สมาชิก




ลืมรหัสผ่าน
สมัครสมาชิก
 

เมนู

หน้าแรก

รวมรูปภาพ

เว็บบอร์ด

สนทนาคนรักต้นไม้

 

บทความ

หิน-หินเทียม

สารพัดต้นไม้จัดสวน

ไม้ประดับเพื่อการจัดสวน

ปลูกต้นไม้มงคล

เกี่ยวกับเรา

สวนสไตล์ต่างๆ

ต้นไม้ประจำจังหวัด ภูมิสัญญลักษณ์ของเมือง

มหัศจรรย์โลกพฤกษา

ว่าด้วยเรื่อง.....ดิน....และ..ปุ๋ย

พืชจัดสวนมีพิษที่ควรระมัดระวัง

เปลี่ยนสวนเก่าให้เป็นสวนใหม่

จัดสวนพื้นที่ขนาดใหญ่

จัดสวนด้วยตัวเอง

ชื่อนั้นสำคัญไฉน

การทำบ่อเลี้ยงปลา และระบบกรองรักษาคุณภาพน้ำอย่างง่าย

มุมสวนสวยสำหรับคุณ

ในนี้มีอะไรเยอะแยะ

 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/02/2008
ปรับปรุง 30/05/2023
สถิติผู้เข้าชม 13,647,497
Page Views 19,667,991
 
« May 2023»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031   

หญ้า

หญ้า

หญ้า-(ต่อจากวัชพืช)

117 หญ้าแฝก/Chrysopogon zizanioides 135 หญ้ากุศลา/Panicum cambogiense
118 หญ้าเม็กซิกัน/Pennisetum setaceum
136 หญ้าไข่เหาหลวง/Panicum  notatum.
119 หญ้าน้ำพุ/Pennisetum setaceum 137 หญ้าแพรก/Cynodon dactylon
120 หญ้าแห้วหมู/Cyperus rotundus 138 กกดอกแบน/Cyperus compressus
121 หญ้าคา/Imperata cylindrica 139 กกทราย/-Cyperus iria
122 หญ้าดอกแดง/Melinis repens 140 ธูปฤๅษี/ Typha angustifolia
123 หญ้าปากควาย/Dactyloctenium aegyptium 141 หนวดปลาดุก/Fimbristylis polytrichoides
124 หญ้าเจ้าชู้/Chrysopogon aciculatus 142 หญ้าชันกาด/Panicum repens
125 หญ้าไซ/Leersia hexandra 143 หญ้าขน/Brachiaria mutica
126 หญ้ายอนหู/Leptochloa chinensis 144 หญ้าเลา/Neyraudia reynaudiana
127 หญ้าตีนกา/Eleusine indica 145 หญ้ากระดูกไก่/Ischaemum rugosum
128 หญ้าตีนนก/Digitaria ciliaris 146 หญ้ากับแก/Paspalum longifolium
129 หญ้ารังนก/Chloris barbata 147 หญ้าผักไก่/Brachiaria reptans
130 หญ้าข้าวนก/Echinochloa colona 148 หญ้าโขย่ง/M.laevis var. cochinchinensis
131 หญ้าพุ่มพวง/Echinochloa crus-galli 149 หญ้าพง หญ้าปง/ Sorghum halepense
132 หญ้าบุ้ง/Cenchrus echinatus 150 หญ้าขจรจบดอกเล็ก/P. polystachion
133 หญ้าบุ้ง/Cenchrus brownii  151 ขจรจบดอกใหญ่/ P. pedicellatum
134 หญ้าดอกห่าง/Setaria flavidum  152 หญ้าขจรจบดอกเหลือง/P. setosum

EPPO code---รหัส EPPO คือ รหัสคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นสำหรับพืช แมลงศัตรูพืช (รวมถึงเชื้อโรค) ซึ่งมีความสำคัญในการเกษตรและการปกป้องพืช รหัส EPPO เป็นระบบการเข้ารหัสที่กลมกลืนกันซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดการชื่อพืชและศัตรูพืชในฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบไอที
EPPO (2021) EPPO Global Database (พร้อมใช้งานออนไลน์) https://gd.eppo.in

117 หญ้าแฝก/Chrysopogon zizanioides


ชื่อวิทยาศาสตร์---Chrysopogon zizanioides (L.) Roberty.(1960)
ชื่อพ้อง---Has 22 Synonyms.
---Basionym: Phalaris zizanioides L.(1771).
---Andropogon zizanioides (L.) Urb.(1903)
---Vetiveria zizanioides (L.) Nash.(1903)
---More.See all The Plant List http://www.theplantlist.net/tpl/record/kew-405169
ชื่อสามัญ---False beardgrass, Vetiver grass, Sevendara grass, Cuscus grass, Khus-khus grass
ชื่ออื่น---แกงหอม, แคมหอม (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), แฝก, หญ้าแฝกหอม (ทั่วไป); [CHINESE: Xiang gen cao.];[FRENCH: Chiendent odorant, Vétiver.];[GERMAN: Vetivergras.];[HAITI: Herbe vétivert.];[INDIA: Garara; Khas khas.];[INDONESIA: Akar wangi, Larasetu, Usar.];[JAMAICA: Khus khus.];[JAPANESE: Kasukasugaya.];[KANNADA: Vettiveeru, Laamanche, Kaadu.];[MALAYALAM: Ramaccham, Ramachehamver Vettiveru.];[MALAYSIA: Akar wangi, Kusu-kusu, Nara wastu.];[PHILIPPINES: Amora, Anis de moroMóras, Móro (Tagalog).];[PORTUGUESE: Capim-de-cheiro, Capim-sândalo, Capim-vetiver, Patchuli, Patchuli-falso, Vetiver.];[PUERTO RICO: Baúl de pobre, Pachulí.];[SANSKRIT: Abhaya, Amrinata.];[SPANISH: Raíz de móras, Zacate violeta.];[SWEDISH: Vetivergräs.];[TAMIL: Ilamichamver, Vettiver.];[TELUGU: Avurugaddiveru, Kuruveeru.];[THAI: Kaeng hom, Khaem hom (Northeastern); Faek, Yaa faekhom, Yaa-faeklum (General).];[TONGA: Ahi siaina.];[VIETNAM: Hương bài, Cò hương bài.].
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
EPPO Code---VEIZI (Preferred name: Chrysopogon zizanioides.)
ถิ่นกำเนิด ---ทวีปเอเซีย
เขตการกระจายพันธุ์---อินเดีย, ปากีสถาน, ศรีลังกา, พม่า, ไทย, เวียดนาม,  กัมพูชา,  ลาว,  ฟิลิปปินส์, ชวา, สุมาตรา, หมู่เกาะอันดามัน, ซุนดาน้อย, บอร์เนียว
Chrysopogon zizanioides เป็นสายพันธุ์พืชใบเลี้ยงเดี่ยววงศ์หญ้า (Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carolus Linnaeus (1707–1778)นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยGuy Édouard Roberty (1907–1971)นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2503


ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในเอเชียเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน รวมถึงอินเดีย กัมพูชา ปากีสถาน ศรีลังกา เมียนมาร์ ไทย และเวียดนาม ได้รับการแนะนำอย่างกว้างขวางและพบได้ในธรรมชาติและในการเพาะปลูกทั่วเอเชีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและใต้ แคริบเบียน ออสเตรเลีย และภูมิภาคแปซิฟิก สามารถพบได้ในป่าฝน ที่ราบน้ำท่วมถึง หนองน้ำ และริมฝั่งลำธารและแม่น้ำ ทะเลทราย ในเขตหนาวของเชิงเขาหิมาลัย และในบริเวณชายฝั่งที่โดนละอองเกลือที่ระดับความสูงถึง 2,500 เมตร
ลักษณะ พืชที่มีระบบรากลึกและแผ่กระจายลงไปในดินตรงๆ มีอายุหลายปี ขึ้นเป็นกอแน่น มีใบเป็นรูปขอบขนานแคบปลายสอบแหลม หญ้าแฝก (Vetiveria ssp.) มีอยู่ในโลกประมาณ 11 ชนิด ในประเทศไทยนักพฤกษศาสตร์ได้ตรวจสอบพบว่ามีอยู่เพียง 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ หญ้าแฝกหอม และหญ้าแฝกดอน ในธรรมชาติพบว่าหญ้าทั้งสองชนิดมีการกระจายทั่วไป ขึ้นได้ดีในสภาพพื้นที่ทั้งที่ลุ่มและที่ดอน ในดินสภาพต่าง ๆ จากความสูงใกล้ระดับน้ำทะเล จนถึงระดับประมาณ 800 เมตร
-หญ้าแฝกดอน (Vetiveria nemoralis A. Camus) รากไม่มีกลิ่น ใบโค้งงอ สูงประมาณ 100-150 ซม.
-หญ้าแฝกหอม (Vetiveria zizanioides Nash) มีรากที่มีกลิ่นหอม ใบยาวตั้งตรง สูงประมาณ 150-200 ซม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่ ดินมีความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับปลูกในดินหลากหลายชนิด เช่น ดินเหนียว ดินร่วนปนทราย และทรายที่ไม่ดี โดยมีค่า pH อยู่ระหว่าง 3.3-12.5 นอกจากนี้ยังเติบโตในดินที่มีแมกนีเซียมและอลูมิเนียมสูง ทนต่อความแห้งแล้ง น้ำค้างแข็ง ความเค็ม และน้ำท่วมขังเป็นครั้งคราว แต่ไม่ทนต่อสภาพที่มีร่มเงา นอกจากนี้พืชชนิดนี้เป็นพืชที่มีความทนทานต่อโลหะหนักในดิน เช่น สารหนู แคดเมียม โครเมียม นิกเกิล ตะกั่ว ปรอท ซีลีเนียม สังกะสี แมงกานีสและอลูมิเนียมและเป็นที่รู้กันว่าเติบโตในแร่บอกไซต์ซึ่งเป็นพิษต่อพืชหลอดเลือดเกือบทุกชนิด นอกจากนี้ยังสามารถเติบโตในดินที่มีการหกของเชื้อเพลิง
โรคพืช/ศัตรูพืช---ใบไหม้ใบจุดเกิดจากCurvularia trifolii, Curvularia lunata [ Cochliobolus lunatus ] Curvularia maculans [Pseudocochliobolus eragrostidis] และHelminthosporiumเอสพีพีได้รับการรายงานในซีแฝกหอม เชื้อรา Fusarium spp ยังได้รับรายงาน ตัวอ่อนของผีเสื้อกลางคืน Chilo กินลำต้นและใบ ( De Guzman and Oyen, 1999 )
การใช้ประโยชน์--- หญ้าแฝกเป็นแหล่งของน้ำมันหอมระเหยที่มีคุณค่าซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกในเชิงพาณิชย์ ในบรรดาการใช้งานอื่น ๆ มันให้วัสดุสำหรับมุงมีการใช้ยาจำนวนมากและได้รับการปลูกฝังเพื่อปกป้องดินจากการกัดเซาะ
-ใช้กิน น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากรากนั้นใช้เป็นเครื่องปรุงในเชอร์เบท ขนม น้ำเชื่อม เครื่องดื่ม ถูกใช้ในอาหารกระป๋องบางชนิดเช่นหน่อไม้ฝรั่งและถั่วเพื่อเสริมสร้างกลิ่นและรสชาติตามธรรมชาติ
-ใช้เป็นยา น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากรากนั้นใช้เป็นยาขับลม ขับปัสสาวะ ยาชูกำลัง เครื่องดื่มกระตุ้นที่ทำจากเหง้าสด -พืชที่ใช้เป็นยาแก้พยาธิ-น้ำมันหอมระเหยคุณภาพสูงที่เรียกว่า 'น้ำมันหญ้าแฝก' ได้มาจากราก ถูกนำมาใช้ในการผลิตน้ำหอมครีมและสบู่ มันใช้สำหรับคุณสมบัติเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อในการรักษาสิวและแผล
-วนเกษตร การปลูกหญ้าแฝกส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นในเรื่องของการอนุรักษ์ดินและน้ำ ลดการชะล้างพังทลายของดิน กักตะกอนดินในพื้นที่ลาดชัน และฟื้นฟูทรัพยากรดิน ซึ่งช่วยให้ดินมีศักยภาพในการให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น การปลูกหญ้าแฝกในพื้นที่ดินเสื่อมโทรม หรือพื้นที่ดินมีปัญหา จึงมีส่วนช่วยฟื้นฟู และปรับปรุงดินให้มีสภาพดีขึ้น เนื่องจากผลของอินทรียวัตถุที่เพิ่มขึ้น และกิจกรรมของจุลินทรีย์บริเวณรากหญ้าแฝก รวมทั้งการมีความชื้นที่ยาวนานขึ้น
-อื่น ๆ น้ำมันหอมระเหยและรากมีคุณสมบัติในการฆ่าแมลงและขับไล่แมลง ลำต้นและใบเก่าเป็นใบมุงจากที่ยอดเยี่ยมติดทนนานและสามารถนำไปแปรรูปเป็นเยื่อกระดาษหยาบได้
การขยายพันธุ์ --- สามารถขยายพันธุ์ที่ได้ผลรวดเร็ว โดยการแตกหน่อจากลำต้นใต้ดิน ในบางโอกาสสามารถแตกแขนงและรากออกในส่วนของก้านช่อดอกได้ เมื่อหญ้าแฝกโน้มลงดินทำให้มีการเจริญเติบโตเป็นกอหญ้าแฝกใหม่ได้

118 หญ้าเม็กซิกัน/Pennisetum setaceum Cv. Purpureum


ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Pennisetum setaceum ( Forssk. ) Chiov. 'Purpureum'
ชื่อพ้อง---Has 12 synonyms
ชื่อสามัญ---Fountain Grass, African Fountain Grass, Crimson fountaingrass, Tender Fountain Grass, Purple Fountain Grass, Black grass
ชื่ออื่น---หญ้าแดง, หญ้าน้ำพุ, หญ้าคอมมิวนิสต์; [AFRIKAANS: Pronkgras.];[CHINESE: Yǔróng láng wěi cǎo.];[ETHIOPIA: Alula.];[SOMALIA: Arabjeh.];[THAI: Yaa daeng, Yaa nam phu.];
EPPO Code--- PESSA (Preferred name: Cenchrus setaceus)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา  เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง
เขตการกระจายพันธุ์---ทั่วไปในเขตร้อน
ที่อยู่อาศัยมีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง มีการกระจายอย่างกว้างขวางในสภาพอากาศที่อบอุ่นและแห้งแล้ง มันเป็นที่แพร่หลายในหมู่เกาะฮาวาย (พบในเกาะคาไว, Lanai, Oahu, Kahoolawe, East Maui, เกาะฮาวาย) ในทวีปอเมริกา ในทวีปออสเตรเลียมีชื่ออยู่ในหลายภูมิภาคแต่แพร่หลายมากที่สุดในรัฐควีนส์แลนด์ นิวเซาธ์เวลส์และเวสเทิร์นออสเตรเลีย ได้รับการพิจารณาว่ารุกรานในนามิเบียและแอฟริกาใต้  ถูกบันทึกเป็นสายพันธุ์ที่รุกรานใน ซิซิลี ในยุโรป
ลักษณะ เป็นไม้ล้มลุกพุ่มกอแน่น  สูง -1.50 เมตร แผ่กว้าง ใบเดี่ยวรูปแถบ เรียวยาว 0.25-0.60 เมตร กว้าง 2-2.5 ซม. เรียงเวียนสลับ  มีขนสีขาวเล็ก ๆ ปกคลุมบนแผ่นใบ ปลายใบลู่ลงพื้น สีแดงเลือดหมู ช่อดอกสีแดงเรื่อออกที่ปลายยอดชูตั้งขึ้น ดอกไม้และเมล็ดเติบโตขึ้นเป็นทรงกระบอกหนาและมีความยาว 8-35 ซม. บนก้านดอกที่มีความสูง 1.2 เมตร อย่างไรก็ตามช่อดอกสามารถพัฒนาจากสีเขียวอ่อน เป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลอมเหลืองอ่อน (เมื่อแก่) มีร่องรอยสีชมพูน้อยหรือไม่มีเลย ช่อดอกที่แตกต่างกันเหล่านี้จะเห็นได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สภาพที่มีแดดจดหรือแห้ง
ข้อกำหนดสภาพแวดล้อม---ชอบพื้นที่ที่มีแดดจัดและดินที่มีการระบายน้ำดี แต่จะเติบโตในดินประเภทต่างๆตั้งแต่ดินเหนียวไปจนถึงทรายและสามารถคงอยู่ในที่ร่มได้
การใช้ประโยชน์-เป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยมจากวัชพืชสู่แลนด์สเคป มีสายพันธุ์นี้ Pennisetum setaceum" Rubrum " ที่ถูกค้นพบในเมือง Leola รัฐเพนซิลวาเนียในฤดูใบไม้ผลิของปี 2547 เป็น สิทธิบัตรของสหรัฐอเมริกา (หญ้าน้ำพุสีม่วง) ซึ่งสีจะเข้มกว่า การนำมาใช้จัดในสวนหินหรือสวนที่ไม่ต้องดูและรักษามากแต่ต้องหมั่นตัดแต่งช่อดอกและใบแห้งออกจากต้นอย่างสม่ำเสมอ  การทำอย่างนี้นอกจากต้นจะไม่โทรมแล้วจะป้องกันเรื่องดอกหญ้าที่แห้งปลิวไป ตามลมด้วย
-วนเกษตร ใช้ปลูกเป็นพืชคลุมดิน  ป้องกันการพังทลายของหน้าดินหรือการทำให้ทรายเสถียร  
ระยะออกดอก ---กรกฎาคม - ตุลาคม
ขยายพันธุ์ --- เมล็ด แยกกอ

119 หญ้าน้ำพุ/Pennisetum setaceum


ชื่อวิทยาศาสตร์---Pennisetum setaceum (Forssk.) Chiov.(1923)
ชื่อพ้อง---Has 18 Synonyms .See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-432944
ชื่อสามัญ---Green fountaingrass, Fountain Grass
ชื่ออื่น---หญ้าน้ำพุ, หญ้าคอมมิวนิสต์; [GERMAN: Afrikanisches Lampenputzergras, Einjähriges Lampenputzergras.];[ITALIAN: Penniseto allungato.]; [SOUTH AFRICA: Pronkgras.];[SPANISH: Plumacho; Rabo de gato; Yerba de fuente.];[SWEDISH: Fjäderborstgräs.];[THAI: Yaa nam phu.];[VIETNAM: Cỏ voi tím, Cỏ mỹ.].
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ในทวีปแอฟริกาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง
เขตการกระจายพันธุ์---ทั่วไปในเขตร้อน
Pennisetum setaceum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกตระกูลหญ้า (Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Peter Forsskål (1732– 1763) นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน ในปีพ.ศ.2318 ภายใต้การเรียกชื่อ Phalaris setacea และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Emilio Chiovenda (1871–1941)นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาเลี่ยนในปี พ.ศ.2469
ลักษณะเป็นหญ้ายืนต้นที่มีความสูงตั้งแต่ 0.9-1.2 เมตรแตกกอเหมือนน้ำพุ  ใบแคบ ยาว แบน โค้งหรือห้อย ยาวไม่เกิน 0.6 ม.เมตร สีเขียว ดอกสีขาวฟูนุ่มเริ่มต้นในฤดูร้อนและต่อเนื่องไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง ผลไม้แห้งมีสีม่วงและมีขนแปรงยาว
ใช้ประโยชน์---หญ้าน้ำพุ เป็นหญ้าอีกชนิดที่นำมาใช้ปลูกประดับสวน สไตล์โมเดิร์นและสวนอังกฤษ  
ระยะออกดอก --- เดือนกรกฎาคม -เดือนตุลาคม
การขยายพันธุ์ --- เมล็ด เหง้า แยกกอ เมล็ดสามารถอยู่ในดินได้นานถึง 10 ปีโดยไม่สูญเสียความสามารถในการงอก

150 หญ้าขจรจบดอกเล็ก/Pennisetum polystachion

 

ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Pennisetum polystachion (L.) Schult.(1824)
ชื่อพ้อง---Has 51 synonyms .See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-432885                ---Cenchrus polystachios (L.) Morrone
---Pennisetum atrichum Stapf & C. E. Hubb.
---Panicum polystachion L.---more
ชื่อสามัญ---Mission grass, Feather pennisetum, Thin napiergrass, West indies pearl-millet
ชื่ออื่น---หญ้าขจรจบ, หญ้าขจรจบดอกเล็ก, หญ้าขจรจบดอกเหลือง (ภาคกลาง), หญ้าคอมมิวนิสต์ ; [BRAZIL: Capim-avião, Capim-custodio, Capim-mandante, Capim-oferecido.];[CHINESE: Mu di lang wei cao.]; [FIJI: O tamata.];[FRENCH: Queue de chat, Herbe de mission.];[INDONESIA: Rumput ekor kucing.];[LAOS: Hnhaaz khachoon.];[MALAYSIA: Rumput ekor kucing, Rumput berus kucing.];[MALI: N'golo.];[MICRONESIA: Dipw rais, Mechen katu, Pwokso.];[PALAU: Desum.];[PHILIPPINES: Ikug-kuting (Tagalog).];[PORTUGUESE: Capim avião, Capim custódio.];[THAI: Ya-khachonchop, Ya kha chon chop dok lek, Ya kha chon chop dok lueang (Central).];[VIETNAM: Co' duôi voi nho'.].
EPPO code--- (Pennisetum polystachion)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---เขตร้อนของทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---เอเซีย ออสเตรเลีย อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ไมโครนีเซีย เมลานีเซีย โปลินีเซียและฮาวาย
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสายพันธุ์ 'polystachion' มาจากคำภาษากรีก=หลายคนและหูของข้าวโพดในการอ้างอิงถึง seedheads เหมือนเข็มมากมาย
Pennisetum polystachion เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยJosef August Schultes (1773–1831) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรียในปี พ.ศ.2367


ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในอินเดียและแอฟริกาเขตร้อน และได้แพร่กระจายไปยัง เอเชียเขตร้อน อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ออสเตรเลีย ไมโครนีเซีย เมลานีเซีย โปลินีเซียและฮาวาย เกิดขึ้นในไร่นาทุ่งหญ้า ภูเขาเขตร้อนและพื้นที่เพาะปลูก ในพื้นที่เกษตรกรรมและป่าที่ถูกรบกวนซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ราบต่ำ แต่ยังพบได้ในระดับความสูงถึง 2,400 เมตร ในประเทศไทย พบได้ตามริมทาง หรือในป่าหญ้า ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออกมักขึ้นปะปนกับหญ้าขจรจบดอกใหญ่
บทสรุปของการรุกราน เป็นผู้รุกรานตามธรรมชาติของพื้นดิน มักเกิดขึ้นในที่รกร้างในภูมิภาคพื้นเมืองในแอฟริกา มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในเอเชีย ออสเตรเลีย และอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ทั้งโดยเจตนาในฐานะพืชอาหารสัตว์ที่มีศักยภาพและโดยบังเอิญในพื้นที่เหล่านี้บางแห่ง มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในที่ที่มันถูกนำมาใช้มันมีแนวโน้มที่จะพัฒนาอย่างรวดเร็วและสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นวัชพืชพิษ นี่เป็นกรณีในสหรัฐอเมริกา ( USDA, 2009 ), ในออสเตรเลีย, ฟิจิและไทย ( Parsons et al., 2001 ) มันก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ในดินแดนทางเหนือของออสเตรเลียซึ่งมันเพิ่มปริมาณของวัสดุไวไฟในระบบนิเวศป่าสะวันนาที่นำไปสู่การทำลายล้างจากไฟป่า
ลักษณะ เป็นไม้ล้มลุกจำพวกหญ้า อายุปีเดียวหรือหลายปี มีระบบรากที่กว้างขวางและเป็นเส้น ๆ ที่ความลึก 1 เมตร ต้นสูง ประมาณ1.5-2 เมตร ขึ้นเป็นกอ โตเร็ว ใบเป็นรูปแถบยาวประมาณ10-35ซม. ช่อดอก ออกตามซอกใบและปลายกิ่ง เป็นแท่งทรงกระบอกเรียว ยาวประมาณ 12-18 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1ซม.กิ่งก้านของดอกนั้นสั้นมาก มีก้านที่หุ้มแน่นและแน่นหนาทำให้ช่อดอกมีลักษณะคล้ายเข็ม สีของช่อดอกเป็นสีแปรผันตั้งแต่สีขาวสีเหลืองหรือสีน้ำตาลอ่อนถึงสีชมพูหรือสีม่วง เมล็ดสีเหลืองน้ำตาลยาว3-5มม.ล้อมรอบด้วยขนแปรง
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ชอบพื้นที่ที่มีแดดจัดเจริญเติบโตได้ดีในสภาวะที่ยากลำบาก ชอบปริมาณน้ำฝนสูง แต่ทนต่อความแห้งแล้งในระยะสั้น ขึ้นได้ในดินหลากหลายชนิด ตั้งแต่ดินทรายเบาจนถึงดินเหนียวเปียกน้ำ ต้องการ pH ในช่วง 5 - 6.5 ซึ่งทนได้ 4.4 - 8.5 สามารถเติบโตได้ภายใต้ร่มเงา 80% และบนดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ในประเทศไทยการเติบโตเกือบปกติภายใต้แสงเต็มเพียง 40% แต่ลดลงอย่างรุนแรงที่แสงเต็มเพียง 10%
การใช้ประโยชน์--- ใช้เป็นยา พืชถูกใช้ในไนจีเรียเป็นวิธีดั้งเดิมในการป้องกันการตกเลือด แต่ Odeh et al (2004)ไม่สามารถยืนยันได้ว่าสารสกัดจาก ethanolic มีคุณสมบัตินี้อย่างแน่นอน
-วนเกษตร สามารถทนต่อไฟได้ ใช้สำหรับการควบคุมการกัดเซาะบนเนินเขา บนพื้นที่ลาดชัน รักษาเสถียรภาพของดินซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ย
-ใช้เป็นพืชอาหารสัตว์ในเอเชียและอเมริกาใต้ ในอินเดียคุณค่าทางโภชนาการของมันได้รับการศึกษาอย่างละเอียดในรูปแบบ monocrop หรือใช้ร่วมกับพืชตระกูลถั่ว เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ ในด้านการผลิตและความทนทาน ในแอฟริกามันอาจไม่ได้ถูกนำมาปลูกอย่างจงใจ แต่หมายถึงวัชพืชในฤดูใบไม้ร่วงถูกใช้เป็นอาหารสัตว์เช่นเดียวกับในเบนิน
-อื่น ๆ ต้นแห้งสามารถใช้สำหรับการผลิตกระดาษได้
ขยายพันธุ์--- แยกกอ, เมล็ด  ผลิตเมล็ดพันธุ์ที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งกระจายไปตามลมและน้ำ และโดยการยึดติดกับสัตว์ เสื้อผ้า และยานพาหนะ มันอาจแพร่กระจายเป็นสารปนเปื้อนในหญ้าแห้งและผลผลิตทางการเกษตร

151 ขจรจบดอกใหญ่/ Pennisetum pedicellatum

 

ชื่อวิทยาศาสตร์ --- Pennisetum pedicellatum Trin.(1834)
ชื่อพ้อง ---  Has 17 synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-432860
---Cenchrus pedicellatus (Trin.) Morrone (2010)
ชื่อสามัญ ---Nigeria grass, Desho grass, Feather pennisetum, Annual kyasuwa grass,  Kyasuwa grass, Hairy fountain grass, Perennial Dinanath, Deenanathgrass, Kyasumagrass, Kyasuma-Grass.
ชื่ออื่น---หญ้าขจรจบดอกใหญ่, หญ้าขจรจบดอกแดงใหญ่, หญ้าขจรจบปุยมาก, หญ้าคอมมิวนิสต์ (ภาคกลาง) ;[AFRIKAANS: Kyasawa (Hausa).];[AUSTRALIA: Dryland napier grass.];[INDIA: Deenanath Grass, Deenabandhu grass.];[MALAYALAM: Poochavalanpullu ,Oolappullu.];[MAURITIANA: Bare.];[NIGERIA: Kyasuwa Grass, Nigeria grass.];[PORTUGUESE: Falso-capim-custódio.];[THAI: Ya kha chon chop dok yai, Ya kha chon chop dok dok daeng yai, Ya kha chon chop pui mak, Ya com mu nis (Central).].
EPPO Code--- PESPE (Preferred name: Pennisetum pedicellatum)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด--- ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนเหนือออสเตรเลีย
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลมาจากภาษาละติน 'pinna' หมายถึง ขนนก และ  'seta' หมายถึงขนแข็ง อ้างอิงถึงเหมือนขนแปรงของหลายสายพันธุ์ของพืชสกุลนี้
Pennisetum pedicellatum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยCarl Bernhard von Trinius(1778–1844)แพทย์และเจ้าหน้าที่ของรัสเซียที่เกิดในเยอรมนีในปี พ.ศ.2377
ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาตะวันตกบนที่ราบสูงชื้นของเอธิโอเปีย มันถูกค้นพบว่าเป็นสายพันธุ์ในปี 1991 ในเขต เฉินชา        ( Chencha) ของภาคใต้ของเอธิโอเปีย เป็นที่รู้จักครั้งแรกในอินเดีย แพร่กระจายไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลียตอนเหนือ สามารถเติบโตได้ทุกที่ จากระดับน้ำทะเลถึง 1,500 (-1,700 )เมตร
บทสรุปของการรุกราน มันได้รับการแนะนำอย่างกว้างขวางในหลายทศวรรษก่อนหน้านี้ว่าเป็นหญ้าอาหารสัตว์ที่มีศักยภาพ แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและควบคุมได้ยาก เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อการเกษตร มันถูกพิจารณาว่าเป็นวัชพืชที่มีพิษในหลายประเทศ (แอฟริกาตะวันตก, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย)
ในประเทศไทยพบเป็นวัชพืชทั่วไปในที่ดอน เช่น ไหล่ทาง ทุ่งหญ้า พื้นที่รกร้าง ที่ไม่ได้ทำการเกษตรโดยเฉพาะในภาคเหนือ เป็นวัชพืชในพืชไร่ และพืชปลูกอายุมากกว่า 1 ปี เช่น อ้อย มันสำปะหลัง สับปะรด ทุเรียน มะม่วง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน เป็นต้น พบทั่วไปในทุกภาคของประเทศ
ลักษณะ หญ้าขจรจบดอกใหญ่เป็นหญ้ายืนต้นอายุหลายฤดู มีระบบรากขนาดใหญ่ที่ยึดกับดิน ลำต้นตั้งตรง มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร หรือมากกว่า ลำต้นเป็นข้อปล้อง แตกแขนงบริเวณโคนต้น ใบรูปใบหอกเชิงเส้น ออกเรียงสลับ กาบใบสีเขียวอ่อนหุ้มรอบลำต้น แผ่นใบกว้างประมาณ 1-1.5 ซ.ม. ความยาวประมาณ 15-25 ซ.ม.ใบเรียวยาว ปลายแหลม แผ่นใบมีขนปกคลุมทั้งด้านบน และด้านล่างช่อดอกหนาทึบทรงกระบอก สีชมพูถึงสีม่วง ออกตามข้อ และปลายยอด เป็นช่อยาวประมาณ 10-15 ซ.ม. มีดอกย่อยจำนวนมาก ดอกแก่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน
ข้อกำหนดสภาพแวดล้อม---ชอบพื้นที่ที่มีแดดจัดมันเจริญเติบโตได้ในดินหลากหลายชนิด (รวมถึงดินที่เป็นทรายหรือเหล็กที่เสื่อมโทรม)ทนต่อความเป็นกรด หรือเป็นต่างของดิน หากดินมีการระบายน้ำดี ไวต่อน้ำขัง ทนทานต่อสภาพแห้งแล้ง  
การใช้ประโยชน์---วนเกษตรใช้ฟื้นฟูและรักษาเสถียรภาพของดิน ในอินเดียPennisetum pedicellatum ใช้เป็นสารปรับสภาพดิน
-ใช้เป็นอาหารสัตว์ ถูกนำมาใช้เป็นพืชอาหารสัตว์ในหมู่เกาะอันดามัน ประเทศอินเดีย
ระยะออกดอก/ติดผล---กันยายน-ธันวาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด แยกกอ

152 หญ้าขจรจบดอกเหลือง/Pennisetum setosum

 

ชื่อวิทยาศาสตร์ --- Pennisetum setosum (Sw.) Rich.(1805)
ชื่อพ้อง---This name is a synonym of Pennisetum polystachion (L.) Schult..
ชื่อสามัญ---The West Indies pennisetum
ชื่ออื่น---หญ้าขจรจบดอกเหลือง, หญ้าคอมมิวนิสต์; [CHINESE: Shānyě láng wěi cǎo, Mù dì láng wěi cǎo.];[JAPANESE: Chikarashiba.];[PORTUGUESE: Capim-custodio, Capim-mandante (Brazil).];[SPANISH: Pennisetum silvestre, Pennisetum de pastos.];[THAI: Ya kha chon chop dok lueang, Ya com mu nis (Central).].
EPPO code---PESSE (Preferred name: Pennisetum setosum)
ชื่อวงศ์  ---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---เขตร้อนของทวีปอเมริกา แอฟริกา เอเชีย
เขตกระจายพันธุ์---ไต้หวัน ฟิจิ อินเดีย ไทย
Pennisetum setosum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Olof Peter Swartz (1760–1818) นักพฤกษศาสตร์นักชีววิทยาและนักอนุกรมวิธานชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยLouis Claude Richard (1754-1821) นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศษในปี พ.ศ.2348
ที่อยู่อาศัย มีความไม่แน่นอนบางช่วงพื้นเมืองเดิมของ P.polystachion หลายแหล่งสันนิษฐานว่ากระจายตามธรรมชาติในเอเชียรวมถึงแอฟริกา และอาจรวมถึงอเมริกาใต้ พบในป่าผลัดใบชื้นและสถานที่เสียที่เสื่อมโทรม ที่ระดับความสูง 0-2400 เมตร ในประเทศไทยพบแพร่ระบาดในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป พบมากในสวนยาง และที่รกร้างข้างทาง ต้นหญ้าขจรจบดอกเหลืองมักเกิดขึ้นทีหลังหญ้าขจรจบดอกใหญ่และขจรจบดอกเล็ก
ลักษณะ เป็นหญ้าอายุข้ามปี(มากกว่า 1 ปี) ลำต้นเติบโตเป็นเหง้าบนดินการแตกกอสูง มีลำต้นสูง 1-2 เมตร ช่อดอกมีขนาดยาว15-25ซม. มีอายุหลายฤดู สีของดอกมักจะมีช่อดอกสีเหลืองเป็นสีน้ำตาลและดอกใหญ่ เมล็ด สีเหลืองน้ำตาลยาว 3-5 มม. ล้อมรอบด้วยขนแปรง
ข้อกำหนดสภาพแวดล้อม---ชอบพื้นที่ที่มีแดดจัดมันเจริญเติบโตได้ในดินหลากหลายชนิด(รวมถึงดินที่เป็นทรายหรือเหล็กที่เสื่อมโทรม)ทนต่อความเป็นกรด หรือเป็นต่างของดิน หากดินมีการระบายน้ำดี ไวต่อน้ำขัง ทนทานต่อสภาพแห้งแล้ง  
การใช้ประโยชน์---วนเกษตรใช้ฟื้นฟูและรักษาเสถียรภาพของดิน
อื่น ๆมีการส่งเสริมการปลูกเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระดาษ (ในประเทศไทยที่โรงงานกระดาษบางปะอิน)
ระยะออกดอก/ติดผล--- มกราคม-ตุลาคม/เมษายน - ธันวาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด

120 หญ้าแห้วหมู/Cyperus rotundus

     

ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Cyperus rotundus L.(1753).
ชื่อพ้อง ---Has 62 Synonyms. See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-238342
ชื่อสามัญ ---Nut Grass, Nut sedge, Coco-grass, Java grass, Purple nut sedge, Red nut sedge.
ชื่ออื่น---แห้วหมู, หญ้าขนหมู ;[ASSAMESE: Moth, Kecha-bon, Ari-khata, Mutha-bon.];[AYURVEDA: Mustaka.];[BANGLADESH: Motha.];[BRAZIL: Alho, Alho-bravo, Capim-alho, Capim-dandá.];[CAMBODIA: Smao kravanh chrouk.];[CAMEROON: Smao kravanh chrouk.];[CHINESE: Suo Cao, Xiang fu zi.];[COLOMBIA: Cortadera.];[CUBA: Ajo cimarron, Basarillo, Caramana, Cebolleta.];[CZECH: Sáchor hlíznatý.];[EGYPT: Seid.];[FIJI: Soronakabani, Vucesa.];[FRENCH: Herbe à oignon, Souchet arrondi, Souchet d'Asie, Souchet officinal, Souchet rond, Souchet à tubercules, Souchet an forme d'olive.];[GERMAN: Apotheker-Cypergras, Asiatisches-Cypergras, Knollige Zyperbinse, Runde-Cypergras, Runde-Zyperwurzel.];[GREECE: Kupere.];[HAWAI: Kili 'o'opu, Mau'u mokae.];[HINDI: Bara nagar motha, Motha.];[INDIA: Deela, Gantola, Korai, Nagar motha.];[INDONESIA: Teki (general); Mota (Madura), Karelawai (Sumba).];[IRAQ: Oyarslan.];[ITALIANO: Cipero orientale, Cipero rotondo, Stancia rotonda.];[JAMAICA: Nut-grass.];[JAPANESE: Hamasuge.];[KENYA: Moikut.];[MALAYSIA: Rumput haliya hitan.];[MEXICO: Cebollin, Pimientillo.];[MYANMAR: Monhnyin-bin.];[PAKISTAN: Notha.];[PHILIPPINES: Mutha (Tagalog), Ahos-ahos (Bisaya), Boto-botones (Bikol); Balisanga, Mala-apulid, Sur-sur.];[PORTUGUESE: Alho-bravo, Capim-alho, Capim-dandá, Junca de conta, Tiririca, Tiririca-vermelha.];[SAMOA: Mumuta.];[SOUTH AFRICA: Rooiuintjie, Uintjie.];[SPANISH: Spanish, Castanuela, Cebolleta, Chufa, Chufila, Chufa purpúrea, Cipero, Contra yerba, Corocilla, Cortadera, Juncia real, Totorilla.];[SRI LANKA: Kalanthi.];[SURINAME: Adroe.];[TAIWAN: Hsiang-fu-tzu.];[THAI: Haew moo, Ya-haew-mu, Ya khon mu.];[TONGA: Pakopako.];[TURKISH: Topalak,].
EPPO Code---CYPRO (Preferred name: Cyperus rotundus.)
ชื่อวงศ์---CYPERACEAE
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา ยุโรป เอเซีย
เขตการกระจายพันธุ์ ---ทั่วโลกทั้งเขตร้อนและเขตอบอุ่น
Cyperus rotundus เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์กก (Cyperaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนในปี พ.ศ.2296


ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ ตอนกลางของยุโรป และเอเซีย สามารถพบได้ในที่อยู่อาศัยที่หลากหลายรวมถึงเขตเพาะปลูก พื้นที่ทิ้งขยะ ริมถนน ทุ่งหญ้า สันทราย ช่องทางชลประทาน แม่น้ำและลำธารและพื้นที่ธรรมชาติ ในประเทศไทยพบได้ทั่วประเทศ ที่ระดับความสูง 0-1100 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล พบขึ้นตามข้างทาง ทุ่งนา ที่รกร้างและสนามหญ้า
บทสรุปของการบุกรุก---มักเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เติบโตออกดอกออกผลได้หลายครั้ง เป็นวัชพืชที่กำจัดยากมาก เนื่องจากมีหัวอยู่ใต้ดินและทนทานต่อสารกำจัดวัชพืช ไม่สามารถกำจัดได้โดยใช้หญ้าคลุม เกิดการแพร่ระบาดการเติบโตอย่างรวดเร็วและร้ายกาจและความทนทานต่อสารกำจัดวัชพืช จนเรียกได้ว่าเป็นวัชพืชที่เลวร้ายที่สุดชนิดหนึ่งของโลก "the world's worst weed" มันอยู่ภายใต้การควบคุมตามกฎหมายในหลายประเทศ
ลักษณะ เป็นไม้ล้มลุกอยู่ในจำพวก กก อายุหลายปี  มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ แห้วหมูใหญ่และแห้วหมูเล็ก ซึ่งมีความแตกต่างกันในเรื่องของความสูงของลำต้น แห้วหมูจะมีลำต้นสูงอยู่ประมาณ 20-40 ซม. ทั้ง2ชนิดจะมีลำต้นอยู่ใต้ดินที่สามารถแพร่ขยายได้เป็นเส้นยาว ที่ปลายสุดมีหัวรูปกลมรีแข็งสีดำ เป็นหัวคล้ายแห้วไทยยาว 1-2 ซม. เมื่อโตเต็มที่ แตกแขนงลำต้นเป็นเส้นเหนียวแข็ง อยู่ใต้ดินและงอกเป็นหัวใหม่ได้ ใบเดี่ยวจำนวนมากแทงออกจากหัว  รูปรีแกมขอบขนาน เล็กยาวเรียว ปลายแหลมทู่ กลางใบเป็นสันร่อง ผิวใบเกลี้ยงสีเขียวเข้ม โคนใบออกสีแดงเรื่อๆ ดอกช่อคล้ายดอกหญ้าสีน้ำตาลแดง  ดอกออกเป็นช่อเชิงลด มี 3-8 ช่อย่อยต่อช่อ ดอกย่อยค่อนข้างแบน ไม่มีก้าน จัดเรียงตัวเป็นช่อรูปไข่ ขึ้นจากกลางต้น ช่อหนึ่งมีใบประดับรองรับช่อดอก2-4ใบกางออกอยู่ฐานช่อดอก ดอกย่อยไม่มีก้าน ผล รูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายแหลมสีน้ำตาลหรือดำ หน้าตัดเป็นรูปสามเหลี่ยม
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ตำแหน่งที่มีแดดไม่ทนต่อร่มเงา ชอบขึ้นในที่มีความชื้นสูง ชื้นแฉะ แต่ไม่ท่วมขัง สามารถทนน้ำขังหากไม่ท่วมยอดได้ ต้องการ pH ในช่วง 5.5 - 7 ทนได้ 3.5 - 8
ใช้ประโยชน์---พืชที่เก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นส่วนใหญ่เป็นยา สำหรับอาหาร น้ำมันหอมระเหยและเครื่องจักสาน บางครั้งมันก็ถูกปลูกฝังให้กินหัวในเขตร้อน
-ใช้กิน หัว - ดิบหรือปรุงสุก รากแห้งสามารถบดเป็นผงและใช้เป็นซีเรียล
-ใช้เป็นยา เป็นสมุนไพรที่มีรสขมหวานฉุนช่วยบรรเทาอาการกระตุกและเจ็บปวดโดยทำหน้าที่หลักในระบบย่อยอาหารและมดลูก รากและหัวเป็นยาแก้ปวด, ต้านเชื้อแบคทีเรีย,  ไอ, ขับลม, ยาขับปัสสาวะ, ยากล่อมประสาท, ผิว, กระตุ้น, กระเพาะอาหาร, ยาชูกำลังและยาบำรุง น้ำมันหอมระเหยในหัวมีฤทธิ์ยาปฏิชีวนะยับยั้งการเติบโตของ Micrococcus pyrogenes-พืชที่ใช้ในการรักษามะเร็งปากมดลูก-; เป็นยาที่สำคัญในอินเดียและจีน และสังเกตว่าบริษัทยาใช้ในการผลิตยาขับปัสสาวะ ยาขับพยาธิ และยารักษาอาการไอ โรคหอบหืด และไข้ -; จัดอยู่ในอันดับที่ 8 จากจำนวน 250 ที่มีศักยภาพในการต่อต้านการเกิดโรคในประเทศจีน
-อื่น ๆ ใบถูกนำมาใช้ในเครื่องจักสานและสำหรับหมวก ทอผ้าปู ฯลฯ -รากอะโรมาติกใช้สำหรับทำน้ำหอมในอินเดีย รากแห้งบดเป็นผงละเอียดจะใช้เหมือนแป้งฝุ่น นอกจากนี้หัวยังใช้เป็นยาขับไล่แมลงและใส่ในตู้เสื้อผ้า
ขยายพันธุ์ --- โดยใช้หัวหรือลำต้นใต้ดิน (เหง้า) หน่อใหม่จะเติบโตและให้ดอกภายใน 3-8 สัปดาห์หลังจากงอก

121 หญ้าคา/Imperata cylindrica

 

ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Imperata cylindrica (L.) Raeusch.(1797)
ชื่อพ้อง ---Has 63 synonyms    
---Imperata arundinacea Cirillo.(1792)
---Lagurus cylindricus L.(1759)
---Saccharum cylindricum (L.) Lam.(1785.)- See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-439898
ชื่อสามัญ---Cogongrass, Alang-Alang, Imperata, Blady grass, Silver spikegrass
ชื่ออื่น---หญ้าหลวง หญ้าคา (ทั่วไป),สาแล (มลายู-ยะลา-ตานี),คา แฝกคา ลาแล; [ARABIC: Halfa.];[ALBANIA: Imperata cilindrike, Imperatë.];[AUSTRALIA: Bladygrass.];[CAMBODIA: Sbauv.];[CHINESE: Mao Ken, Da bai mao, Bai mao gen.];[CROATIA: Valjkasta zupčica.];[FIJI: Gi, Ngi.];[FRENCH: Herbe a paillote, Imperata cylindrique, Lalang.];[GERMAN: Alang-alang gras, Silberhaargras.];[HEBREW: Mishyan gelilani.];[HINDI: Dabh, Darbha, Ulu.];[INDONESIA: Alang-alang, Eurih.];[IRAN: Santintail.];[IRAQ: Cylindrical ha.];[ITALIAN: Codino bianco, Falasco bianco.];[JAPANESE: Chigaya, Fushige chigaya.];[KENYA: Nyeki.];[LAOS: Nha kha.];[MADAGASCAR: Manevika, Tena.];[MALAYSIA: Alang-alang, Elalangi, Lalang.];[MALAYALAM: Darbha, Darbhappullu.];[MYANMAR: Kyet-mei, Thetke.];[NEW ZEALAND: Imperata.];[PHILIPPINES: Kogon (Tag.), Panaw, Pan-au (Ilk.), Parang (Sulu).];[PORTUGUESE: Caniço-branco, Imperata, Sape.];[SAMOA: Mumuta.];[SANSKRIT: Balbajamu, Darbha, Darbhah, Dharbai.];[SPANISH: Carrizo, Capim sape macho, Carrizo, Cisca, Hierba, Cogón, Marciega, Xisca, Carrizo marciego, Yahape.];[SRI LANKA: Darbai-pul, Iluk, Inanka-pilu.];[SOUTH AFRICA: Mohlorumo, Um tente.];[TAIWAN: Bái-máu.];[THAI:  Sa lae, La lang, Ya kha.];[TURKISH: Uslu şekerkamışı.];[VIETNAM: Co tranh, Cogranh.];[ZIMBABWE: Ibamba, Luwamba, Silenge, Silverspike.].
EPPO Code--- IMPCY (Preferred name: Imperata cylindrica)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกาและทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์---เอเชียเขตร้อนและแอฟริกาไปยังออสเตรเลียและโพลินีเซีย  
Imperata cylindrica เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยErnst Adolf Raeuschel (1740–1800)นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2340


 

