป็นเกียรติแก่ Allan Cunningham (1791 - 1839) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ผู้ที่เก็บรวบรวมตัวอย่าง อย่างกว้างขวางในออสเตรเลีย และส่งตัวอย่างแรกสุดบางส่วนไปยัง The Royal Botanic Gardens, Kew
- ชื่อ Piccabeen และ Bangalow น่าจะมาจากคำในภาษาอะบอริจินที่แปลว่าคนส่งน้ำ                                                     https://www.anbg.gov.au/gnp/interns-2015/archontophoenix-cunninghamiana.html
Archontophoenix cunnighamiana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยHermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Hermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันและCarl Georg Oscar Drude (1852–1933) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2401


ที่อยู่อาศัย---มีถิ่นกำเนิดในออสเตรเลีย และพบได้ตามธรรมชาติจากบริเวณ Mackay รัฐควีนส์แลนด์ ไปจนถึงบริเวณอ่าว Bateman's Bay ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ มันเติบโตในอาณานิคมในพื้นที่เปียกเช่นริมลำธารในป่าฝนและป่าชื้นอื่น ๆ ในพื้นที่แอ่งน้ำ จากระดับน้ำทะเลถึงระดับความสูง 1,000 เมตร ในสหรัฐอเมริกาต้นปาล์มได้รับการปลูกฝังในแคลิฟอร์เนียตั้งแต่ซานหลุยส์โอบิสไปทางใต้จนถึงชายแดนเม็กซิกันและในฟลอริดาตอนกลางและตอนใต้
ลักษณะ---เป็นปาล์มที่คล้ายกันมากกับArchontophoenix alexandrae ทั้งรูปร่างและขนาด ลักษณะเป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดใหญ่ ลำต้นเรียวสีเทาเรียบ สูงได้ถึง 20-25 เมตรหรือมากกว่านั้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15-20 ซม.บวมที่โคนเล็กน้อย ลำต้นมีร่องรอยที่เป็นแผลเป็นจากใบ คอยอดสีเขียวมะกอก มักเปลี่ยนเป็นสีม่วงอมน้ำตาลมีนวลสีขาวคลุม ยาว 70-140 ซม มี 9-12 ใบ ใบประกอบแบบขนนก (pinnate) ทางใบยาว 2.5- 3 เมตร ก้านใบยาวได้ถึง 50 ซม.มีเกล็ดสีน้ำตาลแดงสนิม ใบย่อย 70-90 คู่ ยาว 100 x 3-10 ซม.แผ่นใบด้านบนสีเขียวมันวาวด้านล่างสีเขียวอ่อน ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (Infrafoliar) ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (Monoecious) มีดอกทั้งเพศผู้และเพศเมียที่ช่อดอกห้อยอยู่ใต้ก้านมงกุฎ ยาว 1–1.5 ม. มีช่อแตกแขนงจำนวนมาก ยาวประมาณ 30 - 80 ซม ดอกเพศผู้สีม่วงขนาดเล็กขนาด 3-6 x 1.5-3 มม.มีเกสรเพศผู้ 9-18 อัน ดอกเพศเมีระยะดอกตูมถึง 4-5 x 3-4 มม. ดอกไม้สีเขียวอ่อนถึงสีม่วง ติดผลจำนวนมาก ผลกลมสีเขียวเมื่อสุกสีแดงสดเรียบและเป็นขี้ผึ้งมันวาวขนาด 1-1.5 ซม.ผลไม้มักจะมีส่วนนูนที่เห็นได้ชัดเจนในเพลามงกุฎก่อนที่ดอกไม้จะโผล่ออกมา ซึ่งทำให้ต้นไม้ดูเหมือน "ตั้งครรภ์" เส้นใยในมีโซคาร์ปมีความหนา แบน และมักจะคลายตัวในสภาวะแห้ง เมล็ด กลมและเส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุด 9 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตในเขตร้อน กึ่งเขตร้อน และ บริเวณที่มีอากาศอบอุ่นกว่า ในตำแหน่งแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แสงแดดรำไร (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะทำงานได้ดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงเช้า) หรือในร่มเงา (แสงแดดโดยตรงน้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ใช่ศูนย์ชั่วโมง ควรใช้เวลาอย่างน้อยสองสามชั่วโมงในตอนเช้า) ค่อนข้างง่ายต่อการปลูกและปรับเข้ากับชนิดของดินได้ดี แต่ดินเหนียวจะดีกว่าทรายหรือดินตะกอนมาก เนื่องจากดินเหนียวอุ้มน้ำ ชอบดินอุดมสมบูรณ์ ทนอุณหภูมิต่ำสุด – 4ºC อัตราการเจริญเติบโต โดยเฉลี่ยประมาณ 0.30 - 1 เมตร ต่อปี ใช้เวลาประมาณ 20 ปีสำหรับพืชในการเติบโตและผลิตเมล็ดพันธุ์ อัตราการเจริญเติบโตเร็ว การบำรุงรักษา ต่ำ
- อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำให้มันดูดีที่สุดหากไม่มีความร้อนและแสงแดดมากนัก ดังนั้นจึงเหมาะกับเขตร้อนในพื้นที่ที่ไม่มีน้ำค้างแข็ง (โซน USDA 10-12) เท่านั้น
การรดน้ำ---ต้องการน้ำมากแต่ไม่มากเกินไป ในการเพาะปลูกพวกมันชื่นชมการรดน้ำที่อุดมสมบูรณ์มาก ในช่วงฤดูร้อนให้รดน้ำบ่อยๆ (ทุกๆ 2 วัน) เพื่อไม่ให้ดินแห้ง เมื่อตั้งตัวเป็นต้นไม้สูงใหญ่แข็งแรงแล้ว ความต้องการน้ำจะลดน้อยลง
การตัดแต่งกิ่ง---ใบไม้แก่ร่วงหล่นเองอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามการตัดแต่งกิ่งเร็ว ๆก่อน จะทำให้ต้นปาล์มติดเชื้อได้
การใส่ปุ๋ย--- ใส่ปุ๋ยปาล์มสูตรละลายช้าปีละ 1 ครั้งหรือ 2 ปี/ครั้ง
ศัตรูพืช/โรคพืช---แมลงเกล็ด (Scale insects)/ลำต้นแตกง่าย ถ้ารดน้ำมากเกินไป
รู้จักอ้นตราย---ระวังใบไม้ที่ที่มีน้ำหนักหลายกิโลกรัมร่วงหล่นลงด้านล่างและมักจะบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลไม้กินไม่ได้ ยอด ใบอ่อนและเนื้อเยื่อ สามารถกินได้และเก็บรวบรวมโดยชาวอะบอริจินและผู้ตั้งถิ่นฐานในยุคแรก
ใช้ปลูกประดับ--- เป็นปาล์มยอดนิยมที่ปลูกกันอย่างแพร่หลายในสวนและพื้นที่สาธารณะทั่วไป รูปลักษณ์และความสูงที่ประณีตทำให้เหมาะที่จะอยู่ใกล้ทางหลวงและใช้เพื่อเน้นภูมิทัศน์ที่อยู่อาศัย เหมาะสำหรับปลูกเป็นแถวเป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดกันกลางแจ้ง มีความทนทานต่อร่มเงา สามารถปลูกลงในภาชนะขนาดใหญ่ซึ่งจะจำกัดความสูงของมัน วางในที่มีร่มเงาได้ดี
- การขุดย้ายค่อนข้างยากเพราะระบบรากไม่เอื้อ ต้นไม้จะเครียดถ้ารากถูกรบกวน
อื่น ๆ---ชาวอะบอริจินใช้ลำต้นในการทอผ้า นักสำรวจในตอนต้นของการตั้งถิ่นฐานของยุโรปใช้ความยาวของลำต้นเป็นมาตรฐานการวัด
ภัยคุกคาม---เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีการกระจายพันธุ์ที่กว้างมาก มีประชากรจำนวนมาก ปัจจุบันไม่พบภัยคุกคามที่สำคัญใดๆ และไม่มีการระบุถึงภัยคุกคามที่สำคัญในอนาคต สายพันธุ์นี้จึงได้รับการประเมินล่าสุดในบัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 2018 Archontophoenix cunninghamiana ถูกระบุว่า เป็นที่น่ากังวลน้อยที่สุด
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - ver 3.1 - IUCN Red List of Threatened Species (2018)
source: IUCN SSC Global Tree Specialist Group & Botanic Gardens Conservation International (BGCI). 2021. Archontophoenix cunninghamiana. The IUCN Red List of Threatened Species 2021: e.T13506860A192230209. https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2021-1.RLTS.T13506860A192230209.en.  เข้าถึงเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2566
ระยะออกดอก/ติดผล---มีดอกและผลตลอดปีในถิ่นกำเนิดและในบราซิล ส่วนในภูมิอากาศแบบกึ่งเขตร้อนจะบานในช่วงกลางฤดูร้อน
ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 1-3 เดือน สามารถผลิตต้นกล้าใหม่ได้หลายพันต้นทุกปี

สกุลJohannesteijsmannia (yo-hahn-nes-tehs-mahn-EE-ah) เป็นสกุลขนาดเล็กที่มีเพียง 4 สายพันธุ์พบในป่าฝนเขตร้อนของคาบสมุทรมาเลย์,เกาะบอร์เนียวและทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ยกเว้น J. altifronsซึ่งกระจายจากภาคใต้ของประเทศไทยไปยังคาบสมุทรมาเลเซีย สุมาตรา และบอร์เนียวได้แก่ (แสดงในหน้านี้ 3 สายพันธุ์)
-Johannesteijsmannia altifrons (Rchb.f. & Zoll.) HEMoore - ภาคใต้ของไทย คาบสมุทรมาเลเซีย บอร์เนียว สุมาตร  (ดูที่ 33 ปาล์ม 5)
-Johannesteijsmannia lanceolata J.Dransf (ปาล์มบังสูรย์ใบยาว)-มาเลเซีย: สลังงอร
-Johannesteijsmannia magnifica J.Dransf (ปาล์มบังสูรย์หลังขาว) - มาเลเซีย: สลังงอร์
-Johannesteijsmannia perakensis J.Dransf (ปาล์มบังสูรย์)- มาเลเซีย: เประ ,เคดาห์  

                     ปาล์มบังสูรย์ใบยาว/ Johannesteijsmannia lanceolata

[yo-hahn-nes-tehs-mahn-EE-ah] [lahn-seh-oh-LAH-tah]

                           

Picture---Sungai Lalang, Selangor, Malaysia. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.
-https://www.palmpedia.net/wiki/Johannesteijsmannia_lanceolata

ชื่อวิทยาศาสตร์---Johannesteijsmannia lanceolata J.Dransf.(1972)
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:667633-1
ชื่อสามัญ---Slender Joey Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มบังสูรย์ใบยาว ; [CHINESE: Tài shì lǘ shǔ.];[THAI: Pam bangsoon bai yao.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code--- JOHSS (Preferred name: Johannesteijsmannia sp.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์---เกาะบอร์เนียว, มาลายา, สุมาตรา, ประเทศไทย
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Johannesteijsmannia' ตั้งชื่อตาม Johannes E Teijsmann [1808-1882] นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์และอดีตผู้อำนวยการสวนพฤกษศาสตร์โบกอร์ ; ชื่อสายพันธุ์ 'lanceolata' = ใบหอก อ้างอิงถึงรูปร่างของใบ
Johannesteijsmannia lanceolata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย John Dransfield (เกิดปี 1945) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษในปี พ.ศ.
ที่อยู่อาศัย--- J. lanceolata (ปาล์มบังสูรย์ใบยาว) แยกออกจากสายพันธุ์อื่น ๆ ในสกุลได้อย่างง่ายดายด้วยใบที่แคบกว่าและซับซ้อนซึ่งสูงถึง 3.5 เมตร และกว้าง 30 ซม. เป็นพืชเฉพาะถิ่น พบได้ในป่าฝนเพียงสองแห่งบนคาบสมุทรมาลายู-สลังงอร์ในหุบเขาชื้นริมแม่น้ำ Virgin Jungle ในป่าเต็งรัง ในเขตป่าสงวนของ Sungei Lalang
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยว มีลำต้นใต้ดินขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 ซม.ใบตั้งตรง รูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดยาวรี ปลายใบจักเว้าเป็นซี่และพับจีบตลอดความยาวใบ ด้านล่างของใบปกคลุมด้วยเกล็ดสีน้ำตาลขนาดเล็ก ใบยาวรวมก้านใบ 4.5 เมตร กว้าง 20-30 ซม. โคนใบสอบ ก้านใบยาว 0.50-1 เมตร มีหนามสั้น (ถึง 1 มม.) เหมือนกับขอบใบด้านล่าง และที่ก้านใบมีแถบสีเหลืองเด่นชัดสองเส้น ช่อดอกออกที่ซอกใบ (Interfoliar) ที่ฝังอยู่ระหว่างก้านใบช่อดอกมีกิ่งหนา 3 - 6 กิ่ง มีทั้งเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียในดอกเดียวกัน (hermaphrodite) กลีบเลี้ยงสั้น สูง 0.3 มม. ลักษณะเกลี้ยงและมีเนื้อสามแฉกตื้น กลีบดอกยาว 1 มม. เป็นรูปสามเหลี่ยมกว้าง อ้วน และหนามากรวมเป็นหลอดสั้นที่ฐาน ดอกสีครีมมีกลิ่นหอมมาก ผลกลมขนาด 3 ซม. เมื่อสุกสีน้ำตาล
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตได้ดีในสภาพอากาศแบบเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน (USDA Zone 11: above 4.5 °C) ไม่สามารถทนต่อแสงแดดได้โดยตรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ชอบตำแหน่งร่มชื้นมีที่กำบังจากลมแรง ต้องการความชื้นในบรรยากาศสูง อุณหภูมิปกติไม่ควรต่ำกว่า +14°C ทนอุณหภูมิได้ต่ำถึง -4 ° C สามารถปรับให้เข้ากับประเภทของดินได้ แต่ชอบดินที่มีมีอินทรียวัตถุเป็นกลางถึงเป็นกรดเล็กน้อย pH 5.6-6.5 มีการระบายน้ำดี มีอายุอยู่ได้หลายร้อยปี เว้นการรบกวนระบบรากอย่างรุนแรง ต้องระวังเวลาขุดหรือเคลื่อนย้าย อัตราการเติบโต ช้าถึงปานกลาง การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งและควรรดน้ำก่อนที่ดินจะแห้งสนิท แต่อย่าให้น้ำขัง ผลของการรดน้ำมากเกินไปคือจะแคระแกร็น ใบเหลือง และตายในที่สุด
การตัดแต่งกิ่ง---นำใบแห้งออก
การใส่ปุ๋ย---เพื่อป้องกันการขาดธาตุอาหาร ควรใส่ปุ๋ยปาล์มคุณภาพดีที่มีสูตรปลดปล่อยอย่างต่อเนื่อง (เช่น 18-18-18) รวมถึงธาตุอาหารรองทั้งหมด ปีละ 2 ครั้งในช่วงฤดูปลูก ปุ๋ยคุณภาพดีสามารถเร่งการเจริญเติบโตได้
ศัตรูพืช/โรคพืช---ป้องกัน spider mites,  แมลงเกล็ด (scale insects) และเพลี้ยแป้ง (mealybug) จุดเชื้อราสีน้ำตาลหรือสีดำ มักเกิดจากการจัดการสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี/ ต้องการการให้ปุ๋ยเป็นประจำเพื่อป้องกันใบสีเหลืองที่เกิดจากการขาดโพแทสเซียม ปลายใบสีน้ำตาลมักเกิดจากการใส่ปุ๋ยมากเกินไปในส่วนผสมในการปลูก
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นสายพันธุ์ที่หายาก แม้ในการเพาะปลูกก็มีอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์เพียงไม่กี่แห่ง และมีอยู่ในคอลเล็กชั่นผู้ที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้กระถางขนาดใหญ่ หรือปลูกลงแปลงในที่ร่ม
ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามจากกิจกรรมการตัดไม้และการเพิ่มการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์เพื่อการค้าไม้ประดับ ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท "ใกล้สูญพันธุ์"
สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (2001)
ขยายพันธุ์---เมล็ดสดงอกเร็ว ใช้เวลาในการงอก 3-4 เดือน


                         ปาล์มบังสูรย์หลังขาว/Johanesteijsmannia magnifica

[yo-hahn-nes-tehs-mahn-EE-ah] [mag-nih-FEE-kah]

                             

Picture---Cairns Botanical Gardens, 13th June 09. Photo by tanetahi.http://www.palmpedia.net/wiki/Johannesteijsmannia_magnifica

ชื่อวิทยาศาสตร์---Johannesteijsmannia magnifica J.Dransf.(1972)
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:667634-1
ชื่อสามัญ--- Silver Joey Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มบังสูรย์หลังขาว ; [CHINESE: Tài shì lǘ shǔ.];[MALAYSIA: Duan Payung (Malay); Daun Lebar, Daun Serdang, Selibar (Selangor); Segalok (Negeri Sembilan).];[PORTUGUESE-BRAZIL: Pamiera magnifica.];[THAI: Paam bangsoon lang khao.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---JOHSS (Preferred name: Johannesteijsmannia sp.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์---มาเลเซีย สลังงอร์
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Johannesteijsmannia' ตั้งชื่อตาม Johannes E Teijsmann [1808-1882] นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์และอดีตผู้อำนวยการสวนพฤกษศาสตร์โบกอร์ ; ชื่อสายพันธุ์ 'magnifica' คือคำคุณศัพท์ภาษาละติน 'magnicus, a, um' = งดงาม ยอดเยี่ยม
Johannesteijsmannia magnifica เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยJohn Dransfield (เกิดปี 1945) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษในปี พ.ศ.2515
ที่อยู่อาศัย--- เป็นพืชเฉพาะถิ่น (Endemic) มีถิ่นกำเนิดในคาบสมุทรมาเลเซีย รัฐสลังงอร์ พบในป่าดงดิบ ที่ระดับความสูงประมาณ 500 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ลักษณะ รูปทรง ขนาด คล้ายปาล์มบังสูรย์ใบยาวมากแต่มีความสวยงามมากกว่า มีลำต้นเดี่ยวอยู่ใต้ดิน ลำต้นสูงถึง 4 เมตรและเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 ซม ใบที่ดูเหมือนโผล่ขึ้นมาจากดิน รูปข้าวหลามตัดขนาดใหญ่ ออกเป็นกลุ่มตั้งตรง โค้งเล็กน้อย ยาวได้ถึง 3 เมตร กว้าง 2 เมตร มีฟันที่ปลายยอด ใบคล้ายหนังเหนียวมากจับจีบอย่างแน่นหนาตามความยาว แผ่นใบสีเขียวเข้มเป็นมันวาวด้านบน ส่วนด้านล่างใบถูกปกคลุมด้วยขนสีขาวละเอียดเป็นสีเงิน ก้านใบยาว 1-2 เมตร. ถ้าต้นสมบูรณ์ใบจะใหญ่มาก ช่อดอกแยกออกเป็นลำดับที่ 5 หรือ 6 ออกระหว่างใบ (Interfoliar) ก้านดอกยาว 50-80 ซม.ดอกมีทั้งเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียในดอกเดียวกัน (hermaphrodite) สีขาวมีกลิ่นหอม ผลกลมขนาด 3 ซม.เมื่อสุกสีน้ำตาล
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตในสภาพอากาศกึ่งเขตร้อนที่อบอุ่น การปลูกเลี้ยงและการใช้งานไม่แตกต่างจากปาล์บังสูรย์ใบยาว ต้องการ ร่มเงาร่มรื่นและชื้น (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะทำงานได้ดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงเช้า) และตำแหน่งกำบังลม ซึ่งจะทำให้ใบไม้ใหญ่เสียหาย ดินที่อุดมด้วยอินทรีย์วัตถุ เป็นกรดหรือเป็นกลาง ชื้นตลอดเวลา แต่ระบายน้ำได้ดีเยี่ยม อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า +16° C ต้านทานต่ออุณหภูมิที่ลดลงเป็นพิเศษและยาวนานมากในระดับหนึ่งภายใต้อุณหภูมิ +10 °C อัตราการเจริญเติบโตช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
- มีอายุอยู่ได้หลายร้อยปี เว้นการรบกวนระบบรากอย่างรุนแรง ต้องระวังเวลาขุดล้อมหรือเคลื่อนย้าย
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งและควรรดน้ำก่อนที่ดินจะแห้งสนิท แต่อย่าให้น้ำขัง
การตัดแต่งกิ่ง---นำใบแห้งออก
การใส่ปุ๋ย---ปุ๋ยคุณภาพดีสามารถเร่งการเจริญเติบโตได้ เพื่อป้องกันการขาดธาตุอาหาร ควรใส่ปุ๋ยปาล์มที่มีสูตรปลดปล่อยอย่างต่อเนื่องปีละ 2 ครั้งในช่วงฤดูปลูก
ศัตรูพืช/โรคพืช---ระวัง spider mites,  แมลงเกล็ด (scale insects) และเพลี้ยแป้ง (mealybug) โรคใบจุดเชื้อราสีน้ำตาลหรือสีดำ ที่มักเกิดจากการจัดการสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี/ให้ปุ๋ยเป็นประจำเพื่อป้องกันใบสีเหลืองที่เกิดจากการขาดโพแทสเซียม ; ปลายใบสีน้ำตาลมักเกิดจากการใส่ปุ๋ยมากเกินไปในส่วนผสมในการปลูก ; ผลของการรดน้ำมากเกินไปคือปาล์มจะแคระแกร็น ใบเหลือง และตายในที่สุด
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นสายพันธุ์ที่หายาก แม้ในการเพาะปลูกก็มีอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์เพียงไม่กี่แห่ง และมีอยู่ในคอลเล็กชั่นผู้ที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้กระถางขนาดใหญ่ ภายในที่กว้างขวาง แม้ว่าจะมีแสงน้อยก็ตาม หรือปลูกลงแปลงในที่ร่ม
อื่น ๆ---ชาวบ้านใช้ใบไม้เป็นหลังคากระท่อมและเพิงพักชั่วคราว
ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามจากกิจกรรมการตัดไม้และการเพิ่มการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์เพื่อการค้าไม้ประดับ ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท "ใกล้สูญพันธุ์"
สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (2001)
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด เมล็ดสดใช้เวลาในการงอก 2-4 เดือน ที่อุณหภูมิ 26-28 °C

                                        

                     Joey on a Stick./Johannesteijsmannia perakensis

[yo-hahn-nes-tehs-mahn-EE-ah] [pehr-ah-KEHN-sis]

                                       

Picture---J. perakensis in habitat, near Ipoh, (Perak) in NW Peninsular Malaysia. Photo by pilou.
-https://www.palmpedia.net/wiki/Johannesteijsmannia_perakensis

ชื่อวิทยาศาสตร์---Johannesteijsmannia perakensis J.Dransf.(1972)
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:667635-1
ชื่อสามัญ---Joey on a Stick
ชื่ออื่น---ปาล์มบังสูรย์ ;[THAI: Paam bangsoon.];[MALAYSIA: Daun payung (Malay), Sang (Perak); Umbrella Leaf (English).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---JOHSS (Preferred name: Johannesteijsmannia sp.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์---มาเลเซีย: เประ ,เคดาห์
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Johannesteijsmannia' ตั้งชื่อตาม Johannes E Teijsmann [1808-1882] นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์และอดีตผู้อำนวยการสวนพฤกษศาสตร์โบกอร์ ; ชื่อสายพันธุ์ 'perakensis' = มีถิ่นกำเนิดใน Perak
Johannesteijsmannia perakensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยJohn Dransfield (เกิดปี 1945) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษในปี พ.ศ.2515
ที่อยู่อาศัย---พบได้ในคาบสมุทรมาเลเซียเป็นพืชที่มีการเพาะปลูกและถือว่าเป็น acaulescent [คือลำต้นไม่เด่นเนื่องจากลำต้นสั้น ๆ อยู่ใต้ดินJ *เคยถูกค้นพบ บันทึก และเชื่อว่าจะเติบโตในรัฐเปรัคที่ป่าสงวน Gunung Bubu และ Kledang Saiong ภายในเทือกเขา Kledang และ Bintang เท่านั้น การค้นพบสายพันธุ์ในเขตป่าสงวน Gunung Bongsu ในเคดาห์เมื่อเร็วๆ นี้ เป็นการเพิ่มสถานที่สำคัญอีกแห่งสำหรับการอนุรักษ์ อย่างไรก็ตาม ยังมีพื้นที่อีกมากมายในบริเวณใกล้เคียงให้สำรวจ โดยเฉพาะในเขตป่าสงวน Segari-Melintang ใน Perak https://www.mybis.gov.my/sp/39990
- ปาล์มชนิดนี้ได้รับการประเมินว่าใกล้สูญพันธุ์เหมือนกับสองสายพันธุ์ที่ได้กล่าวไปแล้ว
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวเติบโตได้สูงถึง 5 เมตร ปาล์มต้นนี้เป็นที่รู้จักในท้องถิ่นว่า 'daun payung' (ใบร่ม) เนื่องจากขนาดใบกว้างสามารถกันฝนได้ ใบขนาดใหญ่รูปร่างโดยรวมของใบที่ไม่มีการแบ่งแยกรูปทรงเพชร ยาวได้ถึง 3 เมตร มีใบแข็งจีบเป็นลอนมากกว่าพันธุ์อื่นๆ
- ต้นกล้าของสายพันธุ์นี้มีความคล้ายคลึงกับJ. altifrons มากและทั้งสองชนิดนั้นยากที่จะแยกความแตกต่างทางสัณฐานวิทยาในระยะนี้ เห็นดอกเห็นผลแล้วจะระบุความแตกต่างได้ง่าย
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม--- ต้องการพื้นที่ร่มรื่นชุ่มชื้น (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะทำงานได้ดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงเช้า) ดินมีการระบายน้ำดี ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง 4.5 °C หลีกเลี่ยงแสงแดดตรงๆ ตำแหน่งที่ปลูกไม่ควรให้พืชชนิดอื่นเข้าแทรกแซงได้ เนื่องจากโตช้ามากแล้วก็ไม่ค่อยแข็งแรง J. perakensis มีการเจริญเติบโตช้าอาจใช้เวลานานถึง 10 ปีในการพัฒนาจนเป็นลำต้นที่มองเห็นได้ มีอายุอยู่ได้หลายร้อยปี การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งและควรรดน้ำก่อนที่ดินจะแห้งสนิท แต่อย่าให้น้ำขัง
การตัดแต่งกิ่ง---นำใบแห้งออก
การใส่ปุ๋ย---ปุ๋ยคุณภาพดีสามารถเร่งการเจริญเติบโตได้ เพื่อป้องกันการขาดธาตุอาหาร ควรใส่ปุ๋ยปาล์มที่มีสูตรปลดปล่อยอย่างต่อเนื่องปีละ 2 ครั้งในช่วงฤดูปลูก
ศัตรูพืช/โรคพืช---ระวัง spider mites,  แมลงเกล็ด (scale insects) และเพลี้ยแป้ง (mealybug) โรคใบจุดเชื้อราสีน้ำตาลหรือสีดำ ที่มักเกิดจากการจัดการสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี/ให้ปุ๋ยเป็นประจำเพื่อป้องกันใบสีเหลืองที่เกิดจากการขาดโพแทสเซียม ; ปลายใบสีน้ำตาลมักเกิดจากการใส่ปุ๋ยมากเกินไปในส่วนผสมในการปลูก ; ผลของการรดน้ำมากเกินไปคือปาล์มจะแคระแกร็น ใบเหลือง และตายในที่สุด
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นสายพันธุ์ที่หายากที่สุดของJoey แม้ในการเพาะปลูกก็มีอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์เพียงไม่กี่แห่ง และมีอยู่ในคอลเล็กชั่นผู้ที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวเพียงไม่กี่แห่งทั่วโลก
ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามจากกิจกรรมการตัดไม้และการเพิ่มการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์เพื่อการค้าไม้ประดับ ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท "ใกล้สูญพันธุ์"
สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (2001)
ระยะออกดอก---มีนาคม-พฤษภาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด

ปาล์มบูเตีย/ Butia capitata

 

Picture---Niceville, FL.Photo by Troy Donovan.https://www.palmpedia.net/wiki/Butia_odorata

ชื่อวิทยาศาสตร์--- Butia capitata (Mart.) Becc.(1916)
ชื่อพ้อง---Has 10 Synonyms.
---Basionym: Cocos capitata Mart.(1826). https://www.gbif.org/species/2736211
---Butia capitata subsp. eucapitata Herter.(1940), not validly publ.
---Calappa capitata (Mart.) Kuntze.(1891)
---More. See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:38705-2#synonyms
ชื่อสามัญ---Jelly Palm, South American jelly palm, Wine Palm, Pindo Palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มบูเตีย ;[BRAZIL: Coquinho-azedo, Butiá.];[CATALAN: Palmera Pindo, Palmera Pindo.];[CHINESE: Bù dí yēzi.];[CROATIA: Žele palma.];[DUTCH: Geleipalm.];[FINLAND: Sinibutiapalmu.];[FRENCH: Arbre à laque, Butia de vinaigre, Cocotier du Brésil, Palmier abricot, Palmier à gelées, Palmier à vinaigre.];[GERMAN: Butiapalme, Geleepalme.];[ITALIAN: Palma da cocco capitata, Palma da cocco australe, Palma albicocca, Palma a vino, Butia capitata.];[JAPANESE: Burajiruyashi.];[LITHUANIA: Melsvoji bucija.];[NORWEGIAN: Gelepalme.];[PORTUGUESE: Bútia-capitata-maior, Butia-de-vinagre, Cabeçudo, Coco-azedinho, Coco-cabeçudo, Coqueiro-azedo, Guariroba-do-campo.];[SOUTH AMERICA: Mbotia kapitata (Tupian).];[SPANISH: Palmera Pindo, Palma de Brasil, Palmera de la jalea.];[SWEDISH: Butiapalm, Blå butiapalm.];[TAIWAN: Zi yēzi.];[THAI: Paam bu tia.];[TURKISH: Jöle palmiyesi.].
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---BUJCA (Preferred name: Butia capitata.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์--- อุรุกวัย อาร์เจนตินา บราซิล
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Butia' มาจากชื่อพื้นเมืองในบราซิลของปาล์มชนิดหนึ่ง ( B. capitata ) ; ชื่อสายพันธุ์ 'capitata' มาจากภาษาละติน 'capit' หมายถึง "หัว" โดยมีคำต่อท้ายว่า 'ata' หรือ 'atus' ซึ่งมีความหมายว่า "อุปมาของ" ในการอ้างอิงถึงส่วนหัวที่หนาแน่นบนปาล์มนี้
Butia capitata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยCarl Friedrich Philipp von Martius (1794-1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี ในปี พ.ศ.2459
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดอยู่ในบราซิลตะวันออก (Bahia, Goiás, Minas Gerais) อุรุกวัย และอาร์เจนตินา กระจายในเขตกึ่งร้อนชื้นและเขตร้อนของทวีปอเมริกาใต้ พบตามทุ่งหญ้าชายฝั่ง ป่าเปิด และทุ่งหญ้าสะวันนาบนดินทราย
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดกลาง สูงได้ถึง 4-5 เมตร ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 20-30 ซม.โคนกาบใบติดแน่นตามลำต้น ใบประกอบแบบขนนก (pinnate) ทางใบยาว 2-3 เมตร โค้งอ่อนเข้าหาลำต้นอ้วนหนาและลู่ลงสวยงาม มงกุฎสมมาตร เปิด ใบประกอบแบบขนนกปลายใบคี่ (imparipinnate) V-form มี 49-53 ใบ เรียงเป็นเกลียวแผ่กว้างประมาณ 3-4.5 เมตร.ใบย่อยมี 2 สีคือ รูปแบบสีเขียว หรือรูปแบบสีฟ้า หรือสอง สีปนกันคือเขียวอมฟ้ายาว 1.5-3 เมตร ปลายใบเรียวแหลม ก้านใบยาวประมาณ 60-120 ซม.ขอบก้านใบมีหนามแข็งตามขอบทั้งสองข้างและขอบใบทั้งหมด ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ช่อดอกยาว 30-60 ซม.มีกิ่งย่อย 100  กิ่งยาว 8-30 ซม เป็นดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ดอกจัดเรียงเป็นกลุ่มสามดอก (ดอกเพศเมียอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) มีดอกขนาดเล็กสีเหลือง สีขาว หรือสีแดง ดอกมีกลิ่นหอม ดอกเพศผู้มีเกสรตัวผู้ 6 อัน ผลกลมขนาด 3.4 x 2.5 ซม.เมื่อสุกสีส้มมีใยเยื่อหนาแน่น เมล็ดมี 1 -3 ช่อง
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เจริญเติบโตได้ดีในตำแหน่งแสงแดดจัด (แสงแดดโดยตรง 6-8ชั่วโมงต่อวัน) ไปจนถึงร่มเงา (แสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 4 ชั่วโมงต่อวันไม่ต่อเนื่อง) ในสภาพที่มีแสงแดดน้อยไม่ดีนัก ต้องการดินที่อุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี ทนต่อไอเกลือและดินเค็ม ทนต่อความแล้ง ทนต่ออุณหภูมิต่ำสุดได้ประมาณ -10 °C การเจริญเติบโตช้าแต่มั่นคง การบำรุงรักษาต่ำ
การรดน้ำ---ทนแล้งได้ดีในสภาพอากาศที่ค่อนข้างแห้งและร้อน แต่ชอบสภาพอากาศที่มีฝนตกชุกและพิสูจน์แล้วว่าทนต่อสภาวะต่างๆ ได้หลากหลาย ในพื้นที่ที่มีฝนตกชุกในฤดูร้อน ดูเหมือนว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยน้ำที่เพียงพอ แต่ไม่ต้องการดินที่เปียกและเป็นโคลนอย่างต่อเนื่อง รากและลำต้นส่วนล่างสามารถเน่าได้หากดินมีความชื้นมากเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---เป็นปาล์มที่ไม่ทิ้งใบเอง ดังนั้นจำเป็นต้อง ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดถ้ากิ่งยังมีสีเขียวอยู่
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองหรือปุ๋ยที่ปลดปล่อยช้า 4 ครั้งต่อปี ในช่วงฤดูปลูก
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีโรคและศัตรูพืชร้ายแรง/การขาดธาตุอาหารรองเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว หากได้รับ Mn และ Fe ไม่เพียงพอ ใบไม้จะมีสีเหลืองซึ่งค่อนข้างไม่ดีต่อสุขภาพ การขาดธาตุอาหารรองจะปรากฏบนดินที่มีค่า pH สูงเท่านั้น
รู้จักอ้นตราย---ไม่ได้มีคำเตือนเกี่ยวกับโรคหรือสารพิษใดๆ เป็นพิเศษ แต่โปรดระวังผลสุกที่ร่วงเหนียวเหนอะหนะหากมีสัตว์เลี้ยง สุนัข หรือแมวที่อยากรู้อยากเห็นกินผลไม้มากเกินไปมันอาจอาเจียนหรือปวดท้อง/พืชมีหนามตามขอบก้าน ใช้ความระมัดระวังในการจัดการ
ใช้ประโยชน์---ต้นไม้ที่เก็บเกี่ยวจากป่าเป็นแหล่งอาหารในท้องถิ่น ได้รับการปลูกฝังในหลายพื้นที่ของโลก ส่วนใหญ่เป็นไม้ประดับ แต่บางครั้งปลูกสำหรับผลและเมล็ดที่กินได้
ใช้กิน--- ผลไม้ ฉ่ำน้ำหอมหวานอมเปรี้ยวมีกลิ่นคล้ายแอปริคอต ใช้ทำแยม เยลลี่ น้ำผลไม้ สุรา; น้ำมันจากเมล็ดสกัดได้คล้ายน้ำมันมะพร้าวมีน้ำมันบริโภคได้ถึง 45% ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับทำมาการีน
ใช้ปลูกประดับ--- ได้รับการปลูกเลี้ยงในหลายพื้นที่ของโลกเป็นไม้ประดับ ปลูกกันอย่างแพร่หลายในเขตอบอุ่น (USDA hardiness zones: 8-11) ใช้ในงานตกแต่งภูมิทัศน์ เหมาะปลูกลงแปลงกลางแจ้งในสวนสาธารณะหรือในสวนขนาดใหญ่ทั่วไป สามารถปลูกในสวนใกล้ทะเล
-ปาล์มสามารถปลูกย้ายได้ถึงจะมีขนาดใหญ่มากและรากเนื้อหนาจะเสียหายได้ง่ายแต่โดยทั่วไปแล้วรากใหม่จะถูกสร้างขึ้นอย่างอิสระ สิ่งสำคัญคือต้องยึดต้นไม้ให้แน่นเพื่อป้องกันการโยกคลอน และให้น้ำปริมาณมากจนกว่าจะสร้างใหม่ การเอาใบจำนวนมากออกไปสามารถช่วยได้
ระยะออกดอก/ติดผล---พฤษภาคม-กรกฎาคม/พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด ให้เก็บเมล็ดเพาะทันที เมล็ดสดใช้ระยะเวลาในการงอก 3-4 เดือน มีรูปแบบรากแก้วที่มีความยาวก่อนที่จะสร้างยอด เมื่อสังเกตุเห็นต้นกล้า นำไปปลูกในตำแหน่งถาวรโดยเร็วที่สุด


สกุล Chambeyronia (kam-beh-ROH-nee-ah) มีถิ่นกำเนิดทางตะวันออกและทางเหนือของออสเตรเลีย บนเกาะเล็กๆ ของนิวแคลิโดเนีย Chambeyronia ที่รู้จักอย่างเป็นทางการมีเพียงสองสายพันธุ์เท่านั้น ซึ่งเป็นสกุลที่สวยงามโดดเด่นสำหรับนิวแคลิโดเนีย ซึ่งรวมถึงChambeyronia macrocarpa สายพันธุ์นี้มาจากพื้นที่ภูเขาเปียกที่มีความสูงต่ำกว่า 800 เมตร อีกชนิดหนึ่งคือChambeyronia lepidotaซึ่งมีถิ่นกำเนิดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะแห่งนี้ ลักษณะที่น่าทึ่งที่สุดของสกุลนี้คือสีของใบที่เพิ่งงอกใหม่ จะเป็นสีแดงหลายสัปดาห์ ตั้งแต่สีม่วงเบอร์กันดีเข้มไปจนถึงสีชมพูอ่อน ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับชื่อสามัญ ว่า"Flame Thrower Palm"ซึ่งชื่อนี้มีที่มาจากDon Tollefson แห่งแคลิฟอร์เนียตอนใต้ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 (แสดงในหน้านี้ 1 สายพันธุ์)

ปาล์มใบแดง/ Chambeyronia macrocarpa

[kam-beh-ROH-nee-ah] [mak-roh-KAR-pah]


Picture---Near Bourail, New Caledonia. Photo by Bryan.https://www.palmpedia.net/wiki/Chambeyronia_macrocarpa

ชื่อวิทยาศาสตร์---Chambeyronia macrocarpa (Brongniart) Vieillard ex Beccari (1920)
ชื่อพ้อง---Has 8 Synonyms.
---Basionym: Kentiopsis macrocarpa Brongn.(1873).https://www.gbif.org/species/2732008
---Cyphokentia macrocarpa (Brongn.) Rob. (1878)
---More.See all https://powo.science.kew.org/taxon/665942-1#synonyms
ชื่อสามัญ--- Blushing palm, Chambeyronia palm, Flame thrower palm, Houailou red leaf palm, New Caledonia red-leaved palm, Red feather palm, Red leaf palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มใบแดง, แดงใหญ่ ; [FRENCH: Palmier de Houailou, palmier de Nouvelle Calédonie.]; [GERMAN: Rotblattpalme.];[PORTUGUESE: Palmeira-colorida.];[RUSSIAN: Khambeyroniya krupnoplodnaya.];[THAI: Pam bai daeng, Daeng yai.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code--- KBYMA (Preferred name: Chambeyronia macrocarpa.)
ถิ่นกำเนิด---โอเชียเนีย
เขตกระจายพันธุ์--- หมู่เกาะนิวแคลิโดเนีย
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Chambeyronia' ได้รับเกียรติจากนักพฤกษศาสตร์ Eugène Vieillard (1819-1896) ยกย่องให้กับนายทหารเรือฝรั่งเศส Charles-Marie Chambeyron (1827-1591)หัวหน้าคณะสำรวจในนิวแคลิโดเนีย ; ชื่อสายพันธุ์ 'macrocarpa' เป็นการรวมคำของคำภาษากรีก ' makros' = ใหญ่และ 'kapos' = ผลไม้ อ้างอิงถึงผลไม้ที่ใหญ่ของปาล์มนี้
Chambeyronia macrocarpa เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยAdolphe Théodore Brongniart (1801–1876) นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยEugène Vieillard (1819-1896)นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ศัลยแพทย์ทหารเรือและนักธรรมชาติวิทยา เก็บรวบรวมในนิวแคลิโดเนียและตาฮิติ ผู้อำนวยการ Jardin Botanique de CaenจากอดีตOdoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี ในปี พ.ศ.2463
ที่อยู่อาศัย--- เป็นพืชพื้นเมืองในป่าฝนนิวแคลิโดเนียอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเท่านั้น เติบโตบนบนดินหินชนวน ตะกอน (หิน) ที่ระดับความสูง 600-800 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวสูงถึง 15 เมตร ลำต้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15-25 ซม.ใบรูปขนนก (pinnate) ทางใบยาว 4 เมตร เป็นสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์มากและสามารถระบุได้อย่างง่ายดายด้วยใบอ่อนสีม่วงแดง และต่อมาเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม อยู่นานได้ถึง10 วัน จนกระทั่งใบแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ดอกช่อแยกแขนงออกใต้ใบใกล้คอยอด (Infrafoliar) แยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (Monoecious) ดอกจัดเรียงเป็นกลุ่มสามดอก (ดอกเพศเมียอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) ยกเว้นในส่วนขั้วของ rachillae (การแตกกิ่งรองของช่อดอก) ที่มีเฉพาะดอกเพศผู้ที่อยู่โดดเดี่ยว ดอกเพศผู้จะสุกก่อนดอกเพศเมีย ดอกมีสีม่วง ผลกลมรี ขนาด 4-5.5 ซม. ผลอ่อนสีเขียว สีแดงเมื่อสุก มีเมล็ดกลมเพียงเมล็ดเดียวขนาด ยาว 2.5-3.5 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 ซม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ปาล์มนี้เหมาะสำหรับสภาพอากาศกึ่งเขตร้อนและเขตร้อนชื้น ชอบแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แต่สามารถเติบโตได้ในที่ร่มร่มรำไร (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกันโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงบ่าย) ดินมีการระบายน้ำดี ทนต่ออุณหภูมิที่ลดลงได้ถึง -4°C และมีความเสียหายที่ใบ ไม่สามารถเติบโตได้ในสภาพอากาศร้อนแห้ง อุณหภูมิที่สูงจะทำให้มันเครียด (โซนความแข็งแกร่งของ USDA: 9-11) การเจริญเติบโต ช้า การบำรุงรักษาต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ชอบสภาพอากาศที่ฝนตกแต่ทนต่อสภาวะต่างๆ ในพื้นที่ที่มีฝนตกชุกในฤดูร้อน ดูเหมือนว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยน้ำที่เพียงพอ แต่มันไม่ต้องการอยู่ในดินที่เปียกและเป็นโคลนอย่างต่อเนื่อง รากและลำต้นส่วนล่างสามารถเน่าได้หากดินมีความชื้นมากเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดกิ่งที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดถ้าใบยังมีสีเขียวอยู่บ้าง
การใส่ปุ๋ย---เพื่อป้องกันภาวะขาดสารอาหาร ควรใส่ปุ๋ยปาล์มคุณภาพดีที่มีสูตรปล่อยต่อเนื่องปีละ 2 ครั้งในช่วงฤดูปลูก
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีโรคและศัตรูพืชร้ายแรง แมลงศัตรูที่อาจเกิดได้ scale insects (แมลงเกล็ด) และ whiteflies (แมลงหวี่ขาว)
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ปลูกเป็นไม้กระถางในที่ร่มรำไรหรือลงแปลงกลางแจ้ง เป็นปาล์มที่เป็นที่ต้องกาของนักสะสมปาล์มทั่วโลก
สำคัญ---เป็นต้นไม้ประจำชาติของนิวแคลิโดเนีย ; ได้รับการยอมรับจากสมาคมปาล์มฟลอริดาตอนใต้ ( The south Florida palm society) ว่าเป็นหนึ่งใน 10 ปาล์มที่ดีที่สุดสำหรับฟลอริดาตอนใต้
ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้)
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2017) https://www.iucnredlist.org/species/38470/115775429
การขยายพันธุ์--- เมล็ด ใช้ระยะเวลาในการงอก 3-4 เดือน


ปาล์มพญาหนาม/ Aiphanes horrida

[ah-ee-FAHN-ehz] [HOHR-ree-dah]

  

Picture 1--- Cooran, northern end of the Sunshine Coast region, southeast Queensland, Australia. Garden of John and Jeanne Price.Photo by Wal Donovan.
Picture 2---Tim and Bob's Nursery, Hawaii. Photo by Jack Sayers.

ชื่อวิทยาศาสตร์---Aiphanes aculeata Willd. (1806)
ชื่อพ้อง---This name is a synonym of Aiphanes horrida
---Accepted Scientific Name: Aiphanes horrida (Jacq.) Burret. (1932)
---See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:7909-2#synonyms
ชื่อสามัญ---Corozo, Coyure palm, Ruffle palm, Aculeata palm, Spine palm
ชื่ออื่น---ปาล์มพญาหนาม พญาหนาม ;[CHINESE: Ci kong que ye zi, Ji nu zong lü.]; [FRENCH: Palmier ébouriffé.];[GERMAN: Coyurepalme, Mararaypalme.];[JAPANESE: Obire harikujaku yashi.]; [PORTUGUESE: Cariota-de-espinho, Corozo, Pupunha, Pupunha brava.]; [SPANISH: Cocos rura, Charascal, Chascara, Coyor, Palma de coyor, Palmera coyure (Español).];[THAI: Paam phaya nam, Phaya nam.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---AHNAL  (Preferred name: Aiphanes horrida.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---เวเนซุเอลา,โบลิเวีย, บราซิล, โคลัมเบีย,เปรู,ตรินิแดดและโตเบโก
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Aiphanes' มาจากคำภาษากรีก 'ai' หมายถึง "เสมอ" และ 'phaneros' หมายถึง "ชัดเจน", "มองเห็นได้" หรือ "เด่นชัด"; ชื่อสปีชีส์มาจากภาษาละติน 'aculeata' = spiny หมายถึงจำนวนหนาม
Aiphanes aculeata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยCarl Ludwig Willdenow ( 1765–1812 ) นักพฤกษศาสตร์และเภสัชกรชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2349

 

Picture---Pompano Bch., FL. Photo by John Doughten.https://www.palmpedia.net/wiki/Aiphanes_horrida
- อธิบายภายใต้ Aiphanes horrida (Jacq.) Burret (1932)

ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางภาคเหนือของอเมริกาใต้ (เวเนซุเอลา โบลิเวีย, บราซิล, โคลัมเบียเปรูตรินิแดดและโตเบโก) เติบโตอยู่ตามภูเขาในป่าแล้งระหว่างระดับน้ำทะเล 0-1,700 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ที่ข้อปล้องมีหนามแหลมทั้งลำต้นและใบ ในธรรมชาติลำต้นสูงได้ถึง 3-10 เมตร แต่ถ้าเป็นการเพาะปลูกอาจสูงได้ถึง 15 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 12.5 ซม.ลำต้นสีเทาซีดมีหนามมากมายในเกือบทุกส่วน แม้แต่ผิวใบ มีใบ10-15ใบ ใบประกอบแบบขนนก (pinnate) ใบย่อย 25-40 คู่ เรียงกันเป็นกระจุก 4-6 คู่ กระจายไปตามระนาบต่างๆ กว้างที่ปลายใบ มีหนามสีเขียว ทางใบบิดยาวเป็นพวง ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ดอกไม้มีทั้งเพศผู้และเพศเมียในดอกเดียวกัน (hermaphrodite) สีส้มเหลือง ผลกลมขนาด 1-2 ซม.สีแดงสดมีเมล็ด 1 เมล็ด เมล็ดมีรูสามรูอยู่ใกล้ตรงกลาง
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ชอบแสงแดดรำไร (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกันโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงบ่าย) ถึงแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) เติบโตรวดเร็วปานกลาง ชอบดินทราย แต่สามารถปลูกได้ในดินเหนียวและดินร่วน ทั้งดินที่เป็นด่างและดินที่เป็นกรดเล็กน้อย แต่ดินต้องมีการระบายน้ำที่ดี  pH ในช่วง 5 - 6.5 แต่ทน 4.5 - 7 เนื่องจากเป็นปาล์มรากตื้นจึงควรปลูกในพื้นที่ที่ป้องกันลม เติบโตได้ดีที่สุดในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิปานกลางตั้งแต่ 22 - 27°C ทนได้ตั้งแต่ 18 - 32°C ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ -1°C
- Aïphanes aculeata มีรูปร่างแตกต่างกันไป พืชที่เลี้ยงในดินแห้งและ/หรือดินร่วนซุยมักจะมีขนาดเล็กกว่าด้วยใบที่เล็กกว่า แสงยังส่งผลต่อรูปร่างของพืช ในขณะที่พืชที่ปลูกในที่มีแสงแดดจัดจะมีขนาดเล็กกว่า
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ มีความทนทานต่อความแห้งแล้งได้ปานกลาง ไม่ชอบดินเปียกชื้นเป็นโคลนต่อเนื่องเป็นเวลานาน รากและลำต้นส่วนล่างสามารถเน่าได้หากดินมีความชื้นมากเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดถ้ากิ่งยังมีสีเขียวอยู่
การใส่ปุ๋ย---เพื่อป้องกันภาวะขาดธาตุอาหาร ควรใส่ปุ๋ยปาล์มคุณภาพดีที่มีสูตรปล่อยต่อเนื่องปีละ 2 ครั้งในช่วงฤดูปลูก การขาดโพแทสเซียมและแมกนีเซียมอาจเกิดขึ้นได้ และควรให้อาหารเสริมแร่ธาตุในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันหรือรักษาการขาดธาตุดังกล่าว การขาดธาตุอาหารรองจะปรากฏบนดินที่มีค่า pH สูงเท่านั้น
ศัตรูพืช/โรคพืช---ค่อนข้างปราศจากโรคและแมลงรบกวน
รู้จักอ้นตราย---ลำต้น ใบ และส่วนอื่น ๆ ของพืชมีหนามที่แหลมคมมาก ควรใช้ตวามระมัดระวังในการจัดการ
ใช้ประโยชน์ ---ผลไม้และเมล็ดพืชที่กินได้บางครั้งเก็บมาจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่น มักขายในตลาดท้องถิ่น ต้นไม้มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วเขตร้อนเป็นไม้ประดับ
ใช้กิน--- ผลไม้กินได้เนื้อหวานเล็กน้อยอุดมไปด้วยวิตามินเอใช้กินในโคลอมเบีย; เมล็ดกินได้ - ดิบรสชาดเหมือนมะพร้าว ใช้ทำลูกอม
ใช้ปลูกประดับ--- เป็นสายพันธุ์ที่สวยงามโดดเด่นใช้เพื่อเน้นภูมิทัศน์ที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างเดียวหรือเป็นกลุ่ม เป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมปาล์มและมักพบปลูกในสวนพฤกษศาสตร์ทั่วโลก
อื่น ๆ---ในโคลอมเบียเมล็ดใช้ทำเทียนและใช้สำหรับเล่นเกม     
ระยะออกดอก---ฤดูร้อน
การขยายพันธุ์---เมล็ด เมล็ดสดใช้รยะเวลาในการงอก 1-2 เดือน ต้นกล้านั้นสวยงามมาก


ปาล์มพญาหนามใบขนนก/Aiphanes minima

[ah-ee-FAHN-ehz] [mihn-EE-mah]

 

Picture---Fairchild FL Photo: https://www.palmpedia.net/wiki/Aiphanes_minima

ชื่อวิทยาศาสตร์---Aiphanes minima (Gaertn.) Burret.(1932)
ชื่อพ้อง---Has 14 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/7917-2#synonyms
---Basionym: Bactris minima Gaertn.(1791). https://www.gbif.org/species/2738701
ชื่อสามัญ--- Macaw Palm, Guinea bactris, Bitten Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มพญาหนามใบขนนก พญาหนามใบขนนก ;[CHINESE: Cuo chi ye ci ye zi.];[JAPANESE: Hime harikujaku yashi.];[FRENCH: Glouglou, Grigri (Antilles).];[PORTUGUESE: Palmeira-de-macaw, Palmeira-rabo-de-peixe.];[SPANISH: Palma de coyor, Coyore, Coyure, Coyora];[THAI: Pam phaya nam bai khon nok, Phaya nam bai khon nok.]  
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---AHNAC  (Preferred name: Aiphanes minima.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---แคริบเบียน - เซนต์ลูเซีย, บาร์เบโดส,โดมินิกัน, เปอร์โตริโก
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Aiphanes' มาจากคำภาษากรีก 'ai' หมายถึง "เสมอ" และ 'phaneros' หมายถึง "ชัดเจน", "มองเห็นได้" หรือ "เด่นชัด"; ชื่อสายพันธุ์จากภาษาละติน 'minima' = น้อย
Aiphanes minima เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Joseph Gaertner (1732- 1791) นักพฤกษศาสตร์และนักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Carl Ewald Maximilian Burret (1883–1964) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2475


Picture---Pomano Beach, FL. Photo by John Doughten.-https://www.palmpedia.net/wiki/Aiphanes_minima

ที่อยู่อาศัย---มีถิ่นกำเนิดในทะเลแคริบเบียนจาก Hispaniolaถึง Grenada (ส่วนใหญ่ในหมู่เกาะอินเดียตะวันตก บาร์เบโดส สาธารณรัฐโดมินิกัน เปอร์โตริโก, เซนต์วินเซนต์, เซนต์ลูเซีย, มาร์ตินีก, เกรเนดา) พบได้ในป่าฝน ป่าดิบชื้น บนเนินเขาหินปูน และมีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในที่อื่น ๆเติบโตที่ระดับความสูงไม่เกิน 2,000 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวที่มีหนามโดยปกติแล้วจะสูงประมาณ 5-8 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 6-20 ซม. ต้นที่อายุน้อยจะถูกปกคลุมไปด้วยวงแหวนที่มีหนามสีดำ แต่สำหรับลำต้นที่แก่กว่านั้นมักจะหายไป  มีใบ 10–20 ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก (pinnate)ทางใบยาว2เมตรลู่ลง มีใบย่อย 18 ถึง 34 คู่ ความยาว 1.30 ถึง 4 เมตรใบย่อยรูปขอบขนานเชิงเส้นวางในระนาบเดียวพื้นผิวด้านล่างของใบคลุมด้วยหนามยาวไม่เกิน 3 ซม.หรืออาจไม่มีก็ได้ พื้นผิวด้านบนมีหนามเป็นแถวยาวประมาณ 1 ซม. ตามเส้นกลางใบมีหนามสีดำยาวไม่เกิน 6 ซม.ก้านใบยาว15-110 ซม.ปกคลุมด้วยหนามสีดำยาว 8 ซม.ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ห้อยลงยาวไม่เกิน 2เมตรมีหนามแตกแขนงออกเป็นลำดับเดียวโดยมีกิ่งมากถึง 300 กิ่ง กาบก้านดอก ยาว 60-190 ซม. กว้าง 1.5-8 ซม. ลักษณะเป็นไม้มีหนามสีเทาหรือสีขาว ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (Monoecious) ดอกเพศเมียอยู่ที่โคนและดอกเพศผู้อยู่ที่ปลายช่อ ทั้งดอกเพศผู้และดอกเพศเมีย สีขาวอมเหลืองมีกลิ่นหอมหวาน ผลกลมขนาด1.5ซม.เมื่อสุกสีแดง ผลิตในโครงสร้างผลได้สูงถึง 300 ผล มีเมล็ดเดี่ยว เมล็ดมีสีน้ำตาลอ่อนมีเปลือกหุ้มเมล็ดบางและมีเอนโดสเปิร์มสีขาว
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ชอบแสงแดดรำไร (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกันโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงบ่าย) ถึงแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) สามารถเติบโตในที่ร่มลึก ตำแหน่งที่กำบังลม ชอบดินทราย แต่สามารถปลูกได้ในดินเหนียวและดินร่วน ทั้งดินที่เป็นด่างและดินที่เป็นกรดเล็กน้อย  pH 5.6-6.5 แต่ดินต้องมีการระบายน้ำที่ดี ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ -2°C อัตราการเจริญเติบโต รวดเร็วปานกลาง การบำรุงรักษาต่ำ
การรดน้ำ---ความต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ มีความทนทานต่อความแห้งแล้งได้ปานกลาง ไม่ชอบดินเปียกชื้นเป็นโคลนต่อเนื่องเป็นเวลานาน รากและลำต้นส่วนล่างสามารถเน่าได้หากดินมีความชื้นมากเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---พืชทิ้งใบเก่าเองตามธรรมชาติ สามารถตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดถ้ากิ่งยังมีสีเขียวอยู่
การใส่ปุ๋ย---เพื่อป้องกันภาวะขาดธาตุอาหาร ควรใส่ปุ๋ยปาล์มคุณภาพดีที่มีสูตรปล่อยต่อเนื่องปีละ 2 ครั้งในช่วงฤดูปลูก การขาดโพแทสเซียมและแมกนีเซียมอาจเกิดขึ้นได้ และควรให้อาหารเสริมแร่ธาตุในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันหรือรักษาการขาดธาตุดังกล่าว การขาดธาตุอาหารรองจะปรากฏบนดินที่มีค่า pH สูงเท่านั้น
ศัตรูพืช/โรคพืช---ค่อนข้างปราศจากโรคและแมลงรบกวน
รู้จักอ้นตราย---ลำต้น ใบ และส่วนอื่น ๆ ของพืชมีหนามที่แหลมคมมาก ควรใช้ตวามระมัดระวังในการจัดการ
ใช้ประโยชน์---พืชถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นเป็นอาหาร และปลูกเป็นไม้ประดับ
ใช้กิน--- ผลไม้ - ดิบ กินเนื้อหวานบาง ๆ; เมล็ด ดิบ-สุก เอนโดสเปิร์มสีขาวหวาน รสชาด คล้ายมะพร้าว
ใช้ปลูกประดับ--- นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายเป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยมในเขตร้อน มักนิยมปลูกภายใต้ชื่อ Aiphanes erosa เมื่อต้นยังเล็กเหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้กระถางในร่มได้ พอต้นสูงมากจึงย้ายปลูกลงแปลงกลางแจ้งล้อมรอบด้วยต้นไม้อื่นเพื่อปกป้องจากแรงลมและเพื่อให้ความชื้นเป็นพิเศษผ่านการคายน้ำ
อื่น ๆ---ถือเป็นสายพันธุ์อาหารที่สำคัญสำหรับนกแก้วเซนต์วินเซนต์ อเมซอน ( Amazona guildingii) ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด เมล็ดสดจะงอกได้ง่าย


สกุล Nannorrhops (nahn-NOHR-rohps) เป็น Monotypic genus มีเพียง 1สายพันธุ์ในสกุล คือ Nannorrhops ritchiana เป็นพันธุ์ปาล์มหายากที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ในภูมิภาคประวัติศาสตร์ของ Balochistanตั้งแต่คาบสมุทรอาหรับไปทางตะวันออก ผ่านอิหร่านและอัฟกานิสถานไปจนถึงปากีสถานและอินเดียตะวันตกเฉียงเหนือ

ปาล์มมาซารี/Nannorrhops ritchiana

[nahn-NOHR-rohps] [rich-ee-AHN-ah]


Picture---Southern California. Photo by Geoff Stein https://www.palmpedia.net/wiki/Nannorrhops_ritchiana

ชื่อวิทยาศาสตร์--- Nannorrhops ritchiana (Griff.) Aitch.(1882)
ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:60468188-2
---Basionym: Chamaerops ritchieana Griff.(1845). https://www.gbif.org/species/4930324
---Nannorrhops naudiniana Becc.(1921)
---Nannorrhops stocksiana Becc.(1921)
---Nannorrhops arabica Burret.(1943)
ชื่อสามัญ--- Blue Mazari palm, Mazari palm, Mazzari Palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มมาซารี ; [GERMAN: Mazaripalme.];[SWEDISH: Mazaripalm.];[THAI: Paam ma-sa-ree.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---NNORI (Preferred name: Nannorrhops ritchiana.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์---ปากีสถาน อิหร่าน อัฟกานิสถาน โอมาน ซาอุดีอาระเบีย
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Nannorrhops' มาจากคำภาษากรีกที่แปลว่า 'เล็ก' และ 'ไม้พุ่ม' ซึ่งหมายถึงนิสัยการเจริญเติบโตของปาล์ม ; ชื่อสายพันธุ์ 'ritchiana' เป็นเกียรติแก่ Joseph Ritchie (1788 -1819 ) นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษและนักสำรวจชาวแอฟริกัน
Nannorrhops ritchiana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย William Griffith (1810–1845) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย James Edward Tierney Aitchison (1835–1899) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษในปี พ.ศ.2425
ที่อยู่อาศัย---มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาค Saharo-Indian) พบทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอาหรับถึงอินเดียตะวันตกเฉียงเหนือเติบโตในที่แห้งแล้งที่ระดับความสูงไม่เกิน 1600 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มแตกกอคล้ายไม้พุ่ม มีลำต้นหลายต้นขึ้นจากฐานเดียวสูงได้ถึง 1–2 (-6) เมตรหรือมากกว่านั้น แต่ละลำต้นมีทั้งแบบ monocarpicและ Hapaxanthic (ออกดอกครั้งเดียวเมื่อผลโตเต็มที่แล้วจะตาย แต่มีการผลิตลำต้นใหม่ที่โคนต้น หรือสูงกว่านี้เป็นหนึ่งในพันธุ์ปาล์มที่แตกแขนงจริงทางอากาศไม่กี่ชนิด) แตกใบจำนวนมากมี 20-30 ใบ แต่ละใบยาว 30-120 ซม. ใบรูปพัด(Costapalmate) ขอบใบจักลึกกว่าครึ่งใบ แผ่นใบหนาแข็งรักษารูปทรงใบแบบเปิด แต่จะมีใบพับหลบตาอยู่บ้างใบสีฟ้าซีดมากและมีสีเงินปนอยู่ด้วย ก้านใบเรียวยาว1เมตรไม่มีหนามแบนด้านบนและโค้งด้านล่าง ฐานใบแตกและมักจะอยู่บนลำต้นตลอดไป ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียแยกกันคนละต้น (Dioecious) ช่อดอกจะผลิตบนลำต้นสูง 2-3 เมตร. ที่ส่วนบนของลำต้น เกิดเป็นช่อเปิด ดอกย่อยสีขาว ผลกลมขนาด1.3 ซม. สีน้ำตาลถึงสีส้ม มีเมล็ด1เมล็ด
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ชอบสภาพอากาศที่แห้งและเย็น แต่จะเติบโตในเขตร้อนหรือกึ่งร้อนด้วย เติบโตได้ดีที่สุดในตำแหน่งแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) ไม่ชอบร่มเงาใด ๆปรับให้เข้ากับดินประเภทต่างๆในดินที่ขาดธาตุอาหารและแห้งแล้งรุนแรงได้ดี pH 6.1-7.8 ปรับตัวให้เข้ากับสภาพทะเลทรายที่ร้อนจัดเย็นจัด และเป็นปาล์มที่ทนทานต่อความเย็นที่สุดชนิดหนึ่งที่รู้จัก ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -12 °C (อาจถึง -20 °C ) อัตราการเจริญเติบโต ช้ามาก ด้วยการออกใบหนึ่งใบทุกๆ สองปี สูง 1.2 เมตรใช้เวลา 10 ปี การบำรุงรักษาต่ำ
การรดน้ำ---ไม่ต้องการน้ำมากแต่รดน้ำเมื่อดินแห้งจะทำให้อัตราการเจริญเติบโตเร็วขึ้น ทนแล้งได้เป็นอย่างดี ลดการให้น้ำในฤดูหนาว
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งใบที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดใบออกถ้ากิ่งยังมีสีเขียวอยู่
การใส่ปุ๋ย---เพื่อป้องกันการขาดธาตุอาหาร ควรใส่ปุ๋ยปาล์มคุณภาพดีที่มีสูตรปลดปล่อยอย่างต่อเนื่องปีละ 2 ครั้งในช่วงฤดูปลูก
ศัตรูพืช/โรคพืช---Ganoderma fungus (เห็ดหลินจือ)/ ไวต่อโรค Candidatus Phytoplasma palmae [โรคเหลืองตาย(LY).]
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---พืชถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่น
ใช้กิน--- ใบอ่อน ดอกตูมและผลกินได่้ (ไม่มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติม )
ใช้เป็นยา---*ใบใช้เป็นยาขับพิษ ใช้เป็นยาถ่ายและใช้ในการรักษาโรคท้องร่วงและโรคบิด (รายงานทั้งสองนี้มาจากแหล่งเดียวกัน ไม่มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติม) พืชส่วนใหญ่ใช้ในสัตวแพทยศาสตร์ https://temperate.theferns.info/plant/Nannorrhops%20ritchieana
ใช้เป็นไม้ประดับ---พืชมักปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่แห้งแล้งของเขตอบอุ่น สามารถปลูกได้ในเขต USDA 6-11 บางครั้งปลูกเป็นไม้ประดับในยุโรป ตอนใต้ เหมาะปลูกลงแปลงกลางแจ้ง สามารถปลูกในภาชนะได้ เป็นหนึ่งในพืชที่นักสะสมปาล์มต้องการมากที่สุด
- สามารถปลูกย้ายได้บ่อยครั้งแม้จะมีขนาดใหญ่มาก แม้ว่ารากเนื้อหนาจะเสียหายได้ง่ายและ/หรือถูกผึ่งให้แห้งโดยทั่วไปแล้วรากใหม่จะถูกสร้างขึ้นอย่างอิสระ สิ่งสำคัญคือต้องยึดต้นไม้ให้แน่นเพื่อป้องกันการโยกคลอนและให้น้ำปริมาณมากจนกว่าจะสร้างใหม่ การเอาใบจำนวนมากออกไปสามารถช่วยได้  
อื่น ๆ---สายพันธุ์นี้มีบทบาททางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่สำคัญในชีวิตประจำวันของพื้นที่ชนบทหลายแห่งในปากีสถานและประเทศใกล้เคียง ผลิตภัณฑ์ทำมือที่ประกอบขึ้นจากปาล์มชนิดนี้มักเป็นที่รู้จักโดยชุมชนท้องถิ่น ใบแก่ของปาล์มใช้ทำเสื่อ ตะกร้า พัด หมวก กระติกน้ำร้อน หม้อเกลือ ไม้กวาด ฯลฯโดยรวมแล้วพบผลิตภัณฑ์ทำมือ 39 ชนิดจากใบไม้
- รองเท้าแตะยังทำขึ้นและเรียกกันในท้องถิ่นว่า 'Saplay'
- ก้านใบมีขนคล้ายมอสสีแดงบางครั้งใช้เป็นเชื้อไฟ ใบ ลำต้น และก้านดอกแห้งใช้เป็นเชื้อเพลิง                 
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ดหรือแยกกอ ระยะเวลาการงอก 3-4 เดือน ที่อุณหภูมิ 25°C