ที่อยู่อาศัย วัชพืชที่พบได้ทั่วไปในเขตอบอุ่นของเขตร้อนของโลก ในตะวันออกของแอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบได้ ในเขตร้อนทั่วโลก ที่อยู่อาศัยเปิดโล่งโดยปกติจะอยู่ริมแม่น้ำหรือชายฝั่งทะเลในยุโรป ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลถึงประมาณ 2,700 เมตร
บทสรุปการรุกราน---เป็นหนึ่งในวัชพืชที่มีอิทธิพลและโดดเด่นที่สุดในด้านการเกษตร และนอกภาคเกษตร ผลิตเมล็ดที่อุดมสมบูรณ์เมื่อแยกออกจากก้านเมล็ดจะถูกลมพัดพาในระยะทางไกลและยากที่จะกำจัดเพราะเหง้าถาวร อีกทั้งยังเป็นวัชพืชที่แก่งแย่งธาตุอาหารและน้ำกับพืชที่ปลูก และยังปลดปล่อยสารธรรมชาติบางชนิดที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของพืชชนิดอื่น ๆ ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นวัชพืชที่เลวร้ายที่สุดอันดับเจ็ดของโลก
ในประเทศไทยพบทั่วไปตามแปลงปลูกพืชที่รกร้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ถางป่าเพื่อทำไร่และทิ้งไป หรือไร่เลื่อนลอย เป็นวัชพืชร้ายแรงในไม้ผล ชา กาแฟ ปาล์มน้ำมัน และไร่ที่เปิดใหม่
ลักษณะ เป็นวัชพืชใบแคบ อายุหลายปี มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ลำต้นสูงประมาณ 0.40-1.2 เมตร ใบรูปใบหอกแคบยาว 20 - 50 ซม กว้าง 5 - 9 มม ปลายใบแหลมถึงเรียวแหลม ผิวใบเรียบหรือมีขนเล็กน้อยที่บริเวณใกล้ฐานใบ ขอบใบคมคายมือ ช่อดอกเป็นแท่งกลมยาว10-20 ซม.มีขนฟูสีขาวเงินยวงหรือสีครีม ดอกติดเป็นคู่ ก้านดอกยาวไม่เท่ากัน ดอกรูปร่างคล้ายใบหอก เมล็ดแคบยาว   สีน้ำตาล
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม--- ตำแหน่งที่แดดจัดหรือร่มเงาบางส่วน ขึ้นได้ดีในดินทั่วไป ชอบ pH ในช่วง 4.5 - 6 ซึ่งทนได้ 4 - 7.5 ทนทานต่อความแห้งแล้งทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -14°C
การใช้ประโยชน์---ใช้กิน ช่อดอกอ่อนและยอดอ่อน ปรุงสุก ราก - เป็นเส้น ๆมีแป้งและน้ำตาลรสหวานพอใช้ ในออสเตรเลียรสจะหวานที่สุดในฤดูฝน และรสชาดเลวร้ายที่สุดจากพืชที่ปลูกในทราย-เถ้าของพืชถูกใช้แทนเกลือ
-ใช้เป็นยา ยาต้มจากรากใช้เป็นยาแก้พยาธิและเพื่อรักษาความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร เช่นอาหารไม่ย่อยท้องเสียและโรคบิด รากเป็นยาสมานแผล ห้ามเลือด ขับปัสสาวะ, ทำให้ผิวนวล, มันถูกใช้ในการรักษาเลือดออกจมูก, อาการบวมน้ำและดีซ่าน -; ในเวียดนามใช้รากสดเป็นยาขับปัสสาวะ -ในยาจีนใช้เป็นยาขับปัสสาวะและต้านการอักเสบ นอกจากนี้ยังใช้ในการรักษาโรคโลหิตจางและ.ใช้เป็นยาแก้ไข้ -; ในยูกันดามีการเคี้ยวใบไม้สดหรือยาต้มดื่มวันละสามครั้งเพื่อรักษาหนอนในลำไส้ -ใบใช้สำหรับนิ่วในไต สารสกัดจากพืชได้แสดงฤทธิ์ฆ่าเชื้อและต้านมะเร็ง
-วนเกษตร สามารถปลูกบนดินทรายเพื่อป้องกันการกัดเซาะรักษาเสถียรของพื้นที่ลาดชัน
-ใช้ปลูกประดับ ใช้เป็นไม้ประดับมีหญ้าคาพันธุ์สีแดงที่นำมาปลูกเป็นไม้ประดับเรียกว่า Japaneese bloodgrass หรือ Red Baron
-ใช้อื่น ๆ ใบทอเพื่อทำเสื่อ กระเป๋า ช่อดอกสำหรับบรรจุหมอนและหมอนอิง ลำต้นถูกใช้มุงหลังคา เส้นใยที่ได้จากใบถูกนำมาใช้ในการทำกระดาษ
ระยะออกดอก/ติดผล--- มีนาคม - กรกฎาคม
ขยายพันธุ์----ด้วยเมล็ดและเหง้า

122 หญ้าดอกแดง/Melinis repens


ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Melinis repens (Willd.) Zizka.(1988.)
ชื่อพ้อง --- Has 4 Synonyms. See all https://species.wikimedia.org/wiki/Melinis_repens
---Basionym: Saccharum repens Willd.(1797)
---Erianthus repens (Willd.) P.Beauv.(1812.)
---Rhynchelythrum repens (Willd.) C.E.Hubb.(1934.)
---Tricholaena repens (Willd.) Hitchc.(1936.)
ชื่อสามัญ ---Natal Grass, Natal Redtop, Rose Natal grass, Ruby grass, Blanketgrass, Holme's grass
ชื่ออื่น ---หญ้าดอกแดง, หญ้าดอกชมพู ; [ANGORA: Kulimgunbe, Kulungumbe.];[BRAZIL: Capim favorito.];[CHINESE: Hong mao cao.];[CUBA: Barba de indio, Hierba de natal.];[FIJI: Tthongithongi.];[FRENCH: Fleur-la-misère, Herbe du natal, Herbe pappangue, Herbe rose, Tit fleur, Tricholène.];[GERMAN: Haarmantelgras, Natalgras.];[MALAYALAM: Thoovalpullu.];[MOZAMBIQUE: Kulimgunbe, Kulungumbe.];[NAMIBIA: Mbwawa, Mupengo.];[PORTUGUESE: Capim-do-natal, Capim-gafanhoto, Capim-natal, Capim favorito.];[SOUTH AFRICA: Natal rooipluim, Natalse Rooipluim, Mokxola, Thimbukushu.];[SPANISH: Cola de zorra, Grama seda, Hierba de linea, Paja rosada, Pasto natal, Yerba de natal, Zacate rosado.];[THAI: Ya dok daeng, Ya dok chom phoo.];[TONGA: Salapona.].
EPPO Code: RHYRE (Preferred name: Melinis repens)
ชื่อวงศ์  ---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด --- ทวีปแอฟริกา
เขตการกระจายพันธุ์ ---กระจายไปยังทวีปต่างๆ รวมทวีปอเมริกาเหนือและออสเตรเลีย
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Melinis เป็นภาษากรีก = ลูกเดือย ; ชื่อสายพันธุ์ 'Repens' มาจากภาษาละติน = หมายถึงการคืบคลาน อ้างอิงถึงนิสัยการคืบคลาน
Melinis repens เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า (Poaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Ludwig Willdenow ( 1765–1812 ) นักพฤกษศาสตร์และเภสัชกรชาวเยอรมันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Georg Zizka (born 1955) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2531


ที่อยู่อาศัย ถิ่นกำเนิดแอฟริกาใต้ และ มีการกระจายพันธุ์ไปทั่วแอฟริกาคาบสมุทรอาหรับ อินเดีย เกาะเซเชลส์ และหมู่เกาะคะเนรี มันเกิดขึ้นในพื้นที่ขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่ถูกรบกวนภายในช่วงกำเนิด เป็นพืชรุกรานในเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา (แคลิฟอร์เนียฟลอริดาและฮาวาย) ออสเตรเลีย (นิวเซาธ์เวลส์ควีนส์แลนด์และออสเตรเลียตะวันตก) โดมินิกัน และเฟรนช์โปลินีเซีย พบมากในที่แห้งตามริมถนน, ทางรถไฟ, สวนสาธารณะ,สถานที่ที่ถูกรบกวน ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ และสวนพืชผลในภูมิภาคเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนในประเทศไทย พบในพื้นที่รกร้างและพื้นที่เกษตรกรรม แพร่กระจายในสวนสับปะรด และบริเวณปลูกพืชอื่นๆ
บทสรุปของการรุกราน มีการแพร่กระจายอย่างกว้างขวางในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนเนื่องจากใช้เป็นหญ้าในทุ่งหญ้าและไม้ประดับเป็นเวลานาน แม้ว่าจะถือว่าเป็นวัชพืชในหลายประเทศ แต่ปัจจุบันยังไม่มีการควบคุม ลมกระจายเมล็ดในพื้นที่และการแพร่กระจายทางไกลเกิดขึ้นผ่านการค้าพืชและเมล็ด ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่รบกวนเช่นริมถนนและทางรถไฟ แต่สามารถแพร่กระจายไปยังพื้นที่ธรรมชาติที่รบกวนกระบวนการสืบเนื่องในช่วงต้น ส่วนใหญ่ถือว่ารุกรานในทุ่งหญ้าและพุ่มไม้ตามธรรมชาติ โฮล์มและคณะ(1979) ระบุว่าเป็นวัชพืชที่ 'ร้ายแรง' ในออสเตรเลีย บราซิล และกานา และเป็นวัชพืช 'หลัก' ในมาเลเซียและแซมเบีย
ลักษณะ ลำต้นตั้งตรงสูง 80-115 ซม.หากดินแน่น ต้นจะเตี้ย ลำต้นมีขนปกคลุม ข้อมีปุยสีน้ำตาลแดง ใบเรียวไปที่ปลายใบยาว 5-30 ซม. กว้าง 2-10 มม.  ใบนุ่ม หน้าใบและหลังใบไม่มีขน กาบใบและลำต้นมีขนยาวปกคลุม รอยต่อใบและกาบใบ ลักษณะเป็นแผงขน ออกดอกที่ตาข้างและที่ยอด ช่อดอกยาว  5-20 ซม..ดอกมีปุยขนยาวสีขาวแกมแดงถึงม่วงแดงหุ้มอยู่จำนวนมาก เมื่อช่อดอกแก่สีจะจางลงเป็นสีขาวและชมพู เมล็ดรูปไข่แบนสีน้ำตาลอ่อน ขนาด ยาวประมาณ 1.3 มม.
ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม---พืชต้องการที่จะเติบโตในดินที่มีค่า pH เป็นกลาง 6 - 8 อุณหภูมิสูงกว่า 20 ° C และความชื้นในดินเพียงพอสำหรับการงอกของเมล็ด พืชไม่ทนต่อร่มเงา
ศัตรูพืช/โรคพืช---มักเป็นพืชอาศัยสำหรับตั๊กแตนฟลอริดาตอนใต้ ( Achurum carinatum brevipenne ) ( Bland, 2012 ). มีรายงานว่าถูกโจมตีโดยตัวอ่อนของAtherigona orientalisในปารากวัย ( FAO, 1972 ) และที่อื่นๆ ถูกกินโดยเพลี้ยแป้งหญ้า Rhodes ( Antoninis graminis ) ( Filho and Silva, 1988 ) ในภูมิภาคพื้นเมืองของแอฟริกาใต้ ประชากรสามารถลดลงได้โดยหนูเจอร์บิล ( Tatera brantii ) ( Korn and Korn, 1989 ).
การใช้ประโยชน์--- ใช้ เป็นอาหารสัตว์ โค กระบือ โดยปล่อยสัตว์แทะเล็มตามธรรมชาติ
-วนเกษตร เพื่อรักษาเสถียรภาพของดินและครอบคลุมพื้นที่ที่ถูกรบกวนที่เหมืองตะกั่วและสังกะสีในแซมเบีย ถือเป็นวัชพืชที่มีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคการจัดการทรัพยากร
-ใช้ปลูกประดับนำมาปลูกเป็นไม้ประดับคลุมดินเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดินได้ดี
ระยะออกดอก --- ช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม
ขยายพันธุ์ --- เมล็ด

123 หญ้าปากควาย/Dactyloctenium aegyptium


ชื่อวิทยาศาสตร์---Dactyloctenium aegyptium (L.) Willd.(1809.)
ชื่อพ้อง---Has 44 Synonyms
---Dactyloctenium aegyptiacum Willd.(1809.)
---Dactyloctenium aegyptium var. mucronatum (Michx.) Schweinf.(1894.)
---(more).See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-406842
ชื่อสามัญ---Egyptian crowfoot grass, Durban Crowfoot, Beach wiregrass, Crowfoot grass, Egyptian Finger Grass, Egyptian Crab grass
ชื่ออื่น---หญ้าสายน้ำผึ้ง, หญ้าปากควาย; [AFRIKAANS: Abudati, Cincere ba.];[ARABIC: Na'eem el-saleeb.];[BOLIVIA: Hierba de Egipto.];[BRAZIL: Calandrini, Capim-calandrini, Capim-egípcio, Capim-mimoso-do-piauí.];[BURMESE: Didok-chi, Myet-le-gra, Mye-sa myet.];[CHINESE: Long zhao mao.];[EGYPT: Naim el salib, Rigel el herbaya.];[FRENCH: Chiendent patte-de-poule.];[GERMAN: Agyptisches Gras, Krähenfußgras.];[HINDI: Kuri, Makara.];[INDONESIA: Tapak jalak (Sundanese), Suket dringoan (Javanese), Rebha kartuut (Madura).];[ITALIAN: Gramigna egiziana.];[JAPANESE: Tatsunotsumegaya.];[KANNADA: Kaadu raagi hullu.];[MALAYSIA: Rumput miuyak.];[MALAYALAM: Kakkakalan pullu ,Kavarapullu.];[MYANMAR: Didok chio, Myet-le-gra.];[PHILIPPINES: Damung-balang, Krus-krusan, Alam (Tag.).];[PORTUGUESE: Capim-pé-de-galinha, Capim-pé-de-galinha-verdadeiro, Capim-pé-de-papagaio, Estrela, Grama de dedo Egípcia, Grama egípcia, Mão de sapo, Pé-de-galo, Três dedos.];[SRILANKA: Puta tana.];[SOUTH AFRICA: Gewone hoenderspoor, Hoenderspoorgras, Natalweek.];[SPANISH: Estrella del mar, Grama egipcia, Zacate egipcio, Pata de gallo, Zacate pata de ganzo];[SUDAN: Tapik djalak, Um assabia.];[SWEDISH: Knapphirs, Knappgräs.];[TAIWAN: Ai-ji-jr-shu-tsau.];[TAMIL: Ka-kka-kalpul, Makaraa, Makari, Timidaa.];[THAI: Ya-pakkhwai (central).];[TURKISH: Yıldızçimi.];[USA/Hawaii: Beach wiregrass.];[VIETNAM: Cỏ chân vịt, Cỏ chân gà.].
EPPO Code--- DTTAE (Preferred name: Dactyloctenium aegyptium)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตการกระจายพันธุ์---อเมริกากลาง, ตอนเหนือของอเมริกาใต้, แอฟริกา, เมดิเตอร์เรเนียน, คาบสมุทรอาหรับ, อินเดีย, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย
Dactyloctenium aegyptiumเป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนในปี พ.ศ.  และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยCarl Ludwig Willdenow ( 1765–1812 ) นักพฤกษศาสตร์และเภสัชกรชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2352


ที่อยู่อาศัย พบได้ทั่วไปใน เมดิเตอร์เรเนียนตอนใต้และตะวันออก, เอเชียตะวันตก (อาหรับถึงปากีสถาน), เทือกเขาหิมาลัย, อินเดีย, ศรีลังกา, บังคลาเทศ, อินโดจีน, มาเลเซีย, จีน (รวมถึงไต้หวัน), แอฟริกา (ตลอด), มาดากัสการ์, นิวกินี เปิดตัวในบางประเทศในยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกา (ส่วนใหญ่ทางใต้และตะวันออก) เม็กซิโก อเมริกากลาง แคริบเบียน อเมริกาใต้(ยกเว้นโซนใต้) ออสเตรเลีย (ตะวันตก เหนือ ควีนส์แลนด์)เติบโตในทุ่งหญ้า ป่าเปิดโล่ง ริมถนน พื้นที่ที่ถูกรบกวนบนดินที่มีพื้นผิวอ่อน ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,100 เมตร ในประเทศไทยพบทุกภาค มักขึ้นตามที่โล่งแจ้ง หรือมีร่มเงาบางส่วน ดินที่มีการระบายน้ำได้ดี เช่น ดินทราย พบที่ระดับความสูง 50-650 เมตร เป็นวัชพืชในพืชไร่ พืชผัก พืชผลยืนต้น และพื้นที่ที่ไม่ได้ทำการเกษตร เช่นที่รกร้างว่างเปล่า สนามหญ้า ไหล่ทาง
บทสรุปของการรุกราน เป็นองค์ประกอบทั่วไปของดอกไม้วัชพืชทั่วเขตร้อน แต่ไม่ค่อยได้รับรายงานว่าเป็นวัชพืชที่ก้าวร้าวด้วยตัวมันเอง ไม่อยู่ในรายการวัชพืชที่เป็นพิษของรัฐบาลกลางหรือของรัฐในสหรัฐอเมริกาและไม่ได้บันทึกในฐานข้อมูล ISSG แต่ได้รับการบันทึกโดยPIER (2016)ว่ามีการบุกรุกบนเกาะแปซิฟิกและอเมริกาจำนวนหนึ่งรวมถึงหมู่เกาะเฟรนช์โปลินีเซีย ไมโครนีเซีย หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา และฮาวาย นอกจากนี้ยังระบุว่าเป็นการบุกรุกบนเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก คอสตาริกา เปอร์โตริโก หมู่เกาะเวอร์จิน และเลสเซอร์แอนทิลลิส ( Vibrans, 2009 ;Florida Exotic Pest Plant Council, 2011 ; ชากอนและซาโบริโอ, 2012 ; Burg และคณะ, 2012 ; Rojas-Sandoval และ Acevedo-Rodríguez, 2015 ; เดซี่, 2016 ; USDA-NRCS, 2016 )
ลักษณะ เป็นวัชพืชใบแคบอายุหลายปีลำต้นมักแตกใหม่จากข้อที่ติดอยู่กับพื้นดินและมีราก ใบรูปหอก ยาว6-8ซม.ปลายแหลม มีขนเห็นชัด ช่อดอกมีลักษณะเฉพาะ (digitate inflorescence-'ตีนนก')ประกอบด้วย 4-8 ดอก ก้านดอกกลมยาว10-20 ซม.ปลายก้านดอกมีช่อดอกย่อยแตกออกจากจุดกึ่งกลาง เป็นแฉก3-6ช่อ แต่ละช่อยาว3-4ซม.ดอกย่อยสีขาวแกมเขียว ขนาดเล็ก แบน ออกเรียงติดกัน ผลแบบธัญพืช  เมล็ดมีลักษณะเป็นเหลี่ยมมีรอยย่นหรือมีสีขาวหรือสีน้ำตาลและมีความยาวประมาณ 1 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการตำแหน่งโล่งแจ้งแสงแดดเต็มที่ ปรับให้เข้ากับดินหลายประเภท แต่เหมาะอย่างยิ่งกับพื้นที่ที่ถูกรบกวนบนทรายไปจนถึงดินร่วนปนทราย มีรายงานระบบนิเวศที่ทนต่อเกลือในไนจีเรีย ( Adu et al., 1994 ) ไม่ทนน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน .มันเป็นหนึ่งในหญ้าที่ทนแล้งที่สุด ทนต่อความเป็นด่างของดิน  เติบโตอย่างรวดเร็วและ สามารถผลิตเมล็ดจำนวนมากในแต่ละฤดูฝนแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ทำให้กลายเป็นวัชพืชได้ จัดเป็น 'Invasive' ในหลายประเทศ ถึงแม้ว่าจะเป็นอาหารสัตว์ที่มีค่า แต่มันก็ยังเป็นปัญหาของการเพาะปลูก 
การใช้ประโยชน์---ส่วนใหญ่ใช้เป็นอาหารสัตว์และเป็นที่ชื่นชอบของสัตว์เคี้ยวเอื้องทุกชนิด เป็นหญ้าแห้งที่ดีเยี่ยม เมล็ดสามารถใช้เลี้ยงสัตว์ปีก*
-ใช้กิน เมล็ด - บดเป็นแป้งแล้วปรุงเป็นโจ๊กบาง ๆ หรือยูกาลิเพื่อรับประทานกับผักหรือเนื้อสัตว์ เมล็ดนำมาใช้ในการทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมนุษย์กินในช่วงขาดแคลนอาหาร ถูกใช้แทนธัญพืชในช่วงเวลาอดอยากในบางส่วนของแอฟริกาและอินเดีย แต่มันไม่อร่อยมากและไม่ได้รับการปลูกเพื่อจุดประสงค์นี้
-ใช้เป็นยา เมล็ดแห้งใช้สำหรับผู้หญิงที่ปวดท้องหลังคลอดบุตร ใช้สำหรับรักษาไข้ไทฟอยด์ ลำต้นและใบใช้ภายนอกสำหรับการรักษาแผล
-วนเกษตร ใช้เป็นพืชในการควบคุมการกัดเซาะหรือการรักษาเสถียรภาพของเนินทรายในออสเตรเลียและที่อื่น; อนุรักษ์ดินในป่าธรรมชาติและสวนป่า
รู้จักอันตราย---*พืชอุดมไปด้วยกลูโคไซด์ไซยาโนเนติก (cyanogenetic glucosides)ในบางช่วงเวลาของการเจริญเติบโตและในเวลานั้นอาจเป็นอันตรายต่อการแทะเล็มหญ้า
ระยะออกดอก/ติดผล---ตลอดปี
ขยายพันธุ์---โดยการแยกไหล และเมล็ด

124 หญ้าเจ้าชู้/Chrysopogon aciculatus


ชื่อวิทยาศาสตร์---Chrysopogon aciculatus (Retz.) Trin.(1820)
ชื่อพ้อง---Has 19 synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-405042
---Basionym: Andropogon aciculatus Retz.(1789)
---Centrophorum chinense Trin.(1820)
ชื่อสามัญ---Love Grass, Golden false beardgrass, Golden beardgrass, Mackie's pest, Seed grass, Lesser spear grass.
ชื่ออื่น---หญ้าเจ้าชู้, หญ้ากล่อน, หญ้าขี้ครอก, หญ้านกคุ่ม (ภาคกลาง), หญ้าก่อน (ภาคเหนือ), หญ้ากะเตรย, หญ้าขี้เตรย (ภาคใต้), หญ้าน้ำลึก (ตราด) ; [ASSAMESE: Bon-guti, Lengra, Chorkanta.];[BANGLADESH: Premkata.];[BRAZIL: Grama-amorosa.];[CHINESE: Zhu jie cao,];[FIJI: Kase.];[HAWAII: Manienieula.];[INDIA: Chorkanta, Chui-kanta.];[INDONESIAN: Kalikanji, Jukut domdoman, Rumput jarum.];[MALAYALAM: Snehapullu ,Asthrapullu.];[MALAYSIA: Rumput jarum; Temuchut; Kemuncup (Malay).];[MYANMAR: Maung-yin-ngo-myet, Nauk-po-myet.];[NEPAL: Chirchiri, Nakasurka, Chhindari, Chhimra, Ghore dubo, Sarauth.];[PHILIPPINES: Tinloi, Marisekos (Tag.), Amorserko (Bis.),Dalekedek (Bon.), Lakut-lapas (Sul.),];[PORTUGUESE: Amor-seco.];[SRI LANKA: Tuththiri.];[THAI: Ya chao chu, ya klon, Ya khi khrok, Ya nok khum (Central); Ya kon (Northern); Ya ka troei, Ya khi troei (Peninsular); Ya nam luek (Trat).];[VIETNAMESE: Co may.].
EPPO Code: CYSAC (Preferred name: Chrysopogon aciculatus)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเชีย หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก
เขตการกระจายพันธุ์---อินเดีย ศรีลังกา พม่า จีน ไทย ลาว เวียดนาม มาเลเซีย ออสเตรเลียและโพลินีเซีย
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสามัญ"love grass" มาจากเมล็ดที่ผลิตโดยช่อดอกซึ่งยึดติดกับวัตถุเสื้อผ้ามนุษย์และสัตว์สามารถทะลุถึงผิวหนัง
Chrysopogon aciculatusเป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยAnders Jahan Retzius (1742–1821)นักไลเคนแพทย์ชาวสวีเดนและและศาสตราจารย์ด้านพฤกษศาสตร์ที่ Lund Universityได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยCarl Bernhard von Trinius (1778–1844)แพทย์ชาวรัสเซียที่เกิดในเยอรมนีผู้เชี่ยวชาญเรื่องหญ้าในปี พ.ศ.2363
ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลียและฟิจิ และบางเกาะอื่นๆในมหาสมุทรแปซิฟิก พบใน อัฟกานิสถาน เทือกเขาหิมาลัย อินเดีย บังคลาเทศ อินโดจีน มาเลเซีย จีน (รวมถึงไต้หวัน) ญี่ปุ่น มาดากัสการ์ นิวกินี ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา (ฟลอริดา) อเมริกากลาง อเมริกาใต้ (โคลอมเบีย) เติบโตตามเนินเขา หาดทราย ไหล่ทาง พื้นที่ที่น้ำไม่ท่วมขัง พบได้ในระดับความสูงไม่เกิน 1,500 เมตร
บทสรุปของการรุกราน---C. aciculatus เป็นหญ้าที่แพร่หลายซึ่งทำให้เกิดความรำคาญ แต่มีขีดจำกัดสำหรับการบุกรุกอย่างแพร่หลาย มันถูกระบุว่าเป็นวัชพืชมีพิษในฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ( USDA-ARS, 2003 )
ลักษณะ เป็นหญ้าอายุหลายปี ขึ้นเป็นกอ เหง้าแข็งลำต้นทอดนอนไปตามพื้นดินได้ไกล ตามลำต้นมีกาบใบแก่หุ้มอยู่ ลำต้นตั้งตรง สูง 15–25 ซม.โคนมีขน กาบใบ เป็นแผ่นหยาบแข็งมีขนสีขาว ขอบเกลี้ยงแผ่เป็นเยื่อบาง  แผ่นใบ รูปแถบยาว 3-15 ซม. กว้าง 2-6 มม ปลายใบเรียวแหลม ช่อดอก แบบช่อแยกแขนง ยาวประมาณ 5-10 ซม. กว้าง 2.5 ซม.  สีทองหรือสีน้ำตาลเข้ม แขนงช่อดอก เรียวยาวเป็นเส้นแตกจากแกนกลางแบบเวียนรอบข้อหรือเอียงเล็กน้อยรูปกลม เรียวคล้ายเมล็ดข้าว มีหนามแหลม สามารถปักติดเสื้อผ้าและผิวหนังได้ โดยเฉพาะเมื่อติดผิวหนังจะรู้สึกเจ็บแสบและคันยิบ ๆ แกะออกจากเสื้อผ้ายากมาก จึงถูกเรียกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้ หญ้าเจ้าชู้มีเมล็ด ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปได้ โดยมี ลม น้ำ คน และสัตว์เป็นเครื่องช่วยทำให้กระจายไปได้ไกล ๆ และรวดเร็วเช่น เมล็ดวัชพืชอื่นๆ อาจจะติดไปกับเสื้อผ้าซึ้งช่วยในการแพร่พันธุ์ไปได้ในระยะไกล
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ตำแหน่งแดดจัดชอบดินร่วนปนทราย ชอบ pH ในช่วง 5 - 6 ทนได้ 4.5 - 6.5 ไม่สามารถทนต่อช่วงเวลาแห้งเป็นเวลานานในทุ่งหญ้าที่ปรับปรุงแล้วพืชมักถูกพิจารณาว่าเป็นวัชพืชพิษและถูกประกาศเช่นนี้ในบางประเทศ
การใช้ประโยชน์---ใช้สำหรับควบคุมการกัดเซาะ การทำให้ทรายเสถียร, สนามหญ้า, อาหารสัตว์และยา
-ใช้ป็นยา ในอายุรเวททั้งต้นใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ในฟิลิปปินส์ยาต้มรากใช้สำหรับอาการท้องร่วง-; ในอินโดนีเซียพืชใช้เป็นยาแก้พิษ -; ในบังคลาเทศน้ำรากใช้สำหรับปวดตับ-; ในศาสนาฮินดูโบราณ ขี้เถ้าของรากที่ถูกไฟไหม้นำมาใช้เพื่อการรักษาโรคไขข้อ-;ในอินเดีย เหง้าสดพร้อมกับพริกไทยดำ 3-5 เม็ดบด ปั้นเป็นก้อนกินทุกเช้าเป็นเวลาหนึ่งเดือนในขณะท้องว่างสำหรับรักษาโรคกระเพาะ
-วนเกษตร เป็นพืชที่แข็งแรงที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างกว้างขวางโดยใช้เหง้าของมันและในไม่ช้าก็ก่อตัวปกคลุมดินหนาแน่น มักจะใช้เป็น หญ้าสนามหญ้า ในเขตร้อนเพื่อควบคุมการพังทลายของดินตามพื้นที่ลาดชัน
-อื่น ๆลำต้นแห้งใช้สำหรับทอหมวกเสื่อ ฯลฯ
รู้จักอันตราย---พืชสามารถรบกวนและทำร้ายมนุษย์และสัตว์ได้เนื่องจากมีหนามแหลมคมแหลมที่เกาะติดกับเสื้อผ้าหรือขนสัตว์และสามารถทะลุถึงผิวหนังได้ทำให้เกิดอาการระคายเคือง
ระยะออกดอก/ติดผล---มิถุนายน - ตุลาคม
ขยายพันธุ์ --- เมล็ด และ ไหล เริ่มออกดอกภายใน 40 - 55 วันนับจากวันที่งอก

125 หญ้าไซ/Leersia hexandra


ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Leersia hexandra Sw.(1788.)
ชื่อพ้อง  ---  Has 39 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-422089
---Asprella australis (R.Br.) Roem. & Schult.(1817)
---Homalocenchrus hexandrus  (Sw.) Kuntze.(1891)
---Leersia australis  R. Br.(1810.)
---(more)
ชื่อสามัญ---Swamp Rice grass, Southern cutgrass, Clubhead cutgrass, Swamp rice grass.
ชื่ออื่น---หญ้าไซ, หญ้าทราย; [ASSAMESE: Erali, Erali-bon.];[BRAZIL: Andrequice, Arroz-bravo, Arroz-de-Guiana, Capim-marreca, Grama-boiadeira, Grama-de-brejo.];[CHINESE: Li shi he.];[DOMINICAN REPUBLIC: Arrocillo rosado, Hieba de arroz, Lamedora.];[ISRAEL: Bat-'orez meshushah.];[JAPANESE: Taiwanashikaki.];[NICARAGUA: Lamedora.];[PHILIPPINES: Barit.];[SPANISH: Arrocillo rosado, Hieba de arroz, Pasto de agua, Lambedora.];[THAI: Yaa sai, Yaa saai.].
EPPO Code--- LERHE (Preferred name: Leersia hexandra)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ประเทศในเขตร้อน
เขตการกระจายพันธุ์---ประเทศในเขตร้อนของทวีป  แอฟริกา, เอเชีย, ออสตราเลเซีย, อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้
Leersia hexandra เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยOlof Peter Swartz (1760–1818) นักพฤกษศาสตร์ นักชีววิทยาและนักอนุกรมวิธานชาวสวีเดนในปี พ.ศ.2331
ที่อยู่อาศัย กระจายในพื้นที่มากมายในเขตร้อนชื้นและกึ่งเขตร้อนของโลกทางตอนใต้ของอเมริกา อเมริกากลาง อเมริกาใต้ตอนเหนือและตอนกลาง แอฟริกา (ทางใต้ของทะเลทรายซาฮารา) อินเดียเขตร้อนของจีนภาคใต้ ในประเทศไทยพบได้ทั่วประเทศ ขึ้นตามลำคลองหนองบึงหรือที่ชื้นแฉะริมน้ำ ลุ่มน้ำขัง เติบโตได้ดีในดินเหนียวทนน้ำท่วมขัง
บทสรุปของการรุกราน---มีรายงานว่าเป็นวัชพืชข้าวร้ายแรงในกายอานาและบราซิลและเป็นวัชพืชหลักในมาดากัสการ์ ฟิลิปปินส์ (สุมาตราและซาราวัก) นอกจากนี้ยังเป็นวัชพืชของข้าวในกัมพูชา, อินเดีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไนจีเรีย, ฟิลิปปินส์, ซูรินาเมและไทย มันเป็นวัชพืชของข้าวโพดในอินโดนีเซียยางในมาเลเซียและอ้อยในออสเตรเลียและแทนซาเนีย
ลักษณะ เป็นพืชวงศ์หญ้าอายุหลายปีลักษณะลำต้นคล้ายกับข้าว (Oryza sativa) เลื้อยทอดขนานไปกับพื้นดินหรือตามริมน้ำ บางทีลำต้นทอดเลื้อยตอนล่างแล้วปลายยอดชูตั้งขึ้น ลำต้นสูงประมาณ30-70ซม.ตรงข้อตอนล่างมีรากแตกยึดพื้นดิน ใบ แคบเล็กเรียวยาว ขนาด ยาว5-15ซม กว้าง3-10 มม.ระหว่างแผ่นใบและกาบใบมีลิ้นใบลักษณะเป็นเยื่อ บางแข็ง คมและสากคายมาก มีขนแข็งเล็กสากมือขูดผิวหนังทำให้เกิดพิษคัน  เหมือนใบหญ้าคา ช่อดอกแบบช่อดอกรวมยาว5-13.5 ซม.กว้าง 1-4 ซม. ก้านช่อดอกแตกแขนงเป็นก้านช่อดอกย่อย ช่อดอกย่อยยาว3-5มม.จำนวนมากเรียงสลับกันแน่นที่ช่อดอก แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยเพียง1ดอก ผลเป็นผลแห้งมี1เมล็ด
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เจริญเติบโตได้ในแหล่งน้ำจืดตื้นและบนพื้นที่เปียกชื้น พบได้ในบึง , หนองน้ำบ่อชลประทานคูน้ำท่วมนาข้าวและอื่น ๆ ที่ดินเพื่อการเกษตรชื้นและที่ราบน้ำท่วมถึง ส่วนใหญ่จะเป็นเขตร้อนแต่ก็สามารถเจริญเติบโตได้ในบางภูมิอากาศ สามารถอยู่ในสภาพที่แห้งในช่วงฤดูแล้ง เป็นวัชพืชร้ายแรงของนาข้าวในเขตร้อน
ใช้ประโยชน์---เป็นอาหารและที่พักพิงสำหรับสัตว์ นกน้ำจำนวนมากกินมัน ในเวเนซูเอลาเป็นอาหารที่สำคัญที่สุดอันดับสองของฝูงสัตว์ capybara ( Hydrochoerus hydrochaeris ) คิดเป็น 29% ของอาหารทั้งหมด  
-อื่น ๆ เป็นตัวแทนที่อาจเกิดขึ้นจากการทำปฏิกิริยาทางชีวภาพในความพยายามที่จะทำความสะอาดดินและน้ำที่ปนเปื้อนโลหะ เป้าหมายอาจรวมถึงน้ำเสียอุตสาหกรรมเช่นที่ถูกปล่อยออกจากโรงงานชุบโลหะ และดินที่ปนเปื้อนรอบสถานที่ดังกล่าว
ระยะออกดอก --- พฤศจิกายน - ธันวาคม
ขยายพันธุ์ ---ด้วยเหง้าและเมล็ด

126 หญ้ายอนหู/Leptochloa chinensis


ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Leptochloa chinensis (L.) Nees.(1824.)
ชื่อพ้อง---Has 9 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-422238
---Basionym: Poa chinensis L.(1753).
---Cynodon virgatus Willd.(1809.)
---Eleusine chinensis F.Muell.(1883.)
---Dinebra chinensis (L.) P.M. Peterson & N. Snow.(2012.) http://legacy.tropicos.org/Name/100380598
ชื่อสามัญ---Chinese sprangletop, Feather grass, Red sprangletop, Asian sprangletop.
ชื่ออื่น---หญ้ายอนหู, หญ้าเม็ดงา, หญ้าดอกขาว, หญ้าลิเก, หญ้าไม้กวาด, หญ้าพระเอก; [CHINESE: Qian jin zi.];[CZECH: Větvenka čínská.];[FRENCH: Herbe fine de Chine.];[INDONESIA: Timunan (Javanese), Bebontengan (Sundanese), Jangkiri (Flores); Timoenan.];[JAPANESE: Azegaya.];[PHILIPPINES: Palay-maya (Tagalog), Karukauáyan (Bikol); Malay-palay (Malay).];[THAI: Ya-yonhu, Ya-dokkhao (central), Ya-metnga (northeast).];[VIETNAM: Cò duoi phung.]
EPPO code---LEFCH (Leptochloa chinensis)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตการกระจายพันธุ์---ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย ปาปัวนิวกินี ฟิจิ ซามัว สวาซีแลนด์ แอฟริกาตะวันออก ซิมบับเว แอฟริกาใต้
Leptochloa chinensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Christian Gottfried Daniel Nees von Esenbeck (1776-1858)ในปี พ.ศ.2367


ที่อยู่อาศัย เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียเขตร้อนซึ่งพบได้ทั่วไปในคูน้ำและนาข้าว กระจาย จากแอฟริกาตะวันออก ผ่านเอเชียเขตร้อน ไปยังอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และปาปัวนิวกินี พบได้ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 0–1,400 เมตร เป็นวัชพืชร้ายแรงชนิดหนึ่งในนาข้าว ของ ประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สวาซิแลนด์ และอีกหลายประเทศในเอเชีย รวมถึงเป็นวัชพืชที่สำคัญในอินเดีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย
บทสรุปของการรุกราน---ในพื้นที่เกษตรกรรม พวกมันเป็นผู้บุกรุกที่ก้าวร้าว แพร่กระจายโดยฐานของลำต้นที่แตกเป็นเสี่ยงๆ หรือเมล็ดพืชที่มีศักยภาพสูง L. chinensis เป็นวัชพืชที่สำคัญในสวาซิแลนด์ ( Holm et al., 1977 ) ปัจจุบันได้รับการยอมรับว่าเป็นวัชพืชที่มีปัญหาในพืชผลอย่างน้อย 11 ชนิดในเอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย และลุ่มน้ำแปซิฟิก มันบุกรุกอ้อย ผัก ฝ้าย ข้าวโพด ถั่วเหลือง มันเทศ ถั่วลิสง กล้วย สับปะรด ชา และพืชอื่น ๆ อย่างไรก็ตามเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็นวัชพืชร้ายแรง
ลักษณะ เป็นหญ้าประเภทอายุปีเดียวลักษณะทรงต้นแบบกอพุ่มตั้งลำต้นส่วนล่างทอดเอนเล็กน้อย แตกรากตามข้อที่แตะดิน ต้นสูง 40-70ซม. หรือสูงได้ถึง 1 เมตร ลำต้นสีเขียว กลม ข้างในกลวง ไม่มีขน ใบแบบรูปใบแถบ โคนใบตัดตรง ปลายใบเรียวสอบ กว้าง 3-10 มม.ยาว 15-30 ซม. แผ่นใบเรียบ สีเขียว ผิวใบค่อนข้างสาก ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อยถี่สั้นๆ  ลิ้นใบ เป็นแผ่นเยื่อขอบลุ่ยเป็นเส้นๆ ดอกแบบช่อดอกรวมยาว15-60 ซม. สีเขียวอ่อนหรือออกแดง มีดอกย่อย3-7ดอก สีม่วงเข้ม ดอกแก่สีน้ำตาล ร่วงง่าย ผลแบบผลแห้งมีเมล็ดเดียวรูปรีถึงรูปไข่สีน้ำตาลเรียบ ยาว 0.5-0.8 มม
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ขึ้นในพื้นที่ลุ่ม ชื้นแฉะ ทนต่อน้ำท่วมขังหรือแหล่งน้ำที่มีระดับน้ำไม่ลึกนัก
การใช้ประโยชน์---บางครั้งเมล็ดถูกรวบรวมมาจากป่าเพื่อใช้เป็นอาหารในท้องถิ่นในที่ที่ขาดแคลน
-ใช้กิน ในแอฟริกาตะวันออก เมล็ดพืชถูกใช้เป็นอาหารกันดาร
-อื่น ๆเป็นทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ เป็นอาหารสัตว์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
ระยะออกดอก/ติดผล -- พฤษภาคม - ธันวาคม
ขยายพันธุ์ ---ด้วยเมล็ด

127 หญ้าตีนกา/Eleusine indica


    

ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Eleusine indica (L.) Gaertn. (1788).
ชื่อพ้อง--Has 30 synonyms.
---Basionym: Cynosurus indicus L.(1753)
---Agropyron geminatum Schult. & Schult.f. (1827)
---Chloris repens Steud. (1840)
---Cynodon indicus (L.) Raspail (1825).
---(More) See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-410636
ชื่อสามัญ---Bullgrass, Crabgrass, Crowfoot grass, Dog grass, Dutch grass, Fowlfoot grass, Goose foot grass, Indian goosegrass, Iron grass, Oxgrass, Silver grass, Wild finger millet, Wire grass, Yard grass
ชื่ออื่น---หญ้าปากคอก,หญ้าฝากควาย ; [AUSTRALIA: Crow’s foot, Crowsfoot, Crowsfoots grass.];[BRAZIL: Ca-a pi-i, Capim criador, Capim da cicade.];[CAMBODIA: Smao choeung tukke.];[CHINESE: Niu jin cao.];[CUBA: Grama de caballo, Pata de gallina, Pata de gallo.];[DOMINICAN REPUBLIC: Pata de cotorra.];[FIJI: Kavaronaisivi.];[FRENCH: Chiendent patte de- poule, Rleusine de l'Inde, Gros chiendent.];[GERMAN: Indische eleusine, Indischer Hundszahn, Indischer Korakan, Wilde Fingerhirse, Wilder Korakan, Wildes Korakangras];[HAITI: Pied poule, Z’herbe pied de poule.];[HUNGARIAN: Aszályfű.];[INDIA: Jangali maru, Kodai, Mandla.];[INDONESIA: Jampang munding, Jukut carulang, Jukut jampang, Rumput belulang, Sapadang rurus.];[JAPANESE: Chikaragusa, Ohishiba.];[MALAYSIA: Godong ula, Rumput sambar.];[MEXICO: Cola de caballo, Grama caraspera, Horquetilla, Paja de burro.];[MYANMAR: Myet-thakwa, Se-gwa, Sin-ngo-let-kya.];[NICARAGUA: Yerba de camino.];[NIGERIA: Gbegi.];[PHILIPPINES: Bakis-bakisan, Bang-angan, Bikad-bikad, Bila-bila, Palagtiki, Parangis, Sabung-sabungan, Sambali.];[PORTUGUESE: Eleusina, Portuguese pé-de-galo, Capim-pé-de-galinha.];[PUERTO RICO: Matojo dulce.];[SENEGAL: Gondirima, ratam fa mbe, Vodvod.];[SOUTH AFRICA: Crab grass, Crabgrass, Indiese osgras, Jongos gras.];[TAIWAN: Niu-chin-tsao.];[THAI: Ya pak khok.];[VIETNAM: Co' cu'a ga, Co man trau, Co ong.];[ZAMBIA: Rapoko.];[ZIMBABWE: Mu kha.].
EPPO Code-- ELEIN (Preferred name: Eleusine indica)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกาและทวีปเอเชีย
เขตการกระจายพันธุ์ ---ทั่วไปในเขตร้อนทั่วโลก
Eleusine indica เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยJoseph Gaertner (1732- 1791) นักพฤกษศาสตร์และนักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2331


ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาและเขตอบอุ่นและเอเชียเขตร้อน และมีการกระจายเกือบทั่วโลกเขตร้อนและขยายไปยังทวีปอเมริกาเหนือยุโรปและแอฟริกา มันเกิดขึ้นได้ที่ระดับสูงถึง 2,000 เมตร
บทสรุปของการรุกราน---E. indica ได้รับการจัดอันดับให้เป็นวัชพืชทางการเกษตรและสิ่งแวดล้อม ( Randall, 2012 ) และได้รับการพิจารณาว่าเป็น“ วัชพืชที่ร้ายแรง” ใน 42 ประเทศ เป็นอย่างน้อย (Holm et al., 1979). สายพันธุ์นี้ถูกอธิบายว่าเป็น“ วัชพืชที่โดดเด่น”  “dominant weed” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบการทำฟาร์มและพืชผลประจำปีที่มีการเติบโตอย่างแข็งแรงและผลิตต้นกล้าที่อุดมสมบูรณ์ อาจผลิตเมล็ดขนาดเล็กได้มากกว่า 50,000 เมล็ดซึ่งสามารถกระจายไปตามลมและน้ำได้ง่ายติดอยู่กับขนของสัตว์และเครื่องจักรและเป็นสารปนเปื้อนในดิน ขณะนี้มีการระบุว่ารุกรานในหลายประเทศในยุโรป เอเชียกลางและอเมริกาใต้ แคริบเบียน และบนเกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ในประทศไทยเป็นวัชพืชพบทั่วไปในทุกภาคขอประเทศ เจริญเติบโตได้ทั้งในที่ชุ่มชื้นน้อย ขึ้นทั่วไปตามพื้นที่เปิดโล่ง เช่น ไหล่ทาง ที่รกร้างว่างเปล่า โดยเฉพาะในดินที่ไม่มีการไถพรวน
ลักษณะ เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวอายุปีเดียว ลักษณะลำต้นสั้นตั้งเป็นกอ สูงประมาณ 30-60 ซม. ลำต้นแบนสีขาว ถึง เขียวอ่อน แตกต้นใหม่ที่โคนกอเป็นกอขนาดใหญ่  ใบรูปแถบกว้าง 8 มม. ยาว 15 ซม ปลายเรียวแหลม โคนใบมีขนไม่แข็งนัก กาบใบค่อนข้างใหญ่สีเขียวอ่อน - ขาวหุ้มซ้อนทับใบที่เกิดลำดับหลัง ออกดอกที่ปลายยอด ก้านดอกสีเขียวกลมยาว 5-10 ซม. และแตกช่อดอกที่ส่วนปลาย 3 - 8 ช่อ ในแต่ละช่อย่อยมีดอกย่อยจำนวนมาก  เมล็ดสีน้ำตาลแดงถึงดำมีรูปขอบขนานยาวประมาณ 1 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ขึ้นได้ในดินสวนทั่วไปในตำแหน่งที่มีแสงแดดเต็มรูปแบบ การเจริญเติบโตจะลดลงมาก (ต้นจะตั้งตรงมากขึ้น ภายใต้ร่มเงา ทำให้น้ำหนักแห้งของพืชลดลงอย่างรุนแรง: ในร่มเงา 50% ทำให้การเติบโตลดลง 60% และร่มเงา 80% ทำให้การเติบโตลดลง 90%) ชอบ pH ในช่วง 5.5 - 6.5 ซึ่งทนได้ 4.3 - 8.4 ทนทานต่อความแห้งแล้ง ทนต่อความเค็มของดิน
การใช้ประโยชน์---พืชถูกเก็บเกี่ยวใช้เป็นยาอาหารและแหล่งวัสดุสำหรับทอผ้าทำกระดาษ
-ใช้กิน เมล็ดสุก  เมล็ดค่อนข้างเล็ก บางครั้งมันถูกใช้เป็นอาหารความอดอยากใช้เป็นลูกเดือยมันสามารถนำมาปรุงเป็นแป้และใช้ในการทำเค้ก,โจ๊ก ฯลฯ ต้นอ่อน - ดิบหรือปรุงสุกใช้เป็นเครื่องเคียงกับข้าว
-ใช้เป็นยา ส่วนที่ใช้ ทุกส่วนทั้งสดและแห้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ, ยาแก้ไข้, ยาระบาย มันถูกใช้ในการรักษาความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะ, ตับ, บรรเทาอาการปวดที่เกิดจากกล้ามเนื้อหน้าท้องรัดตัว ฯลฯ-พืชเป็นส่วนประกอบของ 'ยาพื้นฐาน' ในยาแผนโบราณของเวียดนาม นอกจากนี้ยังใช้ในการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่และความดันโลหิตสูง-ใช้ภายนอกเพื่อเปิดแผลเพื่อหยุดเลือด-น้ำใบสดใช้เป็นยาแก้พยาธิและสำหรับผู้หญิงหลังคลอด
-วนเกษตร ใช้รักษาเสถียรภาพของดินทราย
-ใช้อื่น ๆ ลำต้นใช้ทำเสื่อตะกร้า ฯลฯผลิตกระดาษ
รู้จักอันตราย---พืชมักจะมีกรด prussic (Cyanogenetic glucoside) ซึ่งมีความเข้มข้นหลักอยู่ในเมล็ดซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ 0.015 ถึง 0.019% ซึ่งต่ำกว่าระดับอันตรายทางทฤษฎี
ระยะเวลาออกดอก/ติดผล --- ตลอดปี
ขยายพันธุ์ --- ด้วยเมล็ด