ปาล์มมูเลอร์/Levistona muelleri

[liv-iss-TOH-nah] [mule-lehr'-ee]


Picture---Brisbane Botanic Gardens, Mount Coot-tha, Brisbane, Australia. Photo by Daryl O'Connor.
-https://www.palmpedia.net/wiki/Livistona_muelleri

ชื่อวิทยาศาสตร์---Livistona muelleri F.M.Bailey.(1902)
ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms.https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:668058-1#synonyms
---Livistona brassii Burret (1935)
---Livistona crustacea Burret (1939)
---Livistona humilis var. novoguineensis Becc (1920)
---Livistona humilis var. sclerophylla Becc (1920)
ชื่อสามัญ---Cairns Fan Palm, Northern Cabbage Palm, Dwarf Livistona Palm, Queensland Dwarf Fan Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มมูเลอร์ (ทั่วไป) ;[ARABIC: liufsatun mulariatan.];[GERMAN: Zwerg-Livingstonpalme.];[THAI: Pam moo-ler.]  
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---LIVSS (Preferred name: Livistona sp.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปออสเตรเลีย
เขตกระจายพันธุ์--- ออสเตรเลีย ; อินโดนีเซียและปาปัวนิวกินี
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Livistona' เป็นเกียรติแก่ Patrick Murray (? - 1649) Baron แห่ง Livingston ซึ่งกำหนดให้คอลเลกชั่นและสวนพฤกษศาสตร์ของเขาในปี พ.ศ. 2413 เป็นสวนพฤกษศาสตร์ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น 'สวนพฤกษศาสตร์หลวงเอดินบะระ' แห่ง สกอตแลนด์ในปัจจุบัน ; ชื่อสายพันธุ์ 'muelleri'ได้รับการตั้งชื่อตาม Ferdinand Jacob Heinrich von Mueller (1825-1896) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันออสเตรเลีย
Livistona muelleri เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Frederick Manson Bailey (1827–1915) นักพฤกษศาสตร์ที่เกิดในอังกฤษและทำงานในออสเตรเลียในปี พ.ศ.2445
ที่อยู่อาศัย--- พบในออสเตรเลีย ทางเหนือของรัฐควีนส์แลนด์จากเกาะTorres Strait ไปจนถึง Innisfail ในปาปัวนิวกีนีพบทางตะวันตกในอินโดนีเซีย Merauke เติบโตในป่ากึ่งเปิดโล่ง ป่าเปิด ป่าหญ้า ป่าชื้น ที่ระดับความสูง  0-300 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดเล็ก สูงได้ถึง 12 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15-25 ซม.แผลเป็นใบแคบ ยกขึ้น หยาบและมีเนื้อเยื่อที่เหลืออยู่ ปล้องแคบ สีเทา ก้านใบแห้งติดแน่นเวียนลำต้นดูสวยงาม เมื่อใบร่วงก็ยังมีรอยเด่นชัดที่ลำต้น มี25-35ใบ ก้านใบยาว 70-100 ซม. กว้าง 14-20 มม.สีเขียวมะกอกถึงสีเขียวอมฟ้าหม่น เว้าตามแนวแกนตลอดขอบมีหนามสีดำโค้งยาว 2-12 มม. เส้นใยโคนใบไม่โดดเด่น ละเอียด สลายตัว ใบรูปพัด (costapalmate) แบ่งส่วนสม่ำเสมอเป็นวงกลม ยาว 60-90 ซม.ขอบใบจักเว้าถึงครึ่งใบ ปลายใบจักแข็ง ใบสีเขียวสดใส ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ช่อดอกสีแดงที่มีขนาดใหญ่ยาว 80-160 ซม. ขยายไม่เกินขอบมงกุฎ แตกแขนงออกเป็น 4 ลำดับและมีช่อดอกบางส่วน5-10 ช่อ ดอกเดี่ยวหรือออกเป็นกระจุก 2-3ดอก ยาว 1.3-1.6 มม. กลีบเลี้ยงรูปสามเหลี่ยมกว้าง ยาว 0.8-1 มม. สีน้ำตาลแดง กลีบดอกรูปไข่ ยาว 1.3-1.6 มม. สีเหลืองสดใส ผลสีเขียวคล้ำหรือสีน้ำเงินปนแป้งมีลักษณะเป็นทรงรี ไพริฟอร์ม ถึงรูปไข่กลับยาว 10-12 มม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 8.5-10 มม.เมื่อสุกสีดำอมแดงถึงดำอมน้ำเงิน.ก้านผลยาว 0.5-1 มม.เมล็ดกลม 8-9 x 7.5-8.5 มม. ท้องแบนเล็กน้อย สีน้ำตาลแดงหม่น เรียบ
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ปลูกได้ดีที่สุดในภูมิอากาศแบบกึ่งเขตร้อนและเขตร้อน ต้องการแสงแดดเต็มวันถึงตำแหน่งที่สว่างแสงส่องถึง (ไม่ใช่แสงแดดโดยตรง) ปรับตัวได้ดีในดินทุกสภาพแต่ดินต้องมีการระบายน้ำที่ดีมาก ควรหลีกเลี่ยงดินพรุและซากพืชที่ยังไม่ย่อยสลาย เพราะสิ่งเหล่านี้จะยุบตัวลงเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้รากไม่ได้รับอากาศเพียงพออีกต่อไป ชอบค่า pH 6.1-7.8 ทนต่อลมต่อความร้อนแห้งแล้งได้ดี ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -4°C อัตราการเจริญเติบโต ช้ามาก การบำรังรักษา ปานกลางถึงค่อนข้างยาก
การรดน้ำ---ระหว่างฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำให้ความชื้นในดินสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้ดินแห้งหรือเปียกแฉะเกินไป หากในฤดูร้อนอากาศร้อนจัดให้รดน้ำ 2-3 วัน/ครั้ง ในฤดูหนาวเป็นระยะพักตัวให้ลดการให้น้ำลง
การตัดแต่งกิ่ง---กำจัดใบไม้ที่ตายแล้วเป็นประจำ แต่รอจนกว่าใบไม้จะแห้งสนิท ตัดใบที่ตายแล้วใกล้กับฐานออกให้เหลือก้านใบไว้
การใส่ปุ๋ย--ตั้งแต่ปีที่2 ใส่ปุ๋ยพิเศษสำหรับต้นปาล์มได้ทุก2สัปดาห์หรือทุก ๆเดือนระหว่างฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงงดการใส่ปุ๋ยในฤดูหนาว
ศัตรูพืช/โรคพืช---หากสภาพพื้นที่ไม่เหมาะสม ศัตรูพืชที่พบบ่อยบางชนิด ได้แก่ แมลงเกล็ด (Scale Insects) และเพลี้ยไฟ (Thrips) /โรคใบสีน้ำตาล (Brown leaves) ปลายใบจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหากพืชเปียกหรือแห้งเกินไป
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ยอดอ่อนกินเป็นผัก
ใช้ปลูกประดับ---ในการเพาะปลูกปาล์มนี้ยังไม่แพร่หลายมากนัก อาจเป็นเพราะว่าต้นที่ปลูกจากเมล็ดนั้นโตช้ามาก สามารถใช้ปลูกเป็นไม้กระถางประดับได้ในระยะยังเป็นต้นเล็กได้สวยงามมาก
อื่น ๆ--- ใบใช้มุงที่พักอาศัยชั่วคราวโดยชาวอะบอริจิน
ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง จัดอยู่ในพระราชบัญญัติการอนุรักษ์ธรรมชาติประเทศออสเตรเลีย (NCA) สถานะ 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้)
สถานะการอนุรักษ์---Least Concern - Nature Conservation Act (NCA). 1992
(Dowe, J.L.)/Palmweb.https://www.palmpedia.net/wiki/Livistona_muelleri
ระยะออกดอก/ติดผล---กันยายน-เมษายน/พฤศจิกายน-พฤษภาคม
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด ใช้เวลานาน 6 เดือนในการงอก

ปาล์มเมตโต/ Sabal palmetto

Picture--- Photo by Rudolf.https://www.palmpedia.net/wiki/Sabal_palmetto.

ชื่อวิทยาศาสตร์---Sabal palmetto (Walter) Lodd. ex Schult. & Schult.f. (1830)
ชื่อพ้อง---Has 13 Synonyms.
---Basionym: Corypha palmetto Walter. (1788).See https://www.gbif.org/species/4925538
---Chamaerops palmetto (Walter) Michx. (1803)
---Inodes palmetto (Walter) O.F.Cook in Bull. (1901)
---More. See all https://powo.science.kew.org/taxon/1004566-2#synonyms
ชื่อสามัญ---Cabbage Palm, Palmetto Palm, Cabbage palmetto, Blue palmetto, Carolina palmetto, Swamp cabbage, Florida cabbage palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มเมตโต (ทั่วไป) ;[CHINESE: Ruo zong.];[FRENCH: Chou- palmiste, Palmier de Caroline, Palmier nain];[GERMAN: Palmettopalme, Gemeine Palmettopalme, Sabalpalme.];[JAPANESE: Parumetto yashi.];[ITALIAN: Palma nana.];[PORTUGUESE: Palmeto, Palmeto-azul, Palmeira-leque-sabal, Sabal-da-Florida.];[SPANISH: Palmetto, Palmito, palmera de Carolina, Palma cana, Sabal de Carolina.];[THAI: Pam met to (General).];[VIETNAMESE: Cọ bắp cải.].
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---SABPA (Preferred name: Sabal palmetto.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์--- สหรัฐอเมริกาไปยัง คิวบา บาฮามาส
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Sabal' ที่มาและความหมายไม่ชัดเจนซึ่งนักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Michael Adanson (1727-1806)ไม่ได้ระบุถึง ; ชื่อสายพันธุ์ ' palmetto ' มาจากภาษาเสปน = Small palm (ปาล์มเล็ก)
Sabal palmetto เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Thomas Walter (1740–1789) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกันที่เกิดในอังกฤษ และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Conrad Loddiges (1738–1826) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน จากอดีต Josef August Schultes (1773–1831) และบุตรชาย Julius Hermann Schultes (1804–1840) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรีย ในปี พ.ศ.2373
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกา - นอร์ธ แคโรไลน่าสู่ฟลอริดา แคริบเบียน - คิวบาและบาฮามาส ในธรรมชาติมักพบเติบโตตามขอบของพื้นที่ชุ่มน้ำจืดและน้ำกร่อย ที่ระดับความสูง 0-30 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์ม ต้นเดี่ยว ลำต้นสีน้ำตาลเทาสูงได้ถึง20เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นประมาณ 30 - 60 ซม มีกาบใบติดแน่นหุ้มเวียนลำต้น ใบจะโผล่ออกมาจากลำต้นโดยตรง ใบรูปพัดแกนโค้ง ขอบใบจักเว้าถึงครึ่งใบ แตกเป็นใบย่อย 50-80 ใบ ขนาดใบแต่ละใบความยาวสูงสุด 3.7 เมตร ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ไม่เกินความยาวของใบแตกกิ่งก้านมาก ดอกกะเทย (hermaphrodite) สีครีมหรือสีเหลืองมีกลิ่นหอม ผลมีเนื้อทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 มม.มีเนื้อสีดำ มีเมล็ดเดียว


Picture 1---Monaco Nature Encyclopedia.hermaphroditic flowers © Giuseppe Mazza
Picture 2---The vegetative apex is edible but then the plant dies © Giuseppe Mazza
 https://www.monaconatureencyclopedia.com/sabal-palmetto/?lang=en

ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการตำแหน่งแสงแดดเต็มวัน (แสงแดดโดยตรง 6 ชั่วโมงขึ้นไปต่อวัน) ถ้าปลูกในที่ร่มจะมีขนาดกะทัดรัดกว่าปลูกในแสงแดด อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วง (-4° C ) - 36° C ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -12°C สามารถทนต่อ pH ของดิน ความเค็ม และการระบายน้ำได้หลากหลาย แต่ชอบดินที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและเป็นกลางถึงเป็นด่างในธรรมชาติที่มีการระบายน้ำไม่ดี และมักขึ้นบริเวณชายเลนน้ำจืดและน้ำกร่อย อัตราการเจริญเติบโต ช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ความต้องการน้ำโดยเฉลี่ย รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ สายพันธุ์นี้ทนต่อน้ำท่วม (Alexander 1955) แต่ก็ไม่สามารถอยู่รอดจากน้ำที่ท่วมขังเป็นเวลานาน
การตัดแต่งกิ่ง---ใบและโคนใบจะคงอยู่บนลำต้นเป็นเวลาหลายสิบปีไม่ทิ้งตัวเองตามธรรมชาติ ตัดใบที่แห้งตายสนิทแล้วและโคนก้านใบออก
การใส่ปุ๋ย---ใส่ปุ๋ย 3 ครั้งต่อปี (4 ครั้งในฟลอริดาตอนใต้) โดยใช้ปุ๋ย 8-2-12-4Mg ซึ่ง 100% ของ N, K และ Mg อยู่ในรูปแบบควบคุมการปลดปล่อยแมงกานีส (Mn) อยู่ในรูปซัลเฟต ส่วนเหล็ก (Fe) อยู่ในรูปซัลเฟตหรือคีเลต
ศัตรูพืช/โรคพืช---แมลงศัตรู Giant Palm Weevils ด้วงงวงปาล์มยักษ์ (เรียกอีกอย่างว่าด้วงปาล์มชนิดเล็ก); มอดมักโจมตีปาล์มที่โดนฟ้าผ่าหรือเครียด เช่น เพิ่งได้รับการปลูกถ่าย, Leaf skeletonizer (เป็นผีเสื้อกลางคืนที่ตัวอ่อนกินใบปาล์มส่งผลให้ใบมีลักษณะ "โครงกระดูก")/โรคที่สำคัญ ;- โรคโคนเน่าของ Thielaviopsis ( https://edis.ifas.ufl.edu/pp143 ) ยังทำให้ลำต้นเน่าถึงตายในต้นปาล์ม ลำต้นจะยุบหรือยอดทั้งหมดจะล้มลง
- การขาดโพแทสเซียม (K) ใบจะร่วงก่อนเวลาอันควรและจำกัดจำนวนใบ อาการขาด K เล็กน้อยจะปรากฏเป็นจุดสีเหลืองส้มโปร่งแสงบนใบที่แก่ที่สุด ตามด้วยเนื้อตายที่ปลายใบเป็นวงกว้างและใบเปลี่ยนสี
- การขาดแมกนีเซียม (Mg) ( https://edis.ifas.ufl.edu/ep266 ) การขาดนี้ทำให้เกิดแถบสีเหลืองเป็นวงกว้างรอบขอบใบแก่ โดยส่วนกลางของใบยังคงเป็นสีเขียว การขาดธาตุแมกนีเซียมมักเกิดจากการใส่ปุ๋ยที่ไม่เหมาะสมด้วยปุ๋ยที่มีอัตราส่วน N:Mg หรือ K:Mg สูง
รู้จักอ้นตราย---ระวังใบไม้ที่ตายแล้วเปราะมักจะหักออกเมื่อลมแรงลงด้านล่าง
ใช้ประโยชน์---พืชมีการใช้งานแบบดั้งเดิมที่หลากหลายสำหรับคนพื้นเมืองเป็นอาหารยาและเป็นแหล่งวัสดุในการทำตะกร้า ทอผ้า ฯลฯ ปัจจุบันมีการใช้น้อยมากนอกจากปลูกกันอย่างแพร่หลายเป็นไม้ประดับ
ใช้กิน--- ผลไม้ ดิบหรือสุก รสหวานมีรสขมเล็กน้อย
- ใบอ่อนและยอดหน่อ ดิบหรือสุก ใช้กินเป็นผักเป็นอาหารเลิศรส ดอกตูมขนาดใหญ่ สีขาว กรอบ อวบน้ำ นำมาต้มกินเป็นผักเป็นอาหารอันโอชะ รสชาดค่อนข้างเหมือนกะหล่ำปลี แก่นของลำต้นส่วนบนนั้นเคี่ยวเป็นน้ำหวานทำเป็นพายคล้ายฟักทองหรือต้มกับลูกเกดเป็นพุดดิ้ง ขี้เถ้าของพืชถูกใช้แทนเกลือ
ใช้เป็นยา--- ชาวอเมริกันพื้นเมืองใช้ผลไม้และเมล็ดเพื่อลดไข้ รักษาอาการปวดหัว และสำหรับการลดน้ำหนัก
- ผลและเมล็ดถูกนำมาใช้ในการรักษาอาการเมารถ
ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ---นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายในภาคใต้ของสหรัฐอเมริกาและในแคริบเบียนเหมาะสำหรับปลูกกลางแจ้งเพื่อโชว์ลำต้น
- การขุดย้ายปาล์มขนาดใหญ่สามารถทำได้ ควรตัดแต่งรากอย่างระมัดระวัง 4-6 เดือนก่อนการขุด ลดการสูญเสียน้ำจากต้นปาล์ม sabal ที่ย้ายปลูกในช่วงที่มีความเครียดนี้ Broschat (1991) โดยการเอาใบทั้งหมดออกจากต้นปาล์ม ในขณะที่ขุด เพิ่มอัตราการรอดชีวิตเป็น 95% จะใช้เวลา 8 เดือนหรือนานกว่านั้นในการสร้างระบบรากใหม่ในสปีชีส์นี้
อื่น ๆ--- เนื้อไม้เบานุ่มทนทานต่อน้ำ ลำต้นถูกใช้เพื่อทำเสาเข็มท่าเรือในขณะที่การตัดขวางของลำต้นถูกใช้เป็นท็อปโต๊ะขนาดเล็ก
- เส้นใยคุณภาพดีได้จากใบ ส่วนที่ดีที่สุดมาจากก้านใบอ่อนที่ยังคงอยู่ในตาในขณะที่วัสดุหยาบได้มาจากใบเก่าหรือฐานของก้านใบเก่าที่ล้อมรอบตา เส้นใยมีความยาวสูงสุด 50 ซม. มีการเก็บเกี่ยวในเชิงพาณิชย์และใช้ในการทำพู่กัน ใบใช้สำหรับมุงและทอเพื่อทำหมวกหยาบเสื่อและตะกร้า ชิ้นส่วนของเปลือกที่เป็นรูพรุนของก้านถูกนำมาใช้แทนแปรงขัดผิว
- รากมีแทนนินประมาณ 10% สิ่งนี้ได้รับการเก็บเกี่ยวในเชิงพาณิชย์ในอดีต แต่มีแทนนินไม่เพียงพอสำหรับการสกัดที่ทำกำไรได้
สำคัญ---สายพันธุ์นี้ได้รับการกำหนดให้เป็นต้นไม้ประจำรัฐฟลอริดาอย่างเป็นทางการในปี 2496
- และยังเป็นต้นไม้ประจำรัฐเซาท์แคโรไลนาซึ่งมีชื่อเล่นว่า "Palmetto State" (Floridata Plant Encyclopedia. (2004.) https://www.ntbg.org/database/plants/detail/sabal-palmetto
ภัยคุกคาม---เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีการกระจายพันธุ์ที่กว้างมาก มีประชากรจำนวนมาก ปัจจุบันไม่พบภัยคุกคามที่สำคัญใดๆ และไม่มีการระบุถึงภัยคุกคามที่สำคัญในอนาคต ได้รับการประเมินล่าสุดในบัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 2016 Sabal palmetto  ถูกระบุว่าเป็นความกังวลน้อยที่สุด
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - ver 3.1 - IUCN Red List of Threatened Species.(2016)
source: Carrero, C. 2021. Sabal palmetto. The IUCN Red List of Threatened Species 2021: e.T87709255A87709290. https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2021-1.RLTS.T87709255A87709290.en. เข้าถึงเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2566
การดำเนินการอนุรักษ์ https://www.iucnredlist.org/species/87709255/87709290
- Sabal Palmetto ได้รับการเก็บรวบรวมใน คอลเลกชันนอก แหล่งกำเนิด  อย่างน้อย 108 แห่งทั่วโลก อ้างอิงจาก PlantSearch ของ BGCI (2020) ขอแนะนำให้ทำการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อแหล่งที่อยู่อาศัยของสายพันธุ์
ระยะออกดอก/ติดผล---ต้นฤดูร้อน/ผลสุกในต้นฤดูใบไม้ร่วงและคงอยู่ต่อไปในฤดูหนาว
การขยายพันธุ์---ด้วยการเพาะเมล็ด แต่ต้องรีบเพาะเมื่อเก็บผลสด การงอกสามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาเพียง 18 วัน โดย 50% ของการงอกขั้นสุดท้ายเกิดขึ้นภายใน 33 วัน (Carpenter 1987; Sento 1970) https://www.palmpedia.net/wiki/Sabal_palmetto
- ในธรรมชาติการงอกของเมล็ดปาล์มซาบาล ภายใต้เงื่อนไขเฉลี่ย ที่เอื้ออำนวยในป่า ปาล์มซาบาลต้องใช้เวลา 10-15 ปี หรือมากกว่านั้นจากเมล็ด กว่าจะโตจนเห็นลำต้นระดับพื้น หลังจากนั้นจะเติบโตปีละ 6 นิ้ว ซึ่งหมายความว่าปาล์มซาบาลที่มีลำต้น 6-7 เมตรจะมีอายุอย่างน้อย 50 ปี ดังนั้นกว่าปาล์มซาบาลจะโตเต็มที่สูงได้ 20 เมตร อาจมีอายุเป็น 100 ปี


*This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation! https://www.palmpedia.net/wiki/Sabal_palmetto นี่คือต้นปาล์มที่แตกกอมันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของรากแซกโซโฟน (มีส้นเท้า) รักษาส้นที่สามบนเหนือระดับดิน* (แปลโดยกูเกิ้ล)

สกุล Phoenicophorium (fehn-ih-koh-fohr-EE-uhm) เป็น Monotypic genus มีเพียง 1สายพันธุ์ในสกุลคือ Phoenicophorium borsigianum                                

                        ปาล์มระกำแสด/ Phoenicopharium borsigianum

[fehn-ih-koh-fohr-EE-uhm] [bohr-see-jee-AHN-uhm]

                        

Picture---Phoenicophorium borsigianum, Palmetum, Townsville, QLD, Australia. 15/10/14. Photo by Russell Cumming.
-MahŽ, Seychelles. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.
https://www.palmpedia.net/wiki/Phoenicophorium_borsigianum
ชื่อวิทยาศาสตร์---Phoenicophorium borsigianum (K.Koch) Stuntz (1914)
ชื่อพ้อง---Has 9 Synoonyms.
---Basionym: Astrocaryum borsigianum K.Koch (1859).See https://www.gbif.org/species/2735338
---Areca sechellarum (H.Wendl.) Baill. (1895), nom. superfl.
---Stevensonia borsigiana (K.Koch) L.H.Bailey. (1930)
---More.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:668893-1#synonyms
ชื่อสามัญ---Thief Palm, Latanier Palm, Stevenson's palm, Borsig's Palm, Fey Palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มระกำแสด(ทั่วไป) ;[FRENCH: Latanier Feuille, Latannyen fey];[PORTUGUESE: Palmeira dourada.];[THAI: Pam ra- kam - saed (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---PHZBO (Preferred name: Phoenicophorium borsigianum.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย โอเชียเนีย
เขตกระจายพันธุ์---หมู่เกาะเซเชลส์
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Phoenicophorium' มาจากชื่อสกุล "Phoenix" (หมายถึงปาล์มใบแหลมในบริบทนี้) และคำภาษากรีก 'phorios' = ถูกขโมย โดยอ้างอิงถึงความจริงที่ว่าปาล์มตัวอย่างแรกถูกขโมยไปจาก Royal Botanic Gardens Kew ต่อมา "ปรากฏ" ในที่ส่วนบุคคล ในเรือนกระจกของนักอุตสาหกรรมและนักพืชสวนชาวเยอรมันผู้หลงใหล ซึ่งรวบรวมพืชที่มีชื่อเสียงไปทั่วยุโรป August Julius Albert Borsig (1804-1854) 07) เป็นที่มาของชื่อสายพันธุ์ 'borsigianum'
Phoenicophorium borsigianum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Karl Heinrich Emil Koch (1809–1879) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Stephen Conrad Stuntz (1875-1918) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2457
ที่อยู่อาศัย--- พืชเฉพาะถิ่น (Endemic) ของหมู่เกาะเซเชลส์ซึ่งเกิดขึ้นบนเกาะแปดแห่ง (Mahé, Silhouette, Praslin, La Digue, Frégate, Curieuse, Félicité และ St. Anne) แพร่กระจายอย่างกว้างขวาง (พื้นที่ทั้งหมดที่สปีชีส์สามารถเกิดขึ้นได้ 235 ตารางกิโลเมตร) เป็นปาล์มพื้นเมืองที่พบมากที่สุดในเซเชลส์ พบได้ในป่าดิบชื้นไม่ว่าจะอยู่ในที่ร่มลึกหรือในบริเวณที่มีหินมาก หุบเขาหรือบนเนินเขาสูง จากระดับน้ำทะเลไปจนถึงระดับความสูงประมาณ 500 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สุงได้ถึง 12-15 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 8-10 ซม.ลำต้นมีร่องรอยแผลเป็นจากใบอย่างมาก  เมื่อต้นยังเล็ก ตามส่วนต่างๆของลำต้นมีหนามยาวแหลม สีดำ ก้านใบยาว 40 ซม.สีส้มเหลือง เมื่อโตเต็มวัยมีหนามน้อยลง กาบใบยาว 50-80 ซม ไม่ห่อเต็มลำต้นสีส้มของก้านใบจะหายไปกลายเป็นสีเขียวตามอายุ ทางใบยาว 2-2.5 เมตร ใบเดี่ยวขอบใบจักตื้น (Bifid, notched end & edges.) แผ่นใบเต็มและมีขอบเยื้องมีแนวโน้มที่จะแตกออกเป็นส่วน ๆ เนื่องจากแรงลม ใบสีเขีวอ่อนโค้งมนยาวไม่เกิน 2 เมตรและกว้าง 1เมตร ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (Infrafoliar) ยาว 1-1.5 เมตร แตกกิ่งก้านมาก ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (Monoecious) ผลกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8-1.2 ซม.เมื่อสุกสีแดง
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตได้ดีที่สุดในเขตร้อนชื้น เพาะปลูกได้เฉพาะในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนที่อบอุ่นเท่านั้น ตำแหน่งแสงแดดบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อเนื่องกันโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงบ่าย) หรือร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน โดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงเช้า) ไม่ชอบความหนาวเย็น การเจริญเติบโตของต้นกล้าจะจับตัวที่อุณหภูมิต่ำกว่า 15°C ต้องการความชื้นสูงอย่างต่อเนื่องบนดินที่อุดมสมบูรณ์มีการระบายน้ำดี และกำบังจากลมที่แห้งเพื่อหลีกเลี่ยงการไหม้ของใบไม้ เติบโตได้ในแหล่งที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย ตั้งแต่ป่าฝนลึกไปจนถึงพื้นที่แห้งแล้ง ทนต่อแสงแดดเต็มที่ตั้งแต่ยังเป็นต้นอ่อน
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ดินที่ชื้นสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้แห้งระหว่างการรดน้ำ ไม่ชอบดินโคลนน้ำขังแฉะอย่ารดน้ำมากเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งใบที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดใบออกถ้ากิ่งยังมีสีเขียวอยู่
การใส่ปุ๋ย---หากไม่ได้ปลูกในดินที่อุดมสมบูรณ์ ให้ใส่ปุ๋ย3ครั้งต่อปี ด้วยปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบและธาตุอาหารรองทั้งหมด หรือปุ๋ยปาล์มโดยเฉพาะ
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีปัญหาแมลงหรือโรคร้ายแรง
รู้จักอ้นตราย---อาจมีอันตราย พืชอายุน้อยมีหนามเงี่ยงแหลมคม ควรใช้ความระมัดระวังในการจัดการ
ใช้ประโยชน์---ใช้เป็นไม้ประดับ เหมาะปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกลงแปลงในที่ร่มรำไร เป็นปาล์มที่นิยมในหมู่นักสะสมปาล์มอย่างมาก
วนเกษตรใช้---สปีชีส์นี้สามารถสร้างตัวเองได้ในที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ มันถูกใช้ในเซเชลส์เพื่อการฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม
อื่น ๆ--- ชาวบ้าน ใช้ใบแห้งขนาดใหญ่สำหรับมุงที่พักอาศัย
- ลักษณะที่เด่นของปาล์มโจร คือหนามเด่นอยู่ที่โคนก้านและใบ เงี่ยงหนามน่าจะเป็นเกราะป้องกันเต่ายักษ์ที่เดินเตร่อยู่บนเกาะ ใบของต้นปาล์มให้ที่พักพิงสำหรับตุ๊กแกและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ในขณะที่พื้นผิวจีบทำหน้าที่เป็นกับดักที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงเป็นที่กำบังสำหรับสัตว์ขนาดเล็ก
ภัยคุกคาม---เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีการกระจายพันธุ์ที่กว้างมาก มีประชากรจำนวนมาก ปัจจุบันไม่พบภัยคุกคามที่สำคัญใดๆ และไม่มีการระบุถึงภัยคุกคามที่สำคัญในอนาคต สายพันธุ์นี้จึงได้รับการประเมินล่าสุดใน IUCN Red List ประเภท 'กังวลน้อยที่สุด'
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species.(2011)
 https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2011-2.RLTS.T38628A10140330.en. Accessed on 18 May 2023.
การอนุรักษ์---ประชากรจำนวนมากได้รับการคุ้มครองในอุทยานแห่งชาติ Morne Seychellois และอุทยานแห่งชาติ Praslin โครงการอนุรักษ์ Silhouette ของ Nature Protection Trust of Seychelles https://www.inaturalist.org/taxa/365729-Phoenicophorium-borsigianum
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด ใช้เวลาในการงอก 4-5 เดือน หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เมล็ดพันธุ์จะมีอายุการเก็บรักษาไม่นาน

ปาล์มระย้าเขียว/Phoenix rupicola

[FEH-niks] [roo-pih-KOH-lah]


Picture 1---California. Photo by Geoff Stein
Picture 2---Tampa, Florida.Photo by Paul Craft.https://www.palmpedia.net
ชื่อวิทยาศาสตร์---Phoenix rupicola T. Anders (1869)
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:668946-1
ชื่อสามัญ---Cliff Date Palm, Indian Date Palm, East Indian wine palm, Cliff date, Wild date palm
ชื่ออื่น---ปาล์มระย้าเขียว (ทั่วไป) ;[CHINESE: Yán hǎi zǎo, Qiàobì zǎo yēzi.];[FRENCH: Palmier des falaises.];[GERMAN: Klippen-Dattelpalme.];[NEPALESE: Schap, Sap, Fam (Lepchas).];[PORTUGUESE: Tamareira-das-rochedo, Tamareira-das-rochas.];[SPANISH: Palmera datilera de acantilado, Datilera de las rocas, Palma de las rocas.];[THAI: Pam ra ya kheow (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code--- PHXRU (Preferred name: Phoenix rupicola.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย อินเดีย
เขตกระจายพันธุ์---อัสสัม, บังคลาเทศ, หิมาลัยตะวันออก อันดามัน คิวบา เปอโตริโก, ตรินิแดด - โตเบโก
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Phoenix' มาจากชื่อภาษากรีกซึ่งตั้งขึ้นในสมัยโบราณถึงต้นอินทผาลัม (Phoenix dactylifera) ; ชื่อสายพันธุ์ 'rupicola' = อาศัยอยู่ใกล้โขดหิน
Phoenix rupicola เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Thomas Anderson (1832–1870) นักพฤกษศาสตร์ชาวสก็อตที่ทำงานในเมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดียในปี พ.ศ.2412
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบตะวันออกหิมาลายา ภูฏานและดาร์จีลิง บังคลาเทศ เบงกอลตะวันตกในอินเดีย ไปยังหมู่เกาะอันดามัน ,คิวบาและเปอร์โตริโก มักจะเกิดขึ้นบนหน้าผาเนินเขาและภูมิประเทศที่คล้ายกัน ที่ระดับความสูง 300-1,200 เมตร ได้รับการแปลงสัญชาติในหมู่เกาะอันดามัน ,หมู่เกาะลีวาร์ด, คิวบาและเปอร์โตริโก และมีรายงานตัวอย่างเมื่อเร็วๆ นี้ในเซนต์ลูเซีย
ลักษณะ--- เป็นปาล์ม ต้นเดี่ยวขนาดเล็ก แต่บางต้นอาจแตกกอ สูงได้ถึง 6-10 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 17-25 ซม.ลำต้นที่เรียบและบาง มีใบยาวโค้งงอซึ่งสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ (เช่น ร่วงหล่นเอง) ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก(pinnate) ทางใบยาว 2-2.5 เมตร ใบย่อยสีเขียวสดใสเป็นประกายเหลือบเงินและบิดเป็นเกลียวพุ่งออกหลายทิศทางเรียงเป็นแถวบนก้านใบหลอกขนาด 50 - 60 ซม.ก้านใบมีหนามแต่น้อยกว่ามากและไม่ดุร้ายเหมือนสายพันธุ์ฟินิกซ์อื่น ๆดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ช่อดอกตั้งตรงยาว 30 ซม.แตกแขนงดอกเล็กสีขาวเหลือง ผลรูปทรงกระบอกสีเหลือง-สีส้มสีน้ำตาล ขนาด 2 ซม.เมื่อสุกสีแดงอมม่วง มีเมล็ด 1 เมล็ดรูปขอบขนาน ยาว 1.5 - 2 ซม. และแคบ ด้านหนึ่งเป็นร่องลึก
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---สามารถปรับตัวได้มากและสามารถปลูกได้ทั้งในเขตอบอุ่นและในเขตร้อน ในพื้นที่ที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า - 6°C ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -3°C ชอบตำแหน่งแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แต่อยู่ในร่มเงาได้ (แสงสว่างหรือแสงแดดทางอ้อม) ดินอุดมสมบูรณ์ความชื้นสม่ำเสมอและมีการระบายน้ำดี อัตราการเจริญเติบโตเร็ว การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ควรได้รับการรดน้ำอย่างดีตลอดเวลา ทนทานต่อความแห้งแล้งต่ำกว่าพืชในสกุล Phoenix สายพันธุ์อื่น ๆเป็นส่วนใหญ่ แต่ระวังอย่ารดน้ำมากเกินไปจนชื้นแฉะตลอดเวลา
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งใบที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดใบออกถ้ากิ่งยังมีสีเขียวอยู่ การตัดแต่งกิ่งเป็นประจำจะช่วยให้พืชแข็งแรงและดูดีที่สุด สามารถตัดแต่งได้ทุกเมื่อตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ผลิถึงต้นฤดูร้อน
การใส่ปุ๋ย--- ใช้ปุ๋ยที่ปล่อยช้าซึ่งมีโพแทสเซียม (K) สูงและฟอสฟอรั (P) ต่ำ ไม่ต้องการปุ๋ยมากเกินไป
ศัตรูพืช/โรคพืช---ระวังไรเดอร์ (spider mites) ควรตรวจสอบเป็นประจำ สำหรับพืชในที่ร่ม และพืชที่ปลูกในพื้นที่ที่มีความชื้นต่ำ
รู้จักอ้นตราย---พืชมีหนามเล็กน้อย ควรใช้ความระมัดระวังในการจัดการ
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลกินได้แต่คุณภาพไม่ดี ในอินเดียมักใช้ทำน้ำตาล แอลกอฮอล์ และเยลลี่
ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ---เป็นพืชหายากในการเพาะปลูก ขณะยังเป็นต้นเล็ก เหมาะปลูกเป็นไม้กระถางในร่ม เมื่อต้นโตขึ้นย้ายปลูกลงแปลงกลางแจ้งหรือใต้ร่มเงาไม้อื่น มีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมของมันในฐานะพืชภูมิทัศน์ ปลูกเดี่ยวเพื่อแสดงคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์
ภัยคุกคาม---เนื่องจากการลดลงอย่างต่อเนื่องของพื้นที่ ขอบเขต และ/หรือคุณภาพของที่อยู่อาศัย ถุกประเมินไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ต่ำกว่าความเสี่ยง/ใกล้ถูกคุกคาม '
สถานะการอนุรักษ์---NT - Lower Risk/near threatened - IUCN Red List of Threatened Species (1998)
https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.1998.RLTS.T38629A10140589.en. Accessed on 19 May 2023.
การดำเนินการอนุรักษ์--- สถานะการอนุรักษ์ของ P. rupicola ในถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาตินั้นไม่ชัดเจน มันมีขอบเขตที่จำกัด ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียที่อยู่อาศัย ความสามารถของ P. rupicola ในการเจริญเติบโตในแหล่งที่อยู่อาศัยที่เข้าไม่ถึง เช่น ทางลาดชัน โขดหิน สันเขา และหน้าผา อาจช่วยให้มันอยู่รอดในป่าได้  (S.C. Barrow. 1998)/Palmweb.https://www.palmpedia.net/wiki/Phoenix_rupicola
ระยะออกดอก/ติดผล--- พฤษภาคม-มิถุนายน/ผลสุก---ตุลาคม-พฤศจิกายน
ขยายพันธุ์----เมล็ด ใช้ระยะเวลาในการงอก 1-3 เดือน ที่อุณหภูมิ 2O ถึง 3O°C
- เช่นเดียวกับ Phoenix สายพันธุ์อื่นๆ สปีชีส์นั้นเป็น dioecious และมีการผสมพันธุ์กับสมาชิกอื่นๆ ของสกุล เมล็ดที่มาจากแหล่งเพาะปลูกมักจะผลิตพืชซึ่งไม่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการของสปีชีส์ที่แท้จริง http://www.palmsociety.org/members/english/chamaerops/018/018-15.shtml


ปาล์มราวีเนีย/Ravenea rivularis

[rah-vehn-EH-ah] [rih-voo-LAHR-iss]

Picture---Southern California. 2.5 years later. Photo by Geoff Stein.https://www.palmpedia.net/wiki/Ravenea_rivularis
ชื่อวิทยาศาสตร์---Ravenea rivularis Jum. & H.Perrier (1913)
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:669550-1
ชื่อสามัญ---Aquatic Palm, Majestic Palm, Majesty palm
ชื่ออื่น---ปาล์มราวีเนีย ปาล์มหลิว (ทั่วไป) ;[CHINESE: Guó wáng yē zi.];[FRENCH: Palmier majestueux, Ravénéa des berges.];[GERMAN: Autralische Schirmpalme, Weißstammpalme.];[MADACASCAR: Bakaly, Gora, Malio, Vakaka.];[PORTUGUESE: Palmeira-ravenea.];[SPANISH: Palma augusta, Palma majestuosa, Palmera majestad.];[SWEDISH: Bäckpalm.];[THAI: Paam ra wi nia, Pam lew (General).];
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code--- RVNRI (Preferred name: Ravenea rivularis.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Ravenea' เป็นเกียรติแก่ ผู้ประกอบการและผู้อุปถัมภ์ชาวเยอรมัน Louis Frederic Jacques Ravene (1823-1879); ชื่อสายพันธุ์ 'rivularis'จากคำภาษาละติน 'rivulus' = ลำห้วย อ้างอิงจากข้อเท็จจริงว่ามันเติบโตตามริมฝั้งแม่น้ำเท่านั้น
Ravenea rivularis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยHenri Lucien Jumelle (1866-1935) นักพฤกษศาสตร์ขาวฝรั่งเศสและJoseph Marie Henri Alfred Perrier de la Bâthie (1873–1958) นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ผู้เชี่ยวชาญด้านพืชในมาดากัสการ์ในปี พ.ศ.2456
ที่อยู่อาศัย---มีถิ่นกำเนิดในมาดากัสการ์ และกระจายในภูมิภาคเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน พบได้ในสภาพอากาศที่แห้งแล้งกึ่งร้อนชื้นทางตะวันตกเฉียงใต้ของมาดากัสการ์.เติบโตขึ้นตามริมตลิ่งและบึงธรรมชาติ ในหนองน้ำตื้นที่สามารถได้รับน้ำและความชื้นที่เพียงพอตลอดทั้งปีที่ระดับความสูง135-840 เมตร
ลักษณะ---เป็นปาล์มต้นเดี่ยวไม่มีหนาม สูงได้ถึง 20-30 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 35-50 ซม.ลำต้นหนา ทรงกระบอก และบวมที่โคนอย่างเห็นได้ชัด มีรอยแผลเป็นจากใบเก่า ปล้องยาว 4-10 ซม.ใบรูปขนนก (pinnate) มีใบ 16-25 ใบ ทางใบยาว 2-2.5 เมตร แผ่นใบกว้างและโค้งลู่ ใบย่อย 70-73 ใบแต่ละด้านเป็นระนาบเดียวสีเขียวถึงเหลืองเล็กน้อย ยาว 20-64 ซม.กว้าง 1.5-3.2 ซม.ห่างกันประมาณ 2 ซม.กาบใบใหญ่ก้านใบสั้น ช่อดอกออกระหว่างกาบใบ (Interfoliar) ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ช่อดอกเพศผู้ตั้งตรง แตกกิ่งเป็น 2 ครั้ง ยาว 86-90 ซม.ก้านช่อดอก 32-45 ซม.สีเขียวมีขนหนาแน่น ดอกเล็กสีขาวมีกลิ่นคล้ายเรซินเล็กน้อย ช่อดอกเพศเมียเดี่ยวตั้งหรือกางออก แตกแขนงออก 1 ครั้ง ยาว 130-150 ซม.ก้านดอก 40-60 ซม.ดอกเพศเมียมีรังไข่ทรงรี-ทรงกรวย สั้นกว่ากลีบดอกเล็กน้อย ผลกลมขนาด 7.5-9 มม. x 7-8.5 มม.เมื่อสุกสีแดง มีเมล็ดกลมหนึ่งเมล็ด ขนาด 5.5-6 x 5.5 มม.มีเนื้อขม
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เหมาะกับเขตร้อนในพื้นที่ที่ไม่มีน้ำค้างแข็ง (USDA Zones 10-12) ต้องการแสงแดดเต็มที่ แต่จะทนต่อแสงน้อยได้ ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -2°C ชอบดินที่มีลักษณะเหมือนดินปลูกแคคตัส คือโปร่ง ระบายน้ำอย่างรวดเร็ว แต่อุ้มน้ำ นอกจากนั้นก็สามารถเติบโตได้ในดินประเภทต่าง ๆที่การระบายน้ำไม่ดีนักได้เหมือนกัน เนื่องจากถิ่นอาศัยอยู่ใกล้น้ำ ริมน้ำ ดินเหนียวจะดีกว่าดินทรายหรือตะกอนเพราะจะกักเก็บน้ำได้มากกว่า เป็นปาล์มที่มีรากไม่รุกราน อัตราการเจริญเติบโตช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำมาก ควรได้รับน้ำอย่างพอเพียง มีความไวต่อการขาดน้ำและความชื้นมากกว่าการขาดแสง  ในช่วงฤดูร้อน ให้รดน้ำบ่อยๆ (ทุกๆ 2 วัน) เพื่อไม่ให้ดินแห้ง สเปรย์น้ำเป็นระยะพืชต้องการความชื้นสูง บรรยากาศที่แห้งอาจถึงตายได้
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็น พืชสามารถทิ้งใบเอง อาจตัดกิ่งที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดถ้าใบยังมีสีเขียวอยู่ออก
การใส่ปุ๋ย---เมื่อปลูกเป็นไม้กระถาง ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษเพราะพืชกระถางไม่สามารถหาอาหารได้เอง ดังนั้นควรให้ปุ๋ยเป็นพิเศษสำหรับต้นปาล์ม ใช้ปุ๋ยละลายช้าที่มีแมกนีเซียม (Mg) 4% มีอัตราส่่วนของ NPK คือ 8-2-12 โดยประมาณ หากได้รับแมกนีเซียมไม่เพียงพอ ใบไม้จะมีสีเหลือง
รู้จักอ้นตราย---N/A
ศัตรูพืช/โรคพืช---ด้วงงวงอ้อย (Metamasius hemipterus : West Indian cane weevil) เข้าทำลายลำต้นจากรอยแผลแตกที่โคน มักจะทำให้เกิดสารเหนียวสีเหลืองอำพัน/ความเสียหายที่พบได้บ่อยในสายพันธุ์นี้ มีความเสี่ยงที่ตายอดจะเน่าจากการใช้น้ำประปารด ส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงปลายฤดูหนาว/ฤดูใบไม้ผลิ
- โรคที่เกิดจากเชื้อรา Botrytis cinerea ในพืชสวนมักเรียกว่า "ราเทา" อาการเน่าสีเทาเป็นผลมาจากสภาพที่เปียกหรือชื้นอย่างสม่ำเสมอ และการเน่าจะรุนแรงขึ้นเมื่อสภาพอากาศแห้งขึ้นตามความชื้น
ใช้ประโยชน์---เมล็ดพันธุ์ที่เก็บเพื่อการส่งออก เป็นพันธุ์ปาล์มที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดแห่งหนึ่งในพืชสวนนานาชาติ
ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ--- ปาล์มราวีเนีย จะรู้จักกันในตลาดการค้าในฐานะไม้กระถาง (houseplant) เป็นหนึ่งในไม้กระถางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เนื่องจากใบสวยงาม ขนาดกระทัดรัด โตช้า ปลูกประดับได้ทั้งภายนอก ภายใน ในช่วงยังเล็กต้องการเพียงแสงสว่าง ไม่สามารถโดนแดดโดยตรงจึงนิยมนำมาปลูกลงกระถางขนาดใหญ่เพื่อใช้ปลูกประดับภายใน ในอาคารปลูกในมุมที่สว่าง มีน้ำมาก และใส่ปุ๋ยน้อยกว่าปกติ เมื่อโตมากขึ้นจึงย้ายปลูกลงดินสายพันธุ์นี้สามารถชื่นชมได้จากถนนสายหลัก Ihosy-Tulear ในพื้นที่ขนาดใหญ่ที่หมู่บ้าน Ilkaka ใกล้อุทยานแห่งชาติ Isalo
ภัยคุกคาม---เนื่องจากมีการลดลงอย่างต่อเนื่องในขอบเขตและคุณภาพของที่อยู่อาศัย นี่คือหนึ่งในสายพันธุ์ปาล์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากมาดากัสการ์ มีการเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์จากป่าเพื่อการค้าพืชสวนระหว่างประเทศ และสิ่งนี้อาจส่งผลต่อศักยภาพในการฟื้นฟูสายพันธุ์ ถึงแม้ว่าจะมีกฎระเบียบทางการค้าที่เข้มงวด แต่การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์จากป่าอย่างผิดกฎหมายยังคงเกิดขึ้นเฉพาะถิ่นทางตะวันตกเฉียงใต้ของมาดากัสการ์ ระหว่างอิซาโล ภูเขา Sakaraha และ Analavelona มีประชากรต้นไม้ที่โตเต็มที่ประมาณ 900 ต้นทั่วบริเวณที่รู้จักและจำนวนประชากรลดลง ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท"มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์โดยผิดธรรมชาติ" (เกิดจากมนุษย์)
สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE - IUCN. Red List of Threatened Species. 2017
สถานะการอนุรักษ์---CITES ภาคผนวก II - การควบคุมการค้าเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ที่เข้ากันไม่ได้กับการอยู่รอดของสายพันธุ์- ทั่วโลก* อ้างอิงบทความ UNEP WCMC พ.ศ. 2546 . CITES Sp. 1–339. ศูนย์เฝ้าระวังการอนุรักษ์โลก UNEP เคมบริดจ์
ขยายพันธุ์---ด้วยการเพาะเมล็ด เมล็ดสดจะงอกได้เร็วภายใน 1 เดือนหลังจากปลูกและต้นกล้านั้นสวยงาม


ปาล์มล้อลม/ Livistona drudei

[liv-iss-TOH-nah] [drood'-eh]

Picture---North East Queensland, Australia. Photo by Dr. John Leslie Dowe.https://www.palmpedia.net/wiki/Livistona_drudei
ชื่อวิทยาศาสตร์---Livistona drudei F.Muell. ex Drude. (1893)
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:668027-1
ชื่อสามัญ--- Drudes Palm, Halifax Fan Palm, Majesty palm, Majestic palm
ชื่ออื่น---ปาล์มล้อลม (ทั่วไป); [CHINESE: Cháng bǐng pú kuí.];[THAI: Paam lor lom (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---LIVSS (Preferred name: Livistona sp.)
ถิ่นกำเนิด---โอเชียเนีย
เขตกระจายพันธุ์---ออสเตรเลีย (รัฐควีนส์แลนด์)
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Livistona' สกุลนี้อุทิศให้กับ Patrick Murray (1632–1671) Baron แห่ง Livingston, Scotland.ผู้ซึ่งกำหนดในปี ค.ศ. 1670 ให้พืชที่สะสมและสวนของเขาให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ ต่อมากลายเป็น 'สวนพฤกษศาสตร์หลวงเอดินบะระ' ในปัจจุบัน ; ชื่อสายพันธุ์ 'drudei' Von Muellerตั้งชื่อตามนักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน Carl Georg Oscar Drude (1852 – 1933)
- ชื่อสามัญ 'Halifax' มาจากอ่าวHalifax ใกล้กับเมือง Ingham อ่าวนี้ได้รับการตั้งชื่อโดยกัปตันคุกในปี พ.ศ. 2313 และเป็นส่วนหนึ่งของถิ่นกำเนิดของต้นปาล์ม
Livistona drudei เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Sir Ferdinand Jacob Heinrich von Mueller (1825-1896) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันออสเตรเลียจากอดีต Carl Georg Oscar Drude (1852–1933) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2436
ที่อยู่อาศัย--- เกิดขึ้นตามธรรมชาติในรัฐควีนส์แลนด์บริเวณชายฝั่งและใกล้ชายฝั่ง จำกัดเฉพาะพื้นที่ที่ยื่นออกมาจากหาด Kurramine และเกาะHinchinทางใต้ไปยังหาดConwayพบตามป่าโกงกาง ป่าเปิดและป่าพรุบนที่ราบชายฝั่ง ริมลำธารและปากแม่น้ำที่ระดับความสูง 300 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์ม ต้นเดี่ยวสูง 28 เมตรเส้นผ่านศูนย์กลาง 15-20 ซม. ที่ลักษณะรูปร่างคล้ายปาล์มลู่ลม Livinstona decipiens และมีขนาดใกล้เคียงกัน ข้อแตกต่างที่สังเกตได้คือ ผิวของลำต้นสีเทาซีดเก่าผิวเรียบสีขาวคล้ายขี้ผึ้งเป็นหย่อม รอยแยกแนวตั้ง ตื้น ละเอียด ไม่เด่นชัดมาก มีใบในมงกุฎ 30 ถึง 60 ใบ  ก้านใบยาว 1.5-2.5เมตร ใบรูปพัด(Costapalmate) ขอบใบจักเว้าละเอียดไม่ถึงสะดือ ปลายจักลงลึกมากห้อยเป็น 'ริบบิ้น' ก้านใบโค้งยาว 1.5 - 3 เมตรมีหนามตรงสีดำคมมาก มีสีน้ำตาลแดงเข้มที่ฐานก้านใบทำให้มองแตกต่างจาก L. decora และช่อดอกจะสั้นกว่า ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (Monoecious) แต่ 'แยกตามหน้าที่' ( 'functionally dioecious') ช่อดอกไม่มีกิ่งตรงโคน ยาว 150-300 ซม. ไม่เกินขอบเขตของมงกุฎ แยกเป็น 3 ครั้ง ช่อดอกมี 7-8 ช่อ ดอกไม้เดี่ยวหรือเป็นกระจุก 2-5 ดอก รูปกรวย ยาว 1.7-2.2 มม. สีครีมถึงเหลือง กลีบเลี้ยงรูปสามเหลี่ยมแคบยาว 1.3-1.5 มม. กลีบดอกรีกว้าง ยาว 1.7-2 มม. เกสรเพศผู้ยาวประมาณ 1.5 มม ผลทรงกลมหรือรูปร่างเป็นลูกแพร์ (pyriform) เล็กน้อย ท้องค่อนข้างแบนขนาด ยาว 10-12 มม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 10-10 มม.เมื่อสุกสีม่วงดำ มีเมล็ดทรงรี 1 เมล็ด เมล็ดยาว 8-9 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เจริญได้ดีที่สุดในตำแหน่งที่มีแสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน แต่มีความชื้นและดินมีการระบายน้ำดี หรือร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรงไม่น้อยกว่า 4-6 ชั่วโมงต่อวัน) ชอบดินที่มีสภาพเป็นกรดเล็กน้อย อุณหภูมิที่เหมาะสม 18-25 °Cทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -3 °C อัตราการเจริญเติบโต ค่อนข้างเร็ว (ไม่เร็วเท่า L. decipiens แต่ก็ใกล้เคียง) การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำเมื่อดินแห้ง ไม่ชอบดินชื้นแฉะต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทนแล้งระดับกลางๆ
การตัดแต่งกิ่ง---ปาล์มจะทำความสะอาดใบแก่เองและตัดแต่งกิ่งเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
การใส่ปุ๋ย---ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน (N) และโพแทสเซียม (K) เสริมในฤดูร้อน
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่ค่อยมีปัญหาโรคหรือแมลงรบกวน
รู้จักอ้นตราย---พืชมีหนามที่ขอบก้านใบแหลมคมมาก ควรจัดการด้วยความระมัดระวัง
ใช้ประโยชน์----ใช้ปลูกประดับสวนทั่วไป
ภัยคุกคาม---เนื่องจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยผ่านการกวาดล้างเพื่อการทำไร่หมุนเวียนการทำไม้ซุงและการทำเหมืองไพลิน มีการเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์จากป่าเพื่อการค้าพืชสวนและสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อศักยภาพการฟื้นฟูของสายพันธุ์ ถูกประเมินไว้ใน IUCN Red List ประเภท "ใกล้สูญพันธุ์"
สถานะการอนุรักษ์---EN - ENDANGERED - IUCN Red List of Threatened Species. 2006
https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.1998.RLTS.T38595A10129786.en. Accessed on 20 May 2023.   
ระยะออกดอก/ติดผล---สิงหาคม-ธันวาคม/ธันวาคม-มิถุนายน
ขยายพันธุ์---เมล็ด

ปาล์มละอองดาว/Cryosophila warscewiczii

[kry-oh-soh-FEE-lah] [vars-zeh-VIK-zee]

Picture---https://www.palmpedia.net/wiki/Cryosophila_warscewiczii
ชื่อวิทยาศาสตร์---Cryosophila warscewiczii (H.Wendl.) Bartlett (1935)
ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:71214-2#synonyms
---Basionym: Acanthorrhiza warscewiczii H.Wendl.(1869).https://www.gbif.org/species/2731949
---Cryosophila albida Bartletttle.(1935)
ชื่อสามัญ---Root-spine Palm, Silver Star Palm, Guara Palm, Broom Palm, Palma de Escoba.
ชื่ออื่น---ปาล์มละอองดาว (ทั่วไป) ; [PORTUGUESE: Palma-de-escoba, Palmera prateada.];[SPANISH: Chonta, Escoba, Guágara, Guagra, Noli, Palma de escoba, Súrtuba.];[THAI: Paam la-ong- dao (General).]  
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code--- QOHWA (Preferred name: Cryosophila warscewiczii.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์--- ปานามา, คอสตาริกา, นิคารากัว, ฮอนดูรัส
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Cryosophila' คือการรวมกันของคำภาษากรีก 'kryos' =น้ำแข็ง, น้ำค้างแข็งและ 'philos' = 'เพื่อน' ซึ่งอาจอ้างอิงชนิดของสายพันธุ์ Cryosophila nana ที่อยู่อาศัยในเม็กซิโก ที่ระดับความสูงถึงประมาณ 1,700 เมตร ; ชื่อสายพันธุ์ 'warscewiczii' ได้รับเกียรติจาก Jozef warscewic Ritter von Rawizc (1812-1866) ผู้แนะนำการเพาะปลูกในยุโรปชาวโปแลนด์
- ชื่อสามัญ 'Rootspine Palm' = รากเป็นหนาม
Cryosophila warscewiczii เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Hermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Bartlettle ในปี พ.ศ.2478
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในคอสตาริกา ฮอนดูรัส นิการากัวและปานามา พบในป่าเขตร้อนชื้น ป่าฝนที่ลุ่ม ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,200 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ลำต้นมีหนามปกคลุมทั่วลำต้น (จริง ๆคือรากที่เปลี่ยนรูปเป็นหนาม จึงได้ชื่อว่า Root spine palm) สูงได้ถึง 10 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 10-15 ซม.เหนือโคนต้นที่ขยายใหญ่ขึ้น ใบรูปพัด (Costapalmate) ขอบใบจักลึกกว่าครึ่งใบ แผ่นใบกว้าง 1.5-2 เมตรแผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้ม แผ่นใบด้านล่างมีขนสีขาวเงินหนาแน่น ก้านใบไม่มีหนามมีความยาว 1-2 เมตรพร้อมฐานที่เป็นเส้นใย ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ยาว0.4-0.7 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ดอกไม้เรียงเป็นเกลียวสีขาว เป็นกระเทย (hermaphroditic) มีเซลล์สืบพันธุ์ (เกสรเพศเมียจะรับได้ก่อนที่ละอองเรณูจะสุก ซึ่งเอื้อต่อการปฏิสนธิข้ามพันธุ์) มีเกสรเพศผู้ 6 อันและเกสรเพศเมีย3 อัน เกสรเพศเมียสุกก่อนเกสรเพศผู้ (Proterogynus) ซึ่งสิ่งนี้เป็นประโยชน์กับการปฏิสนธิข้ามพันธุ์ ผลกลมถึงรูปไข่กลับขนาดยาว 2-2.6 x 1.5-2.3 ซม.ผลอ่อนสีเขียว สุกสีขาว มีเมล็ดกลม 1 เมล็ดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-1.6 ซม
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พืชในเขตร้อน/กึ่งเขตร้อน (USDA Zone: 9B - 10B) ต้องการตำแหน่งที่สว่างแสงส่องถึง (ไม่ใช่แสงแดดโดยตรง) หรือในร่ม (แสงแดดโดยตรงน้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ใช่ศูนย์ชั่วโมง ควรใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงในตอนเช้า) ดินมีการระบายน้ำดี pH 6.1 - 7.5 (เป็นกรดเล็กน้อยถึงเป็นด่างเล็กน้อย) ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -2°C โดยสร้างความเสียหายต่อใบได้ ต้นปาล์มชนิดนี้มีความไวต่อลมร้อนและแห้ง แต่มีความทนทานต่อความเย็นจัดได้ดีพอๆ กับสภาพแสงน้อย ทำให้มันเป็นปาล์มในร่ม ที่ยอดเยี่ยม มีอัตราการเจริญเติบโต รวดเร็ว การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำเมื่อดินด้านบน 50%-75% แห้ง อย่าปล่อยให้น้ำขังหรือดินเปียกแฉะตลอดเวลาเพราะจะทำให้รากเน่า เพิ่มความชื้นในฤดูร้อน ด้วยการสเปรย์น้ำหรือพ่นหมอก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
การตัดแต่งกิ่ง---การตัดใบสีน้ำตาลที่ตายแล้วสามารถช่วยให้ต้นปาล์มเจริญเติบโตได้ ระวังอย่าลิดกิ่งปาล์มมากเกินไปเพราะใบเป็นแหล่งอาหารหลักของพืช
การใส่ปุ๋ย---ใส่ปุ๋ยปาล์มคุณภาพดีที่มีสูตรปลดปล่อยอย่างต่อเนื่องปีละ 2 ครั้ง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน งดใส่ปุ๋ยในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีปัญหาแมลงหรือโรคร้ายแรง/ พืชที่ปลูกอยู่ในร่มมีความต้านทานต่อไรเดอร์ (Spider mites) ซึ่งเป็นศัตรูของปาล์มในร่มส่วนใหญ่
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงและมนุษย์
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นไม้กระถางในร่ม มีคุณสมบัติลดมลพิษ ฟอกอากาศ เหมาะสำหรับสวนกึ่งเขตร้อนและเขตร้อน และเป็นหนึ่งในปาล์มพัดเพียงไม่กี่ชนิดที่ปลูกได้ดีในที่ร่ม
อื่น ๆ---ใบใช้ในท้องถิ่นสำหรับมุง เส้นใยที่ได้จากพืชใช้ผลิตไม้กวาดและแปรงคุณภาพดีมาก หนามบนต้นเคยใช้สำหรับเป็นลูกดอกพิษ
ภัยคุกคาม---เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีการกระจายพันธุ์ที่กว้างมาก มีประชากรจำนวนมาก ปัจจุบันไม่พบภัยคุกคามที่สำคัญใดๆ และไม่มีการระบุถึงภัยคุกคามที่สำคัญในอนาคต สายพันธุ์นี้จึงได้รับการประเมินล่าสุดใน IUCN Red List ประเภท 'กังวลน้อยที่สุด'
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species.(2018)
https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2021-1.RLTS.T55958224A151956331.en. Accessed on 20 May 2023.
ระยะออกดอก/ติดผล---พฤษภาคม-ตุลาคม/สิงหาคม-ธันวาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้ระยะเวลาในการงอก 3-6 เดือนหรือมากกว่านั้น ที่อุณหภูมิ 22-24 °C

ปาล์มลู่ลม/ Livistona decora

[liv-iss-TOH-nah] [deh-KOHR-ah]

-Photo---https://www.palmpedia.net/wiki/Livistona_decora
ชื่อวิทยาศาสตร์---Livistona decora (W.Bull) Dowe.(2004)
ชื่อพ้อง--- Has 4 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/
---Basionym: Corypha decora W.Bull (1887).http://legacy.tropicos.org/Name/50322894
---Livistona enervis auct.(1891)
---Livistona decipiens Becc.(1910)
---Livistona decipiens var. polyantha Becc.(1920)
ชื่อสามัญ---Ribbon Fan Palm, Weeping Palm, Weeping Cabbage Palm, Ribbin Fan Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มลู่ลม (ทั่วไป) ;[FRENCH: Latanier pleureur.];[GERMAN: Trauer-Schirmpalme, Trauerschirmpalme.];[PORTUGUESE: Palmeira-leque-de-fita.];[SPANISH: Palma llorona, Palmera de cintas, Palmera llorona.];[THAI: Pam loo lom (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---LIVDE (Preferred name: Livistona decora.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปออสเตรเลีย
เขตกระจายพันธุ์---รัฐควีนส์แลนด์
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Livistona สกุลนี้อุทิศให้กับ Patrick Murray (1632–1671) Baron แห่ง Livingston, Scotland.ผู้ซึ่งกำหนดในปี ค.ศ. 1670 ให้พืชที่สะสมและสวนของเขาให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ ต่อมากลายเป็น 'สวนพฤกษศาสตร์หลวงเอดินบะระ' ในปัจจุบัน ; ชื่อสายพันธุ์ 'decora' = สวยงาม, สง่า มีการอ้างอิงที่ชัดเจน
Livistona decora เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย William Bull (1828-1902) นักสะสมพืชชาวอังกฤษและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย John Leslie Dowe (เขามีบทบาทมากที่สุดในปีพ.ศ. 2536) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรเลีย ในปี พ.ศ.2547
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในประเทศออสเตรเลีย (ควีนส์แลนด์) ใกล้ Townsville ทางใต้ไปยัง Tewantin และ Rainbow Beachเจริญเติบโตตามป่า ลำห้วยและในหนองน้ำใกล้กับมหาสมุทร พบมากที่สุดในพื้นที่ชายฝั่งทะเล เป็นกลุ่มใหญ่หนาแน่น และกระจาย ไปในป่าเปิด ป่าฝนเขตร้อน ที่ระดับความสูง 0-550 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงได้ถึง 15-18 เมตรเมื่อโตเต็มวัยจะแผ่กว้างได้ประมาณ 5-6 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 25-30 ซม.มีสีน้ำตาล ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดออกสีเทา ซึ่งจะเห็นรอยปิดของแผลเป็นทางใบและรอยแตกในแนวดิ่งเล็กน้อย มีข้อนูนเด่นรอยแผลเป็นที่โคน ใบรูปพัด (Costapalmate) มีลักษณะบางมากและคล้ายริบบิ้นทำให้ปาล์มชนิดนี้นี้มีลักษณะที่แปลกใหม่ ขอบใบจักเว้าลึกถึงสะดือ แผ่นใบกว้าง 1.5 เมตร ปลายจักห้อยลู่มากกว่าครึ่งใบ ใบด้านบนมีสีเขียวเข้มมันวาว ด้านล่างสีซีดลงเล็กน้อย ก้านใบยาว1.5-2.8 เมตร โค้งด้านล่างและแบนด้านบน ฐานใบไม่แยก ขอบก้านใบมีหนามแข็งขนาดเล็กสีดำงอโค้งเข้า ยาว 0.5 ซม.ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (Monoecious) แต่ 'แยกตามหน้าที่' ( 'functionally dioecious') ช่อดอกออกระหว่างก้านใบ (Interfoliar) ตั้งขึ้นพ้นใบยาว 1.5-2 เมตร มีลักษณะเป็นคันศรและมีกิ่งก้านมาก มีดอกสีเหลืองขนาดเล็กคล้ายกระเทย มักจะมีช่อดอกออกมาพร้อมกันมากกว่า ผลกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง1.8 ซม. เมื่อสุกสีเขียวคล้ำถึงดำมัน มีเมล็ดกลม1เมล็ด ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ซม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---แสงแดดจัด 80-100 % (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) หรือร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรงไม่น้อยกว่า 4-6 ชั่วโมงต่อวัน) ขึ้นได้ในดินหลายสภาพ แต่การระบายน้ำต้องดี ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง  -6.7°C ในช่วงเวลาสั้นๆ มีความต้านทานค่อนข้างดีต่อความเค็ม อัตราการเจริญเติบโต 0.60 เมตรต่อปี อายุปาล์มยืนอยู่ได้ 50-150 ปี
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำเมื่อดินแห้ง ไม่ชอบดินชื้นแฉะต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทนแล้งระดับกลางๆ
การตัดแต่งกิ่ง---ปาล์มจะทำความสะอาดใบแก่เองและตัดแต่งกิ่งเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
การใส่ปุ๋ย---ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน (N) และโพแทสเซียม (K) เสริมในฤดูร้อน
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่ค่อยมีปัญหาโรคหรือแมลงรบกวน
รู้จักอ้นตราย---พืชมีหนามที่ขอบก้านใบแหลมคมมาก ควรจัดการด้วยความระมัดระวัง
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ ได้รับการปลูกเป็นไม้ประดับอย่างกว้างขวางในภูมิภาคที่แห้งแล้งทั่วโลก ใช้งานได้ดีไม่ว่าจะปลูกเดี่ยวหรือสำหรับปลูกริมถนน สามารถปลูกใกล้ทะเล เป็นหนึ่งใน Livistona ประดับที่สวยงามที่สุด ส่วนใหญ่จะรู้จักในชื่อ Livistona decipiens ซึ่งเป็นชื่อพ้องความหมายของสายพันธุ์นี้
- การขุดล้อมย้ายตำแหน่งความเสี่ยงต่ำ ควรขุดล้อมไว้ก่อนประมาณ 2 เดือนก่อนที่จะยก
ขยายพันธุ์---ด้วยการเพาะเมล็ด เมล็ดจะงอกภายใน 1-3 เดือน