128 หญ้าตีนนก/Digitaria ciliaris

 

ชื่อวิทยาศาสตร์--- Digitaria ciliaris (Retz.) Koeler.(1802.)
ชื่อพ้อง --- Has 63 synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-408848
---Basionym: Panicum ciliare Retz.(1786.)
ชื่อสามัญ---Bamboo grass, Blanket crabgrass, Henry's crabgrass, Hairy crabgrass, Southern crabgrass, Summergrass, Tropical finger grass, Large crabgrass, Smooth crabgrass
ชื่ออื่น---หญ้าตีนนก, หญ้าปล้องข้าวนก ; [AUSTRALIA: Crab grass, Summer grass.];[BHUTAN: Chittrey banso, Tampula.];[BRAZIL: Capim tinga, Capim-colchao.[;[CHINESE: Xian mao ma tang.];[CUBA: Don Juán de Castilla.];[CZECH: Rosička brvitá, Rosička přehlížená.];[DOMINICAN REPUBLIC: Grama dulce cimarrona, Pata de cotorra, Pendejuelo.];[DUTCH: Plat handjesgras.];[FRENCH: Herbe fine.];[GERMAN: Aufsteigende fingerhirse, Wimper- fingerhirse.];[HUNGARIAN: Pillás ujjasmuhar.];[HINDI: Takri.];[INDIA: Malsa, Malsh, Suruwari.];[INDONESIA: Jampang jemprak, Jampang pait, Suket djrempak, Sunbak gangrir.];[JAPANESE: Me-shiba, Me hishiba.];[MALAYSIA: Cakar ayam, Rumput jejari berbulu.];[MEXICO: Zacate cangrejo, Zacate velludo.];[PERU: Gramilla, Pasto colchón, Pata de gallo.];[PHILIPPINES: Baludyangan, Saka-saka.];[PORTUGUESE: Capim-colchão.];[PUERTO RICO: Pata de gallina, Yerba de juey.];[SPANISH: Frente de toro, Fresadilla, Hierba conejo, Hierba estival, Pangola, Zacate de agua.];[SRI LANKA: Arisi pul, Guru tana.];[THAI: Ya-ma-tang, Yah-tin-nok, Ya-plongkhaonok.];[TURKISH: Digitaria ciliaris.];[VIETNAM: Tuc hinh leo.].
EPPO Code---DIGAD (Preferred name: Digitaria ciliaris)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตการกระจายพันธุ์---ภูมิภาคเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนทั่วโลก
Digitaria ciliaris เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Anders Jahan Retzius (1742–1821)นักไลเคน, แพทย์ชาวสวีเดนและและศาสตราจารย์ด้านพฤกษศาสตร์ที่ Lund Universityและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยGeorg Ludwig Koeler (1764-1807)นักพฤกษศาสตร์ และแพทย์ชาวเยอรม้น ในปี พ.ศ.2345
ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในเอเชียและกระจายผ่านเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของแอฟริกา พบในเมดิเตอร์เรเนียน (ทางใต้และตะวันออก) เอเชียตะวันตก เทือกเขาหิมาลัย อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ อินโดจีน มาเลเซีย (มาลายา) จีน (รวมถึงไต้หวัน ทิเบต) ญี่ปุ่น เกาหลี แอฟริกา (เกือบตลอด) มาดากัสการ์ พันธุ์วัชพืชที่แพร่หลาย เปิดตัวในบางประเทศในยุโรป รัสเซียตะวันออกไกล สหรัฐอเมริกา (ตอนใต้) เม็กซิโก อเมริกากลาง แคริบเบียน อเมริกาใต้ (ยกเว้นโคนใต้) นิวกินี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ พบที่ระดับความสูง 0-2,000เมตร หญ้านี้เป็นชนิดพันธุ์รุกรานที่ก้าวร้าวเป็นวัชพืชในบางประเทศรวมทั้งจีน , เม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา ในสหรัฐอเมริกามีการกระจายทางใต้จากเนบราสก้าไปยังเวอร์จิเนีย
ลักษณะ เป็นวัชพืชจำพวกหญ้าขึ้นเป็นกอ อายุฤดูเดียว พบขึ้นเป็นวัชพืชในพื้นที่เพาะปลูกทั้งพืชอายุปีเดียวและพืชยืนต้น มักพบขึ้นตามที่รกร้างว่างเปล่า สนามหญ้า ไหล่ทาง เป็นวัชพืชพบทั่วไปในทุกภาคของประทศไทย ลักษณะ ลำต้นส่วนล่างมักทอดเอน ชูส่วนยอด สูง 50 - 60 (-100) ซม. แตกรากและต้นใหม่ตามข้อ กาบใบเป็นสันทำให้ลำต้นแบนโดยเฉพาะที่โคนต้นและต้นอ่อน ใบมีเส้นกลางใบเด่นชัด ขอบใบเรียบ ใบกว้าง 0.4-1 ซม. ยาว 11 - 22 ซม. หน้าใบมีขน กระจายตามขอบใบ และโคนใบเล็กน้อย หลังใบไม่มีขน รอยต่อใบและกาบใบมีลิ้นใบ เป็นแผ่นสีน้ำตาลอ่อนปลายลุ่ย สั้นมาก ช่อดอกยาว 40 – 45 ซม.มี 4 - 7 แขนงแต่ละแขนงยาว 8 – 10ซม. ผลเป็นผลแห้ง มีส่วนของใบประดับนอกและใบประดับในที่แข็งติดอยู่ เมล็ดยาว 1.5-2 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ชอบแสงแดดเต็มที่หรือบางส่วน ดินร่วนปนดินเหนียว ชื้นถึงแห้งเล็กน้อย
การใช้ประโยชน์---ใช้เป็นอาหารสัตว์ในทุ่งหญ้าหรือหญ้าแห้ง เป็นพืชอาหารสัตว์ที่ให้ผลผลิตสูงและพันธุ์อนุรักษ์ที่ได้รับการพัฒนาและวางจำหน่ายในปี 1988
-วนเกษตร ช่วยป้องกันดินจากการกัดเซาะและเป็นวัสดุสำหรับคลุมหญ้าหรือปุ๋ยหมัก
ระยะเวลาออกดอก/ติดผล --- กรกฎาคม-ตุลาคม
ขยายพันธุ์ ---เมล็ด

129 หญ้ารังนก/Chloris barbata


ชื่อวิทยาศาสตร์---Chloris barbata Sw.(1797)
ชื่อพ้อง---Has 5 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-404690
---Andropogon barbatus L., 1771, non L., (1759)
---Chloris inflata Link.(1821)
---Chloris longifolia Steud.
---Chloris paraguaiensis Steud.
---Chloris rufescens Steud.
ชื่อสามัญ---Swollen finger grass, Swollen windmill grass, Giant finger grass, Purpletop chloris, Peacock plumegrass, Airport grass, Mexican blue grass, Purple top Rhodes grass.
ชื่ออื่น---หญ้ารังนก ;[CHINESE: Mèng rén cǎo.];[CUBA: Pata de gallina.];[GERMAN: Bärtiges Gilbgras.];[HAWAIIAN: Mau'u lei.];[HEBREW: Aseva se'ira.];[HINDI: Jargi.];[INDIA: Mindadiu, Shiyad Punch.];[INDONESIA: Rumput jejarongan, Suket cakar ayam.];[JAPANESE: Murasaki-higeshiba.];[KANNADA: Hennu-manchadakalu Hullu, Sevaragu.];[MALAYALAM: Konda-pullu, Kodappullu, Mayil pullu.];[MARATHI: Tan, Gondvel.];[MALAY: Kilen, Kembang goyang.];[PHILIPPINES: Korokorosan, Balbas-kalabaw (Tag.); Banuko (Ilk.).];[PORTUGUESE: Capim-pena-de-pavão.];[SPANISH: Zacate borrego, Paja blanca, Palo de Congo.];[SRI LANKA: Kondai pul, Mayuru tana.];[SWEDISH: Paraplygräs.];[TAMIL: Kodai Pullu, Kuruthu Pillu, Kattuk, Kotumai, Kotai-p-pul, Chevvarakupul.];[TELUGU: Uppu Gaddi.];[THAI: Yaa rangnok.];[USA/HAWAII: Mau'u lei.].
EPPO Code--- CHRBA (Preferred name: Chloris barbata)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ไม่แน่ชัด
เขตการกระจายพันธุ์---เขตร้อนและกึ่งร้อนทั่วโลกยกเว้นแอฟริกาใต้
นิรุกติศาสตร์---ขื่อสกุล Chloris มาจาก Chloros ซึ่งหมายถึงสีเขียว ; ชื่อสายพันธุ์ 'barbata' = วิธีเครา อ้างถึงดอกไม้ที่ต่ำกว่า
Chloris barbata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยOlof Peter Swartz (1760–1818) นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนนักชีววิทยาและนักอนุกรมวิธานในปี พ.ศ.2340


ที่อยู่อาศัย สายพันธุ์นี้แพร่ระบาดทั่วไปในประเทศเขตร้อนและเขตกึ่งร้อน แหล่งกำเนิดไม่แน่ชัด อาจมีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบในแปลงพืชไร่ที่แห้ง, ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์, ไร่อ้อย, ที่รกร้างว่างเปล่า, พื้นที่การเพาะปลูกที่ถูกทิ้งร้าง, ริมเขื่อน, ริมทางรถไฟ, ริมถนน, ชายแดนของพืชไร่และในทุ่งนา มีแนวโน้มที่จะทนต่อน้ำเค็มและพบได้ทั่วไปในทะเลทรายและพื้นที่ชายทะเลและบริเวณชายขอบของทุ่งหญ้าเกลือและหนองน้ำโกงกาง ( Lazarides, 1980 ) เติบโตที่ระดับความสูง 0 - 2,500 เมตร ในประเทศไทยพบทุกภาคมักพบในที่รกร้างและริมถนน พบขึ้นกระจายอยู่ทั่วไป ทั้งในที่แจ้งและในร่มเงาเล็กน้อย  
ลักษณะ เป็นหญ้าอายุปีเดียวขึ้นเป็นกอลักษณะลำต้นทอดไปกับพื้นและยกสูงขึ้นแล้วตั้งตรงได้ประมาณ 0.30-1 เมตร ที่แตะพื้นจะแตกราก โคนต้นแบน ฐานใบมีสีม่วง กาบใบเกลี้ยง ยาว 8-10 ซม. ใบ รูปใบหอก กว้าง3-5 มม. ยาว 10-20 ซม. ฐานกว้างบริเวณคอใบมีขนสีขาวอ่อนนุ่มคล้ายไหม ปลายใบเรียวแหลม ลิ้นใบเป็นแผ่นบางยาว 0.5-1.0 มม มีขนสั้น ออกดอกตรงส่วนปลายของลำต้น ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอดแบบช่อกระจะยาว 20 - 30 ซม แตกช่อแขนงย่อยเรียงเป็นรูปนิ้วมือที่ปลายก้านช่อดอก 5-15 แขนง ยาว 5-8 ซม สีม่วงแดง ดอกเรียงสลับเป็นสองแถวบนแกนกลางด้านเดียว เมล็ดสีน้ำตาลอ่อน ขนาด 1-2 มม.  
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการตำแหน่งที่มีแดดหรือร่มเงาบางส่วนในดินที่แห้งและชื้นปานกลาง ควรเป็นดินปนทรายหรือดินทราย พืชสามารถทนอุณหภูมิได้ถึง -7 ° C
การใช้ประโยชน์---ใช้เป็นยา ใบนำมาใช้ทาภายนอกสำหรับโรคผิวหนัง - น้ำใบใช้สำหรับแก้ไข้ ท้องเสียและเบาหวาน- ในรัฐทมิฬนาฑูประเทศอินเดียมีการนำใบมาใช้ทาภายนอกแก้คัน ใช้แก้ไข้และท้องร่วง
-อื่น ๆ เป็นอาหารสัตว์ วัวจะกินมัน-; หนามแหลมสีม่วงที่ดูคล้ายขนนกใช้ใน หมวกlies ในฮาวาย
ระยะเวลาออกดอก/ตืดผล ---กรกฎาคม - เมษายน
ขยายพันธุ์ ---เมล็ด

130 หญ้าข้าวนก/Echinochloa colona


ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Echinochloa colona L.Link.(1833.)
ชื่อพ้อง---Has 62 synonyms.
---Oplismenus daltonii (Parl. ex Webb.) J.A.Schmidt (1852)
---Panicum colonum L.(1759.)
---Panicum daltonii Parl. ex Webb.(1849)
---(More) See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-410176
ชื่อสามัญ ---Jungle rice, Barnyard grass, Barnyard millet ,Awnless barnyard grass, Shama millet, Cook’s foot baronet, Jungle rice, Birdsrice, Awnless barnyard grass,
ชื่ออื่น ---หญ้าปล้องนก, หญ้านกเขา, หญ้านกสีชมพู ;[ARABIC: Abû rukbah, Bashaft, Diffré.];[ARGENTINA: Arroz silvestre, Capím.];[ASSAMESE: Binoi-bon.];[AUSTRALIA: Awnless barnyard grass.];[BANGLADESH: Alighasha, Khudhey shayma, Shymaghas.];[BRAZIL: Capim-arroz, Capim-coloninho, Capituva, Inco-do-arroz.];[CHAD: Diffré.];[CHILI: Hualcacho.];[CHINESE: Can cao, Guang tou bai, Wang bai, Wáng-ji.];[COLOMBIA: Liendre de Puerco, Paja de apto.];[CUBA: Armilán, Buche de guanajo.];[CZECH: Ježatka osadní.];[DANISH: Spinkel hanespore.];[DOMINICAN REPUBLIC: Barba de indio, Grama.];[EGYPT: Abu rokba.];[FIJI: Junglerice.];[FRENCH: Blé du Dekkan, Pied de coq méridional.];[GERMAN: Dekkangras, Schamahirse, Südliche Hühnerhirse.];[HINDI: Jirio,Jangli Jhangora,Shama,Jharwa.];[INDIA: Borur, Hama, Homa, Jangli sawak, Janguli, Jiria, Junglerice, Karum-pul.];[INDONESIA: Rumput bebek, Rumput jajagoan kecil, Rumput kusa-kusa, Tuton.];[IRAQ: Dahnan.];[ISRAEL: Dochaneet hashaleen.];[JAPANESE: Indobie, Ko-hime-bie, Kohimepie, Wase-bie.];[JAVA: Auket tuton.];[KANNADA: Kaadu Haaraka, Kaadu Haaraka Hullu.];[LAOS: Nya khao nôk.];[MALAYSIA: Padi burung.];[MALAYALAM: Kavada.];[MARATHI:Pacushama, Tor, Todia, Borur, Jiria, Sawank.];[MYANMAR: Myet-thi, Pazun-sa-myet, Wan-be-sa-myet.];[NEPALI: Saamaa ghans.];[NICARAGUA: Pato de conejo.];[PHILIPPINES: Bulang, Dakayang, Dakayon, Dukayang];[PORTUGUESE: Arroz-do-mato, Capituva, Capim arroz, Milhã-pé-de-galo.];[SPANISH: Armilán, Pasto del arroz, Zancaraña, Pasto colorado, Liendre de puerco.];[SRI LANKA: Adipul, Gira-tana.];[SWEDISH: Kycklinghirs.];[TELUGU: Othagaddi.];[THAI: Ya plong nok, Ya nok khao, Yaa nok si chomphu.];[TURKISH: Cinek.];[VIETNAM: Cỏ lồng vực cạn.];[ZAMBIA: Lupungu, Zibaila.].
EPPO Code--- ECHCO (Preferred name: Echinochloa colonum)
ชื่อวงศ์ ---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด ---ไม่แน่ชัด
เขตการกระจายพันธุ์ ---ทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกา
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลมา Echinochloa จากภาษากรีก 'echinos'= เม่นและ 'chloa' =หญ้า โดยอ้างอิงถึงก้านดอกในหลายสายพันธุ์ที่ปกคลุมไปด้วยขนแปรงแข็ง ; ชื่อสายพันธุ์ 'colona'มาจากคำคุณศัพท์ภาษาละตินโบราณ 'colonus-a-um' คำคุณศัพท์Colonaเป็นผู้หญิงสิ้นสุด '-a' ต้องได้รับการยอมรับเมื่อรวมกับEchinochloa
Echinochloa colona เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Johann Heinrich Friedrich Link (1767–1850)นักธรรมชาติวิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2376


ที่อยู่อาศัย ไม่มีหลักฐานที่ระบุถิ่นกำเนิดที่แน่นอน สันนิษฐานว่าเป็นพืชท้องถิ่นในเอเชียกลางหรือเอเชียตะวันออก บ้างก็ระบุว่ามีแหล่งกำเนิดในยุโรปตะวันออก บ้างว่ามีต้นกำเนิดมาจากอินเดีย แต่ตอนนี้แพร่หลายในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ข้าวป่า ( Echinochloa colona) หรือ Jungle rice เกิดขึ้นทั่วทั้งเอเชียเขตร้อนและแอฟริกาในทุ่งนาและตามริมถนนและทางน้ำสามารถพบได้ที่ระดับความสูงถึง 2,000 เมตร
บทสรุปของการรุกราน---ถือว่าเป็นวัชพืชที่รุกรานและถือเป็นวัชพืชสากลในพื้นที่กึ่งเขตร้อนและเขตร้อนมีศักยภาพที่จะบุกรุกพื้นที่ธรรมชาติและเอาชนะพืชพันธุ์พื้นเมืองได้อย่างสมบูรณ์ ในออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ และอเมริกากลาง จัดอยู่ในกลุ่มวัชพืชด้านสิ่งแวดล้อมอันดับต้นๆ ( USDA-NRCS, 2014 ) ในประเทศออสเตรเลีย สปีชีส์นี้ได้บุกรุกแหล่งที่อยู่อาศัยที่เปียกชื้น รวมทั้งต้นชาที่ใกล้สูญพันธุ์ ( Melaleuca tamariscina subsp. irbyana )
ลักษณะ เป็นหญ้าอายุปีเดียว ลักษณะลำต้นเป็นกอตั้งตรง ลำต้นที่เกิดดอกสูงประมาณ30-60ซ.ม. ตรงข้อพองเล็กน้อยและมักมีสีม่วงแดง ใบรูปแถบเชิงเส้นเกลี้ยง ยาว 10-15 ซม กว้าง3-6 มม.สีเขียวอ่อนมีสีขาวกลางใบ ช่อดอกเป็นช่อดอกรวมประกอบด้วยก้านช่อดอกยาว 10−15 ซม. แตกแขนงไปประมาณ 3-10แขนง แต่ละแขนงมีช่อดอกย่อยเรียงติดกันตามยาว ผลเป็นผลแห้ง
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการตำแหน่งที่มีแสงแดดส่องเต็มที่ ไม่สามารถเติบโตได้ในที่ร่ม ชอบขึ้นตามพื้นดินชื้นแฉะหรือมีสภาพน้ำขัง โดยเฉพาะในนาข้าว จนจัดเป็นวัชพืชสำคัญของนาข้าวชนิดหนึ่ง พืชที่เติบโตแล้วของ E. colona มีลักษณะคล้ายกับต้นข้าว แต่สามารถเติบโตได้สูงกว่าและแข่งขันกับแสงแดดได้ดีกว่า ขึ้นได้ในแหล่งเพาะปลูกทั่วไปแพร่กระจายได้เร็ว สามารถผลิตเมล็ดได้ในปริมาณมาก (40,000 เมล็ดต่อต้น) ทนต่อดินเค็ม ดินเปรี้ยวได้สูง ชอบ pH ในช่วง 5.5 - 6.5 ทนได้ 5 - 7
การใช้ประโยชน์--- ใช้เป็นอาหาร เมล็ดสุก ปรุงได้ทั้งหมดหรือบดเป็นแป้งและใช้เป็นข้าวต้ม -ในประเทศอินเดียเมล็ดหญ้านี้ใช้เพื่อเตรียมอาหารเรียกว่า khichadi และบริโภคในช่วงเทศกาลวันถือศีลอด -เป็นอาหารข้าวยากหมากแพง บางครั้งได้รับการปลูกฝังจากคนท้องถิ่นในแอฟริกาเพื่อกินเมล็ด
ระยะออกดอก/ติดผล --- ตลอดทั้งปี
ขยายพันธุ์ --- ด้วยเมล็ด 

           131 หญ้าพุ่มพวง/Echinochloa crus-galli

 

ชื่อวิทยาศาสตร์---Echinochloa crus-galli (L.) P. Beauv.(1812)
ชื่อพ้อง---Has 85 Synonyms.
---Basionym: Panicum crus-galli L.(1753)
---(More) See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-410191
ชื่อสามัญ---Cockspur, Cockspur grass, Barnyard millet, Japanese millet, Water grass, Barnyard grass, Billion dollar grass, Chicken-panic grass, goosefoot grass, Jungle rice, Large Barnyardgrass.
ชื่ออื่น---หญ้าข้าวนกสีชมพู, หญ้าพุ่มพวง, หญ้าละมาน ;[ARGENTINA: Arroz silvestre, Cresta gallo.];[ALBANIA: Muhar.];[AUSTRALIA: Chicken panic.];[BANGLADESH: Sharma.];[BRAZIL: Barbudinho.];[CAMBODIA: Smao bek kbol.];[CHINESE: Bai.];[CROATIA: Kokošje proso.];[CUBA: Arrocillo, Pata de cao, Pata de gallo.];[CZECH: Ježatka kurí noha.];[DUTCH: Hanepoot, Vogelpoot.];[FRENCH: Bourgon, Crête de coq, Echinochloa pied-de-coq.];[GERMAN: Hahnenkammhirse, Hühnerhirse, Gemeine, Kleine Hühnerhirse, Kolonistenhühnerhirse.];[HEBREW: Dachenit hashalchin.];[HINDI: Jangli jhangora, Jharwa, Shama.];[INDIA: Kayada, Sawank.];[INDONESIA: Jajagoan (Sundanese), Jawan (Java).];[ITALIAN: Giavone, Pabbio, Pabbione, Panicastrella, Panico piede di gallo, Piè di gallo.];[JAPANESE: Ta-in-ubie.];[MALAYSIA: Padi burung, Rumput kekusa basar, Rumput kusa-kusa.];[MEXICO: Arroz silvestre, Gramilla de rastrojo.];[MYANMAR: Myet-hi.];[NETHERLANDS: Hanepoot.];[PERU: Pasto colorado.];[PHILIPPINES: Daua-daua; Bayokibok (Tagalog); Lagtom (Bikol); Marapagay (Ilokano); Pulang-puwit.];[PORTUGUESE: Canarana, Capim-andrequicé, Capim-capivara, Milha(n) pe' de galo, Sanvo'.];[SPANISH: Arrocilla, Arrocillo, Cola de caballo, Hualcacho, Jaraz fina, Mijo japonés.];[SRI LANKA: Kutirai-val-pul, Martu.];[SWEDISH: Hönshirs.];[THAI: Ya plong, Ya plong laman (Chon Buri), Ta-khaonok (central)];[VIETNAM: Cô' lông vûc, Song chong.].
EPPO Code--- ECHCG (Preferred name: Echinochloa crus-galli)
ชื่อวงศ์--POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตการกระจายพันธุ์---เขตร้อนของ เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกา
Echinochloa crus-galli เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า (Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยAmbroise Marie François Joseph Palisot de Beauvois (1752–1820) นักพฤกษศาสตร์และนักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2355