สกุล Serenoa (sehr-eh-NO-ah) เป็น Monotypic  genus มีเพียง 1 สายพันธุ์คือ Serenoa repens หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า Saw Palmetto มีถิ่นกำเนิดในแถบกึ่งเขตร้อนทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ต้นปาล์มเลื่อยชนิดเล็กเกิดขึ้นตามธรรมชาติบนที่ราบชายฝั่งทะเลตั้งแต่เซาท์แคโรไลนาไปจนถึงรัฐลุยเซียนาตะวันออกเฉียงใต้ มันเติบโตในแหล่งอาศัยที่หลากหลายตั้งแต่เนินทรายริมทะเลและป่าที่แห้งแล้งไปจนถึงป่าชื้น ไม้สน และแม้แต่พื้นที่ชุ่มน้ำ Saw Palmetto สามารถเป็นพืชคลุมพื้นดินที่โดดเด่น (Dominant ground cover)ในป่าสนทางตะวันออกเฉียงใต้บางแห่งซึ่งบางครั้งครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยเอเคอร์
ชนิดย่อย พันธุ์ รูปแบบ และพันธุ์ของพืชที่อยู่ในกลุ่ม Serenoa repens
- Serenoa repens (W.Bartram) Small: (แสดงหน้านี้ 1 สายพันธุ์)
- Serenoa repens f. glauca Moldenke: เป็นรูปแบบที่น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษด้วยใบไม้สีเงินสีน้ำเงิน การแพร่กระจาย: เกิดขึ้นตามชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกในรัฐฟลอริดา

ปาล์มเลื้อย/Serenoa repens

[sehr-eh-NO-ah] [REH-penz]

Picture ---Saw Palmetto, Serenoa repens ตามเส้นทางเมืองผีเซนต์ฟรานซิสเส้นทางนี้อยู่ในส่วนทางตะวันออกเฉียงใต้ของป่าสงวนแห่งชาติ Ocala ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของแม่น้ำเซนต์จอห์นนี่คือทางตะวันตกของ DeLand และประมาณ 35 ไมล์ NW แห่งออร์แลนโด "
Photo by H.P. Leu Gardens Botanist Eric S. https://www.palmpedia.net/wiki/Serenoa_repens
ชื่อวิทยาศาสตร์--- Serenoa repens (W.Bartram) Small (1926)
ชื่อพ้อง---Has 8 Synonyms.
---Basionym: Corypha repens W.Bartram ((1791).See https://www.gbif.org/species/2735055
---Brahea serrulata (Michx.) H.Wendl. (1878)
---Chamaerops serrulata Michx. (1803)
---More.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:941782-1#synonyms
ชื่อสามัญ---Saw Palmetto, Saw-palmetto, Palmetto, Serenoa, Scrub palmetto.
ชื่ออื่น---ปาล์มเลื้อย (ทั่วไป) ;[ALABAMA: Taalachoba ("big palm").];[CHINESE: Ju chi zong.];[DUTCH: Dwergpalm, Zegepalm.];[FLORIDA: Kanapaha ("palm house").];[FRENCH: Sabal, Chou palmiste, Palmier de Floride.];[GERMAN: Sägepalme, Strauchpalmettopalme, Sägezahnpalme.];[HUNGARIAN: Fűrészpálma.] ;[ITALIAN: Serenoa.];[JAPANESE: Nokogiriyashi.];[PORTUGUESE: Serenoa.];[RUSSIAN: Serenoa, Serenoya];[SPANISH: Serenoa, Palmito salvaje.];[SWEDISH: Sågpalmetto.];[THAI: Paam leuy (GENERAL).]  
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---SERRE (Preferred name: Serenoa repens.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---ตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา รัฐฟลอริดา ลุยเซียนา เซาท์แคโรไลนา และอาร์คันซอ
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Serenoa' ตั้งเป็นเกียรติแก่ Sereno Watson (1826–1892) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ; ชื่อสายพันธุ์ 'repens'= "กำลังคืบคลาน"
Serenoa repens เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย William  Bartram (1739-1823) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยJohn Kunkel Small (1869–1938) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2469


Picture---Home, South Miami, Florida. Photo by Dr. Scott Zona.Photo-floridata.com
-https://www.palmpedia.net/wiki/Serenoa_repens
ที่อยู่อาศัย---พบทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา (คาบสมุทรฟลอริดาและที่ราบชายฝั่งตั้งแต่ตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐลุยเซียนาไปจนถึงภาคใต้ของเซาท์แคโรไลนา ไกลไปถึงตอนใต้ของรัฐอาร์คันซอด้วย) และยังพบกระจายในเขตร้อนของอเมริกากลางและอเมริกาใต้ บนเนินทรายและป่าสน
ลักษณะ--- เป็นปาล์ม แตกกอขนาดเล็กมีลำต้นมักจะอยู่เหนือพื้นดินหรือ ทอดตัวเอนไปกับพื้นดิน เจริญในแนวราบ ในบางกรณีอาจพัฒนาลำต้นตั้งตรงหรือโค้งแต่น้อยที่จะพบ สูงประมาณ 0.6-3 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 25 ซม.ก้านใบมีความยาวระหว่าง 1 ถึง 1.5 เมตรและมีขอบหยักซึ่งใบที่มีขอบแหลมจะคลี่ออกเป็นปล้องโดยมีจำนวนระหว่าง 18 ถึง 24 ใบ ใบรูปพัด (Costapalmate) ขอบใบจักลึกเกือบถึงสะดือ แผ่นใบกว้างถึง 0.6-0.9 เมตร ใบสีเขียวหรือสีเขียวอมฟ้า ก้านใบยาว 1.2-1.5 เมตร มีฟันที่แหลมคมคล้ายใบเลื่อย ช่อดอกออกระหว่างกาบใบ (Interfoliar) ยาว 0.6-1 เมตร ดอกสมบูรณ์เพศมีทั้งเพศผู้และเพศเมียในดอกเดียวกัน (hermaphrodite) ดอกสีเหลืองขนาด 0.5 ซม.กลิ่นหอม ผลกลมขนาด 0.8 ซม.เมื่อสุกสีดำ  มีเมล็ด 1 เมล็ด  
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตในเขตร้อนชื้น กึ่งเขตร้อน และเขตอบอุ่น (USDA 8-11) ต้องการตำแหน่งแสงแดดบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่มีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงบ่าย) และร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่มีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงเช้า) สามารถเติบโตได้ทั้งในแหล่งอาศัยที่มีแสงแดดส่องถึงและในที่ร่ม (แสงแดดโดยตรงน้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ใช่ศูนย์ชั่วโมง ควรใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงในตอนเช้า) ทนแล้งและขึ้นได้ในดินทุกชนิด ชอบดินทรายที่มีแร่ธาตุหรือสารอินทรีย์น้อย pH 5.6-6.5 แต่ก็อาจเติบโตได้บนดินร่วนปนหิน และบนพื้นที่ที่เป็นหนองน้ำและมีการระบายน้ำไม่ดี ค่อนข้างทนเค็ม ทนความเย็นจัดในฤดูหนาวได้ถึง −12°C ในช่วงเวลาสั้นๆ (โซน USDA 8-10) การเจริญเติบโตช้ามากเติบโตประมาณ 1 - 2 นิ้วต่อปีเท่านั้น และมีอายุยืนยาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟลอริด้าอาจมีอายุมากถึง 500-700 ปี การบำรุงรักษาเพียงเล็กน้อย เมื่อสร้างแล้วแทบไม่ต้องบำรุงรักษาเลย
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลางทนต่อความชื้นในระดับต่ำและความแห้งแล้งในฤดูร้อนเหมาะสำหรับการ xeriscaping
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งกิ่งปาล์ม เมื่อใบแก่ตาย ควรตัดแต่งออกและปล่อยให้โคนใบแห้ง แต่อย่าลิดถ้าใบยังมีสีเขียวอยู่บ้าง นิยมถอนหน่อออกทั้งหมดยกเว้นหน่อบางส่วนและตัดแต่งใบเพื่อสร้างกระจุกปาล์ม "mini" ที่มีลำต้นชัดเจน
การใส่ปุ๋ย---ใส่ปุ๋ยปีละ 2 ครั้งใช้ปุ๋ยสูตรเฉพาะสำหรับปาล์มหรือปุ๋ยที่ปล่อยช้าที่ใช้ในช่วงฤดูปลูก
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่ค่อยมีโรคหรือแมลงรบกวน
รู้จักอันตราย---ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง ก้านใบฟันเลื่อยที่แหลมคมสามารถบาดผิวหนังได้ง่าย ควรใช้ความระมัดระวังในการจัดการ
การใช้ประโยชน์----ใช้กิน ผลสุกกินได้ผลดิบรสขม ในรัฐทางใต้ของสหรัฐอเมริกา ใช้ผลไม้เป็นแหล่งโภชนาการ นอกจากนี้ยังใช้เพื่อช่วยสร้างความแข็งแรงของผู้ป่วยขึ้นใหม่ในระหว่างพักฟื้น เนื่องจากการบริโภคผลสุกที่มีน้ำมันจะช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร ซึ่งจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นและเพิ่มความแข็งแรง
ใช้เป็นยา--- ผลของต้นปาล์มใช้สำหรับรักษาต่อมลูกหมากโต ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ปรับปรุงการไหลของปัสสาวะและลดความถี่ในปัสสาวะ
- อาจช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก มีผลในการกระตุ้นเยื่อเมือกของระบบสืบพันธุ์ ทำให้ผลไม้นี้ช่วยบรรเทาอาการของโรคหนองในเฉียบพลันแบบกึ่งเฉียบพลันและแบบเรื้อรังแก่ผู้ชายและผู้หญิง
- เนื่องจากประสิทธิภาพในการรักษาความผิดปกติต่าง ๆ ของมนุษย์ได้รับการยืนยันจึงทำให้พืชมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วนเกษตร---สามารถใช้สำหรับการป้องกันต้นน้ำ ควบคุมการกัดเซาะและการพังทะลายของดิน
ใช้ปลูกประดับ--- เป็นปาล์มที่มีหลายลำต้นที่สวยงาม มักปลูกในสวนทั่วไป ในสวนสาธารณะและภูมิทัศน์ อาจปลูกใกล้ทะเลได้หากได้รับการปกป้อง (หลังเนินทราย อาคาร ฯลฯ) สามารถปลูกในภาชนะ เป็นปาล์มที่ไม่ธรรมดาและมีราคาแพง
อื่น ๆ---ใช้เส้นใยและพืชสำหรับวัสดุมุง ชนเผ่าพื้นเมืองหลายกลุ่มใช้ใบสำหรับมุง ดังนั้นสถานที่ในAlachua County ฟลอริดาจึงมีชื่อว่า Kanapaha ("บ้านปาล์ม")
- ผลไม้เป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าสำหรับสัตว์ป่า
ระยะออกดอก/ติดผล---ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-กรกฎาคม)/ผลสุก ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-ตุลาคม) ในซีกโลกเหนือ
- การออกดอกและติดผลไม่จำเป็นต้องออกเป็นประจำทุกปีเสมอไปและบางปีก็อาจมีการออกดอกมากกว่าครั้งอื่นๆ แม้ว่าการออกดอกจะอุดมสมบูรณ์ การผลิตผลไม้ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้
ขยายพันธุ์---เมล็ด เมล็ดสดหว่านโดยตรง เมล็ดจะงอกใน 45-60 วัน การเจริญเติบโตของต้นกล้าและการพัฒนาต้นช้า การจัดตั้งต้องใช้เวลา
- นอกจากนี้ยังสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการแบ่งกอหรือแยกหน่อ


ปาล์มวู้ดฟอร์ด/Saribus woodfordii

[sahr-EE-buhs] [wood-ford'-ee]

Picture---H. P. Leu Gardens, Orlando, FL. Photo by Geoff Stein.https://www.palmpedia.net/wiki/Saribus_woodfordii
ชื่อวิทยาศาสตร์---Saribus woodfordii (Ridl.) Bacon & W.J.Baker.(2011)
ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:77116519-1#synonyms
---Basionym: Livistona woodfordii Ridl.(1898) https://www.gbif.org/species/7365115
---Livistona beccariana Burret (1941)
ชื่อสามัญ---Nggela Fountain Palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มวู้ดฟอร์ด (ทั่วไป) ; [INDONESIA: Sergand (Sumatra), Woka (Sulawesi).];[JAPANESE: Sarmīte.];[PHILIPPINES: Footstool Palm, Balla (Mindanao); Luzon Livistona, Mindoro Livistona, Anahao, Pilig, Panobao(Tagalog).];[THAI: Paam wood fod (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---LIVSS (Preferred name:  Livistona sp.)  ถิ่นกำเนิด---โอเชียเนีย
เขตกระจายพันธุ์---อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ปาปัวนิวกินี หมู่เกาะโซโลมอน
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Saribus' มาจากชื่อท้องถิ่นที่ใช้โดย Macassans ของเกาะ Sulawesi ของอินโดนีเซีย (Celebes) ซึ่งใช้โดย Rumphius (แคลิฟอร์เนีย 1627-1702) ในบทประพันธ์ 'Hebarium Amboinense' ที่ตีพิมพ์ในปี 1741 ; ชื่อสายพันธุ์ 'woodfordii 'ตั้งชื่อตามนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ Charles Morris Woodford ผู้รวบรวมตัวอย่างประวัติศาสตร์ธรรมชาติในหมู่เกาะโซโลมอน (พ.ศ. 2429-2457)
Saribus woodfordii เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Henry Nicholas Ridley (1855–1956) นักพฤกษศาสตร์และนักธรณีวิทยาชาวอังกฤษและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Christine D. Bacon (เขามีบทบาทมากที่สุดในปีพ.ศ. 2554) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกันและ William John Baker (1972– ) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ในปี พ.ศ.2554
ที่อยู่อาศัย--- เป็นพืชพื้นเมืองไปยังพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้จากปาปัวนิวกินีไปที่หมู่เกาะโซโลมอน; ในหมู่เกาะโซโลมอนพบใน Tulagi (Nggela) และหมู่เกาะ San Cristobal ; ในปาปัวนิวกินีพบใน Milne Bay Prov. บนเกาะ Rossel และ Sudest และแผ่นดินใหญ่ใกล้กับ Cape Vogel และ East Cape ;ในอินโดนีเซียพบบนเกาะชวา กาลิมันตัน, สุลาเวสี, มาลุกุและหมู่เกาะราชาอัมปัต; ในมาเลเซียทางตอนเหนือของซาบาห์และหมู่เกาะใกล้เคียงและพบทั่วฟิลิปปินส์ เติบโตในเขตกระจายพันธุ์ ตามป่าชายฝั่งบนหินปูนหรือดินลูกรังที่ระดับความสูง 0-120 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์ม ต้นเดี่ยวสูงได้ถึง12 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 12-20 ซม.รอยแผลเป็นบนใบหรือก้านใบจะยกขึ้นเล็กน้อย ความกว้างไม่สม่ำเสมอ และมีสีเทาอ่อน ปล้องระหว่างแผลเป็นกว้าง และกลายเป็นสีเทาอมน้ำตาลถึงเทาตามอายุ ก้านของก้านใบไม่แข็งกระด้าง กล่าวคือ ไม่เกาะติดลำต้นเป็นเวลานาน ใบมี30-60ใบ ใบรูปพัด (Costapalmate) ขอบใบจักลึกครึ่งใบ แผ่นใบกว้าง1เมตร ก้านใบยาว1เมตร และมีหนามแข็งขนาดเล็กที่ขอบก้าน ช่อดอกออกระหว่างก้านใบ (Interfoliar) ยาว1.2-2.7 เมตร ดอกสมบูรณ์เพศมีทั้งเพศผู้และเพศเมียในดอกเดียวกัน (hermaphrodite) ดอกสีเหลืองรวมกันเป็นกลุ่ม 3-5 ดอก ดอกไม้ (กลีบเลี้ยงและกลีบดอก) เป็นสีแดง ผลรูปกลมขนาด 11-25 มม.ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกสีส้มสีแดงถึงสีน้ำตาลแดง มีเมล็ดกลม 1 เมล็ด เส้นผ่านศูนย์กลาง 10-13 มม
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ชอบแสงแดดเต็มวัน (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แต่ก็ทำได้ดีในที่ร่มบางส่วนที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรง (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อเนื่องกันในช่วงบ่าย) ทนอุณหภูมิที่ลดลงได้ต่ำถึง -5 °C ในช่วงเวลาสั้น ๆชอบดินร่วนที่อุดมสมบูรณ์ แต่สามารถปรับให้เข้ากับดินที่ระบายน้ำได้ดีหลายชนิดรวมถึงดินเหนียว ดินทราย ค่า pH เป็นด่างหรือเป็นกรดอ่อน ๆ อัตราการเจริญเติบโตช้า การบำรุงรักษา ต่ำ และทนต่อการละเลย
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ความชื้นปานกลางแต่ไม่สม่ำเสมอ พืชควรได้รับการรดน้ำในช่วงฤดูแล้งและใช้วัสดุคลุมดินอินทรีย์ (หญ้าแห้ง, ใบไม้แห้ง)เพื่อให้ความชื้นในดินเพียงพอ ปาล์มชนิดนี้มีรากแก้วที่ยาวและสามารถอยู่รอดได้ในช่วงฤดูแล้งที่ยืดเยื้อ มันไม่ชอบดินที่เปียกชื้นตลอดเวลา
การตัดแต่งกิ่ง---พืชจะทำความสะอาดใบแก่เองและตัดแต่งกิ่งเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
การใส่ปุ๋ย---ใช้ปุ๋ยสูตรเฉพาะสำหรับปาล์มหรือปุ๋ยที่ปล่อยช้าในช่วงฤดูปลูก ปีละ 2 ครั้ง เว้นการใส่ปุ๋ยตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว
ศัตรูพืช/โรคพืช---มีความต้านทานต่อแมลงและโรค/ค่อนข้างเสี่ยงต่อโรคเหลืองเหลืองตาย [Lethal yellowing (LY).]
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ ปลูกในเขตร้อน กึ่งเขตร้อน และเขตอบอุ่น ใช้ประโยชน์ได้ในสวนสาธารณะและสวนทั่วไป ความสูงขนาด1-2 เมตร เป็นช่วงความสวยงาม เหมาะปลูกเป็นไม้กระถางในร่มประดับในห้องปรับอากาศ
- ประชาชนในท้องถิ่นใช้ใบไม้เพื่อปกปิดที่อยู่อาศัยในชนบทและที่พักอาศัยชั่วคราว
ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามจากกิจกรรมการตัดไม้และการเพิ่มการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง ถูกประเมินล่าสุดไว้ใน IUCN Red List ประเภท มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์โดยผิดธรรมชาติ (เกิดจากมนุษย์)
สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE D2 - IUCN. Red List of Threatened Species.(1998)
https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.1998.RLTS.T38601A10136462.en. Accessed on 21 May 2023.
ระยะออกดอก/ติดผล---มกราคม-เมษายน/พฤษภาคม-กรกฎาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้ระยะเวลาในการงอกภายใน 1-4 เดือนหลังจากหยอดเมล็ด

ปาล์มสยาย/ Chuniophoenix hainanensis

Picture---China. www.coldplant.com, Photo by Garry http://price.coldplant.com/index1.html
ชื่อวิทยาศาสตร์---Chuniophoenix hainanensis Burret (1937).
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:665978-1
ชื่อสามัญ---Hainan Fan palm, Chinese Charmer
ชื่ออื่น---ปาล์มสยาย(ทั่วไป) ; [CHINESE: Qiong zong, Ai qiong zong.];[THAI: Pam sa-yai (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---KPXSS (Preferred name: Chuniophoenix sp.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์---ตอนใต้ของจีน
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Chuniophoenix' ได้รับการตั้งชื่อตามศาสตราจารย์ Woon-Young Chun (1889-1971) ผู้อำนวยการสถาบันพฤกษศาสตร์ในศตวรรษที่ 20 แห่งมหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยจงซาน) ในเมืองกวางโจว ประเทศจีน และ ชื่อสกุล'phoenix' ; ชื่อสายพันธุ์ 'hainanensis' หมายถึงจาก Hainan แหล่งกำเนิด
Chuniophoenix hainanensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Ewald Maximilian Burret (1883–1964) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2480
ที่อยู่อาศัย---ในธรรมชาติพบเฉพาะในป่าดิบชื้นเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อน ที่ระดับต่ำ บนเกาะไหหลำ ภาคใต้ของจีน เท่านั้น
ลักษณะ---เป็นปาล์มแตกกอขนาดเล็กไม่มีหนาม ออกเป็นกลุ่ม มีลำต้นแข็งแรงจำนวนมาก มันคือ pleonanthic, hermaphroditic หรือ polygamodioeciousสูงประมาณ 3-4 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 4-6 (-10) ซม.ลำต้นไม่มีแผ่นใยคลุม มงกุฎ มี 15-20 ใบ ก้านใบยาว 0.9 เมตร ขอบเรียบ เป็นร่องลึก สีขาว ใบรูปพัด (palmate) กว้าง 1.2 เมตร ขอบใบจักเว้าลึกเกือบถึงสะดือ แต่ไม่มีขอบสะดือที่กลางใบ แผ่นใบสีเขียว ด้านล่างสีขาว ช่อดอกยาว 2 เมตรโค้ง อยู่ใต้ใบ (Infrafoliar) แยกแขนง กิ่งก้านยาว 10-20 ซม.ดอกไม้ส่วนใหญ่เป็นกะเทยโดดเดี่ยวในกลุ่มเล็ก ๆ (simple cincinni) แต่ละดอกย่อยประกอบด้วยกาบเล็ก ๆ กลีบดอกสีม่วง ผลรูปลูกแพร์ (pear-shaped) ขนาด 2.5 x 2.2 ซม.สีส้มแดงถึงม่วง มี 1 เมล็ด
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตได้ดีในสภาพอากาศแบบเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน (USDA hardness zones 10-11) ตำแหน่งที่แสงแดดไม่จัดนัก (แสงกรอง) แสงแดดรำไรหรือร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะทำงานได้ดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงเช้า) ชอบดินที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอินทรีย์วัตถุ ชื้น สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างกว้างขวางรวมถึงพวกที่เป็นกลาง เป็นกรด ดินเหนียว และด่างเล็กน้อย แต่ต้องมีการระบายน้ำดี อุณหภูมิในฤดูร้อนที่เหมาะสมจะอยู่ระหว่าง 23-28°C อุณหภูมิในฤดูหนาวอาจอยู่ระหว่าง 13-17°C หรือต่ำกว่า ทนต่ออุณหภูมิได้ตั้งแต่ 0°C - 40°C อุณหภูมิต่ำสุดที่ยอมรับได้คือ -3°C หรือน้อยกว่านั้นโดยมีความเสียหายเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย อัตราการเจริญเติบโตช้า ใช้เวลาหลายปีกว่าจะสูงได้ถึง 10 ซม. การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำมาก ควรรดน้ำก่อนที่ดินจะแห้งสนิท ช่วยรักษาความชื้นในดินด้วยวัสดุคลุมดินที่คลุมดินหนา ซึ่งช่วยให้ดินมีฐานอินทรีย์ที่เน่าเปื่อยสมบูรณ์ รากของ ชูนิโอฟีนิกซ์นั้นตื้นและแผ่ขยาย ดังนั้นมันจึงชอบที่จะแทรกตัวเข้าไปในวัสดุคลุมดินที่อุดมสมบูรณ์นี้ ซึ่งจะต้องเปียกตลอดเวลา แต่อย่าให้ขังแฉะ  สำหรับพืชในกระถางในร่มไม่ควรให้น้ำมากเกินไป
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่ค่อยต้องการการตัดแต่งกิ่ง เพียงตัดใบสีน้ำตาลออกเท่านั้น ตัดช่อดอกเก่าออกเพื่อหลีกเลี่ยงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยแป้ง
การใส่ปุ๋ย---ต้องการปุ๋ยที่มีการปลดปล่อยสารอินทรีย์ต่ำที่สมบูรณ์แบบ (เช่น 18-18-18) รวมถึงธาตุอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของยอด และการเจริญเติบโต (สีเขียวเข้ม) ใส่ปุ๋ยที่ใช้ได้ ร่วมกับ Mg,Mn เป็นครั้งคราว
ศัตรูพืช/โรคพืช---โดยทั่วไปปราศจากโรคและแมลงศัตรูพืชที่ร้ายแรง ระวัง Aleurotrachelus atratus (แมลงหวี่ขาวรบกวนปาล์ม)
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ ใช้เป็นไม้ประดับได้ดี แต่พวกมันแทบไม่เป็นที่รู้จักในการเพาะปลูก เป็นหนึ่งในปาล์มในร่มที่สง่างามและทนทานที่สุด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปลูกในภาชนะหรือปลูกบนดิน และเหมาะสำหรับในร่มหรือกลางแจ้งด้วย
ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามโดยการสูญเสียที่อยู่อาศัยจากกิจกรรมการตัดไม้และการเพิ่มการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท "ใกล้สูญพ้นธฺุ"
สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species. 2004
China Plant Specialist Group. 2004. Chuniophoenix hainanensis. The IUCN Red List of Threatened Species 2004: e.T46597A11065646. https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2004.RLTS.T46597A11065646.en. Accessed on 22 May 2023.
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ดและแยกกอขนาดใหญ่ (เมล็ดสดงอกเร็วมาก โดยปกติภายใน 2-3 วันหรือหลายสัปดาห์)


*This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation!
https://www.palmpedia.net/wiki/Chuniophoenix_hainanensis นี่คือต้นปาล์มที่แตกกอมันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของรากของแซกโซโฟน (มีส้นเท้า) รักษาส้นที่สามบนเหนือระดับดิน!* (แปลโดยกูเกิ้ล)


ปาล์มสะดือเขียว/ Thrinax parviflola

[TREE-nahks] [pahr-vih-FLOHR-ah]


Picture---Hawaii. Photo by Geoff Stein.https://www.palmpedia.net/wiki/Thrinax_parviflora
ชื่อวิทยาศาสตร์---Thrinax parviflola Sw (1788)
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:670156-1
ชื่อสามัญ--- Broom Palm, Thatch palm, Jamaican Thatch Palm, Mountain Thatch Palm, Palmeto royal, Palmeto thatch.
ชื่ออื่น---ปาล์มสะดือเขียว (ทั่วไป) ; [JAMAICA: Thatch pole, Broom thatch (Jamaica).];[THAI: Paam sa due kheow (General).]  
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---THXPA (Preferred name: Thrinax parviflola.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---แคริบเบียน- จาไมกา
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลThrinax มาจากภาษากรีก = "โกยสามสี" แต่ยังรวมถึง "พลั่วปริศนา" ซึ่งอาจอ้างอิงถึงใบปาล์ม ; ชื่อสายพันธฺุ์ 'parviflola' คือการรวมกันของคำคุณศัพท์ภาษาละติน 'parvus, a, um' = เล็กและคำว่า 'flos, oris' = ดอกไม้
Thrinax parviflola เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยOlof Peter Swartz (1760–1818) นักพฤกษศาสตร์ ชาวสวีเดน ในปีพ.ศ.2331
Includes 2 Accepted Infraspecifics. See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:670156-1#children
-Thrinax parviflora subsp. parviflora : ปลายใบบิดเบี้ยวเห็นชัดและช่อดอกสั้นกว่าก้านใบ
-Thrinax parviflora subsp. puberula Read (1975) : มีปลายใบไม่บิดงอ ช่อดอกยาวเท่ากับหรือยาวกว่าก้านใบ
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในประเทศจาเมกา เจริญเติบโตตามธรรมชาติ เฉพาะบนพื้นผิวที่เป็นด่างโดยเฉพาะทรายกัลปังหาหรือหินปูนบนเนินเขาและสันเขา ที่ระดับความสูง จากระดับน้ำทะเล 100- 900 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดเล็กถึงขนาดกลางต้นสูงได้ถึง 1-10 (-13) เมตร ลำต้นเรียวเรียบ เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น5-14 (-15) ซม.ปล้อง 1.0-6.5 ซม. แยกออกจากกัน เมื่อยังเล็กมีแผ่นใยห่อคลุมลำต้น ก้านใบยาว 0.50-1.6 เมตร.ใบรูปพัด (palmate) ขอบใบจักลึกครึ่งใบ แผ่นใบกว้าง1เมตร สะดือนูนเด่นสีเขียว ขอบใบแข็ง ใบมีสีเขียวเข้มด้านบน ด้านล่างสีเงิน ช่อดอกออกระหว่างกาบใบ(Interfoliar)ช่อใหญ่แผ่กระจายช่อดอกตั้งตรงถึงโค้งยาว 40-175 ซม. ใบประดับสีเขียวอมน้ำตาล ก้านช่อดอกแต่ละช่อมี 7-22 กิ่งมีขนเป็นเม็ด ๆในเวลาออกดอก ดอกสีงาช้างหรือสีเหลืองมีกลิ่นหอม ออกที่กิ่งละ 32-60 ดอก เกสรเพศผู้มี 5-15 อันต่อดอก เกิดบนก้านยาวมากกว่า 1 มม.อับเรณูเป็นเส้นตรงถึงรูปขอบขนาน ยาว 1.2-4.0 มม. infundibuliform stigma เอียงไปทางด้านข้าง ผลกลมขนาด 6.5-7.5 ซม.ผลอ่อนสีน้ำตาลอ่อน เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีขาว มีเมล็ดกลมสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลเข้ม 1 เมล็ด มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5.5-6 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตได้ดีในสภาพอากาศแบบเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน และทนต่อน้ำค้างแข็งเล็กน้อยได้เป็นครั้งคราว (Cold Hardiness Zone: 10a) ตำแหน่งแสงแดดจัด 80-100 % (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แสงแดดรำไร (กรองแสง) หรือร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรงไม่น้อยกว่า 4-6 ชั่วโมงต่อวันในช่วงเช้า) ปรับตัวให้เข้ากับดินหลายสภาพรวมถึงดินทีไม่ดี ดินร่วนปนหินหรือดินทราย แต่มีการระบายน้ำดี ทนต่อความแห้งแล้งในระยะเวลาสั้น ๆ ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -4° C และเช่นเดียวกับ Thrinax ส่วนใหญ่ มันปรับตัวได้ดีกับการสัมผัสกับชายฝั่งทะเล อัตราการเจริญเติบโตช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ทนต่อความแห้งแล้งในช่วงเวลาสั้น ๆชอบความชื้นที่สม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้ดินแห้งสนิท ไม่ชอบดินที่เปียกชื้นแฉะตลอดเวลา ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอตลอดฤดูร้อน น้อยลงตลอดฤดูหนาว
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งเมื่อใบแก่ตาย ควรตัดแต่งออกและปล่อยให้โคนใบแห้ง แต่อย่าลิดถ้าใบถ้ายังคงมีสีเขียวอยู่
การใส่ปุ๋ย---ใช้ปุ๋ยสูตรเฉพาะสำหรับปาล์มเพียงเล็กน้อย
ศัตรูพืช/โรคพืช---เพลี้ยอ่อน (Aphids)และแมลงเกล็ด (Scales insects)
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ ใช้ในงานจ้ดสวนและภูมิทัศน์ในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของโลก มีการใช้อย่างกว้างขวางในสวนสาธารณะ ตามถนน ตามสวนขนาดใหญ่มีความทนทานต่อมลพิษในเมือง นอกจากนี้ยังทำให้เป็นพืชในร่มที่ยอดเยี่ยมสำหรับสถานที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ
อื่น ๆ--- ใบเมื่อแห้งจะใช้สำหรับมุงที่พักอาศัยในชนบทและใช้สำหรับผลิตหมวกและงานฝีมือทั่วไป
- ลำต้นมีความทนทานต่อน้ำทะเล ใช้เป็นเสาในท่าเรือ และอาคารที่ทำในทะเล
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด

ปาล์มสะดือเหลืองหลังขาว/ Coccothrinax argentea

[koh-koh-TRIH-naks] [are-JEN-teh-ah]

 