ที่อยู่อาศัย ต้นกำเนิดของE. crus-galliยังคงคลุมเครือ แต่อาจเป็นถิ่นกำเนิดของเอเชียเขตร้อน แพร่กระจายไปได้ในทุกสภาพแวดล้อมที่หลากหลายจากเขตอบอุ่นถึงเขตร้อนพบได้ทั่วไปในพื้นที่ชุ่มน้ำชลประทานและที่ราบลุ่มน้ำ มีรายงานว่าเป็นวัชพืชใน 61 ประเทศ สามารถพบได้ถึงระดับความสูง 2,500 เมตร ในประเทศไทยพบทั่วไปในทุกภาคของประทศ มักพบขึ้นตามที่รกร้างว่างเปล่า ไหล่ทาง พื้นที่ข้าวนาหว่าน จนถึงพืชไร่  
บทสรุปของการรุกราน---E. crus-galliเป็นสายพันธุ์หญ้าที่รวมอยู่ใน Global Compendium of Weed ( Randall, 2012 ) และเป็นหนึ่งในวัชพืชที่เลวร้ายที่สุดของโลก สายพันธุ์นี้มีความสามารถในการลดผลผลิตพืชและทำให้พืชอาหารสัตว์ล้มเหลวโดยการกำจัดไนโตรเจนในดินถึง 80% E. crus-galli ถือเป็นวัชพืชที่เลวร้ายที่สุดของโลกในนาข้าวและยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นวัชพืชอย่างน้อย 36 พืช ทั่วภูมิภาคเขตร้อนและเขตอบอุ่นของโลก ( Holm et al., 1991 ) ไนเตรตในระดับสูงที่สะสมไว้อาจเป็นพิษต่อปศุสัตว์ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นโฮสต์สำหรับโรคไวรัส หลายชนิด E. crus-galli ได้รับการพิจารณาว่าเป็นวัชพืชสิ่งแวดล้อมที่ได้กลายเป็นที่รุกรานในทุ่งหญ้าธรรมชาติป่าชายฝั่งและพื้นที่ที่ถูกรบกวนในเอเชียแอฟริกาออสเตรเลียยุโรปและอเมริกา (USDA-ARS, 2014 )
ลักษณะ เป็นวัชพืชอายุปีเดียว ลักษณะลำต้นตั้ง แตกเป็นกอแผ่กว้าง สูงประมาณ 30-200 ซม. โคนกาบใบสีม่วงแดง ผิวใบเรียบยาวถึง 65 ซม. กว้าง 5-30 มม.ไม่มีลิ้นใบเส้นกฃางใบสีขาว ดอกออกเป็นช่อแบบช่อแขนงมี 8-10แขนง ค่อนข้างแบน และมีขนสากคาย
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เจริญเติบโตได้ทั้งในที่ชุ่มชื้นมากและที่ชื้นค่อนข้างแห้ง ทั้งที่โล่งแจ้ง และใต้ร่มเงาพืชอื่น ทนต่อสภาพดินส่วนใหญ่รวมถึงสภาพน้ำเค็ม ชอบค่า pH ในช่วง 6 - 7 ทน 4.8 - 8.2 แต่พืชไม่ได้ถูก จำกัด โดย pH ของดิน
การใช้ประโยชน์---ใช้กิน เมล็ดสุกกินได้ใช้กินเหมือนลูกเดือยปรุงได้ทั้งหมดหรือบดเป็นแป้งก่อนใช้ หน่ออ่อนปลายก้านและหัวใจของลำต้น กิน ดิบหรือสุก เมล็ดคั่วชงดื่มแทนเมล็ดกาแฟ
-ใช้เป็นยา เป็นยาพื้นบ้านในการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร รากจะถูกใช้เป็นยาสมานแผล
-วนเกษตร ในอียิปต์ใช้ปลูกเพื่อการฟื้นฟูพื้นที่เป็นเกลือและด่าง
รู้จักอันตราย---หญ้านี้ได้รับการรายงานการสะสมระดับของไนเตรทในเนื้อเยื่อของมัน สูงพอที่จะเป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม ปัญหานี้มักเกิดขึ้นเมื่อพืชถูกให้ด้วยปุ๋ยอนินทรีย์
ระยะออกดอก/ติดผล --- ตลอดปี
ขยายพันธุ์ ---เมล็ด

132 หญ้าบุ้ง,หญ้าสอนกระจับ/Cenchrus echinatus


ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Cenchrus echinatus L.(1753.)
ชื่อพ้อง---Has 16 synonyms
---Cenchrus brevisetus E. Fourn.(1886.)
---Cenchrus hillebrandianus C.L.Hitchc.(1922.)
---(More).See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-403909
ชื่อสามัญ ---Dune sandbur, Burgrass, Hedgehog grass, Southern sandbur, Mossman River grass, Piquant cousin.
ชื่ออื่น ---หญ้าบุ้ง, หญ้าขี้ครอก, หญ้าสอนกระจับ, หญ้าสนกระจับ; [BRAZIL: Arroz bravo, Espinho-de-roseta, Capim carrapicho, Capim roseta.];[CHINESE: Jílí cǎo, Cì ké cǎo, Qià chá mǒu, Cì chá mǒu, Guǐ jiàn chóu.];[COLOMBIA: Carretón chico, Carretón morado, Guizazo bravo.];[CUBA: Cachorro, Cabeza de negro, Guizazo duro.];[FIJI: Se bulabula.];[FRENCH: Herbe rude, Piquant cousin.];[GERMAN: Büffelgras, Stacheliges Klettengras.];[HAWAII: ‘Ume‘alu, Mau‘u kukū.];[HEBREW: Pukah kotzanit.];[HUNGARIAN: Atoktüske.];[ITALIAN: Erba della pampa.];[JAPANESE: Shin-kuri-no-iga.];[MAURITIUS: Herbe à cateaux.];[PHILIPPINES: Agingai, Cauit-cauitan, Sagisi.];[PORTUGUESE: Canapiço, Erva-ouriço, Timbete.];[SAMOA: Vao papalagi, Vao tuitui.];[SPANISH: Abrojo, Cabeza de negro, Cachorro, Cadillo, Cadillo carreton, Cadillo correntino, Cadillo tigre, Espolon, Guizazo, Morado, Mozote (de caballo), Pasto camelo, Pasto roseta, Pega-pega, Roseta, Tembuque cadillo, Zacate banderilla, Zacate cadillo, Zacate erizo, Zacate huachapore.];[SRI LANKA: Kuvenitana.];[SWEDISH: Tagghirs.];[TAHITI: Pipiri, Piripiri.];[THAI: Yaa son krachap, Ya-bung.];[TONGA: Hefa.];[USA/HAWAII: Konpeito-gusa, Ume alu.].
EPPO Code--- CCHEC (Preferred name: Cenchrus echinatus)
ชื่อวงศ์ ---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด ---ทวีปอเมริกา
เขตการกระจายพันธุ์ --- อเมริกาเหนือ อเมริกากลาง อเมริกาใต้  เอเซีย  โอเชียเนีย แอฟริกาตะวันตก
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Cenchrus มาจากคำภาษากรีก 'cenchros' = ข้าวฟ่างอ้างอิงถึง spikelets ของมันมีลักษณะคล้ายเม็ดข้าวฟ่าง ; ชื่อสายพันธุ์ ' echinatus ' หมายถึงอาวุธที่มีหนาม
Cenchrus echinatus เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนในปี พ.ศ.2296


   

ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาเหนือเขตร้อน (เช่นเม็กซิโก และทางใต้ของสหรัฐอเมริกา) แอฟริกา เอเชียและโอเชียเนีย แพร่หลายไปทั่วภูมิภาคเขตร้อนของโลก พบทั่วไป ทั้งในและนอกพื้นที่การเกษตรที่น้ำไม่ท่วมขัง                               ในประเทศไทยพบทุกภาค
บทสรุปการรุกราน---มีรายงานว่าเป็นวัชพืชของพืชผล 18 ชนิดใน 35 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ใน พืชไร่ และทุ่งหญ้า
ลักษณะ เป็นพืชอายุฤดูเดียว ทรงต้นเป็นกอค่อนข้างตั้ง สูง 70-90 แตกรากตามข้อที่แตะพื้นดิน ลำต้นสีเขียวปนม่วงแดง เรียบค่อนข้างมันมีขนปกคลุม ใบ รูปใบหอกโคนใบป้านมน ปลายใบเรียวแหลมใบยาว 15-25ซม. กว้าง 1.5-2.5ซม.ใบสีเขียวเข้ม ผิวใบค่อนข้างนุ่ม หน้าใบมีขน ปกคลุมปานกลาง  หลังใบไม่ มีขน ลิ้นใบเป็นแผ่นเยื่อขอบลุ่ยเป็น กาบใบสีเขียวเข้ม เป็นสันแบนหุ้ม ออกดอกในช่วงฤดูฝน ช่อดอกออกที่ปลายยอดแบบช่อเชิงลดยาว 18-35 ปลายยอดช่อดอกโค้งงอลงเล็กน้อย โคนก้านดอกมีขนแข็งหยาบ เหนียว จำนวนมาก โคนขนเหล่านี้แผ่ติดกันเกิดเป็นกระพุ้งแข็งรองรับกลุ่มดอก เมื่อดอกแก่ขนแข็งทำให้กลุ่มดอกสามารถติดไปกับวัสดุอื่นได้ ดอกอ่อนสีเขียว ดอกแก่สีน้ำตาล ผลเป็นผลแห้งแก่แล้วไม่แตก รูปรี ยาวประมาณ 2 มม. เมื่อแก่ผลมีสีน้ำตาล-เหลือง
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ชอบขึ้นตามที่ร่มเงา ที่ชุ่มชื้น ที่โล่ง พื้นที่ว่างเปล่า ดินทราย ดินเหนียว ดินลูกรัง ดินร่วน การระบายน้ำดี เจริญเติบโตดีในฤดูฝน
ใช้ประโยชน์--- หญ้าสอนกระจับ เป็นแหล่งอาหารสัตว์ตามธรรมชาติในช่วงต้นฤดูฝน สำหรับโค กระบือ
ระยะออกดอก/ติดผล---งอกในฤดูใบไม้ผลิและออกดอกเกือบตลอดทั้งปี
ขยายพันธุ์ --- ด้วยเมล็ด

133 หญ้าบุ้ง,หญ้าขี้ครอก/Cenchrus brownii


ชื่อวิทยาศาสตร์----Cenchrus brownii Roem & Schult.(1817).
ชื่อพ้อง---Has 7 Synonyms. See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-403883
---Cenchrus dactylolepis Steud.(1854.)
---Cenchrus viridis Spreng.(1824.)
ชื่อสามัญ---Fine-bristled burrgrass, Slim-bristle Sandbur, Brown's burgrass, Brown's sandbur, Fine-bristle sandbur
ชื่ออื่น---หญ้าบุ้ง, หญ้าขี้ครอก, หญ้าสอนกระจับ; [COLOMBIA: Abrojo, Mozotillo, Olotillo.];[CUBA: Guizazo.];[JAPANESE: Kurinoiga.];[PORTUGUESE: Capim-roseta.];[SAMOA: Mumuta.];[SPANISH: Abrojo, Cadillo bobo, Mozotillo, Cadillo carretón blanco, Guizazo.];[THAI: Yaa son krachap, Ya-bung.];[VIETNAM: Cỏ cước.].
EPPO Code--- CCHBR (Preferred name: Cenchrus brownii)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา
เขตการกระจายพันธุ์--ทั่วเขตร้อน แอฟริกาตอนใต้ อินโดจีน นิวกินี ออสเตรเลีย
Cenchrus brownii เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Johann Jacob Roemer (1763–1819)แพทย์และนักพฤกษศาสตร์ชาวสวิสและJosef August Schultes (1773–1831) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรียในปี พ.ศ.2360


ที่อยู่อาศัย ถิ่นกำเนิดในอเมริกาเขตร้อน พืชท้องถิ่นในทวีปอเมริกาใต้ อเมริกากลาง หมู่เกาะแปซิฟิก พบใน สหรัฐอเมริกา (ทางใต้), เม็กซิโก, อเมริกากลาง, แคริบเบียน, อเมริกาใต้ (จากโบลิเวียไปทางเหนือ) เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอฟริกาใต้ นิวกินี ออสเตรเลีย พบขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปในที่แจ้งและร่มเงา ตามทุ่งหญ้าที่ถูกทิ้งร้าง พื้นที่รกร้าง สถานที่ที่ถูกรบกวนโดยเฉพาะใกล้ทะเลและบนดินหินปูน ที่ระดับความสูง 0 - 1,000 เมตร ในประเทศไทยพบทุกภาค (บางแห่งพบขึ้นปะปนกับหญ้าบุ้งอีกชนิด (E. echinatus)ซึ่งมีช่อดอกย่อยอยู่บนแกนกลางไม่แน่นเท่า สามารถเห็นแกนกลางได้ง่ายกว่า และมักมีขนาดต้นเล็กกว่า)
ลักษณะ เป็นวัชพืชประเภทใบแคบ อายุฤดูเดียว ลักษณะของหญ้าบุ้งชนิดนี้ ขึ้นเป็นกอ สูงประมาณ 30-50 ซม. ลำต้นสีเขียวปนม่วง-แดง แตกรากตามข้อ มีกาบใบ ยาว 6-12 ซม โคนกาบใบมักมีสีแดง แผ่นใบยาวรูปแถบ กว้าง 0.4-1.3 ซม ยาว 40 ซม ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ผิวใบเกลี้ยง ดอกเป็นช่อดอกรวม ออกที่ปลายยอด ช่อดอกทรงกระบอก แกนกลางช่อดอกเป็นเหลี่ยม เกลี้ยง ช่อดอกย่อยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มแน่นและมีก้านสั้นๆเกิดเรียงสลับอยู่รอบๆแกนช่อดอก ที่โคนก้านดอกมีขนแข็ง หยาบ จำนวนมาก ซึ่งติดอยู่จนกระทั่งกลายเป็นผล ผลเป็นผลแห้ง ไม่แตก เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล-แดง ผลเมื่อแก่สามารถหลุดร่วงออกจากช่อดอกได้ง่าย โดยส่วนปลายช่อจะหลุดออกไปก่อน  เมล็ดรูปไข่ ยาว 1.9-2.6 มม.หัวของเมล็ดมีหนามที่สามารถติดแน่นไปกับเสื้อผ้าและขนสัตว์อาจ แทรก เข้าไปในผิวหนังทำให้เกิดการบาดเจ็บที่เจ็บปวดหรือระคายเคืองน่ารำคาญ
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ชอบขึ้นตามที่ร่มเงา ที่ชุ่มชื้น ที่โล่ง พื้นที่ว่างเปล่า ดินทราย ดินเหนียว ดินลูกรัง ดินร่วน การระบายน้ำดี เจริญเติบโตดีในฤดูฝน
การใช้ประโยชน์--- ใช้เป็นอาหารสัตว์และหญ้าแห้ง หัวของเมล็ดพืชจะลดความอร่อยของอาหารลงไปอาจทำให้ปากเจ็บ อย่างไรก็ตามมันสามารถทำหน้าที่เป็นหญ้าอาหารสัตว์ก่อนที่จะเกิดดอกผล
ระยะออกดอก/ติดผล---ตลอดปี
ขยายพันธุ์---เมล็ด

134 หญ้าดอกห่าง/Paspalidium flavidum


ชื่อวิทยาศาสตร์---Paspalidium flavidum (Retz.) A.Camus ( 1922)
ชื่อพ้อง---Has 7 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-2493667
---Basionym: Panicum flavidum Retz.(1786.)
---Panicum flavidum var. orarium Domin.(1915.)
---Panicum granulare Lam.(1791)
---Setaria flavida (Retz.) Veldkamp(1994.)
ชื่อสามัญ---Yellow Watercrown Grass
ชื่ออื่น---หญ้าดอกห่าง หญ้านกสีชมพู(กรุงเทพ) ;[CHINESE: Lei que bai, Huáng suì lèi què bài.];[FRENCH: Herbe de riz.];[MALAYALAM: Varakapullu.];[PAKISTAN: Kangna.];[SRI LANKA: Ha thana.];[THAI: Ya dok haang, Ya nok si chomphu.].
EPPO Code--- PSPFL (Preferred name: Paspalidium flavidum)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตการกระจายพันธุ์---จีน, เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเลีย, มอริเชียส; เรอูนียง, และหมู่เกาะโซโลมอน
Paspalidium flavidum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Anders Jahan Retzius (1742–1821)นักไลเคน, แพทย์ชาวสวีเดนและและศาสตราจารย์ด้านพฤกษศาสตร์ที่ Lund Universityและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Aimée Antoinette Camus (1879–1965)นักพฤกษศาสตร์สาวชาวฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2465
ที่อยู่อาศัยพบในแอฟริกา: มหาสมุทรอินเดียตะวันตก : อาระเบีย จีนและเอเชียตะวันออก : เอเชีย - เขตร้อน : อินเดีย, อินโดจีน, มาลีเซียและปาปัวเซีย : ออสเตรเลีย แปซิฟิก พบขึ้นอยู่ทั่วไปในสภาพพื้นที่ที่แตกต่างกัน ทั้งที่ดอนและที่ลุ่ม ดินร่วน ดินลูกรัง ดินเหนียวปนลูกรัง ดินเหนียวนา อยู่กลางแจ้งหรือใต้ร่มเงา ที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ 130-800 (-1000) เมตร
ลักษณะ ของหญ้าดอกห่าง เป็นพืชจำพวกหญ้าขึ้นเป็นกอแผ่ออกอายุหลายปี มีลำต้นค่อนข้างแบนสีเขียวเรียบเป็นมัน ทอดนอนตามพื้นดิน ปลายยอดตั้งขึ้นสูง 40-60 ซม.ใบแบบใบดาบ โคนตัด ปลายใบแหลมใบยาว 30 ซม. กว้าง 5-7(10) มม.หน้าใบมีขนสั้น ๆ หลังใบไม่มีขน ใบสีเขียวเข้มมีสีม่วงแดงปน ผิวใบมัน ย่นเป็นแห่ง ๆ หยาบเล็กน้อย ขอบใบสีม่วงแดงหยักแบบฟันเลื่อยถี่สั้น ๆช่อดอกออกที่ปลายยอดแบบช่อกระจะ ยาว 10-25 ซม มีช่อดอกย่อยแนบไปกับแกนช่อดอก มี 8-11 ช่อ ไม่มีก้านดอก ดอกเกิดสลับกันบนแกน ด้านเดียว มี 12-19 ดอก ดอกแก่สีขาวอมเขียวอ่อน ๆ ร่วงยาก เมล็ดรูปไข่ยาวถึง 1.5 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม----ชอบแสงแดดส่องถึงหรือบางส่วน ดินร่วนปนดินเหนียว ชื้นถึงแห้งเล็กน้อย
ใช้ประโยชน์--- เป็นแหล่งอาหารสัตว์ตามธรรมชาติสำหรับ โค กระบือ
ระยะออกดอก/ติดผล ---กรกฎาคม-ธันวาคม
ขยายพันธุ์ --- เมล็ด

135 หญ้ากุศลา/Panicum cambogiense

ชื่อวิทยาศาสตร์---Panicum luzonense J.Presl.(1830)
ชื่อพ้อง ---Has 6 Synonyms .See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-429114
---Basionym: Panicum cambogiense Balansa.(1890)
---Panicum cruciabile Chase.(1939)
ชื่อสามัญ---Net-veined panicum.
ชื่ออื่น---หญ้ากากอ้อย(กรุงเทพฯ), หญ้ากุศลา(นครสวรรค์), หญ้าปล้องขน(กาญจนบุรี); [CHINESE: Wǎng mài shǔ, Da luo wan cao, Gāng mài jì.];[THAI: Ya kak oey (Bangkok), Ya kussala (Nakhon Sawan), Ya plong khon (Kanchanaburi).];  
EPPO Code---PANCB (Preferred name: Panicum luzonense)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์---จีนและเอเชียตะวันออก
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสายพันธุ์ 'luzonense' = จากลูซอนประเทศฟิลิปปินส์
Panicum luzonense เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Jan Svatopluk Presl (1791-1849) นักภาษาศาสตร์และนักธรรมชาติวิทยาชาวเช็กในปี พ.ศ.
ที่อยู่อาศัย พบการกระจายในประเทศจีน(มณฑลกวางตุ้ง, กวางสีและไต้หวัน), อินเดีย, ศรีลังกา, พม่า , กัมพูชา , ฟิลิปปินส์ , อินโดนีเซีย ส่วนใหญ่เติบโตตามทุ่งนา ชายป่า ริมถนนหนทาง ที่รกร้างทั่วไป
ลักษณะ เป็นวัชพืชพวกหญ้าเป็นพืชอายุปีเดียวลักษณะหญ้ากุศลาต้นสูงโดยประมาณ 30 - 50 เซนติเมตร ใบเรียวไปที่ปลายใบ หน้าใบมีขนประปราย หลังใบมีปุยขนสีขาวปกคลุมหนาแน่น ใบกว้าง 0.5-1.5 ซม. ยาว 5-20 ซม. ช่อดอก ยาว 10-30 (-50) ซม. มีขนสั้นกิ่งก้านเรียวยาวหยาบ กาบรีรูปไข่ยาว 2-2.5 มม. สีเขียวหรือสีม่วง เมล็ดมีเปลือกหุ้ม รูปไข่ ยาว 1.4 มม.เมล็ดแก่ต้นจะแห้งตาย
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เจริญเติบโตในช่วงต้นฤดูฝน ชอบขึ้นในสภาพไร่ ในสภาพน้ำขังแต่หากน้ำเพิ่มระดับและท่วมยอดจะเน่าตายเพราะไม่สามารถยืดตัวหนีน้ำได้
การใช้ประโยชน์--- เป็นอาหารสัตว์ โค กระบือ แทะเล็มตามธรรมชาติ
ระยะออกดอก/ติดผล --- พฤษภาคม-มิถุนายน
ขยายพันธุ์ --- เมล็ด

136 หญ้าไข่เหาหลวง/Panicum  notatum.

ชื่อวิทยาศาสตร์---Panicum notatum Retz.(1786)
ชื่อพ้อง---Has 7 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-429489
---Panicum cordatum Buse (1854.)
---Panicum euchroum Steud.(1854.)
---Panicum montanum Roxb.(1820)
ชื่อสามัญ---Panicum
ชื่ออื่น---หญ้าไข่เหาหลวง (เชียงใหม่); หญ้ายุง (เลย); [CHINESE: Xīn yè jì.];[INDIA: Narhali.];[INDONESIA: Rumput bambu.];[MALAYSIA: Rumput bambu (Indonesia)];[NEPALESE: Rakte.];[THAI: Ya khai hao hloung, Ya-yung, Yayoong.];[VIETNAM: Kê núi, Cỏ gừng núi.]
EPPO Code--- PANNT (Preferred name: Panicum notatum)
ชื่อวงศ์ ---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตการกระจายพันธุ์---อินเดีย เนปาล ภูฏาน ยูนนาน พม่า ไทย ลาว เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย
Panicum notatum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Anders Jahan Retzius (1742–1821)นักไลเคน, แพทย์ชาวสวีเดนและและศาสตราจารย์ด้านพฤกษศาสตร์ที่ Lund Universityในปี พ.ศ.2329
ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนและเอเชียกึ่งเขตร้อน ขึ้นตามริมป่าในประเทศไทยพบทุกภาค ขึ้นตามชายป่าหรือในป่าดิบแล้งและป่าดิบชื้น
ลักษณะ เป็นพืชค้างปีอายุหลายฤดู ลำต้นกลวง ทรงต้นค่อนข้างตั้งความสูงของต้น 0.8-2 เมตร ลำต้นสีเขียวไมีมีขน ค่อนข้างแข็งเหนียว ข้อสีเขียวอมม่วงมีขนรอบๆข้อเล็กน้อย ใบรูปใบหอก กว้าง1-3.5 ยาว 7-20 ซม ปลายใบเรียวแหลม โคนใบป้านมนบานรูปหัวใจ ซึ่งเป็นลักษณะเด่น เส้นใบขนานไปปลายใบ สีใบเขียวเข้ม ผิวใบค่อนข้างหยาบเล็กน้อย หน้าใบมีขนยาวประมาณ 1-2 มม.จำนวนมาก หลังใบมีขนน้อยกว่า ยอดอ่อนโผล่แบบม้วน ช่อดอกออกที่ปลายยอดแบบแยกแขนงยาว 10-40 ซม.กิ่งก้านสาขาหลักแพร่กระจาย ดอกสีเขียวอมม่วง มีกาบหุ้มดอก(glume)สองกาบ กลุ่มดอกย่อยมี2ดอก ดอกบนเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ดอกล่างเป็นหมัน เมล็ด รูปรียาว ขนาดประมาณ 3 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พบขึ้นในที่ค่อนข้างร่มเงา ในดินร่วนปนทราย
การใช้ประโยชน์---ใช้ป็นยา ในเวียตนามใช้เมล็ดลดไข้, ขับปัสสาวะ
-อื่น ๆ เป็นแหล่งอาหารสัตว์ธรรมชาติแทะเล็มสำหรับ โค กระบือ
ระยะออกดอก/ติดผล ---เมษายน-กันยายน/พฤษภาคม-พฤศจิกายน
ขยายพันธุ์ --- เมล็ด

137 หญ้าแพรก/Cynodon dactylon


ชื่อวิทยาศาสตร์---Cynodon dactylon (L.) Pers.(1805)
ชื่อพ้อง---Has 68 Synonyms
---Basionym: Panicum dactylon L.(1753).
---(more).See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-406339
ชื่อสามัญ---Bermuda grass, Bahama grass, Couch grass, Scutch grass, Devil grass, Dog's tooth grass, Quick grass, Star grass
ชื่ออื่น ---หญ้าแผด(ภาคเหนือ), หญ้าแพรก(ภาคกลาง), หนอเก่เด (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ;[ANGORA: Usila.];[ARGENTINA: Chepica brava, Grama bermuda.];[BRAZIL: Capim de burro, Capim-bermuda, Capim-fino.];[CAMBODIA: Smao anchien.];[CHILI: Pasto de galina.];[CHINESE: Gǒu yá gēn.];[COLOMBIA: Pasto Argentina, Pasto ingles.];[CUBA: Grama, Hierba de la Bermuda, Hierba fina.];[DUTCH: Bermudagras, Handjesgras, Hondstand.];[EGYPT: Negil.];[FIJI: Balama grass, Kabuta.];[FRENCH: Chiendent, Chiendent dactyle, Chiendent pied-de-poule, Herbe des Bermudes.];[GERMAN: Echte-Hundsahn, Finger Hundsahngras, Hundszahn.];[GREECE: Agriada.];[HINDI: Doob.];[INDIA: Arugampul, Doob, Duba, Hariali.];[INDONESIA: Gigirintingan, Jukut kakawatan, Jukut raket.];[IRAN: Chair.];[IRAQ: Thayyel.];[ISRAEL: Yableet matsui.];[ITALIAN: Gramigna, Gramigna rampicante.];[JAPANESE: Bâmyûdagurasu, Gyogishiba.];[KOREA: U san dae ba raeng i, U san jan di.];[MYANMAR: Mye-sa-myet, Mye-za-gyi.];[MALAYSIA: Rumput minak.];[NEW ZEALAND: Indian doab.];[PAKISTAN: Khabbal, Talla.];[PHILIPPINES: Babalut, Galud-galud, Kawad-kawaran, Kulatai.];[POLISH: Trawa bermudzka.];[PORTUGUESE: Capim-coastcross, Capim-das-Bermudas, Grama-seda, Mate-me-embora.];[SANSKRIT: Durva.];[SAUDI ARABIA: Nageel.];[SOUTH AFRICA: Gewone kweekgras.];[SPANISH: Grama Bermuda, Grama común, Grama de Espana, Gramilla, Pasto bermuda, Zacate chino, Zacate de gallina.];[SRI LANKA: Aruham-pul, Buha.];[SUDAN: Nagila.];[SURINAME: Ttigriston.];[SWEDISH: Hundtandgraes.];[TAIWAN: Gou-ya-gen.];[THAI: Ya phaet (Northern), Ya phraek (Central), No-ke-de (Karen-Mae Hong Son).];[USA/HAWAII: Mahiki, Manieni.];[VIETNAM: Cò chi', Co' ông.];[ZAMBIA: Kapinga.].
EPPO Code--- CYNDA (Preferred name: Cynodon dactylon)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---ทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย และยุโรปใต้
Cynodon dactylon เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Christiaan Hendrik Persoon (1761–1836) นักพฤกษศาสตร์ นักวิทยาเชื้อรา,นักไลเคนและแพทย์ชาวแอฟริกาใต้ ในปี พ.ศ.2348


ที่อยู่อาศัย เป็นพืชพื้นเมืองในทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย และยุโรปใต้ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับทุกเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของโลกและถูกพบว่ามีชีวิตรอดได้ไกลถึงตอนเหนือในยุโรปและสูงถึง 4,000 เมตร ในเทือกเขาหิมาลัย บนพื้นที่แห้งแล้ง ในประเทศไทย พบเป็นวัชพืชทั่วไปทั้งในและนอกพื้นที่การเกษตร เช่น คันนา ไหล่ทาง ที่รกร้าง บางแห่งนำมาปลูกเป็นหญ้าสนาม ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 40-400 เมตร
บทสรุปของการรุกราน---ชื่อ หญ้าเบอร์มิวดา มาจากการที่หญ้าแพรกเป็นพืชต่างถิ่นรุกรานในเบอร์มิวดา แต่ไม่ได้เกิดที่นั่น ได้รับการปลูกอย่างกว้างขวางทุกภูมิภาคเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของโลก การเติบโตและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการเติบโตที่หนาแน่น ยากที่จะกำจัดและสามารถกลายเป็นวัชพืชที่ร้ายแรงในพื้นที่เพาะปลูกส่งผลกระทบต่อพืชไร่ เช่น ข้าวโพด, ฝ้าย, อ้อย, ปัจจุบัน C. dactylon ถูกระบุว่าแพร่กระจายในหลายประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ กัมพูชา เวียดนาม สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก คอสตาริกา เปอร์โตริโก ชิลี โคลอมเบีย อุรุกวัย อาร์เจนตินา บราซิล และอีกหลายเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น เช่น ฮาวาย ฟิจิ และเฟรนช์โปลินีเซีย เป็นต้น
ลักษณะ เป็น วัชพืชข้ามปี ประเภทใบแคบ อายุหลายปีลักษณะมีลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน ลำต้นสูงได้ ประมาณ 8- 30 ซ.ม.ขนาด เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 0.5-1 มม.แตกกอแผ่กว้าง มีไหลเลื้อยไปตามพื้นดิน และมีรากตามข้อที่ติดผิวดิน ใบสีเทาอมเขียว แคบเรียว ยาว 1-12 ซม. กว้าง 2-4 มม ผิวใบเกลี้ยง ลิ้นใบเป็นแผ่นบาง ปลายเป็นริ้ว ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด ช่อดอกแบบช่อกระจะยาว 1.5-6 (-8) ซม.แตกช่อแขนงย่อย 45ช่อ ที่ปลาย ช่อดอกเรียงสลับบนแกนกลางด้านเดียว ช่อดอกย่อยมี1ดอกย่อย
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการตำแหน่งที่มีแดดจัด ทนต่อดินหลากหลายชนิดรวมถึงดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เป็นหญ้าที่หยั่งรากลึกและทนแล้ง เติบโตได้ดีที่สุดในดินที่มีการระบายน้ำดี ดินแห้งถึงดินชื้น ทนต่อช่วง pH ของดินที่กว้าง แต่เติบโตได้ดีที่สุดเมื่อค่า pH ของดินสูงกว่า 5.5 สามารถทนแล้งและน้ำท่วมขังได้ดี ทนดินเค็ม และเจริญเติบโตได้แม้จะอยู่ในร่มเงา หลังจากไฟไหม้หน่อใหม่และใบจะแตกหน่ออย่างรวดเร็วเนื่องจากได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยการสำรองใต้ดินที่เพียงพอ ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง-2 ถึง -3°C
การใช้ประโยชน์--- ใช้เป็นยา มีสรรพคุณทางสมุนไพร ทั้งต้น รสขมเย็น ตำกับสุราพอกหรือทาแก้พิษอักเสบ ปวด บวม-ในระบบการแพทย์ Homoeopathicใช้รักษาเลือดทุกชนิดและปัญหาผิว ใน Rwandaใช้รักษาโรคหนองในและเยื่อบุตาอักเสบ-ตามระบบอายุรเวทพืช ฉุน, ขม, มีกลิ่นหอม, ความร้อน, อาหารเรียกน้ำย่อย, ช่องโหว่, anthelmintic, ลดไข้, alexiteric มันทำลายความเหม็นของลมหายใจมีประโยชน์ในการรักษา leucoderma, หลอดลมอักเสบ,โรคหอบหืด, เนื้องอก, และการขยายตัวของม้าม-ตามระบบการแพทย์ของ Unani พืชนั้นมีรสขม รสเผ็ดร้อน มีกลิ่นดี เป็นยาระบาย ยาบำรุงสมองและหัวใจ ยาโป๊, alexipharmic, emetic, emmenagogue, เสมหะ, ขับลมใช้สำหรับไข้หวัดใหญ่หรือไวรัสในเด็ก และปวดฟัน
-ใช้ในวนเกษตร ใช้เป็นพืชคลุมดินและป้องกันการพังทลายของดิน และสามารถปลูกเพื่อสร้างสนามหญ้าที่หนาแน่นซึ่งทนต่อการสัญจรของเท้าได้ดี
-ใช้ปลูกประดับ นิยมมากในสนามกอล์ฟในเขตกึ่งร้อนและเขตร้อนใช้ทั้งบนแฟร์เวย์และทีออฟ
ระยะออกดอก/ติดผล---ตลอดปี
ขยายพันธุ์---ด้วยเมล็ด และไหล

กกดอกแบน/Cyperus compressus


ชื่อวิทยาศาสตร์---Cyperus compressus L.(1753)
ชื่อพ้อง---Has 15 synonyms  
---Chlorocyperus compressus (L.) Palla (1909)
---Cyperus brachiatus Poir.(1806)
---Cyperus meyenil Nees.(843.)
---Cyperus pectiniformis Schult.(1824)
---(More).See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-236092
ชื่อสามัญ---Sedge, Annual sedge, Hedgehog cyperus, Poorland Flat Sedge, Summer sedge.
ชื่ออื่น---กกดอกแบน ;[CHINESE: Bian sui suo cao.];[FRENCH: Souchet comprimé, Cyperacee à tete herissee.];[HINDI: Mothi.];[JAPANESE: Kugugayatsuri.];[MALAYSIA: Rumput tiga segi.];[SPANISH: Juncia annal, Juncia erizo, Juncia plana.];[TAHITI: Mo'u upo'o taratara.];[THAI: Kok dok baen.];[TONGA: Pakopako, Pakopako ano.];[ZAMBIA: Kapinga.].
EPPO Code--- CYPCP (Preferred name: Cyperus compressus)
ชื่อวงศ์---CYPERACEAE
ถิ่นกำเนิด--- ทวีปแอฟริกา เอเซียและอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---ประเทศจีน อัฟกานิสถาน, บังคลาเทศ, ภูฏาน, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, แคชเมียร์, ลาว, พม่า, เนปาล, ปากีสถาน, ปาปัวนิวกินี, ฟิลิปปินส์, ศรีลังกา, ไทย, เวียดนาม; แอฟริกา, ออสเตรเลีย, อเมริกากลาง, เหนือและอเมริกาใต้, หมู่เกาะมหาสมุทรอินเดีย, มาดากัสการ์, หมู่เกาะมหาสมุทรแปซิฟิก
Cyperus compressus เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์กก (Cyperaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนในปี พ.ศ.2296
ที่อยู่อาศัย มันเติบโตในแอฟริกาเขตร้อนเอเชียและสหรัฐอเมริกา มีการกระจายอย่างกว้างขวางในทุกประเทศที่อบอุ่นของโลก เป็นสายพันธุ์กึ่งเขตร้อนเติบโตได้ดีในช่วงฤดูร้อนและเดือนที่ฝนตกในสถานที่ต่าง ๆ ที่ชื้นทุ่งชลประทานตามช่องทางน้ำคูคลองริมลำธารบ่อหญ้าสนามหญ้าชื้น ฯลฯ มันเกิดขึ้นบนพื้นทราย ดินทรายและดินเหนียวบางครั้งสูงถึง 1200 เมตรในศรีลังกา ในประเทศจีน ใกล้ระดับน้ำทะเลถึง 900 (-1600) เมตรใน Hawai'i, "แปลงสภาพเป็นธรรมชาติในสถานที่ที่มีความชื้นรบกวนและพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่ระดับความสูง 0-300 เมตร และในโคลัมเบียพบที่ระดับ 0-2,700 เมตร
ลักษณะ เป็นวัชพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ประเภทกก อายุฤดูเดียว ลักษณะแตกกอแผ่กว้าง ต้นตั้งตรง สูงประมาณ 10-45 ซม. ใบรูปแถบ กว้าง 1-5 มม. ยาว 5-25 ซม. มีวงใบประดับรองรับช่อดอกรูปร่างคล้ายใบ 2-5 ใบ ยาวกว่าความยาวช่อแขนง ช่อดอกเป็นช่อเดี่ยวหรือช่อกระจุกเชิงประกอบ แตกช่อแขนง 3-10 ช่อ ยาว 2-10 ซม. แต่ละช่อแขนงมีช่อดอกย่อย 3-10 ช่อ เรียงเป็นกลุ่มเป็นรูปนิ้วมือ ช่อดอกย่อยแบนข้าง รูปขอบขนาน กาบช่อย่อยปลายเป็นติ่งหนาม เกสรเพศเมีย 3 ผลขนาดเล็กรูปไข่กว้าง มี 3 มุม มีจุดโปร่งแสงขนาดเล็ก
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---มักชอบขึ้นในที่มีความชื้นสูง หรือชื้นแฉะทั้งในดินและดินทราย พบทั่วไปตามชายน้ำ ที่ที่มีน้ำท่วมขังไม่ลึกนัก เช่น ริมคันคลอง หนอง บึง ทุ่งหญ้า สามารถทนแล้งได้ โตได้เร็วและดีในที่มีแสงแดดจัด และดินอัดแน่น จึงเป็นวัชพืชที่สำคัญของ สนามหญ้าและสนามกอล์ฟด้วย
ใช้ประโยชน์---ใช้เป็นยา ในประเทศอินเดียใช้ในการรักษาโรคหนอนพยาธิลำไส้
ระยะออกดอกติดผล---ตลอดปี
ขยายพันธุ์---เมล็ด

139 กกทราย/-Cyperus iria


ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Cyperus iria L.(1753)
ชื่อพ้อง ---Has 16 synonyms
---Chlorocyperus iria (L.) Rikli.(1895).
---Cyperus chrysomelinus Link.(1833)
---(More).See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-237067
ชื่อสามัญ---Rice flatsedge, Umbrella sedge, Ricefield flatsedge, Grasshopper's cyperus, Iria Flatsedge.
ชื่ออื่น---กกทราย, กกหัวแดง, หญ้ารังกาแก้ว; [BANGLADESH: Barachucha.];[BRAZIL: Tiririca-do-brejo.];[CAMBODIA: Kak kangkep.];[CHINESE: Sui mi suo cao.];[HINDI: Morphula.];[INDONESIA: Dekeng wangin, Djekeng, Nyur-nyuran, Rumput jekeng kunyit, Umbung.];[JAPANESE: Kogome-gayatsuri.];[KOREA: Chambang-donsani, Cham bang dong sa ni.];[MALAYSIA: Rumput menderong.];[NEPALI: Chow, Guchen, Mothey, Ochumani.];[PAKISTAN: Khana.];[PALAU: Badel aus.];[PHILIPPINES: Alinang, Ballayang, Payong-payong, Sirau-sirau, Sudsud, Taga-taga.];[PORTUGUESE: Tiririca-do-brejo.];[SPANISH: Corocillo, Iria.];[TAHITI: Mou, Mou hairi.];[THAI: Kok huadaeng, Yaa rangkaa kaew.];[USA: Rice flatsedge.].
EPPO Code--- CYPIR (Preferred name: Cyperus iria.)
ชื่อวงศ์---CYPERACEAE
ถิ่นกำเนิด ---เขตร้อนทั่วโลก
เขตกระจายพันธุ์---เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนจากแอฟริกาตะวันตกผ่านเอเชียกลางและตะวันออกไปจนถึงนิวกินีและออสเตรเลีย
Cyperus iria เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์กก(Cyperaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนในปี พ.ศ.2296
ที่อยู่อาศัย พบมากที่สุดเป็นวัชพืชในญี่ปุ่นหมู่เกาะแปซิฟิกและออสเตรเลียทางใต้และผ่านอินเดียไปทางทิศตะวันตก นอกเอเชียมีรายงานในแอฟริกาตอนใต้และตะวันตกและในสหรัฐอเมริกา พบที่ระดับความสูง100-2,000 เมตร ในประทศไทยพบทุกภาคของประเทศ พบขึ้นตามทุ่งนาที่โล่งชื้นและพื้นที่เพาะปลูกอื่น ๆ  รวมถึงตลิ่งและคูน้ำ ที่ระดับความสูงไม่เกิน 700 เมตร
บทสรุปของการรุกราน C. iria ได้รับการจัดอันดับโดยHolm et al (1977)เป็นหนึ่งในสามวัชพืชที่สำคัญที่สุดของข้าวในศรีลังกา อินเดีย และฟิลิปปินส์ เป็นวัชพืชหลักในอินโดนีเซียและญี่ปุ่น และเป็นวัชพืชทั่วไปในฟิจิ ไทย และสหรัฐอเมริกา ส่วนใหญ่เป็นวัชพืชของข้าวทั่วโลก
ลักษณะ เป็นวัชพืชประเภทกก อายุฤดูเดียวลำต้นใต้ดินเป็นเหง้าสั้นๆ มีรากจำนวนมากสั้นสีเหลืองแดง ลำต้นเหนือดินแตกเป็นกระจุกสามเหลี่ยมไม่มีข้อปล้องสีเขียว หนา 0.6-3.0 มม. สูงประมาณ 8-60 ซม. ใบ ออกจากโคน เรียวยาว แคบ ดอกออกเป็นช่อ 5-30 ซม. กว้าง 1-6 มม. ก้านมีลักษณะตั้งตรงกระจายหนาแน่น 6-24 ดอก ช่อดอกแตกแขนงจากจุดเดียวกัน ผลเป็นลูกเล็ก (nutlet) ยาว 1.0-1.5 มม. กว้าง 0.6-0.7 มม. รูปไข่กลับ รูปสามเหลี่ยมในแนวขวาง สีน้ำตาลเข้มถึงเกือบดำ พื้นผิวเกือบจะเรียบ
ข้อกำหนดสภาพแวดล้อม---ตำแหน่งที่มีแดดจัด ดินที่มีความชื้นสูง ชื้นแฉะ แต่ไม่ท่วมขัง มันเป็นวัชพืชที่สำคัญของที่ลุ่มและนาข้าวที่ได้รับการชลประทาน
การใช้ประโยชน์--- พืชที่เก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นเป็นยาและแหล่งที่มาของวัสดุ
-ใช้เป็นยา ใช้ในการรักษาโรคไขข้อและควบคุมการมีประจำเดือน เหง้าถูกนำมาใช้เป็นยาขับปัสสาวะ เป็นยาสมานแผลยาแก้ปวดกระตุ้นกระเพาะอาหารและยาชูกำลัง
-ใช้ประโยชน์อื่นๆ ใช้เป็นวัสดุสำหรับทอเสื่อ ฯลฯ
ระยะออกดอก/ติดผล---มิถุนายน-ตุลาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด

140 ธูปฤๅษี/ Typha angustifolia


ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Typha angustifolia L.(1753.)
ชื่อพ้อง ---Has 15 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-270931
---Typha foveolata Pobed.(1949.)
---Typha pontica Klokov f. & Krasnova.(1972.)
ชื่อสามัญ---Bulrush, Cattail, Cat-tail, Elephant grass, Flag, Narrow-leaved Cat-tail, Narrowleaf cattail, Lesser reed-mace, lesser bulrush
ชื่ออื่น--- กกช้าง, ธูปฤๅษี (ทั่วไป), หญ้าสลาบหลวง (ภาคเหนือ) ;[ALBANIA: Shavar, Shavari gjethengushtë.];[ARGENTINA: Totora.];[AUSTRALIA: Cumbungi.];[BELGIUM: Kleine Lisdodde.];[BRAZIL: Taboa.];[CHINESE: Pu Huang, Shuǐ zhú.];[COLOMBIA: Enea.];[CZECH: Orobinec úzkolistý.];[FRENCH: Quenouille à feuilles étroites, Massette des étangs, Massette a feuilles etroites.];[GERMAN: Schmalblatt-Rohrkolben, Schmalblättriger Rohrkolben.];[HEBREW: Suf tzar-'alim.];[INDONESIA: Lembang (tumbuhan), Lembang, Purun.];[ITALIAN: Stiancia minore.];[JAPANESE: Himegama, Hime-gama, Hosobahimegama.];[KOREA: Ae gi bu deul.];[MALAYSIA: Banat.];[MALAYALAM: Aanapullu ,Chambu ,Aattudharbapullu ,champu ,Payapullu.];[NETHERLANDS: Kleine Lisdodde.];[PHILIPPINES: Balangot.];[POLSKI: Pałka wąskolistna, Rogożka.];[PORTUGUESE: Foguetes, Taboa, Tabua-estreita.];[SPANISH: Acena, Anea, Espadaña, Abea, Junco de la pasion, Maico de hoja estrecha, Paja de estera, Suca, Totora, Vatro, Tuturaco.];[SWEDISH: Smalkaveldun.];[THAI: Kok chang, Thup ruesi (Central); Ya salap luang (Northern).];[TURKISH: Saz.];[VIETNAM: Bồ hoàng, Bồn bồn, Cỏ nến lá hẹp, Hương bồ lá hẹp, Thủy hương.].
EPPO Code--- TYHAN (Preferred name: Typha angustifolia.)
วงศ์ --- TYPHACEAE
ถิ่นกำเนิด ---ทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---ประเทศในเขตร้อนและในเขตอบอุ่น ทั่วโลก
Typha angustifolia เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์ (Typhaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนในปี พ.ศ.
ธูปฤาษี มีสองสายพันธุ์ คือพันธุ์ ธูปฤาษีทั่วไป หรือธูปฤาษีใบกว้าง (Typha latifolia) และพันธุ์ใบแคบ (Typha angustifolia)ซึ่งแทบแยกกันไม่ออก