Picture---Satellite Beach, FL. Photo by Charlene and Greg, edric.https://www.palmpedia.net/wiki/Coccothrinax_argentea
ชื่อวิทยาศาสตร์---Coccothrinax argentea (Lodd. ex Schult. & Schult. f.) Sarg. ex K. Schum. 1901
ชื่อพ้อง---Has 6 Synonyms.
---Basionym: Thrinax argentea Lodd. ex Schult. & Schult.f.(1830).https://www.gbif.org/species/7737021
---Acanthorhiza argentea (Lodd. ex Schult. & Schult.f.) O.F.Cook (1941).
---Thrinax multiflora Mart.(1853).
---More See aii The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-44378
ชื่อสามัญ---Hispaniolan Silver Thatch Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มสะดือเหลืองหลังขาว(ทั่วไป) ; [FRENCH: Palmier argente, Latanier argente, Latanye savanne, Latanye marron, Latanier balai.];[GERMAN: Florida-Silberpalme, Hispaniola-Silberpalme.];[PORTUGUESE: Palmeira-prateada-de-leque.];[SPANISH: Yuraguana, Guano de escoba, Cana, Guano, Palmera plateada de La Hispaniola, Guamito.];[THAI: Paam sa due leuang lang khao (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---CCXAR (Preferred name: Coccothrinax argentea.)
ถิ่นกำเนิด--- ทวีปอเมริกาใต้
เขตกระจายพันธุ์--- เกาะฮิสแปนิโอลา-สาธารณรัฐโดมินิกันและเฮติ
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Coccothrinax' มาจากการรวมกันของคำศัพท์ภาษากรีก “coccos” = เบอร์รี่ และชื่อของพืชสกุล 'Thrinax' ซึ่งพืชเหล่านี้มีลักษณะคล้ายกัน ; ชื่อเฉพาะสายพันธุ์ 'argentea' = สีเงิน พร้อมการอ้างอิงที่ชัดเจน
Coccothrinax argentea เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Conrad Loddiges (1738–1826) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน จากอดึตJosef August Schultes (1773–1831)นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรีย และบุตรชาย Julius Hermann Schultes(1804–1840) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรีย ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Charles Sprague Sargent (1841–1927) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน จากอดีต Karl Moritz Schumann (1851–1904) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2444
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดใน แคริบเบียน (Hispaniola, สาธารณรัฐโดมินิกัน, เฮติ) พบได้ในพื้นที่เปิดโล่ง ป่าสน บนพื้นดินที่เป็นหินแข็ง และบ่อยครั้งในพื้นที่ที่ถูกรบกวนซึ่งเกิดการแพร่กระจายอย่างอิสระ ที่ระดับความสูงไม่เกิน 500 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวหรือเป็นกระจุก คล้ายปาล์มสะดือเหลือง (Coccothrinax argentata) แต่ลำต้นใหญ่กว่าเล็กน้อย สูงได้ถึง 10 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุด 20 ซม ปกคลุมด้วยเส้นใยที่ฐาน ใบรูปพัด (Costapalmate) กว้าง 1.5 เมตร ขอบใบจักเว้าลึกครึ่งใบปลายใบแข็ง แผ่นใบจึงกางกว่า ด้านบนสีเขียวเข้มและด้านล่างสีเงิน ช่อดอกอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ยาวถึง 60 ซม. แตกแขนงออกเป็น 2 กิ่ง มีหลักได้ถึง 9 กิ่ง ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ดอกไม้สีเหลืองหรือสีงาช้าง ผลกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-13 มม สีม่วง, ดำ อัตราการเจริญเติบโตช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
ข้อสังเกต:สายพันธุ์นี้มักสับสนกับ Coccothrinax argentata (จากฟลอริดาตอนใต้) ซึ่งโตเร็วกว่าเล็กน้อย ย้ายปลูกได้ง่ายกว่า และมีใบด้านล่างสีเงินน้อยกว่าเล็กน้อย
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พืชเขตอบอุ่นและเขตร้อน ในตำแหน่งที่แสงแดดเต็มที่ 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) ชอบดินร่วนซุยแต่ระบายน้ำได้ดีและอุดมสมบูรณ์ ชอบดินที่เป็นด่าง ซึ่งแตกต่างจากหลายสายพันธุ์ที่ไม่เลือกดิน ทนต่อความร้อนที่ร้อนจัดและลมแรงได้ ทนต่อการสัมผัสชายฝั่งทนต่อละอองเกลือได้
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ชอบความชื้นที่สม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้ดินแห้งสนิท และไม่ชอบดินที่เปียกชื้นแฉะตลอดเวลา ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอตลอดฤดูใบไม้ร่วงถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ ลดการให้น้ำน้อยลงตลอดฤดูหนาว
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดถ้ากิ่งยังมีสีเขียวอยู่
การใส่ปุ๋ย---ใช้ปุ๋ยสูตรเฉพาะสำหรับปาล์ม พืชต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด อาจมีการขาดโพแทสเซียม
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีโรคและศัตรูพืชร้ายแรง แมลงและโรคที่อาจเกิดได้ whiteflies (แมลงหวี่ขาว)/โรครากเน่า โรคที่เกิดจากเชื้อรา เกิดจากการรตน้ำบริเวณลำต้น อาจกระตุ้นให้เกิดเชื้อราที่สามารถนำไปสู่การเน่าเปื่อยถึงตายได้
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง
การใช้ประโยชน์---พืชถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในท้องถิ่น บางครั้งปลูกเป็นไม้ประดับ
ใช้กิน--- ยอดอ่อนใบอ่อนมากกินเป็นผัก
ใช้เป็นยา--- แพทย์แผนโบราณใช้เป็นยารักษาเนื้องอกในมดลูกและอาการร้อนวูบวาบ
ใช้เป็นไม้ประดับ--- เหมาะสำหรับปลูกใช้ในการจัดสวนทั่วไป ภูมิทัศน์ใกล้ทะเล หรือภูมิทัศน์อนุรักษ์น้ำ (water-conservation landscape) ที่มีแสงแดดส่องถึง
- ไม่สามารถปลูกถ่ายได้ดีนัก เป็นพืชที่มีรากบอบบางมากซึ่งมักจะตายหากจัดการ
อื่น ๆ---ใบใช้มุงหลังคา ทำไม้กวาด ก้านใบใช้เส้นใยเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า thachpalm เพราะใบของมันใช้สำหรับ ทอหมวก ตะกร้า เชือก เสื่อ
ขยายพันธุ์---เมล็ดพันธุ์
- Coccothrinax argentea จะคงอยู่และแพร่พันธุ์ในพื้นที่ที่ถูกรบกวนได้ ซึ่งแตกต่างจากปาล์มหลายสายพันธุ์


                       ปาล์มสามเหลี่ยมเหลือง/Hyophorbe verschaffeltii

[high-oh-FOR-beh] [ver-kahf-FELT-ee]

                           

Picture 1---Montgomery Botanical Center, Florida. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.
Picture 2---Satellite Beach, FL. Photo by Charlene and Greg https://www.palmpedia.net/wiki/Hyophorbe_verschaffeltii

ชื่อวิทยาศาสตร์---Hyophorbe verschaffeltii H.Wendl.(1866)
ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-101294
---Areca verschaffeltii Lem.(1866)
---Mascarena verschaffieltii ( H.Wendl. ) L.H.Bailey (1942)
ชื่อสามัญ---Spindle palm, Pig nut palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มสามเหลี่ยมเหลือง, ปาล์มสปินเดิ้ล (ทั่วไป) ; [CHINESE: Gun bang ye zi.];[FRENCH: Palmier bouteille, Palmiste fusain, Palmiste marron, Palmier massue.];[GERMAN: Spindelpalme, Spindel-Futterpalme];[HUNGARIAN: Orsópálma.];[JAPANESE: Tokkuri yashi modoki, Totsukuriyashimodoki.];[PORTUGUESE/BRAZIL: Palmeira-fuso.];[RUSSIAN: Pal'ma-vereteno.];[SPANISH: Palma ahusada, Palma astil, Palma botella, Palma de cemento, Palma fusiforme, Mascareña.]; [SWEDISH: Flaskpalm.];[THAI: Pam sam lieam leuang, Pam sa pin dern (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---HFBVE (Preferred name: Hyophorbe verschaffeltii.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---หมู่เกาะมัสคารีน, เกาะ โรดริเกรส
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Hyophorbe' เป็นการรวมกันของคำภาษากรีก 'ys, yos' =หมูและ 'phorbe' = อาหารสัตว์ อาหาร ; ชื่อสายพันธฺุ์ 'verschaffeltii' เป็นเกียรติแก่ นักทำสวนชาวเบลเยี่ยม Ambrose Verschaffelt (1825-1886)
Hyophorbe verschaffeltii เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Hermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2409
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในเกาะ Mascarene และเฉพาะถิ่น (endemic) ในเกาะ Rodrigues ทางตะวันออกของเกาะมอริเชียส พบเห็นได้ในหลายพื้นที่ในเขตร้อนและบางส่วนในเขตกึ่งเขตร้อนทั่วโลก ที่ระดับความสูง 0-1,600 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงประมาณ 5-6 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 30-40 ซม. ลำต้นเป็นรูปสามเหลี่ยม ตอนยังเล็ก โตขึ้นลำต้นคอดและป่องตรงกลางคล้ายขวด แต่จะบางลงตามอายุ สีเขียว-เทาอ่อน มีรอยแผลเป็นจากใบที่หลุดร่วงเป็นวงรอบลำต้น คอยอด (Crownshaft) สีเหลืองอมเขียวถึงซีดมีสีเขียวขุ่นและปกคลุมไปด้วยคราบสีขาวบางส่วน ทางใบยาว 2-3 เมตร มี 8-10 ใบ ใบประกอบแบบขนนก (pinnate) ก้านใบเกือบไม่มี ยาว7.5 ซม.ขอบเรียบ ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (Infrafoliar)ไม่มีหนาม ช่อดอกยาว 0.60-1 เมตร เป็นดอกเพศเดียวกันในช่อดอกเดียวกัน (Monoecious) ดอกสีขาวครีม ผลกลมสีแดงอมส้มขนาด1.2-1.9 ซม. เมื่อสุกสีดำ มีเมล็ดรูปไข่ 1 เมล็ด ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.4-0.5 ซม.(ผลของปาล์ม Spindle มีขนาดเล็กที่สุดในสกุล )
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พืชในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ต้องการแสงแดดเต้มที่ 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) ปรับตัวเข้ากับดินได้ทุกชนิดที่มีการระบายน้ำดี ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง 0 °C ไม่ทนแล้ง ทนเค็มปานกลาง ทนทานต่อพายุเฮอริเคนที่รุนแรงและสามารถสร้างความเสียหายได้เพียงเล็กน้อยอัตราการเจริญเติบโตเร็ว การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำบ่อยขึ้นในช่วงฤดูแล้ง อย่าปล่อยให้นั่งขังแฉะตลอดเวลา
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งใบที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดใบออกถ้ากิ่งยังมีสีเขียวอยู่
การใส่ปุ๋ย---ใส่ปุ๋ยปาล์มโดยเฉพาะ 3 ครั้งต่อปี เป็นไปได้ที่จะขาดโพแทสเซียม (K) และแมกนีเซียม (Mg) เสริมตามความจำเป็น
ศัตรูพืช/โรคพืช--Aleurotrachelus atratus(แมลงหวี่ขาวรบกวนปาล์ม)/พืชในร่มอาจเกิดโรคราจากเชื้อราPhytophthoraถ้ารดน้ำมากเกินไป
รู้จักอ้นตราย---N/A
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ ปาล์มสปินเดิ้ลเป็นที่รู้จักกันทั่วไปสำหรับสวนเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อนและเป็นที่ชื่นชอบเป็นอย่างมากในความสง่างาม เพาะปลูกง่ายและเติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อตอนเล็กขณะลำต้นยังเป็นรูปสามเหลี่ยมเหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้กระถางโตขึ้นย้ายปลูกลงสนามกลางแจ้ง การใช้ประโยชน์นี้เป็นการประกันการอยู่รอดของสายพันธุ์
ภัยคุกคาม---เนื่องจากมันถูกคุกคามโดยการสูญเสียที่อยู่อาศัย เป็นสายพันธุ์ที่หายากมากในธรรมชาติ มีประมาณ 50 ต้นในป่า ได้รับการประเมินล่าสุดในบัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 2021 Hyophorbe verschaffeltiiถูกระบุว่าใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งภายใต้เกณฑ์ B1ab(i,ii,iii,iv,v); C2a(i); D
สถานะการอนุรักษ์---CR - Critically Endangered B1ab(i,ii,iii,iv,v); C2a(i); D - ver 3.1 - IUCN Red List of Threatened Species (2021)
source: Tatayah, V., Jhangeer-Khan, R. & Bégué, JA 2021. Hyophorbe verschaffeltii รายชื่อสปีชีส์ที่ถูกคุกคามปี 2021 ของ IUCN: e.T38582A67537366 https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2021-2.RLTS.T38582A67537366.en  เข้าถึงเมื่อ23 พฤษภาคม 2566 .
การอนุรักษ์---การอยู่รอดในฐานะสายพันธุ์จะรับประกันได้เนื่องจากการเพาะปลูกที่แพร่หลายในพื้นที่เขตร้อนของโลก
ขยายพันธุ์---เมล็ด เมล็ดสดใช้เวลาในการงอก 1-2 เดือน


ปาล์มสายรุ้ง/ Arenga undulatifolia

[ah-REN-gah] [uhn-doo-lah-tih-fohl-EE-ah]

Picture---Singapore Botanic Gardens. Photo by Michael.https://www.palmpedia.net/wiki/Arenga_undulatifolia
ชื่อวิทยาศาสตร์---Arenga undulatifolia Becc.(1886)
ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/664266-1#synonyms
---Arenga ambong Becc.(1907).
---Saguerus undulatifolius (Becc.) Kuntze (1891)
ชื่อสามัญ---Arenga Gelora, Batbat palm, Wild sago palm
ชื่ออื่น---ปาล์มสารุ้ง, แอมบอง (ทั่วไป);[CHINESE: Bo ye guang lang.];[GERMAN: Aping, Jaka, Mengkala.];[MALAYSIA: Oren Gelora (Borneo); Kabun jaka, Kabung jaka, Aren gelora (Bahasa Melayu).];[RUSSIAN: Arenga volnistolistnaya.];[THAI: Paam sai rung, Paam am bong.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---AGBUN (Preferred name: Arenga undulatifolia.)
ถิ่นกำเนิด---เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เขตกระจายพันธุ์---มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Arenga' มาจากภาษามาเลเซีย 'areng' ซึ่งหมายถึง Arenga pinnata ; ชื่อสายพันธุ์ 'undulatifolia' คือการรวมกันของคำภาษาละติน 'undulate, a, um' = ลูกคลื่น และ 'folium' = ใบไม้ โดยอ้างอิงถึงใบย่อยที่มีขอบหยัก
Arenga undulatifolia เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลีในปี พ.ศ.2429
ที่อยู่อาศัย--- พบใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีถิ่นกำเนิดใน เกาะบอร์เนียว, ฟิลิปปินส์ (เกาะพาลาวัน) และอินโดนีเซีย (เกาะสุลาเวสี) เป็นสายพันธุ์ในป่าฝนเขตร้อนชื้นที่มีลักษณะเฉพาะของฝั่งแม่น้ำ ที่ระดับความสูงไม่เกิน 1,500 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มแตกกอขนาดใหญ่ลักษณะ ต้นสูงได้ถึง4-8เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 20 ซม.ลำต้นมีเส้นใยโอบรอบ มีทางใบติดแน่นเห็นชัด ก้านใบสั้น ประกอบแบบขนนก (pinnate) ทางใบยาวได้ถึง 3 เมตร โค้งงออย่างสง่างาม แผ่ออกไปค่อนข้างไกลในทุกทิศทาง ใบย่อย (pinnae) ยาวได้ถึง 60 ซม.กระจายอย่างสม่ำเสมอ แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้ม ด้านล่างสีเงินแกมสีขาว ขอบใบหยักเป็นคลื่น ดอกออกเป็นช่อกระจะ สีเหลือง ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (Infrafoliar) กว้างประมาณ 60 ซม.ยาว 30 ซม ช่อดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) แต่ละช่อมีดอกเพศผู้หรือดอกเพศเมียเท่านั้นแต่จะอยู่บนต้นเดียวกันเสมอ ช่อดอกเพศผู้จะสังเกตได้จากสี โดยเริ่มจากสีเหลืองเป็นส้มเป็นน้ำตาล และมีกลิ่นรสเผ็ดจัดจ้านเล็ดลอดออกมา ผลกลมรีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3-4 ซม.เมื่อสุกมีสีน้ำตาล มักมี 3 เมล็ด
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---สามารถปลูกได้ในภูมิอากาศแบบเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนชื้น (USDA zone 11-12) ในตำแหน่งที่มีแสงแดดเต็ม แต่จะรักษาสีเขียวเข้มที่ดีที่สุดไว้ในที่ร่มบางส่วน หากปลูกในร่ม วางในตำแหน่งที่แสงแดดส่องถึงบ้างในระหว่างวัน โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดมักจะสูงกว่า 16-18 °C ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง 3-5° C ในช่วงเวลาสั้นๆ ชอบดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยซากพืชที่เป็นกลางหรือเป็นกรดเล็กน้อย ระบายน้ำและอากาศดี ปาล์มชนิดนี้ในช่วงชีวิตจะออกดอกติดผลครั้งเดียวก็จะตาย (Monocarpic) แต่จะแตกต้นใหม่เจริญต่อไปได้ อัตราการเจริญเติบโตช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง การรดน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ในช่วงฤดูร้อนให้รดน้ำบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ดินแห้ง
การตัดแต่งกิ่ง---ปาล์มชนิดนี้ไม่ทิ้งใบเอง ควรเล็มใบเก่าออกเป็นครั้งคราว หรือตัดใบด้านข้างออกหากต้องการให้พุ่มกว้างน้อยลง
การใส่ปุ๋ย---ใส่ปุ๋ยปีละ 3 ครั้ง ในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง ใช้ปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมธาตุอาหารหลักและรองหรือปุ๋ยละลายช้า สูตรเฉพาะสำหรับปาล์ม ถ้าปลูกปาล์มในที่ ที่มีแสงแดดเต็มที่ควรใส่ปุ๋ยบ่อยขึ้น ((มากถึงเดือนละครั้ง) ใบมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวมะนาวหรือสีเหลือง ดังนั้นการใส่ปุ๋ยเพิ่มเติมจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนสีนี้ได้
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่ค่อยมีโรคร้ายแรงหรือแมลงรบกวน
รู้จักอ้นตราย---Toxic oxalates: เนื้อชั้นในของผลไม้มักมีผลึกออกซาเลตจำนวนมาก ทำให้เนื้อกินไม่ได้ ระวังผลไม้ที่มีน้ำกัดกร่อน ระคายเคืองต่อผิวหนังสูง ควรใช้อย่างระมัดระวัง ในกรณีที่ถูกผิวหนังหรือเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำทันที
ใช้ประโยชน์---เก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นเป็นอาหารและแหล่งที่มาของวัสดุ ทุกสปีชีส์ในสกุลนี้มีศักยภาพในการเป็นไม้ประดับ
ใช้กิน--- ตายอด หรือที่เรียกว่า 'หัวใจปาล์ม' (palm heart) เกือบทุกสายพันธุ์ในประเภทนี้กินได้และใช้กินเป็นผัก อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้บริโภคดอกตูมในปริมาณมาก เนื่องจากในบางชนิด (โดยเฉพาะ Arenga tremula) พวกมันสามารถกระตุ้นพิษได้
- ตายอดดิบ (หรือที่เรียกว่าpalm cabbage) มีความกรอบและมีรสชาติเบา ๆ นำมาต้มและเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียงกับอาหารหลัก ในปัจจุบันเมื่อปรุงกับเนื้อวัวถือเป็นอาหารที่โอชะและควรค่าแก่การประกอบอาหารของเทศกาลและพิธีที่สำคัญที่สุด
- เป็นหนึ่งในต้นปาล์มที่ชาวปีนัน (ชาวปีนันเป็นชนพื้นเมืองเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ ในรัฐซาราวักและบรูไน) ชื่นชอบสำหรับทำ apu 'แป้งสาคู' (แหล่งคาร์โบไฮเดรตที่สำคัญ)
ใช้ปลูกประดับ--- การนำมาใช้จัดสวนเหมาะกับพื้นที่เขตร้อนและสวนขนาดใหญ่, งานปรับแต่งภูมิทัศน์, พื้นที่สาธารณะ ปลูกเดี่ยว แบบสแตนด์อะโลน (Stand alone) ที่โดดเด่น เมื่อต้นยังเล็กปลูกเลี้ยงใส่กระถางขนาดใหญ่ประดับในที่ร่มได้ดี โตแล้วย้ายปลูกลงดินจะดูดีสวยงามกว่ามากแต่ต้องมีเนื้อที่มากพอ เพราะเป็นปาล์มแตกกอขนาดใหญ่ซึ่งกินพื้นที่มาก
อื่น ๆ--- ใบใช้สำหรับมุงและทำเครื่องจักสาน ก้านใบและ ทางใบจะใช้ทำลูกดอก
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด เมล็ดสดงอกง่ายใช้ระยะเวลาในการงอก 2-6 สัปดาห์ หรืออาจใช้เวลา 4-10 สัปดาห์ ที่อุณหภูมิ 24-28 °C ถ้าเมล็ดไม่สดพอ


สกุล Reinhardtia (rine-HARD-tee-ah)เป็นปาล์มพื้นเมืองของ อเมริกากลางกระจายอยู่ระหว่างตอนใต้ของเม็กซิโกและตอนเหนือสุดของโคลอมเบีย มี5ชนิดกระจายอยู่ระหว่างทางตอนใต้ของเม็กซิโกและทางตอนเหนือสุดของประเทศโคลอมเบียและอีก1ชนืดReinhardtia paiewonskianaที่แยกออกมาในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐโดมินิกัน     มี 6 สายพันธุ์ ได้แก่ (แสดงในหน้านี้ 1 สายพันธุ์)
1.Reinhardtia elegans Liebm - โออาซากา, เชียปัส, ฮอนดูรัส
2.Reinhardtia gracilis (H.Wendl.) Burret - อเมริกากลาง, โออาซากา, เชียปัส, เวรากรูซ, โคลอมเบีย
3.Reinhardtia koschnyana (H.Wendl. & Dammer) Burret - ฮอนดูรัส นิการากัว คอสตาริกา ปานามา โคลอมเบีย
4.Reinhardtia latisecta (H.Wendl.) Burret - เบลีซ ฮอนดูรัส นิการากัว คอสตาริกา
5.Reinhardtia paiewonskiana Read, Zanoni & MMMejía - สาธารณรัฐโดมินิกัน
6.Reinhardtia simplex (H.Wendl.) Burret - เชียปัส, ฮอนดูรัส, นิการากัว, คอสตาริกา, ปานามา, โคลอมเบีย

ปาล์มหน้าต่าง/ Reinhardtia gracilis

[rine-HARD-tee-ah] [grah-SIHL-iss]

Picture---Windows (Fenestration) Present. Mexico, Cultivated. Photo by Dr. T. Dyer
https://www.palmpedia.net/wiki/Reinhardtia_gracilis
ชื่อวิทยาศาสตร์---Reinhardtia gracilis (H.Wendl.) Burret (1932)
ชื่อพ้อง---Has 3 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:218454-2#synonyms
---Basionym: Malortiea gracilis H.Wendl.(1853) See https://www.gbif.org/species/2738729
---Geonoma fenestrata Linden (1857), nom. superfl.
---Malortiea lacerata W.Bull (1871).
ชื่อสามัญ---Little Window Palm, Small Window Pane Palm, Window Palm, Window pane palm
ชื่ออื่น---ปาล์มหน้าต่าง (ทั่วไป); [THAI: Paam naa tang (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---RNHGR (Preferred name: Reinhardtia gracilis.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---อเมริกากลาง
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Reinhardtia' ได้รับเกียรติจาก Johannes Christopher Hagemann Reinhardt (1778-1845) นักชีววิทยาชาวนอร์เวย์ ; ชื่อสายพันธุ์ 'gracilis' จากคำคุณศัพท์ภาษาละติน = เรียวบาง ผอมบาง
Reinhardtia gracilis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยHermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Carl Ewald Maximilian Burret (1883–1964) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2475
Includes 4 Accepted Infraspecifics.https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:218454-2#synonyms
มีความหลากหลาย (Varieties) ที่ยอมรับได้แก่ ;-
- Reinhardtia gracilis var gracilior: เบลีซ, ฮอนดูรัส, อ่าวเม็กซิโก, เม็กซิโกตะวันออกเฉียงใต้, เม็กซิโกตะวันตกเฉียงใต้
- Reinhardtia gracilis var. gracilis: เบลีซ, กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส, นิการากัว
- Reinhardtia gracilis var. rostrata: โคลัมเบีย, คอสตาริกา, นิการากัว, Panamá
- Reinhardtia gracilis var. tenuissima: เม็กซิโกตะวันตกเฉียงใต้


Picture---Photo by Jeff in Costa Rica https://www.palmpedia.net/wiki/Reinhardtia_gracilis
ที่อยู่อาศัย--- พบใน อเมริกากลาง- เบลีซ, โคลัมเบีย, คอสตาริกา, กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส, อ่าวเม็กซิโก, เม็กซิโกตะวันออกเฉียงใต้, เม็กซิโกตะวันตกเฉียงใต้, นิการากัวและปานามา ในป่าดิบชื้นที่ระดับความสูง 0-850 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มแตกกอขนาดเล็ก สูงได้ถึง1.5-3 เมตรกาบใบมีใยสีน้ำตาลหุ้ม ใบแบบรูปผีเสื้อ (quadrifed/pinnate) ใบย่อย 2-4 คู่ ใบย่อยรูปร่างเป็นหางปลา (bifid/premorse) และมีรูเล็ก ๆ อยู่ใกล้กับโคนฐานใบ ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ช่อดอก ยาว 15 -30 ซม.ตั้งขึ้นมีกิ่งก้านเล็กน้อย เปลี่ยนเป็นสีแดงสดเมื่อโตเต็มที่ ดอกสีขาว ผลขนาด1.5 ซม.สีดำเมื่อสุก
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม--- ต้องการแสงแดด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) และร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรงน้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ควรใช้เวลาอย่างน้อย 2-3ชั่วโมงในตอนเช้า) ต้องการความร่มรื่น มีที่กำบังลม ชอบดินชุ่มชื้นและอุดมสมบูรณ์ อัตราการเจริญเติบโต ช้ามาก การบำรุงรักษาต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ให้ดินชุ่มชื้นสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้ดินแห้งสนิท หรือน้ำขังแฉะเป็นเวลานาน
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งใบที่ตาย เสียหายหรือเป็นโรค สามารถทำได้ตลอดเวลา
การใส่ปุ๋ย---ใส่ปุ๋ยห่างจากโคนต้นอย่างน้อย 6 นิ้ว ปีละ 3 ครั้ง โดยใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยละลายช้า
ศัตรูพืช/โรคพืช---ศัตรูที่สำคัญคือหอยทาก/มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเหลืองตาย (LY) เว้นแต่จะได้รับการป้องกันอย่างดีจากองค์ประกอบต่างๆ
- น้ำประปาก็เป็นปัญหาที่จะทำให้ปลายใบเป็นสีน้ำตาล
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นพืชที่ได้รับความนิยมจากนักสะสมเนื่องจากใบที่แปลกตา สามารถใช้ปลูกประดับตกแต่งภายใน เป็นปาล์มน่ารักขนาดกระทัดรัด เหมาะที่จะปลูกเป็นไม้กระถาง-ขนาดใหญ่ตั้งในที่ร่มรำไร หรือลงแปลงในที่ร่มกลางแจ้ง   
ขยายพันธุ์---เมล็ด

ปาล์มหน้าต่างใหญ่/ Beccariophoenix madagascariensis

[bek-kahr-ee-oh-FEH-niks] [mad-ah-gas-KAR-ee-EN-sis]


Picture---Sainte Luce, Madagascar. Photo by Sainte Luce Reserve.
-Bill Austin's Garden, Hawaii. Photo by Jack Sayers.
https://www.palmpedia.net/wiki/Beccariophoenix_madagascariensis_%27no_windows%27

ชื่อวิทยาศาสตร์---Beccariophoenix madagascariensis Jum. & H. Perrier (1915).
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:664846-1/images
ชื่อสามัญ---Giant Windowpane Palm, Windowpane Coconut, Manarano Palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มหน้าต่างใหญ่ (ทั่วไป) ; [FRENCH: Beccariophoénix de Madagascar, Palmier de Manaramo.];[GERMAN: Sikomba-Palme.];[MADAGASCAR: Manarano, Manara, Maroala, Sikomba (Malagacy).];[PORTUGUESE: Palma-de-Madagascar.];[RUSSIAN: Bekariofeniks madagaskarskiy.];[SPANISH: Palmera de Manarano (Español).].;[SWEDISH: Mahlapalm.];[THAI: Paam naa tang yai (General).].
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---BKPMA (Preferred name: Beccariophoenix madagascariensis.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Beccariophoenix' คือการวมกันของชื่อนักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี Odoardo Beccari (1843–1920) และชื่อสกุล 'Phoenix' ; ชื่อสายพันธุ์ 'madagascariensis' = ของมาดากัสการ์ ซึ่งหมายถึงถิ่นกำเนิด
Beccariophoenix madagascariensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยHenri Lucien Jumelle (1866-1935) นักพฤกษศาสตร์ขาวฝรั่งเศสและJoseph Marie Henri Alfred Perrier de la Bethie (1873–1958) นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศสผู้เชี่ยวชาญด้านปาล์มในมาดากัสการ์ ในปี พ.ศ.2458
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในมาดากัสการ์ตะวันออก พบในป่าฝนเขตร้อน จากระดับน้ำทะเลถึงระดับความสูง 900-1,200 เมตร
ลักษณะ--- ดูรวมแล้วลักษณะคล้ายต้นมะพร้าวแต่ขนาดใหญ่กว่ามาก เป็นปาล์มต้นเดี่ยวไม่มีหนามสูงได้ถึง10- 12 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 35 ซม. สีเทาอมน้ำตาลเห็นข้อชัดเจน ใบประกอบแบบขนนก (pinnate)ทางใบยาว 3.5-5 เมตร มีจำนวนมากถึง 30 ก้าน ใบย่อยรูปขอบขนานเชิงเส้น130คู่เรียงระนาบเดียว กว้าง10ซม.ยาว1.5เมตร ปลายใบแยกจากกันโคนใบย่อยแยกจากกันเป็นช่องโหว่คล้ายปาล์มหน้าต่างแต่มีขนาดใหญ่กว่าช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ยาว1.2เมตร แตกแขนงออกเป็นลำดับแรก (น้อยครั้งมาก) หุ้มด้วยกาบไม้ยาวประมาณ 70 ซม.ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (Monoecious) ดอกจัดเรียงเป็นกลุ่มสามดอก (ดอกเพศเมียอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) ยกเว้นในส่วนขั้วของ rachillae (การแตกกิ่งรองของช่อดอก) ที่มีเฉพาะดอกเพศผู้ที่อยู่โดดเดี่ยวหรือเป็นคู่ ผลรูปไข่ปลายแหลมยาว 3.5 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 ซม.สีม่วงเข้ม มีเมล็ดรูปไข่เมล็ดเดียวยาว 2.4 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 2 ซม
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---สามารถเพาะปลูกได้ในเขตภูมิอากาศเขตร้อนกึ่งเขตร้อนและเขตอบอุ่น (Cold Hardiness Zone: 10a) ตำแหน่งแสงแดดจัด 80-100 % (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แสงแดดรำไรหรือร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรงไม่น้อยกว่า 4-6 ชั่วโมงต่อเนื่องกันโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงเช้า) ปลูกได้ในดินทุกสภาพ ที่เป็นกลางหรือเป็นกรดเล็กน้อย ดีที่สุดในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี  ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง  -2 องศาC มีการเจริญเติบโตค่อนข้างช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำปกติ ในช่วงฤดูแล้ง ควรรดน้ำบ่อย ๆสำหรับต้นไม้ที่ปลูกในร่มระวังอย่าให้น้ำมากเกินไป พืชไม่ชอบน้ำขังแฉะตลอดเวลา
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดใบแห้งออก
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด โดยใส่ปุ๋ยสำหรับปาล์มโดนเฉพาะเดือนละ 1 ครั้ง
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องศัตรูพืชหรือโรคพืชที่สำคัญ แต่อาจต้องใส่ปุ๋ยเป็นประจำเพื่อป้องกันใบเหลืองที่เกิดจากการขาดโพแทสเซียม
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงและมนุษย์
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ตายอดอ่อน (หัวใจปาล์ม) และใบอ่อน กินสุกเป็นผัก (การเก็บเกี่ยวตายอดนี้จะทำให้ต้นไม้ตายเพราะมันไม่สามารถแตกตายอดด้านข้างได้)
ใช้ปลูกประดับ--- ปลูกเป็นไม้ประดับในร่ม เมื่อต้นยังเล็กสูง 1-2 เมตร เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้กระถางในที่ที่มีแสงแดดครึ่งวันเช้า ต้นโตขึ้นค่อยย้ายลงแปลงกลางแจ้งหรือที่มีร่มเงาบางส่วน
- พืชปลูกถ่ายได้ไม่ดี มีรากที่บอบบางมากซึ่งมีแนวโน้มที่จะตายหากจัดการ
อื่น ๆ--- ลำต้นถูกนำมาใช้ในงานก่อสร้าง ไม้ใช้ในท้องถิ่นเพื่อทำกล่อง ใบอ่อนจำนวนมากใช้สำหรับการทำหมวกพิเศษที่เรียกว่า 'Manarano'
ภัยคุกคาม---เนื่องจาก มีประชากรโตเต็มวัยประมาณ 900 ต้นในสามพื้นที่ มีการเอารัดเอาเปรียบต้นไม้มากเกินไปทำให้ระดับประชากรของสายพันธุ์นี้ลดลงอย่างมากและต่อเนื่อง ได้รับการประเมินล่าสุดในบัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 2010 Beccariophoenix madagascariensisถูกระบุว่ามีความเสี่ยงภายใต้เกณฑ์ B1ab(iii)+2ab(iii); D1.
สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE B1ab(iii)+2ab(iii); D1-ver 3.1- IUCN Red List of Threatened Species (2012)
source: Rakotoarinivo, M. & Dransfield, J. 2012. Beccariophoenix madagascariensis . IUCN Red List of Threatened Species 2012: e.T38448A2869148 https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2012.RLTS.T38448A2869148.en . เข้าถึงเมื่อ 24 พฤษภาคม 2566 .
ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลางอก 1-3 เดือน
 

ปาล์มหมีขาว/ Copernicia alba

[koh-pehr-nee-SEE-ah] [ALL-bah]

 

Picture 1, 2---Bangkok Thailand.Photo---https://www.palmpedia.net/wiki/Copernicia_alba

ชื่อวิทยาศาสตร์---Copernicia alba Morong (1893)
ชื่อพ้อง---Has 7 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-46676
---Copernicia australis Becc.(1908)
---Copernicia nigra Morong (1893)
---Copernicia ramulosa Burret (1928).
---Copernicia rubra Morong (1893)
---Coryphomia tectorum Rojas (1918)
ชื่อสามัญ---Caranday Palm, White Copernicia, Caranday Wax Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มหมีขาว (ทั่วไป) ;[CHINESE: Bai ba xi la zong.];[FRENCH: Ananachicari, Caranday, Palmier à cire.];[GERMAN: Caranday-Palme.];[PORTUGUESE: Carandá (Brazil).];[SPANISH: Ananachí carí, Caranday; Palma blanca, Palma negra (Argentina, Bolivia, Paraguay); Palmera caranday, Caranda, Palma espinillo, Queic, Carandaa, Carandaí.];[THAI: Paam mi khao (General).].
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---CPDAU (Preferred name: Copernicia alba.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---อาร์เจนติน่า โบลิเวีย บราซิล ปรากวัย
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Copernicia' เป็นเกียรติแก่ Nicolaus Copernicus (1473-1543)นักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ ; ชื่อสายพันธุ์คือคำภาษาละติน 'alba' = สีขาว
Copernicia alba เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Thomas Morong (1827–1894) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกันในปี พ.ศ.2436
ที่อยู่อาศัย--- เติบโตตามธรรมชาติในพื้นที่โล่งกว้าง ป่าเปิดและทุ่งหญ้า ของอเมริกาใต้ครอบคลุมดินแดนทางตอนเหนือของ เบนิในโบลิเวีย ในอาร์เจนตินาพื้นที่การเติบโตของ Copernicia alba ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่น้ำท่วมของแม่น้ำใหญ่ (Paraná, Paraguay และ Bermejo) ที่ราบสูงขนาดใหญ่ที่มีความสูงตั้งแต่ 50 ถึง 100 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดเล็ก ลำต้นและใบเล็กกว่าชนิดอื่นๆในสกุลนี้ สูง 7-9 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 25 ซม.ลำต้นที่มีอายุน้อยปกคลุมด้วย ฐานใบเก่า ปาล์มที่มีอายุมากกว่า มีลำต้นสีเทาขาวและเข้มขึ้นตามอายุ มีใบจำนวนมากกว่า 50 ใบ ใบรูปพัด (Costapalmate) ขอบใบจักเว้าลึกเกือบถึงสะดือ แผ่นใบกว้าง 1 เมตร มีขี้ผึ้งหรือนวลสีขาวเคลือบค่อนข้างหนา ก้านใบยาวถึง2เมตร มีหนามหนาคมสีน้ำตาลเข้ม อาจมีตะขอเล็กน้อย ช่อดอกออกระหว่างใบ พ้นเรือนยอดใบ (Interfoliar) แตกกิ่งก้านสาขาและตั้งตรง ยาว 0.60 ซม.ดอกกระเทย (hermaphrodite) ยาวประมาณ 4 มม.กว้าง 10-12 มม.มีกลีบดอกสีเขียวแกมเหลืองหรือสีครีมอ่อนมีกลิ่นหอม ออกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มและเรียงเป็นเกลียว กลีบเลี้ยง 3 กลีบ กลีบดอก 3 กลีบ เกสรเพศผู้ 6 อัน กลีบเลี้ยงออกคู่กับกลีบดอก ดอกไม้แต่ละดอกมีรังไข่สามอัน ซึ่งมีเพียงรังไข่อันเดียวที่จะเจริญเป็นผล ผลกลมขนาด1.5-2 ซม.ผลอ่อนสีเขียวเมื่อสุกสีดำ มีเมล็ดรูปไข่ 1 เมล็ดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.2-2 ซม.ยาว 9-17 มม.มีเอนโดสเปิร์มสีขาวและเป็นเนื้อเดียวกัน
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ในเขตที่มีภูมิอากาศแบบเขตร้อน กึ่งเขตร้อน และในเขตอบอุ่น  (USDA Zones 9-11) ปาล์มชนิดนี้ทนต่อความหนาวเย็นที่สุดของสกุล Copernicia ทั้งหมด ซึ่งทนทานต่ออุณหภูมิต่ำ -5 °C ถึง -7 °C โดยไม่มีความเสียหายใด ๆ เติบโตได้ในตำแหน่งแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) ชอบแสงแดดรำไรหรือร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะทำงานได้ดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงเช้า) ไม่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับดิน ชอบดินที่ระบายน้ำได้ดีเป็นด่างถึงเป็นกรดเล็กน้อย ทนความร้อนที่ร้อนอบอ้าวและสภาพลมแรงได้ในระดับปานกลาง อัตราการเจริญเติบโตช้าโดยเฉพาะเมื่อเป็นต้นกล้า แต่เมื่อตั้งต้นแล้วจะเติบโตค่อนข้างเร็ว การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำน้อยถึงปานกลาง รดน้ำปกติเป็นประจำ
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดถ้ากิ่งยังมีสีเขียวอยู่
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด บางครั้งอาจขาดโพแทสเซียม เพื่อป้องกันการขาดธาตุอาหาร ควรใส่ปุ๋ยปาล์มคุณภาพดีที่มีสูตรปลดปล่อยอย่างต่อเนื่องปีละ 2 ครั้งในช่วงฤดูปลูก
ศัตรูพืช/โรคพืช---ค่อนข้างต้านทานต่อแมลงศัตรูพืช /แต่อาจต้องใส่ปุ๋ยเป็นประจำเพื่อป้องกันใบเหลืองที่เกิดจากการขาดโพแทสเซียม
รู้จักอ้นตราย---มีหนามแหลมคมอย่างน่าเหลือเชื่อตามก้านใบที่สามารถฉีกผิวหนังของคุณได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นโปรดระวังเมื่อจัดการ
ใช้ประโยชน์---พืชให้ผลผลิตขี้ผึ้ง (ขี้ผึ้ง 'Carnauba' ที่มีชื่อเสียง) ที่มีคุณภาพสูงที่ได้มาจากใบซึ่งใช้ในอุตสาหกรรม ชาวพื้นเมือง
ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ--- พืชทนต่อความร้อนแห้งและลมแรงได้ดี  เหมาะปลูกลงแปลงกลางแจ้ง หรือจัดสวนริมทะเล
อื่น ๆ---เนื้อไม้สีขาวทนทานใช้ในงานก่อสร้าง ใบนิยมใช้เป็นแหล่งของ วัสดุ มุง ทอ
ภัยคุกคาม---เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีการกระจายพันธุ์ที่กว้างมาก มีประชากรจำนวนมาก ปัจจุบันไม่พบภัยคุกคามที่สำคัญใดๆ และไม่มีการระบุถึงภัยคุกคามที่สำคัญในอนาคต สายพันธุ์นี้จึงได้รับการประเมินล่าสุดใน IUCN Red List ประเภท 'กังวลน้อยที่สุด'
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - ver 3.1 - IUCN Red List of Threatened Species.(2019)
source: Canteiro, C. 2021. Copernicia alba. The IUCN Red List of Threatened Species 2021: e.T111456546A158506708. https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.2021-2.RLTS.T111456546A158506708.en. Accessed on 24 May 2023.
ระยะออกดอก/ติดผล---ฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูร้อน
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด เมล็ดสดงอกง่าย ใช้เวลาในการงอก  30-45 วัน ที่ 30º C ถึง 35º C (เมล็ดพันธุ์จะมีอายุการเก็บรักษาไม่นาน) 


ปาล์มหมีฟ้า/  Copernicia fallaensis

[koh-pehr-nee-SEE-ah] [fall-EHN-sis]

 

Picture---Jardin Botanico Nacional, Havana, Cuba.Photo by Paul Craft--Cuba. Photo by Michael Merritt
https://www.palmpedia.net/wiki/Copernicia_fallaensis
ชื่อวิทยาศาสตร์--- Copernicia fallaensis León (1931)
ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-46698
ชื่อสามัญ---Giant Yarey Palm, Cuban paddle palm, Bailey palm, Copernicia Palm, Falla Copernicia, Falla Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มหมีฟ้า (ทั่วไป) ;[BRAZIL: Carnauba-de-Bailey.];[CHINESE: Xiào là zōng.];[CUBA: Yarey macho, Yarey de Falla, Yarey.];[FRENCH: Copernice de Falla.];[SPANISH: Yarey, Yarey hembra, Yareyòn.];[THAI: Paam mi faa (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---CPDFA (Preferred name: Copernicia fallaensis.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---คิวบา แคริบเบียน
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Copernicia' เป็นเกียรติแก่ Nicolaus Copernicus (1473-1543)นักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ ; ชื่อสายพันธุ์ 'fallaensis' =จากเมือง Falla เมืองที่เป็นถิ่นกำเนิด    
Copernisia fallaensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยFrire Leon (English: Brother Leon, Spanish: Hermano Leon 1871 -1955)  นักพฤกษศาสตร์ชาวคิวบา-ชาวฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2474
ที่อยู่อาศัย--- เป็นสายพันธุ์เฉพาะถิ่นมีถิ่นกำเนิดในภาคกลางของคิวบา (Endemic) เคยแพร่หลายในจังหวัด Camagüey, Ciego de Ávila และVilla Clara ซึ่งทำให้เกิดประชากรจำนวนมากในพื้นที่ราบต่ำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป่ากึ่งผลัดใบที่ปกคลุมพื้นที่กว้างใหญ่
ลักษณะ--- เป็นปาล์ม ต้นเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สวยสง่างามที่สุดในสกุลนี้ ลักษณะลำต้นหนาและแข็งแรง, เรียบ, มีช่องระบายอากาศ, เล็กน้อยสีเทาขาว  สูงได้ถึง 20 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 80-90 ซม.ใบสมมาตร ขนาดใหญ่รูปพัด (Costapalmate) ขอบใบจักลึกกว่าครึ่งใบ สีเขียวอมฟ้า หรือสีฟ้าเงิน  ทางใบยาว 3.5 เมตร แผ่นใบแผ่กว้าง 2 เมตร มีใบจำนวนมาก ก้านใบแข็งแรงมีหนาม ใบแห้งติดอยู่ได้ทนนาน ช่อดอกยาว 3-6 เมตร ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) ยื่นออกมาเกินใบ ดอกกระเทย (hermaphrodite) มีทั้งเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียในดอกเดียวกัน  ดอกสีขาว ผลรูปกลมเมื่อสุกสีน้ำตาลดำขนาด 2.2 ซม.มีเมล็ดเดียว รูปกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.2 ซม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พืชในเขตภูมิอากาศแบบเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ต้องการตำแหน่งที่แสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) หรือแสงแดดครึ่งวัน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวันต่อเนื่องกันในช่วงบ่าย) อุณหภูมิต่ำสุดที่ทนได้คือประมาณ 0 °C หรือน้อยกว่านั้นเล็กน้อย เพียงในช่วงเวลาสั้นๆ (USDA Zones 10-12) ไม่เฉพาะเจาะจงสำหรับดินสามารถเติบโตได้ในดินที่ไม่ดี ปรับตัวได้ในสภาพเงื่อนไขที่หลากหลาย แต่ชอบดินที่เป็นด่างหรือเป็นกลาง ทนต่อความร้อนอบอ้าวและสภาพอากาศที่มีลมแรงปานกลางได้ ทนต่อไอเกลือได้ปานกลาง อัตราการเจริญเติบโต ช้า ปลูกแล้วใช้เวลามากกว่า 20 ปี ถึงจะติดผล การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำน้อยถึงปานกลาง รดน้ำปกติเป็นประจำ
การตัดแต่งกิ่ง---ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรค เสียหาย หรือแห้ง แต่อย่าลิดถ้ากิ่งยังมีสีเขียวอยู่
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด บางครั้งอาจขาดโพแทสเซียม เพื่อป้องกันการขาดธาตุอาหาร ควรใส่ปุ๋ยปาล์มคุณภาพดีที่มีสูตรปลดปล่อยอย่างต่อเนื่องปีละ 2 ครั้งในช่วงฤดูปลูก
ศัตรูพืช/โรคพืช---ทนต่อโรคและแมลงศัตรูพืช แต่อาจต้องใส่ปุ๋ยเป็นประจำเพื่อป้องกันโรคใบเหลืองที่เกิดจากการขาดโปแตสเซียม
รู้จักอ้นตราย---พืชมีหนามแหลมคม ใช้ความระมัดระวังในการจัดการ
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็น Copernicia ที่โอ่อ่าสง่างามที่สุดในสกุล นิยมนำมาใช้จัดสวน ตกแต่งภูมิทัศน์ในสวนสาธารณะและสวนที่กว้างมาก ใช้ปลูกเดี่ยว ๆหรือเป็นกลุ่ม เป็นแถวริมถนนหลวง
-อื่น ๆ ใบใช้สำหรับทอหมวกตะกร้าและสิ่งของอื่น ๆ และใช้เป็นวัสดุสำหรับมุง
ภัยคุกคาม---เนื่องจากปัจจุบันจำนวนประชากรที่ใหญ่ที่สุดที่เหลืออยู่ในพื้นที่ประเภทนี้คือต้นไม้โตเต็มวัยเพียง 84 ต้น ที่เหลือต้นเล็ก ๆ187 ต้นอยู่ในทุ่งหญ้าสะวันนาใกล้เมือง Falla (จังหวัด Ciego de Ávila) ในขณะที่การตัดโค่นไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป แต่การใช้ใบมากเกินไปสำหรับมุงและทอ เป็นภัยคุกคามหลักในขณะนี้ ถูกประเมินล่าสุดไว้ใน IUCN Red List ประเภท “ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต”
สถานะการอนุรักษ์---CR - CRITICALLY ENDANGERED - IUCN Red List of Threatened Species
ระยะออกดอก/ติดผล---พฤษภาคม-มิถุนายน/กันยายน-ตุลาคม
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด  เมล็ดสด ใช้เวลาในการงอก 2-3 เดือน หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เมล็ดพันธุ์จะมีอายุการเก็บรักษาไม่นาน


ปาล์มหางปลา/ Asterogyne martiana

 

Picture---http://www.palmpedia.net/wiki/Asterogyne_martiana
ชื่อวิทยาศาสตร์---Asterogyne martiana (H.Wendl.) H.Wendl. ex Drude (1889)
ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-17423
---Basionym: Geonoma martiana H.Wendl.(1857). See https://species.wikimedia.org/wiki/Asterogyne_martiana
---Asterogyne martiana (H. Wendl.) H. Wendl. ex Hemsl.(1885)
---Asterogyne minor Burret (1930 )
---Geonoma trifurcata Oerst.(1859)
ชื่อสามัญ---Pink Spear Palm Tree, Pata de Gallo Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มหางปลา (ทั่วไป) ;[ECUADOR: Pico.];[HONDURUS: Pacuquilla.];[ITALIAN: Capoca, Cortadera.];[NICARAGUA: Pata de Gallo.];[SPANISH: Pata de gallo.];[THAI: Paam hang pla (General).]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---QGYMA (Preferred name: Asterogyne martiana.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์--- เบลีซ, โคลัมเบีย, คอสตาริกา, เอกวาดอร์, กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส, นิการากัว, ปานามา
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Asterogyne มาจากตำภาษากรีก 'aster' = ดาวและ 'gyne'= เพศหญิง อ้างอิงถึงดอกเพศเมียที่รูปร่างคล้ายดาว ; ชื่อสายพันธุ์ 'martiana' เป็นเกียรติแก่นักพฤกษศาสตร์และนักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน Carl Friedrich Philipp Martius (1794-1868) ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยและผู้อำนวยการสวนพฤกษศาสตร์แห่งมิวนิกผู้สำรวจป่าอเมซอน ผู้ประพันธ์ 'Historia Naturalis Palmarum'
Asterogyne martiana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Hermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Hermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน จากอดีต Carl Georg Oscar Drude (1852–1933) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2432
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ตอนเหนือ- อเมริกากลางถึงเอกวาดอร์ในป่าเขตร้อนชื้นและอุดมสมบูรณ์ทางตะวันตกของเทือกเขาแอนดีส เติบโตในป่าดิบชื้นที่ราบลุ่มโดยทั่วไปที่ระดับความสูงต่ำกว่า 500 เมตร แต่สูงถึง 1,100 เมตรในโคลัมเบีย
ลักษณะ--- เป็นปาล์ม ต้นเดี่ยวบางครั้งอาจแตกหน่อ ลำต้นอยู่ใต้ดิน เรียวสั้น สูงได้ถึง 1.8-2.5 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 3- 5 ซม.ใบเดี่ยวหยักเว้าลึกเป็น 2 แฉกคล้ายหางปลามีใบ 8 - 18 ใบ แต่ละใบยาว 60 - 100 ซม.กว้าง 20 - 30 ซม.ใบไม้ด้านบนเป็นสีเขียวมรกต ใต้ใบเหลือบเงิน มีเส้นใบเด่นชัดทั้งสองด้าน ใบใหม่เป็นสีเหลืองอมส้ม ก้านใบสีส้มถึงแดงเมื่ออ่อน เมื่อแก่สีม่วงดำใบมีร่องลึกและสวยงามมาก ใบเป็นร่องตามยาวและอาจแตกตามอายุหรือถูกลมทำลาย มงกุฎใบไม้รูปกรวยจะจับเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นจากต้นไม้ที่ยื่นออกมาโดยรอบ ซึ่งจะค่อยๆ สลายตัวและปลดปล่อยสารอาหารให้กับต้นปาล์ม ช่อดอกออกระหว่างใบ (Interfoliar) สีน้ำตาลอมส้ม ยาว 50-80 ซม ตั้งขึ้น มี 3-10 กิ่ง ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (Monoecious) ดอกเพศผู้ 2 ดอกและดอกเพศเมีย1ดอก เรียงกันเป็นแถวตามยาวชัดเจน ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้ 6-24 อัน ดอกเพศเมียเป็นรูปดาว พืชอาจดูเหมือนไม่มีเพศเนื่องจากดอกเพศผู้ไม่ปรากฏชัดเจนช่วงดอกเพศเมียบาน ผลกลมขนาดความยาว 0.7 ซม.กว้าง 1 ซม.ผลอ่อนสีน้ำตาลแดงเมื่อยังไม่สุก เมื่อแก่เต็มที่สีดำ ผิวเกลี้ยง เมล็ด ทรงรี ยาว 0.7-0.8 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.4-0.5 ซม
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เป็นสายพันธุ์ที่ปลูกได้เฉพาะในภูมิอากาศกึ่งเขตร้อนหรือเขตอบอุ่น (USDA Zone 11) ต้องการตำแหน่งที่มีร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะทำงานได้ดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงเช้า) ชอบที่ร่มรื่นแสงแดดรำไร ดินร่วนอุดมสมบูรณ์เป็นกรดอ่อน ๆมีการระบายน้ำดี ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง 4 °C เป็นเวลาสั้นๆ อัตราการเติบโต ช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ดินที่ชื้นสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้ดินแห้งระหว่างการรดน้ำ พืชไม่สามารถทนต่อดินที่มีน้ำขังได้
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่ง เพียงนำใบแห้งออกเท่านั้น
การใส่ปุ๋ย---ชอบปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีปัญหาแมลงหรือโรคร้ายแรง
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงและมนุษย์
ใช้ประโยชน์--- ใช้กิน ผลกินได้แต่ไม่นิยม
ใช้ปลูกประดับ---นิยมปลูกเป็นปาล์มประดับในร่ม เหมาะปลูกเป็นไม้กระถางตั้งประดับในอาคารหรือที่ร่มรำไรพืชนิยมมากในหมู่นักสะสมปาล์ม
อื่น ๆ--- ใบใช้เป็นวัสดุสำหรับมุง
ระยะออกดอก/ติดผล---ออกดอกและติดผลตลอดปี ในถิ่นกำเนิด
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด เมล็ดสดใช้ระยะเวลาในการงอก 1-2 เดือน ที่อุณหภูมิ 28-32?C และอัตราการงอกจะลดลงเมื่อเมล็ดแห้ง

ปาล์มแอสไซ/ Euterpe oleracea

[yoo-TEHR-peh] [oh-leh-rah-SEH-ah]

 

Picture 1---Guiana. Forest edge, Angouleme. Photo-Flore de Guyane.
Picture 2---French Guiana. Photo-tipalm.fr https://www.palmpedia.net/wiki/Euterpe_oleracea

ชื่อวิทยาศาสตร์---Euterpe oleracea Mart.(1824)
ชื่อพ้อง---Has 5 Synonyms.See https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:666941-1#synonyms
---Euterpe brasiliana Oken (1841)
---Catis martiana O.F.Cook (1901)
---Euterpe badiocarpa Barb.Rodr.(1901)
---Euterpe beardii L.H.Bailey (1947)
---Euterpe cuatrecasana Dugand (1951)
ชื่อสามัญ---Cabbage palm, Acai Palm, Assai Palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มแอสไซ(ทั่วไป) ;[ARABIC: Nakhl alasay.];[BRAZIL: Açai-do-Pará, Acaiizeiro, Jiçara, Piriá.];[CHINESE: Shu shi ai ta zong.];[FRENCH: Pinot, Palmier açaï.];[GERMAN: Kohlpalme.];[JAPANESE: Nibonmodoki, Wakaba kyabetsuyashi];[KOREAN: Asaibeli.];[MALAY/Bahasa Melayu ): Palma asai.];[PORTUGUESE: Açai, Assai, Açaizeiro, Palmeira-jiçara.];[RUSSIAN: Yevterpa ovoshchnaya.];[SPANISH:Asaí, Euterpe, Jussara, Palmera de asaí, Palmera de azaí, Palmera de huasaí.];[SWEDISH: Para-assaipalm, Kålpalm.];[SURINAME: Manaka, Pina, Prasara, Qapoe, Qasei.];[THAI: Pam as-sai (General).];[VENEZUELA: Manaca.].
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---ETQOL (Preferred name: Euterpe oleracea.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---บราซิล เปรู สุรินัม ตรินิแดด โตบาโก
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Euterpe' เป็นชื่อ Muse ของดนตรีในตำนานเทพเจ้ากรีก โดยมีคำนำหน้าว่า “eu” = ดี และคำกริยา “terpo” เพื่อดีใจ ดีใจ เป็นชื่อที่ปรับให้เข้ากับสกุลนี้อย่างสมบูรณ์แบบซึ่งนับสปีชีส์ ยืนอยู่ท่ามกลางผู้งามสง่าที่สุดในตระกูลอินทผลัม ; ชื่อของสายพันธุ์ 'oleracea' เป็นคำคุณศัพท์ภาษาละติน "oleraceus, a, um" = คล้ายกับผักโดยอ้างอิงถึง apices ของพืช ("หัวใจของต้นปาล์ม")
-ชื่อสามัญ 'Açaí palm' มาจากภาษาโปรตุเกสที่ดัดแปลงมาจากภาษาTupian ' ĩwasa'i ' ซึ่งแปลว่า "[ผลไม้ที่] ร้องหรือขับน้ำออกมา"
Euterpe oleracea เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794-1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2367
ที่อยู่อาศัย---มีถิ่นกำเนิดในประเทศบราซิล, เปรู, ซูรินาเม, ตรินิแดดและโตเบโก กระจายในภูมิภาคเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ส่วนใหญ่เติบโตอยู่ใกล้ลำธาร แม่น้ำ ในหนองน้ำ พื้นที่น้ำท่วมถึงและ บริเวณพื้นที่น้ำขึ้นน้ำลงใกล้ทะเล พบได้ที่ระดับความสูงถึง 3,000 เมตร

 

Picture 1---https://tirolplantas.com/product/euterpe-oleracea-acai-0-50m-a-0-60m/
Picture 2---https://www.palmpedia.net/wiki/Euterpe_oleracea

ลักษณะ---เป็นปาล์ม แตกกอ 4-8 ลำต้น สูงได้ถึง 3-20 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 10-20 ซม มักมีสีเทากับไลเคน , มีโคนรากสีแดงที่โคน, เส้นผ่านศูนย์กลางเหล่านี้ถึง 1 ซม.ตามลำต้นมีร่องรอยวงแผลเป็นที่เกิดจากใบเก่าหลุดร่วง เป็นข้อห่างและมีช่วงคอยาวมาก มีฐานทางใบห่อหุ้มลำต้น ยาวประมาณ 0.8-1.3 เมตร มีใบ 9-15 ใบ ใบรูปขนนก(pinnate) ทางใบยาว 3-4 เมตร สีเขียวเข้ม ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (Infrafoliar) ช่อดอกตั้งตรง ยาว 40-100 ซม.ประกอบด้วยราชิสกลางซึ่งมีกิ่งก้านสาขาด้านข้างเฉลี่ย 50-55 กิ่ง (rachillae) แต่ละกิ่งมีกระจุกของดอกเพศผู้ด้านข้างสองดอกและดอกเพศเมียตรงกลางหนึ่งดอก (monoecious) ดอกมีสีน้ำตาลถึงม่วงไม่เด่น ส่วนปลายกิ่งมีขนสีน้ำตาลปนขาว ดอกเพศผู้เป็นสีม่วงดอกเพศเมียสีน้ำตาลอ่อน ผลค่อนข้างกลม ขนาด1.5-2.5 ซม.สีเขียว ม่วงเข้ม ดำเมื่อสุก เมล็ดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7-10 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เพาะปลูกได้ในเขตภูมิอากาศเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนที่มีฝนตกชุก (USDA Zones 10b- 11) ตำแหน่งแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) เมื่อต้นยังเล็กต้องการสภาพอากาศร้อนชื้นและมีร่มเงาบางส่วน (แสงแดดโดยตรง 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ชั่วโมงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน แต่จะทำงานได้ดีที่สุดโดยมีบางชั่วโมงเป็นอย่างน้อยในช่วงเช้า) มีระบบรากที่มีเส้นใยและได้ประโยชน์จากดินอินทรีย์ลึก เป็นกรด ค่า pH ในช่วง 5 - 5.5 ทนได้ 4.5 - 6.5 อุดมสมบูรณ์และระบายน้ำได้ดี อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 30-32°C และอุณหภูมิต่ำสุด 21-24°C นอกจากนี้ยังต้องการความชื้นสัมพัทธ์สูงตั้งแต่ 80 ถึง 90% (Donadio et al ., 2002) อัตราการเจริญเติบโตเร็ว การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำมากไม่ทนต่อสถานการณ์ที่แห้งแล้ง ชอบความชื้นที่เพียงพอ สามารถทนต่อน้ำท่วมชั่วคราว
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็นต้องตัดแต่ง พืชทิ้งใบเองตามธรรมชาติ
การใส่ปุ๋ย---ใส่ปุ๋ยปาล์ม คุณภาพดี ที่มีสูตรปลดปล่อยอย่างต่อเนื่องปีละ 2 ครั้งในช่วงฤดูปลูก
ศัตรูพืช/โรคพืช---ศัตรูพืชที่สำคัญAleurothrixus floccosus (แมลงหวี่ขาวมีขน), Cerataphis lataniae (เพลี้ยปาล์ม), Eutropidacris cristata (ตั๊กแตนยักษ์), Rhynchophorus palmarum (ด้วงปาล์มอเมริกาใต้)
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงและมนุษย์
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลไม้ ดิบหรือปรุงสุก ผลไม้รู้จักกันในชื่อ Acai berries อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ มักใช้ทำเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในภูมิภาคอะเมซอนของบราซิล ใช้เป็นเครื่องดื่มบำรุงให้สดชื่น เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ซึ่งเรียกในท้องถิ่นว่า Vinho de açaí แต่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการเท่า และใช้ในการผลิตไอศกรีมเหล้ามูส ไวน์และขนมโดยทั่วไป
- ในเมืองเบเลมของบราซิล ผลไม้เป็นส่วนสำคัญของอาหารของประชากรส่วนใหญ่ (Wallace, 1853; Calzavara. 1972; Strudwick & Sobel, 1988) เยื่อชั้นในเนื้อผสมกับน้ำและทำเป็นเครื่องดื่ม และล่าสุดยังทำเป็นไอศกรีมอีกด้วย
- ใบ และตายอดปรุงสุกกินเป็นผัก น้ำมันที่บริโภคได้นั้นมาจากเมล็ด
- ปัจจุบัน E. oleracea เป็นสายพันธุ์ที่สำคัญที่สุด การบรรจุกระป๋องและการขายแก่นปาล์มมีมูลค่า 120 ล้านดอลลาร์ในปี 1988 (Strudwick & Sobel, 1988) บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของโคลอมเบียและเอกวาดอร์ ก็มีโรงงานบรรจุกระป๋องสำหรับหัวใจปาล์มเช่นกัน (Bernal, 1992) เนื่องจากมีลำต้นหลายต้น แก่นปาล์มและผลจึงสามารถเก็บเกี่ยวได้โดยไม่ทำลายต้นปาล์ม
ใช้เป็นยา--- ยาต้มของใบใช้ในการรักษาไข้ น้ำมันจากผลไม้ใช้ในการรักษาอาการท้องเสีย ชาที่ทำจากรากใช้ในการรักษาอาการตัวเหลืองและเสริมสร้างเลือด น้ำยางเป็นยาห้ามเลือด มันถูกใช้เพื่อรักษาอาการตกเลือดแมงป่องกัดและใช้ในการรักษาบาดแผล ตายอดหรือหัวใจปาล์มถูกคั่วและนำไปใช้ทาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากแมงป่องต่อย
ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ---ปาล์มที่สวยงามนี้มักปลูกเป็นไม้ประดับทั่วภูมิภาคอเมซอน ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามและน่าดึงดูดเป็นพิเศษจึงเป็นที่ชื่นชอบของสวนเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน นำมาปลูกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มตามสวนสาธารณะและสวนทั่วไป  
อื่น ๆ---ไม้มีน้ำหนักปานกลางอ่อนนุ่มแยกได้ง่ายและมีความทนทานต่ำ ใช้ในท้องถิ่นสำหรับการสร้างอาคารชนบท ใบใช้สำหรับทอเสื่อและผลิตภัณฑ์หัตถกรรม
- เมล็ดอะซาอิประกอบด้วย 80% ของมวลผลไม้ อาจบดเป็นอาหารปศุสัตว์หรือเป็นส่วนประกอบของดินอินทรีย์สำหรับพืช และใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตอิฐ
- น้ำมันจากผลไม้ที่เรียกว่า น้ำมันอาซาอิ (Açaí oil) น้ำมันนี้เหมาะสำหรับปรุงอาหารหรือใช้เป็นน้ำสลัดแต่ส่วนใหญ่ใช้ในเครื่องสำอางเช่นแชมพู สบู่หรือมอยเจอร์ไรเซอร์บำรุง ผิว
พิธีกรรม/ความเชื่อ---ความสำคัญของผลไม้ที่เป็นอาหารหลักในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอะเมซอน ทำให้เกิดตำนานท้องถิ่นว่าพืชชนิดนี้ได้ชื่อมาอย่างไร นิทานพื้นบ้านกล่าวว่าหัวหน้า Itaqui สั่งให้เด็กแรกเกิดทุกคนตายเนื่องจากช่วงอดอยาก เมื่อลูกสาวของเขาคลอดลูกและเด็กถูกบูชายัญ เธอร้องไห้และเสียชีวิตใต้ต้นไม้ที่แตกหน่อใหม่ ต้นไม้เลี้ยงคนในเผ่าและถูกเรียกว่า açaí เพราะนั่นคือชื่อของลูกสาว (Iaçá) ที่สะกดย้อนกลับ
ภัยคุกคาม---เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีการกระจายพันธุ์ที่กว้างมาก มีประชากรจำนวนมาก ปัจจุบันไม่พบภัยคุกคามที่สำคัญใดๆ และไม่มีการระบุถึงภัยคุกคามที่สำคัญในอนาคต สายพันธุ์นี้จึงได้รับการประเมินล่าสุดใน IUCN Red List ประเภท 'กังวลน้อยที่สุด'
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species.(2001)
ระยะออกดอก/ติดผล---โดยปกติแล้วพืชจะออกดอกตลอดทั้งปี แต่ฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้จะมีเพียง 6 เดือนต่อปี (ปีละ2ครั้ง) ระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายนและอีกครั้งระหว่างเดือนสิงหาคมถึงธันวาคม การเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้ายนั้นสำคัญที่สุด
ขยายพันธุ์---ด้วยการเพาะเมล็ด เมล็ดมีอายุการงอกน้อยกว่า 3 เดือน ดังนั้นเมื่อผลสุกต้องรีบนำไปเพาะทันที ในที่ที่มีร่มเงาพรางแสง หรือในเรือนเพาะชำ เมล็ดจะงอกภายใน 30 - 70 วัน เมล็ดงอกอย่างรวดเร็วและเติบโตอย่างรวดเร็ว


ปาล์มเฮนรี่/ Pelagodoxa henryana

[pehl-ah-go-DOKS-ah] [hen-ree-AHN-ah]

Picture---Tall palm on right. Singapore. Photo by Philippe. https://www.palmpedia.net/wiki/Pelagodoxa_henryana

ชื่อวิทยาศาสตร์---Pelagodoxa henryana Becc (1917)
ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/browse/A/Arecaceae/Pelagodoxa/
---Pelagodoxa mesocarpa Burret (1928)
ชื่อสามัญ---Marquesas Palm, Vahani, Vahana palm , Henry Palm
ชื่ออื่น---ปาล์มเฮนรี่ เฮนรี่ปาล์ม; [MARQUESAS ISLAND: Enu, Vahani.];[THAI:Pam hen-ri.]
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---PXXHE (Preferred name: Pelagodoxa henryana.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปออสเตรเลีย
เขตกระจายพันธุ์---เกาะมากีซัส วานูอาตู ฟิจิ หมู่เกาะโซโลมอน
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Pelagodoxa' เป็นการรวมกันของคำสำคัญกรีก 'pelagos' = ทะเลและ 'doxa'= สง่าราศี โดยอ้างอิงถึงแหล่งกำเนิดในมหาสมุทรแปซิฟิค ; ชื่อสายพันธุ์' henryana' อุทิศให้นักสะสมพืชชาวอังกฤษ Charles Henry Wright (1864-1941)
Pelagodoxa henryana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) อยู่ในสกุล Pelagodoxa เป็น Monotypic genus มีเพียง 1 สายพันธุ์ในสกุลได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี ในปี พ.ศ.2460
ที่อยู่อาศัย--- มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะ Marquesas (Nuku Hiva) วานูอาตู และหมู่เกาะฟิจิ มีการแปลงสัญชาติเกิดขึ้นในหมู่เกาะโซโลมอน เติบโตในชั้นล่างของป่าทึบในหุบเขาที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล100 เมตร

 

Picture 1---Homestead, FL. "Survived the long cool and cold 2009-10 winter." H.P. Leu Gardens, Orlando, FL. Photo by Leu Gardens Botanist Eric S.https://www.palmpedia.net/wiki/Pelagodoxa_henryana
Picture 2---Hawaiian Tropical Botanical Garden. https://www.palmpedia.net/wiki/Pelagodoxa_henryana
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวไม่มีหนาม สูงได้ถึง 8-11 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 10- 15 ซม.ลำต้นสีน้ำตาลอ่อน มีร่องรอยวงแผลเป็นที่เกิดจากใบ ใบเป็นเดี่ยว แผ่นใบขนาดใหญ่ที่ไม่มีการแบ่งแยกแต่อาจแตกออกด้วยลมแรง กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ปลายใบจักเว้าเป็นสองแฉก ใต้ใบมีนวลสีขาว ก้านใบอ้วนสั้นยาว20 ซม. ช่อดอกออกระหว่างกาบใบ(Interfoliar)ยาว 50 ซม.แผ่กระจาย ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (Monoecious) ดอกจัดเรียงเป็นกลุ่มสามดอก (ดอกเพศเมียอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) ยกเว้นในส่วนขั้วของ rachillae (การแตกกิ่งรองของช่อดอก) ที่มีเฉพาะดอกเพศผู้ที่อยู่โดดเดี่ยวหรือเป็นคู่ ช่อดอกแสดงปรากฏการณ์พฤกษชาติ ดอกเพศผู้จะสุกก่อนดอกเพศเมียเพื่อการผสมข้ามพันธุ์ ผลขนาดใหญ่ มีเปลือกแข็งคล้ายเนื้อไม้ก๊อกสีน้ำตาลแกมเขียวเส้นผ่านศูนย์กลาง 6-15 ซม. มีเมล็ดกลม 1เมล็ด มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3-6 ซม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เหมาะกับสภาพอากาศแบบเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อน (USDA Zone 11: above 4.5 °C) ต้องการตำแหน่งที่มีร่มเงา กำบังแสงแดดและลมเพื่อรักษาใบไม่ให้แตกแยก ชอบดินลึกที่มีลักษณะอุดมสมบูรณ์ ดินมีความชื้นสม่ำเสมอและมีการระบายน้ำดี การเพาะปลูกง่ายจะต้องมีภูมิอากาศแบบเขตร้อนชื้นที่มีอุณหภูมิสูงและความชื้นรอบข้างสูงคงที่ อุณหภูมิไม่ควรต่ำกว่า 18 °C  การเจริญเติบโตช้า การก่อตัวของลำต้นหลังจากผ่านไปประมาณ 6 ปี การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปานกลาง ชอบความชื้นที่เพียงพอและอย่าให้น้ำมากเกินไปจนขังแฉะตลอดเวลา พืชที่ปลูกในร่มก็ไม่ควรให้น้ำมากเกินไปเช่นกัน
การตัดแต่งกิ่ง---ไม่จำเป็น นำใบแห้งออกเท่านั้น
การใส่ปุ๋ย---ต้องการปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบ รวมทั้งธาตุอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด 3 ครั้งต่อปี หากไม่ได้ปลูกในดินที่อุดมสมบูรณ์
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีปัญหาเรื่องโรคหรือศัตรูพืชร้ายแรง
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง
ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลไม้กินได้ เมื่อสุกแล้ว เมโสคาร์ปจะมีเนื้อเป็นเส้นๆ คล้ายแป้งเปียก คล้ายกับเนื้ออโวคาโด มีกลิ่นฉุนหวานซึ่งบางคนอาจรู้สึกไม่ชอบ รสชาติค่อนข้างคล้ายกับการผสมระหว่างรสทุเรียนอ่อนและน้อยหน่า
ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ---ปลูกใส่ในกระถางขนาดใหญ่ในร่มได้สวยงามที่สุดและเป็นปาล์มภูมิทัศน์ที่ยอดเยี่ยมเมื่อยืนต้นสูงโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางต้นไม้อื่น แต่จะดีกว่าเมื่อปลูกต้นไม้หลายต้นรวมกันเป็นกลุ่ม
ภัยคุกคาม---เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีการกระจายพันธุ์ที่กว้างมาก มีประชากรจำนวนมาก ปัจจุบันไม่พบภัยคุกคามที่สำคัญใดๆ และไม่มีการระบุถึงภัยคุกคามที่สำคัญในอนาคต สายพันธุ์นี้จึงได้รับการประเมินล่าสุดใน บัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 1998 Pelagodoxa henryana ถูกระบุว่าใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งภายใต้เกณฑ์ B1+2d
สถานะการอนุรักษ์--CR- CRITICALLY ENDANGERED B1+2d - ver 2.3 - IUCN Red List of Threatened Species.(1998)
Johnson, D. 1998. Pelagodoxa henryana. The IUCN Red List of Threatened Species 1998: e.T38627A10140239. https://dx.doi.org/10.2305/IUCN.UK.1998.RLTS.T38627A10140239.en. เข้าถึงเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2566
ขยายพันธุ์---ด้วยการเพาะเมล็ด เมล็ดสดใช้เวลาในการงอก 3-4 เดือนที่อุณหภูมิ 28-30°C เมล็ดมีอายุการเก็บรักษาไม่นาน
  

ปาล์มโฮเวีย/Howea forsteriana

[how'-eh-ah] [for-ster'-ee-AHN-ah]


Picture 1---Mt Coot-Tha Botanic Gardens Brisbane AU. Photo by tanetah https://www.palmpedia.net/wiki/Howea_forsteriana
Picture 2---Miami FL. Photo by Ryan D. Gallivan. https://www.palmpedia.net/wiki/Howea_forsteriana

ชื่อวิทยาศาสตร์---Howea forsteriana (F. Muell.) Becc. (1877)
ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:667434-1#synonymsj
---Basionym: Kentia forsteriana F.Muell.(1870).See https://www.gbif.org/species/7857942
---Denea forsteriana (F.Muell.) O.F.Cook in J. Washington Acad. Sci. 16: 397 (1926)
---Grisebachia forsteriana (F.Muell.) H.Wendl. & Drude (1875)
---Kentia australis Anon. (1873), nom. nud.
ชื่อสามัญ---Kentia Palm, Thatch Palm, Thatch-leaf palm, Paradise Palm, Sentry Palm, Flat-leaf palm, Forster's palm.
ชื่ออื่น---ปาล์มโฮเวีย (ทั่วไป) : [BRAZIL: Palmeira-quência.];[CHINESE: He wei zong, Jin di kui.];[DUTCH: Kentiapalm.];[FRENCH: Kentia, Howeïa de Forster.];[GERMAN: Kentiapalme.];[JAPANESE: Kencha fosutaariana, Kencha yashi, Hirohakenchayashi.];[ITALIAN: Kentia, Howea.];[PORTUGUESE: Palmeira-anã, Palmeira-de-interiores, Palmeira-quênia.];[RUSSIAN: Goveia forsteriana, Khoveya Forstera.];[SPANISH: Kentia, Quèntia, Celebérrima quència (Catalan).];[SWEDISH: Förmakspalm.];[THAI: Paam ho wia (General).].
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---HOWFO (Preferred name: Howea forsteriana.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปออสเตรเลีย
เขตกระจายพันธุ์--- ออสเตรเลีย: เกาะนอร์โฟล์ค, เกาะลอร์ดฮาว
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Howea' หมายถึงสถานที่กำเนิดคือเกาะลอร์ดฮาว (ออสเตรเลีย) ; ชื่อสายพันธุ์นี้อุทิศให้กับ Henry William Forster (1866-1936) วุฒิสมาชิกของรัฐนิวเซาท์เวลส์
Howea forsteriana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Sir Ferdinand Jacob Heinrich von Mueller (1825-1896) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันออสเตรเลีย และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลีในปีพ.ศ.2420
ที่อยู่อาศัย---ถิ่นกำเนิด เกาะลอร์ดฮาวทางตะวันออกของออสเตรเลียและปลูกกันอย่างแพร่หลายในเกาะนอร์โฟล์ค นิวซีแลนด์ เติบโตตามธรรมชาติเฉพาะในกลุ่มเกาะลอร์ดฮาวในทะเลแทสมันห่างจากชายฝั่งตะวันออกของ นิวเซาธ์เวลส์ประมาณ 600 กม ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 400 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มต้นเดี่ยวสูงได้ถึง15 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 15 ซม ขยายเล็กน้อยที่ฐาน มีใบที่ห้อยลงมาอย่างสวยงาม 30-40 ใบ ใบรูปขนนก (pinnate) ใบเป็นเกลียวและโค้งมนสวยงาม ทางใบยาว 3-5 เมตร ใบประกอบยาวไม่เกิน 70 ซม.สีเขียวเข้ม ช่อดอกออกจากซอกใบห้อยย้อยยาว 1-2 เมตรมีหนามแหลม 3-8 อัน ดอกแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน (Monoecious) ผลรีรูปไข่ ขนาดประมาณ 3-4 ซม.ก้านเกสรยังอยู่ที่ปลายยอด เมื่อสุกมีสีแดงคล้ำ สุกช้า (3-4 ปี) ทำให้พืชชนิดเดียวกันสามารถปรากฏพร้อมกันได้ ช่อดอกและช่อพร้อมผลในระยะต่างๆ ของการสุก (เขียว เหลือง และสีแดงเข้ม) เมล็ด รูปไข่


Picture 1--Howea Plantation,Lord Howe Island,Australia. Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.
Picture 2--Sydney, Australia. Photo by Adam.https://www.palmpedia.net/wiki/Howea_forsteriana

ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตได้ดีในสภาพอากาศแบบเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน แต่จะเติบโตในสภาพอากาศที่เย็นกว่าเช่นกัน สามารถทนต่ออุณหภูมิที่ลดลงถึง -5 °C โดยไม่ทำให้ใบไม้เสียหายอย่างมีนัยสำคัญ แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น อุณหภูมิปกติไม่ควรต่ำกว่า 10° (USDA Zones 9B-11) ต้องการตำแหน่งที่ร่มรื่น ปาล์มชนิดนี้ต้องการแสงแดดน้อยกว่าปาล์มอื่น ๆทุกชนิด ทนต่อแสงแดดโดยตรงได้เมื่ออายุประมาณ 5 ปี เท่านั้น สามารถทนต่อความร้อนอบอ้าวและสภาพลมแรงได้ เติบโตได้ดีในพื้นที่ชายฝั่ง อดทนต่อการถูกทอดทิ้ง ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำได้ดี และปรับตัวให้เข้ากับความหลากหลายของดินหลายสภาพ รวมถึงดิน ที่เป็นกลาง เป็นกรด ดินเหนียว หรือด่างเล็กน้อย อัตราการเจริญเติบโตช้า การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำปกติ ชอบดินที่มีความชื้นเล็กน้อย พวกเขาไม่ทนต่อความแห้งแล้งอย่างรุนแรงหรือการรดน้ำมากเกินไป ปล่อยให้หน้าดินแห้งระหว่างการรดน้ำ พืชไวต่อคลอรีนควรใช้น้ำฝนรด หากปลูกประดับภายในอาคารให้ใช้น้ำฝนสัปดาห์ละ 3 ครั้งเพื่อเพิ่มระดับความชื้นและทำให้ใบมีสีเขียวและสุขภาพดี ในสภาพอากาศที่แห้งสามารถพ่นละอองบนใบไม้เพื่อเพิ่มความชื้นได้ งดการรดน้ำได้เล็กน้อยในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวเนื่องจากต้นปาล์มจะเติบโตช้าลงตามฤดูกาล
การตัดแต่งกิ่ง---ควรน้อยที่สุด ตัดใบที่ตายแล้วออกเมื่อเป็นสีน้ำตาลและแห้ง ตัดใบที่เป็นโรคออก เพื่อป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจาย
การใส่ปุ๋ย---ต้องการปุ๋ยที่มีการปลดปล่อยธาตุอาหารต่ำ (เช่น 18-18-18) รวมถึงสารอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด ใส่ปุ๋ยเป็นประจำในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต
ศัตรูพืช/โรคพืช---ค่อนข้างต้านทานต่อแมลงศัตรูพืช ระวังไรเดอร์, แมลงเกล็ด, เพลี้ยแป้ง /Cylindrocladium leaf spot , โรคใบจุดจากเชื้อราอื่น ๆ และอาจต้องใส่ปุ๋ยเป็นประจำเพื่อป้องกันใบเหลืองที่เกิดจากการขาดแมกนีเซียมและโพแทสเซียม ไวต่อโรคตัวเหลืองตาย (Lethal yellowing disease: LY) สิ่งเหล่านี้มักจะส่งผลกระทบต่อต้นปาล์มกลางแจ้งมากกว่าต้นปาล์มในร่ม สามารถรักษาได้ด้วยวิธีที่เหมาะสม
รู้จักอ้นตราย---ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง
ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ กระถางในที่ร่มหรือในอาคาร ได้รับความนิยมอย่างมากในฐานะพืชบ้านในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ยุควิคตอเรียนในอังกฤษ ซึ่งได้รับชื่อสามัญว่า "Parlor Palm" ในปี ค.ศ.1885 ต้นปาล์มได้รับความโดดเด่นในสหราชอาณาจักรซึ่งวารสารการปลูกพืชสวนให้ความเห็นว่า: "Kentias เหล่านี้เป็นที่ต้องการมากกว่าปาล์มอื่นเกือบทั้งหมดเนื่องจากความงามอันยิ่งใหญ่และคุณสมบัติที่ยั่งยืน" เป็นปาล์มที่มีมูลค่าสูง สามารถปลูกในที่โล่งแจ้งสำหรับการตกแต่งสวนสาธารณะและสวนทั่วไปในที่ร่ม
ได้รับรางวัล---AGM (Award of Garden Merit) จาก RHS (Royal Horticultural Society's) 2017
https://www.rhs.org.uk/plants/pdfs/agm-lists/agm-ornamentals.pdf
ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามจากกิจกรรมการตัดไม้และการเพิ่มการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง มีการปลูกบนเกาะลอร์ดฮาวโดยเก็บเมล็ดป่าและเพาะเมล็ดเพื่อส่งออก ไปทั่วโลกเป็นไม้ประดับสวนหรือในบ้าน การค้าเมล็ดพันธุ์และกล้าไม้มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ได้รับการประเมินใน บัญชีแดงของ IUCN ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามในปี 1998 Howea forsteriana ถูกระบุว่ามีความเสี่ยงภายใต้เกณฑ์ D2
สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE D2 - ver 2.3 - The IUCN Red List of Threatened Species 1998
source: Johnson, D. 1998. Howea forsteriana (F.Muell.) Becc.. The IUCN Red List of Threatened Species 1998: https://doi.org/10.2305/IUCN.UK.1998.RLTS.T38577A10125794.en  เข้าถึงเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2566
การดำเนินการอนุรักษ์ https://www.iucnredlist.org/species/38577/10125794
- เกาะลอร์ดโฮวีเป็นมรดกโลก เมล็ดของต้นไม้ป่าถูกรวบรวมและงอกและส่งออกต้นกล้า อุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด
ระยะออกดอก---ฤดูร้อน
ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ดที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 19°C ระยะเวลาในการงอก 2-3 เดือน (80วัน)


พีชปาล์ม/ Bactris gasipaes

[BAHK-triss] [gah-ZEE-pehz]


Picture---https://www.palmpedia.net/wiki/Bactris_gasipaes
ชื่อวิทยาศาสตร์---Bactris gasipaes Kunth.(1816)
ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:28453-2#synonyms
---Basionym: Guilielma gasipaes (Kunth) L.H.Bailey (1930)
ชื่อสามัญ---Peach Palm, Spiny-club palm, Pejibaye
ชื่ออื่น---พีชปาล์ม ;[BRAZIL: Pupunheira, Pupunha.];[BOLIVIA: Tembé.];[CHINESE: Tao zong.];[COLOMBIA-ECAUDOR: Chontaduro, Chantaduro.];[COSTA RICA-NICARAGUA: Chenga, Chicagai, Masato, Pejivalle, Pejibaye.];[DUTCH: Pejibaye, Perzikpalm.];[FRENCH: Coeur de palmier, Palmier de Pejibaye, Palmier pêche, Palmier parépou, Palepi, Péjibaie.];[GERMAN: Pfirsichpalme, Pfirsich-Palme.];[HUNGARIAN: Barackpálma.];[ITALIAN: Pijuayo, Pupunha.];[JAPANESE: Chontado-ūro.];[MALAYSIA: Pewa (Bahasa Melayu).];[PANAMA: Pixbae.];[PERU: Sara-Pifuayo, Pisho-Guayo, Chonta dura, Ruru, Pijuayo.];[POLISH: Palma brzoskwiniowa.];[PORTUGUESE: Pupunheira, Pupunha, Pupunha-verde-amarela, Papunha.];[SPANISH: Cachipay, Chonta, Palma pejibaye, Pijibay, Pupuña, Tembe.];[TRINIDAD-TOBACO: Ppewa.];[VENEZUELA: Bobi, Guachipaes, Cachiopaes, Piriguao, Pixabay, Rancanilla.];[VIETNAMESE: Cachipay (Tiếng Việt).].
ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE)
EPPO Code---BCTGA (Preferred name: Bactris gasipaes.)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---โบลิเวีย, บราซิล, โคลัมเบีย, คอสตาริกา, เอกวาดอร์, ฮอนดูรัส, นิการากัว, ปานามา, เปรู และเวเนซุเอลา
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Bactris' มาจากภาษากรีก 'bactron' = ไม้เท้า หมายถึงการใช้ลำต้นบางชนิดในสกุล ; ชื่อสายพันธุ์ 'gasipaes' มาจากชื่อสามัญที่ตั้งให้กับต้นปาล์มนี้ในบราซิล
Bactris gasipaes เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยCarl Sigismund Kunth (1788–1850) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2359
Includes 2 Accepted Infraspecifics ;-
- Bactris gasipaes var. chichagui (H.Karst.) A.J.Hend.(2000)
- Bactris gasipaes var. gasipaes

Picture---Mindo, Ecuador. Photo by Jake Kloepfer. https://www.palmpedia.net/wiki/Bactris_gasipaes
ที่อยู่อาศัย--- พบได้ในอเมริกากลางในที่ราบลุ่มแปซิฟิกของโคลอมเบียและเอกวาดอร์ในเวเนซูเอลาและในพื้นที่ของป่าอะเมซอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณเชิงเขาด้านตะวันออกของเทือกเขาแอนดี พืชถูกพบในระบบนิเวศทางธรรมชาติ มีอยู่มากมายในสภาพป่า ตามแนวแม่น้ำ ในพื้นที่ขนาดใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอเมริกา ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของประเทศนั้นๆเติบโตในพื้นที่ลุ่มที่ระดับความสูงต่ำกว่า 800 เมตร
ลักษณะ--- เป็นปาล์มแตกกอ บางครั้งเป็นต้นเดี่ยว สูง 5-15 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 10-30 ซม.มี 2 พันธุ์ คือพันธุ์ไม่มีหนามและพันธุ์มีหนามซึ่งพันธุ์มีหนามจะมีหนามแหลมสีดำยาวประมาณ 5 ซม.ที่เกิดขึ้นเป็นวงรอบลำต้นและก้านใบ มี 10-30 ใบ ใบรูปขนนก (pinnate) ทางใบยาว 4.5 เมตร บนก้านใบมีหนาม ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (Infrafoliar) ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียสีเหลืองในช่อดอกเดียวกัน ยกเว้นส่วนปลายเพียงไม่กี่นิ้วที่มีดอกเพศผู้เท่านั้น ออกผลเป็นพวง 5-15 ผลต่อลำต้น (อาจมากถึง 25 ผล) ผลมีเนื้อ (Drupe) รูปกลมรีขนาด 5-6 ซม.อาจมีสีแดงเหลืองหรือส้มเมื่อผลสุก เป็นผลปาล์มชนิดหนึ่งที่มีเนื้อกินได้ มีเมล็ดเดียว เมล็ดยาว 1-3 ซม. เอนโดสเปิร์มเป็นเนื้อเดียวกัน
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ตำแหน่งแสงแดดจัด 80-100% (แสงแดดโดยตรง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) แสงแดดรำไรหรือร่มเงาบางส่วน  (แสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 4 ชั่วโมงต่อเนื่อง) อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 30-32°C และต่ำสุดเฉลี่ย 21-24°C (USDA Zones 11-12) ดินชื้นระบายน้ำได้ดี  ค่า pH ในช่วง 5 - 6.5 ทน 4 - 7.5 อุณหภูมิเฉลี่ย18- 24 °C อัตราการเจริญเติบโต 1.5-2 เมตร/ปี เป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุยืนยาว อายุที่ให้ผลผลิต เฉลี่ย 50 ถึง 75 ปี  การบำรุงรักษา ต่ำ
การรดน้ำ---ต้องการน้ำมาก ชอบความชื้นเพียงพอ สามารถทนต่อน้ำท่วมชั่วคราวหรือระดับน้ำที่ขึ้นลงได้ ทนต่อความแห้งแล้งเป็นครั้งคราวหากไม่ยืดเยื้อ
การตัดแต่งกิ่ง---นำใบแห้งออก
การใส่ปุ๋ย---ต้องการอาหารปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบรวมถึงสารอาหารขนาดเล็กและธาตุอาหารรองทั้งหมด
ศัตรูพืช/โรคพืช---แมลงศัตรูพืชได้แก่ไรและแมลงเกล็ด (Scale insects)/ เชื้อรา Phytophthora water molds รบกวนลำต้น เชื้อราจำพวก Pestalotiopsis, Mycosphaerella รบกวนใบ
รู้จักอ้นตราย---ปาล์มมีหนามแหลมคม ใช้ความระมัดระวังในการจัดการ


Picture 1---https://www.palmpedia.net/wiki/Bactris_gasipaes
Picture 2---https://www.palmpedia.net/wiki/Bactris_gasipaes
ใช้ประโยชน์ ---เป็นหนึ่งในต้นปาล์มที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของอเมริกาใต้และเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เพาะปลูกกันมากที่สุดตั้งแต่ยุค Pre-Columbian
ใช้กิน--- ตายอดหรือหัวใจปาล์มดิบกินเป็นผักหรือปรุงสุก เสิร์ฟในสลัดหรือปรุงด้วยไข่และผักในหม้อปรุงอาหาร เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวอินเดียนแดง
- ดอกไม้ปรุงสุก เป็นส่วนผสมสำหรับเครื่องปรุง
- ผลสุกกินได้ มีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนสูงมาก ผลไม้สุกจะปอกเปลือกและคว้านออกพร้อมรับประทานเป็นของว่างหรือกับกาแฟในมื้อเช้า ผลไม้ที่ปรุงแล้วยังสามารถตากแห้งและบด และทำเป็นแป้งสีส้มที่ใช้สำหรับอบอาหารแบบดั้งเดิม หรือในทางตะวันตกเฉียงเหนือของบราซิล นำไปหมักเป็นเครื่องดื่มรสอร่อยที่เรียกว่า caissuma
- ผลไม้มีฤทธิ์กัดกร่อนตามธรรมชาติ ผลดิบต้องปรุงสุกเสมอจึงจะรับประทานได้ ต้องต้มในน้ำเกลือเป็นเวลา 30-60 นาทีเนื่องจากมีแคลเซียมออกซาเลตและสารยับยั้งทริปซิน (สารที่ทำให้ย่อยอาหารได้ยาก)   
- ผลไม้มีคุณค่าทางโภชนาการเป็นแหล่งพลังงานที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและน้ำมัน เยื่อผลไม้ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นทั้งหมดและเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพเยี่ยม เนื้อผลไม้อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ถือได้ว่าเป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด มีปริมาณโปรตีนมากกว่ากล้วยเป็นสองเท่า คุณค่าทางโภชนาการ ผลไม้ Pejibaye เฉลี่ย 1 ผลมี 1,096 แคลอรี่
- เมล็ดสุกกินได้เหมือนเกาลัดแต่แข็งและย่อยยาก เมล็ดดิบทำให้สุกเพื่อเพิ่มรสชาดเครื่องดื่ม
ใช้เป็นยา--- น้ำมันจากเมล็ดใช้ถูเพื่อบรรเทาอาการปวดข้อ รูมาติก
ใช้ปลูกประดับ---เป็นปาล์มจัดสวนที่ยอดเยี่ยม
อื่น ๆ--- เนื้อไม้ แข็งและแข็งแรงเป็นพิเศษมีประโยชน์หลายอย่าง เป็นวัสดุที่ทนทานสำหรับทำคันธนู ลูกศร คันเบ็ดตกปลา ฉมวกและงานแกะสลัก และนำไปใช้ในการก่อสร้าง ชาว Amerindians ใช้ไม้สำหรับปูพื้นและตกแต่งผนังบ้าน
- ใบให้สีย้อมสีเขียวสำหรับย้อมผ้าสี ใบใช้มุงหลังคาและวัสดุตะกร้า ทุกส่วนของพืช รวมทั้งส่วนของใบและลำต้นผลิตเส้นใยที่มีคุณค่าสำหรับการผลิตกระดาษ เซลลูโลสอาจถูกผลิตสำหรับกระดาษแก้วและเรยอน
- หนามของปาล์มถูกนำมาใช้ในการสักลาย
- ผลปาล์มลูกพีช นิยมใช้เป็นอาหารสัตว์ ด้วยเส้นใยที่ต่ำและมีปริมาณแป้งสูงจึงสามารถทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในส่วนผสมอาหารสัตว์ได้ สามารถนำไปใช้เป็นอาหารปลาไก่และหมูและสร้างบล็อกโภชนาการที่หลากหลายสำหรับวัว แพะและแกะ
- เมล็ดนั้นอุดมไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัวและสามารถนำไปผลิตเครื่องสำอางและสบู่ได้
ระยะเวลาออกดอก---เกิดขึ้นปีละ 2ครั้ง                                                                            
ขยายพันธุ์---ด้วยการเพาะเมล็ด เมล็ดสดงอกง่าย ใช้เวลาในการงอก 2 เดือนขึ้นไป หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เมล็ดพันธุ์จะมีอายุการเก็บรักษาไม่นาน
- ด้วยการแยกหน่อ จากต้นที่โตเต็มที่หลังจากที่มีลำต้น 4 ต้น หน่อควรมีราก มีเส้นผ่านศูนย์กลางฐานหน่อ 7-8 ซม.และสูง1-1.5เมตร


อ้างอิง, แหล่งที่มา
ข้อมูลในเว็บไซต์นี้ได้รวบรวมจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น
---หนังสือพรรณไม้ในสวนหลวง ร.๙ เล่ม1,เล่ม 2,เล่ม 3 2554 .                                                                                                     ---หนังสือ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม1,เล่ม2,เล่ม3, เล่ม4 2548
---หนังสือ ต้นไม้เมืองเหนือ คู่มือศึกษาต้นไม้ยืนต้น ในป่าภาคเหนือ ประเทศไทยโดย ไซมอน การ์ดเนอร์,พินดา สิทธิสุนธร,วิไลวรรณ อนุสารสุนทร หอพรรณไม้ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2549
---ไม้ต้นในสวน Trees in the Gardenโดย องค์การสวนพฤกษศาสตร์ สำนักนายกรัฐมนตรี The Botanical Garden Organization Office of the Prime Minister พิมพ์ครั้งที่1 พฤษภาคม 2542 จัดพิมพ์โดย มูลนิธิ ศาสตราจารย์ ดร.สง่า สรรพศรี
---คู่มือดูพรรณไม้ป่าสะแกราช เล่ม1, เล่ม2 โดย ดร. ปิยะ เฉลิมกลิ่น,จิรพันธ์ ศรีทองกุล,อนันต์ พิริยะภัทรกิจ
---หนังสือ พรรณไม้วงศ์กระดังงา ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น ภาพ: อภิชัย อิงควุฒิ                                                      
---อ้างอิง,ภาพประกอบการศึกษา-หนังสือป่าเชายเลน นิเวศวิทยาและพรรณไม้ โดย สรายุทธ บุญยะเวชชีวิน (ผู้แต่งและภาพ) รุ่งสุริยา บัวสาลี พิมพ์ครั้งที่1 เมษายน 2554
---หนังสือ ดอกไม้ และประวัติไม้ดอกเมืองไทย จาก ชุดธรรมชาติศึกษา โดย วิชัย อภัยสุวรรณ 2532
---ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์  BGO Plant Databases, The Botanical Garden Organization http://www.qsbg.org/database/
---สำนักงานหอพรรณไม้. (2557). ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันท์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2557. กรุงเทพฯ: สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช http://www.dnp.go.th/botany/mplant/index.aspx
---The International Plant Names Index and World Checklist of Selected Plant Families 2017. Published on the Internet at http://www.ipni.org and http://apps.kew.org/wcsp/
---The Plant List (TPL) was a working list of all known plant species  http://www.theplantlist.org/
---Useful Tropical Plants. http://tropical.theferns.info/viewtropical.                       
---India Biodiversity Portal. http://indiabiodiversity.org/species/show/                    
---Plants of the World Online Kew Science.www.plantsoftheworldonline.org/taxon/urn:lsid:ipni.org
---GBIF.the Global Biodiversity Information Facility.https://www.gbif.org/species/
---PALMS & CYCADS https://www.llifle.com/Encyclopedia/PALMS_AND_CYCADS/
---IUCN. Red List of Threatened Species.https://www.iucnredlist.org/
---https://www.nparks.gov.sg/florafaunaweb/who-we-are
---http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx?wordsnamesci=Winitia0cauliflora0(Scheff.)0Chaowasku
---http://www.asianplant.net/Annonaceae/Stelechocarpus_cauliflorus.htm
---http://khaophrathaew.org/Biodiversity_Flora2.htm
---https://whatflower.net/about/
---IPNI , 2003, ดัชนีชื่อพืชสากล. ฐานข้อมูลออนไลน์ < http://www.ipni.org/ >
---https://gd.eppo.int/search
---http://www.worldfloraonline.org
---https://llifle.com/Encyclopedia/PALMS_AND_CYCADS/Family/Arecaceae/
---https://www.cabidigitallibrary.org/
REFERENCES ---General Bibliography
REFERENCES ---Specific & complementary

Check for more information on the species:         

---Plants Database    Names, synonymy and distribution    The Garden.org Plants Database    https://garden.org/plants/
---Global Plant Initiative    Digitized type specimens, descriptions and use    หอพรรณไม้ - กรมอุทยานแห่งชาติ    www.dnp.go.th/botany/Herbarium/GPI.html
---Tropicos    Nomenclature, literature, distribution and collections    Tropicos - Home    www.tropicos.org/
---GBIF    Global Biodiversity Information Facility    Free and open access to biodiversity data    https://www.gbif.org/
---IPNI    International Plant Names Index    The International Plant Names Index - home page    http://www.ipni.org                                                                                                                                                     ---EOL    Descriptions, photos, distribution and literature    Global access to knowledge about life on Earth    Encyclopedia of Life eol.org/
---PROTA       Uses    The Plant Resources of Tropical Africa  
---Prelude    Medicinal uses    Prelude Medicinal Plants Database    http://www.africamuseum.be/collections/external/prelude
รวบรวมและเรียบเรียงโดย Tipvipa..V
บริษัท สวนสวรส การ์เด้น ดีไซน์ จำกัด
สวนเทวา  เชียงใหม่
www.suansavarose.com
www.suan-theva.com.

10/9/2008

update 31/7/2021, 1/6/2022, 2/6/2023

ความคิดเห็น

  1. 1
    popsnkrsreps
    popsnkrsreps trenpy@gmail.com 24/05/2023 15:57

    High quality Fake Across the Spider-Verse x Air Jordan 1 "Next Chapter" reimagined take on the sneaker icon features a white leather upper with black patent leather on the collar and Swoosh. Scarlet overlays are composed of a patchwork mix of different textures and prints




  2. 2
    SEO
    SEO 21/02/2022 15:42
    This was really an interesting topic and I kinda agree with what you have mentioned here! komplety push-up
  3. 3
    koli
    koli 13/02/2022 18:46

    very interesting post.this is my first time visit here.i found so mmany interesting stuff in your blog especially its discussion..thanks for the post! soap2day

  4. 4
    Sei
    Sei 09/02/2022 19:51

    I am very happy to discover your post as it will become on top in my collection of favorite blogs to visit. massage therapist singapore massage

  5. 5
    robert cat
    robert cat 07/02/2022 18:56

    New web site is looking good. Thanks for the great effort. Radio Uno Medellin

  6. 6
    SEO
    SEO 06/02/2022 21:27

    I wanted to thank you for this great read!! I definitely enjoying every little bit of it I have you bookmarked to check out new stuff you post. wavy bar chocolate mushroom

  7. 7
    robert cat
    robert cat 05/02/2022 14:04
    Great post but I was wondering if you could write a little more on this subject? I’d be very thankful if you could elaborate a little bit further. Thanks in advance! um curso em milagres videos
  8. 8
    Andi
    Andi 03/02/2022 15:07

    The website is looking bit flashy and it catches the visitors eyes. Design is pretty simple and a good user friendly interface. ไฮโลออนไลน์พื้นบ้าน

  9. 9
    SEO
    SEO 01/02/2022 15:21

    I think this is an informative post and it is very useful and knowledgeable. therefore, I would like to thank you for the efforts you have made in writing this article. Write for Us Technology

  10. 10
    Andi
    Andi 01/02/2022 03:27

    You make so many great points here that I read your article a couple of times. Your views are in accordance with my own for the most part. This is great content for your readers. ZAHTJEVA ZA VIZU ZA AMERIKU

  11. 11
    Alox
    Alox 29/01/2022 21:43

    Thanks for the blog filled with so many information. Stopping by your blog helped me to get what I was looking for. Now my task has become as easy as ABC. ucem um curso em milagres youtube

  12. 12
    Polo
    Polo 28/01/2022 04:23

    Your work is truly appreciated round the clock and the globe. It is incredibly a comprehensive and helpful blog. upload file

  13. 13
    Loper
    Loper 27/01/2022 02:35

    Whenever I have some free time, I visit blogs to get some useful info. Today, I found your blog with the help of Google. Believe me; I found it one of the most informative blog. acim teacher

  14. 14
    Andi
    Andi rultifepse@vusra.com 25/01/2022 03:30
    Wow, What a Excellent post. I really found this to much informatics. It is what i was searching for.I would like to suggest you that please keep sharing such type of info.Thanks essen in baden baden

แสดงความคิดเห็น

* *

 

*

  Copyright 2005-2009 suansavarose All rights reserved.
view