ที่อยู่อาศัยมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ มีการกระจายไปทั่วซีกโลกเหนือตอนกลางซึ่งเกิดขึ้นในอย่างน้อย 56 ประเทศ ในภูมิภาคยุโรป เมดิเตอร์เรเนียน คอเคซัส ไซบีเรีย รัสเซีย ตะวันออกไกล เอเชียกลาง เทือกเขาหิมาลัย อินเดีย จีน เกาหลี มองโกเลีย อเมริกาเหนือ พบขึ้นตามที่ชื้นแฉะหรือแหล่งน้ำตื้น ตามหนองน้ำ ลุ่มน้ำทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ตามทะเลสาบหรือริมคลอง รวมไปถึงตามที่โล่งทั่ว ๆ ไปและพื้นที่ชุ่มน้ำที่ถูกรบกวนถึงระดับความสูง 2,000 เมตร ในประเทศไทยพบระบาดในแหล่งน้ำขังทั่วทุกภาค
ลักษณะ เป็นวัชพืชล้มลุกอายุหลายปี แทงหน่อจากเหง้า ขึ้นเป็นระยะสั้น ๆ ลำต้นตั้งตรง มีความสูงประมาณ 1.5-3 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวแตกแบบสลับกันเป็นสองแถวด้านข้าง รูปแถบ มี12-16ใบ ดอก สีน้ำตาลออกเป็นช่อแยกเพศอยู่บนก้านเดียวกันกับก้านช่อ ดอกเรียวแข็งสูงเกือบเท่าใบ ดอกเพศผู้เป็นกลุ่มหลวมๆ ที่ปลายช่อ ดอกเพศเมียอยู่ด้านล่าง ดอกย่อยอัดแน่นเป็นรูปทรงกระบอก ยาว25-30 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลางดอกประมาณ 2 ซม.รังไข่มีก้านยาวและขนสีขาวจำนวนมาก ผลเมื่อแก่แตกตามยาวมีขนาดเล็กมาก
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่ไม่สามารถเติบโตได้ในที่ร่ม ชอบดินที่เปียกและสามารถเจริญเติบโตได้ในน้ำไม่สามารถอยู่รอดได้ในน้ำที่ลึกกว่า 60-80 ซม
ศัตรูพืช/โรคพืช---แมลงเต่าทองพื้นเมืองและตัวอ่อนของผีเสื้อกลางคืน noctuidเช่นBellura obliquaกินเนื้อเยื่อTypha ;-สายพันธุ์ของTyphaเป็นหนึ่งในวัชพืชในน้ำที่ควบคุมโดยการนำปลาซิปรินส์เข้าสู่แหล่งน้ำทั่วโลก ( Julien and Griffiths, 1998 )
ใช้ประโยชน์---พืชถูกใช้ในท้องถิ่นใช้เป็นแหล่งวัสดุ สิ่งทอ, เส้นใย, เซลลูโลส - กระดาษ , การก่อสร้าง, อาหาร, อาหารสัตว์, พืชสมุนไพรและไม้ประดับ
-ใช้กิน ชิ้นส่วนทั้งหมดกินได้ ในเวียดนาม ลำต้นที่กินได้เรียกว่า bồnbồn ใช้กินเป็นผักหรือเป็นผักดอง -มีการประเมินว่าหนึ่งเอเคอร์ของT. angustifoliaจะให้ผลผลิตแป้งประมาณ 6,475 ปอนด์ (จากละอองเกสร) ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต 80% และโปรตีน 6-8% (Harrington 1972 ใน Stevens and Hoag 2006)
-ใช้เป็นยา ในประเทศจีน ละอองเกสรดอกไม้ของธูปฤาษี ถูกนำมาใช้ในการรักษาประจำเดือน เลือดออกในมดลูก ปัสสาวะขัด
-ใช้ปลูกประดับ ในฐานะที่เป็นไม้ประดับแนะนำสำหรับการตกแต่งสระน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำในสวนสาธารณะและสวนป่า
-วนเกษตร ธูปฤาษีแคบใบถูกนำมาใช้ในการฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำทุ่งหญ้า นอกจากนี้ยังสามารถปลูกตามทะเลสาบและบ่อน้ำเพื่อรักษาเสถียรภาพของพื้นที่ลุ่มและป้องกันชายฝั่งจากการกัดเซาะ
-มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศของพื้นที่ชุ่มน้ำในบริเวณที่เกิด โดยการเพิ่มอาหารและความหลากหลายของถิ่นที่อยู่ ให้ความคุ้มครองสำหรับสัตว์ป่า หนึ่งในพืชที่พบมากที่สุดที่พบในบ่อธรรมชาติลำธารและบึง เป็นอาหารและที่พักพิงสำหรับนกน้ำในป่า เมล็ดของมันถูกกินโดยเป็ดหลายชนิด ;-ธูปฤาษีสามารถกำจัดตะกั่ว, เหล็ก, แมงกานีส, ทองแดง, สังกะสีและนิกเกิลจากสารละลายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ยังสามารถดูดซับสีย้อมสังเคราะห์ ทำให้เป็นพืชที่เป็นไปได้ในการบำบัดน้ำเสียที่ซับซ้อน
-อื่น ๆใบธูปฤาษีมีความยาวและเหนียวจึงนิยมนำมาใช้มุงหลังคา และสามารถนำมาใช้สานตะกร้า ทำเสื่อ ทำเชือก;-เยื่อของต้นธูปฤาษีสามารถนำมาใช้ทำกระดาษและทำใยเทียมได้ เส้นใยที่ได้จะมีสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อน สามารถนำมาใช้ทอเป็นผ้าเพื่อใช้สำหรับแทนฝ้ายหรือขนสัตว์;-ใช้สำหรับเป็นเชื้อเพลิง ต้นธูปฤาษีมีปริมาณของโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตค่อนข้างสูงกากที่เหลือจากการสกัดเอาโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตออกแล้วใช้แบคทีเรียที่ไม่ใช้ออกซิเจนย่อย จะให้แก๊สมีเทนซึ่งใช้สำหรับเป็นเชื้อเพลิงได้
ระยะออกดอก/ติดผล---มิถุนายน-กรกฎาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด, ไหล (เหง้า) 

141 หญ้าหนวดปลาดุก/Fimbristylis polytrichoides


ชื่อวิทยาศาสตร์---Fimbristylis polytrichoides (Retz) R.Br.(1810.)
ชื่อพ้อง--- Has 11 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-245835                 ---Basionym: Scirpus polytrichoides Retz.(1786)
ชื่อสามัญ---Rusty sedge
ชื่ออื่น---หญ้าหนวดปลาดุก ; [CHINESE: Xi ye piao fu cao.];[INDIA: Rebha Kaproleam.];[THAI: Yaa nuat plā duk.];
EPPO Code: FIMPO (Preferred name: Fimbristylis polytrichoides)
ชื่อวงศ์---CYPERACEAE
ถิ่นกำเนิด--ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---- แอฟริกา มาดากัสการ์ จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิวกินี และ ออสเตรเลีย
Fimbristylis polytrichoides เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์กก(Cyperaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยAnders Jahan Retzius (1742–1821)นักไลเคน, แพทย์ชาวสวีเดนและและศาสตราจารย์ด้านพฤกษศาสตร์ที่ Lund Universityและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Robert Brown (1773–1858)นักพฤกษศาสตร์และนักบรรพชีวินวิทยาชาวสก็อตในปี พ.ศ.2353
ที่อยู่อาศัยเป็นพืชพื้นเมืองทางทิศตะวันออกของแอฟริกา ,มาดากัสการ์ ,เอเซีย-ประเทศจีน, ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบใน คาบสมุทรมาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ (ลูซอน, ปาเนย์), อินโดนีเซีย (สุมาตรา, ชวา, มาดูรา) ปาปัวนิวกินี(Port Morseby)และออสเตรเลีย พบตามชายฝั่งทะเล, ปากอ่าว , นาข้าว ใกล้ระดับน้ำทะเล
ลักษณะเป็นพืชจำพวกกกขนาดเล็ก อาจเป็นพืชปีเดียว (annual) หรือข้ามปี (perennial) เหง้าสั้นมากหรือขาดหายไปมีเส้นใยเหลืออยู่มากมายจากใบเก่า ลำต้นตั้งตรง เรียบไม่มีข้อปล้องสูงประมาณ 30-50ซ.ม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 ซม.ไม่แยกเป็นก้านใบและแผ่นใบออกเป็นกระจุกหนาแน่นยาวไม่เกินครึ่งหนึ่งของลำต้นหรือเท่าลำต้นอาจยาวถึง 40 ซม. กว้าง 2.5 มม ส่วนโคนใบจะแผ่เป็นกาบหุ้มลำต้น ขอบใบบาง ปลายใบแหลม ตามโคนมีขนยาว 0.5-1 มม.ช่อดอกขั้วเดี่ยวหรือก้านเทียม ยาว 6-10 ซม.ที่โคนของก้านช่อมีแผ่นสีเขียวคล้ายใบ (bract) ยาว 0.5-4 ซม. ซึ่งมักจะสั้นกว่าความยาวของช่อดอก ช่อดอกประกอบด้วยช่อดอกย่อยเป็นจำนวนมาก มีลักษณะค่อนข้างกลม ยาว 1.5-2 มม. กว้าง 1-1.5 มม. ปลายมนหรือแหลม สีน้ำตาลปนแดง มีก้านสั้นๆ ดอกย่อยแต่ละดอกมีกาบ (glume) เป็นรูปไข่ค่อนข้างกว้าง สีน้ำตาลปนแดง ยาว 1.5-2 มม. ปลายมน และมีลายเส้น 3 เส้น เส้นที่อยู่ตรงกลางเป็นสีเขียว เกสรตัวผู้ 2 อัน อับเรณู 2 เซล สีเหลือง เกสรตัวเมียปลายแยกเป็น 3 แฉก อาจพบ 2 แฉก เป็นบางครั้ง.ผล(achene)รูปลิ่มถึงรูปไข่กลับหรือรูปขอบขนาน, ปลายมน,เรียบ หรือเป็นหูด ปกคลุมอย่างประณีตด้วยลวดลายคล้ายตาข่าย เทาหรือน้ำตาลดำ 0.8-1.1 x 0.5-0.75 มม.  
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ในที่โล่งแจ้งแสงแดดจัดและเปียกชื้นโดยเฉพาะบนชายฝั่งทะเลที่เป็นทรายหรือเป็นโคลนและในรอยแยกของหินใกล้ทะเล รวมทั้งแนวที่ดินของป่าชายเลน บางครั้งก็เกิดขึ้นต่อไปในดินเค็ม เป็นสายพันธุ์ร่วมป่าชายเลน
ระยะออกดอก/ติดผล---เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด

142 หญ้าชันกาด/Panicum repens


ชื่อวิทยาศาสตร์---Panicum repens L.(1762)
ชื่อพ้อง---Has 16 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-2493667
ชื่อสามัญ---Torpedo grass, Creeping witchgrass, Creeping millet, Creeping panicgrass, Quack grass, Dog-tooth grass, Torpedograss.
ชื่ออื่น---หญ้าชันอากาศ, หญ้าแขมมัน, หญ้าอ้อน้อย, หญ้าขิง; [ALBANIA: Mal.];[BANGLADESH: Baranda.];[BRAZIL: Capim-torpedo.];[BRUNEI DARUSSALAM: Huma, Kerunong.];[CAMBODIA: Chhlong.];[CHINESE: Pu di shu.];[CUBA: Alpiste de tierra.];[DUTCH: Victoriagras.];[EGYPT: Beid el-homaar, Neseela na'-ame, Zommaar, Zommeirentaya.];[FRENCH: Millet rampant, Panic rampant.];[GERMAN: Kriechende Fingerhirse, Torpedogras.];[HEBREW: Dochan zochel.];[INDIA: Injipilla, Karigaddi.];[INDONESIA: Jajahean, Lampuyangan, Rumput jae-jae.];[ISRAEL: Dohan zohel.];[ITALIAN: Panico strisciante.];[JAPANESE: Haikibi.];[JAVA: Suket balungan, Suket lempuyangan.];[MALAYSIA: Kerunong padi, Metubong, Rumput kerbau, Telur padi.];[MALTA: Panikum tal-ilma, Panikum.];[MEXICO: Zacate carrillo.];[MYANMAR: Myet-kha.];[NETHERLANDS: Victoriagras.];[PAKISTAN: Chimacara, Surpurrcharela.];[PHILIPPINES: Luya-luyahan (Tagalog).];[PORTUGUESE: Escalracho, Grama-portuguesa, Grama-torpedo.];[SENEGAL: Bamba subu, Ekena, Eselek.];[SOUTH AFRICA: Kruipgras.];[SPANISH: Canota, Grama borde, Gramma del norte, Mijo, Zacate carricillo.];[SRI LANKA: Etora.];[TAIWAN: Pu-shu-tsao.];[Thai: Ya-chan kas, Ya khaemman, Ya-onoi, Ya khing.];[TURKISH: Tuylu dari, Tavukdarısı.];[USA/HAWAII: Wainaku grass.].
EPPO Code--- PANRE (Preferred name: Panicum repens)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ไม่แน่ชัด
เขตการกระจายพันธุ์ ---ยุโรป อเมริกาเหนือและใต้ แอฟริกา เอเชีย จนถึงออสเตรเลีย
Panicum repens เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนในปี พ.ศ.2305


ที่อยู่อาศัย P. repens เป็นสายพันธุ์โลกเก่าที่แพร่หลายที่สุดมีถิ่นกำเนิดไม่แน่ชัด แหล่งที่มาแนะนำว่าหญ้ามีถิ่นกำเนิดใน "แอฟริกาและ / หรือเอเชีย", "ยุโรปหรือออสเตรเลีย",  "Eurasia", "ออสเตรเลีย",  "ยุโรป, เอเชียและแอฟริกา" หรือภูมิภาคเฉพาะอื่น ๆ รวมถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, อิสราเอลและอาร์เจนตินา แต่ตอนนี้เกิดขึ้นทั่วเขตร้อนและเขตกึ่งร้อนทั่วโลก พบมากในพื้นที่ชุ่มน้ำ นาข้าว และพื้นที่ลุ่มน้ำท่วมถึง เติบโตได้ดีในดินชื้นหรือมีน้ำขัง ยากต่อการกำจัด และเป็นวัชพืชสำคัญที่ทำให้ผลผลิตเสียหาย และแพร่ระบาดทั่วไปในที่รกร้าง ข้างถนน และแหล่งเพาะปลูก มันถูกเรียกว่า "หนึ่งในวัชพืชที่เลวร้ายที่สุดในโลก" ( "one of the world's worst weeds.") มักพบที่ระดับความสูงถึง 0-1500 (-2,000) เมตร  ในประเทศไทยพบทุกภาคของทั่วประเทศ
ลักษณะ หญ้าชันกาดเป็นวัชพืช ประเภทใบแคบ อายุหลายปี ลำต้นสูงประมาณ30-80 ซม. มีเหง้าหรือลำต้นใต้ดินขนาดใหญ่ที่แตกแขนง มีความหนาและแหลม โคนลำต้นโค้งงอเล็กน้อยไม่แตกแขนง ปล้องรูปทรงกระบอกกลวง กาบใบยาว 4-7 ซม. เกลี้ยง คอใบมีขน ลิ้นใบเป็นเยื่อหุ้มที่สั้นมากยาว 0.5 มม.มีขน ใบรูปแถบ กว้าง 0.4–0.8 ซม.ยาว 15-30 ซม.ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมน ขอบใบมีขนสาก แผ่นใบเกลี้ยงมักเคลือบขี้ผึ้งหรือสีขาว ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ยาว 10 -20 ช่อดอกย่อยออกเดี่ยวแบบช่อแขนง เมล็ดขนาด ยาว1.8 มม.
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---สายพันธุ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้ในแหล่งอาศัยที่หลากหลาย พืชมักจะพบในดินชื้นของพื้นที่ชายฝั่ง แต่ยังสามารถพบได้ในทุ่งหญ้าและบนเนินทราย ชอบสภาพที่มีแดดจัด แต่สามารถอยู่ในที่ร่มได้บางส่วน เหง้าสามารถอยู่ได้นานในช่วงเวลาแห้งแล้ง ขึ้นได้ในดินหลายประเภท pH ระหว่าง 4.2 ถึง 6.7พืชมีความทนทานต่อเกลือ อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเจริญเติบโตคือ 30-35 °C
ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีรายงานความเสียหายร้ายแรงจากศัตรูแมลงหรือเชื้อราตามธรรมชาติ
การใช้ประโยชน์---ได้รับการปลูกกันอย่างแพร่หลายเป็นอาหารสัตว์สำหรับปศุสัตว์ ไม่ได้เป็นหนึ่งในหญ้าที่น่ากินหรือมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่เพราะมีความทนต่อการแทะเล็มและเหยียบย่ำและสามารถทำเป็นหญ้าแห้งได้ นอกจากนี้ยังใช้ปลูกยึดดินกันการกัดเซาะ และปลูกตามแนวชายฝั่งเพื่อรักษาเสถียรภาพ
-ใช้เป็นยา เป็นแหล่งของยาชาติพันธุ์ในอินเดีย ( Kaushal-Kumar, 2002 )
ระยะออกดอก/ติดผล--- กรกฎาคม - กันยายน
ขยายพันธุ์ ---เมล็ดและเหง้า เมล็ดงอกได้ไม่ดี มักขยายพันธุ์ด้วยเหง้าเป็นหลัก

143 หญ้าขน/Brachiaria mutica


ชื่อวิทยาศาสตร์---Brachiaria mutica (Forssk.) Stapf.(1919).
ชื่อพ้อง---Has 17 synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-399687
---Basionym: Panicum muticum Forssk.(1775)
---Urochloa mutica (Forssk.) T.Q.Nguyen.(1966)
Brachiaria mutica (Forsk.) Stapf
ชื่อสามัญ---Paragrass, Buffalo grass, Panicum grass, California grass, Mauritius grass, Numidian grass
ชื่ออื่น---หญ้าขน (กรุงเทพฯ); [FRENCH: Herbe de para.];[GERMAN: Paragras.];[INDONESIA: Rumput malela, Sukut kolonjono, Jukut inggris.];[MEXICO: Zacate para.];[PORTUGUESE: Angola, Bengo, Capim Angola, Capim angolinha, Capim Colônia, Capim de boi, Capim de muda, Capim fino, Capim de planta, Capim de Pará.];[PUERTO RICO: Malojillo, Yerba pará.];[SPANISH: Admirable capin, Egipto, Gramalote, Grama de Pará, Hierba de Pará, Hierba del Pará, Malohillo, Nilo, Pará, Paraná, Pasto admirable, Pasto de laguna, Pasto malojillo, Pasto Pará, Yerba del parral, Zacate Pará.];[THAI: Ya khon (Bangkok).];[VIETNAM: Cỏ lông tây.].
EPPO code---PANPU (Preferred name: Brachiaria mutica)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกาและอเมริกา
เขตการกระจายพันธุ์---แอฟริกา บางส่วนของตะวันออกกลาง  อเมริกากลาง เอเซียเขตร้อน ออสเตรเลียเขตร้อน หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก
Urochloa mutica เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Peter Forsskal, (1732–1763)นักสำรวจชาวสวีเดนได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Otto Stapf (1857-1933)นักพฤกษศาสตร์และนักอนุกรมวิธานที่เกิดในออสเตรียในปี พ.ศ.2462


ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาเขตร้อนและอาจเป็นเขตร้อนของทวีปอเมริกาใต้ แต่ตอนนี้กระจายอย่างกว้างขวางทั่วเขตร้อนเป็นหญ้าอาหารสัตว์ พืชชนิดนี้เป็นสายพันธุ์ที่รุกรานในหลายๆ ประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกและประเทศแถบมหาสมุทรแปซิฟิก จำแนกเป็นวัชพืชร้ายแรงในออสเตรเลีย ฟิจิ และไทย ที่ระดับความสูง 0-1500เมตร ในประเทศไทยพบได้ทั่วไป เจริญเติบโตได้ทั้งบนบกและในน้ำเป็นวัชพืชอายุหลายปี ชอบขึ้นตามดินแฉะ หรือชายตลิ่งแล้วเจริญงอกงามแผ่ลงน้ำ
บทสรุปของการรุกราน---สายพันธุ์นี้ถือเป็นวัชพืชที่เลวร้ายที่สุดชนิดหนึ่งของโลกในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เม็กซิโก และอเมริกากลาง ( Holm et al., 1977 ; Chacon and Saborío, 2012 ; Hannan-Jones and Csurhes, 2012 ; Randall, 2012 ; USDA-NRCS, 2014 ). U. muticaได้รับการแนะนำโดยเจตนาว่าเป็น "หญ้าในทุ่งหญ้า" เนื่องจากความสามารถในการสร้างบนดินที่มีการระบายน้ำไม่ดี (เป็นแอ่งน้ำหรือมีน้ำขังตามฤดูกาล) รวมทั้งดินที่มีการระบายน้ำอย่างอิสระในสภาพแวดล้อมที่มีฝนตกชุก ( Cook et al., 2005). หญ้าสายพันธุ์นี้แข่งขันอย่างดุเดือดกับพืชชนิดอื่นๆ ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็ว ผลผลิตสูง และความสามารถ allelopathic (เป็นปรากฏการณ์ทางชีววิทยาโดยที่สิ่งมีชีวิตสร้างชีวเคมีตั้งแต่หนึ่งชนิดขึ้นไปที่มีอิทธิพลต่อการงอก การเจริญเติบโต การอยู่รอด และการสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ) ที่ทำให้มันกลายเป็นพื้นที่หนาแน่น ( Holm et al., 1977 ; Langeland et al., 2008 )
ลักษณะ เป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุยืนยาว มีไหลเลื้อยทอดไปตามดินหรือน้ำ ยาว1-4 เมตร ลำต้น กลวง อวบน้ำ สูง 0.6–2.4เ มตร ปกคลุมด้วยขนสีขาว ใบรูปหอกปลายใบแหลม ยาว 5-8  ซม.  กว้าง 0.8-1.2 ซม.ฐานใบกลมหรือรูปหัวใจตื้น มีขนตามใบ กาบใบและข้อเห็นได้ ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด มีก้านช่อดอกยาว5-10ซม. ช่อดอกย่อยมี 10-20 ช่อ สีเขียวคล้ำปนดำ ผลรูปไข่ปลายแหลมสีเขียวและเล็กมาก เมล็ดขนาด 3 มม., รูปไข่ปลายแหลมสีเขียว สุกเป็นสีม่วง
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตในดินที่ชื้นหรือเปียกชื้นในพื้นที่เปิดโล่งหรือมีร่มเงา ในพื้นที่ราบ ระบายน้ำได้ไม่ดี ตามฤดูกาล หรือสภาพแวดล้อมที่มีฝนตกชุกในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของโลก เข้ากับดินหลายประเภท (ตั้งแต่ดินทรายไปจนถึงดินเหนียว) และทนต่อความเค็มปานกลาง ค่า pH ต่ำถึง 4.5 และธาตุปริมาณน้อยที่ผลิตได้ตามปกติภายใต้สภาวะที่มีน้ำขัง นอกจากนี้ยังปรับให้เข้ากับอุณหภูมิสูง (20-35 องศาเซลเซียส) แต่การเจริญเติบโตถูกจำกัดโดยอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส ( Cook et al., 2005 )
การใช้ประโยชน์--- ถือว่าเป็นหนึ่งในหญ้าเขตร้อนที่ดีที่สุดสำหรับวัตถุประสงค์ทั่วไปโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งใช้ปลูกเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ที่มีคุณค่า หรือเป็นอาหารของ โค กระบือ ในธรรมชาติ แต่ไม่ทนการและเล็มหนัก และไม่ดีสำหรับหญ้าแห้ง
ระยะออกดอก/ติดผล--- พฤศจิกายน - มีนาคม
ขยายพันธุ์--- ด้วยเมล็ด ปักชำ  เมล็ดไม่ค่อยมีชีวิตจากการปลูกเมล็ดจะเพาะได้ประมาณ20% มักใช้วิธีปักชำง่ายและดีกว่า โดยปักชำลำต้นที่มีข้อ2-3ข้อในแนวตั้ง   

144 หญ้าเลา/Neyraudia reynaudiana


ชื่อวิทยาศาสตร์---Neyraudia reynaudiana (Kunth) Keng ex Hitchc.(1934)
ชื่อพ้อง---Has 9 Synonyms
---Basionym: Arundo reynaudiana Kunth.(1830.)
---(More).See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-425870
ชื่อสามัญ--- Burma- reed, Silk reed, Kans grass, Wild Cane, False Reed.
ชื่ออื่น---พง, เลา, หญ้าพง, หญ้าเลา, หญ้ายุง; [CHINESE: Le lu, Lèilú, Canico];[INDIA: Khagra, Longlao.];[LAOS: Entram.];[MYANMAR: Kung-ji, Kyu, Kyuna-bin-kaing, Kyun-na-bin-paung.];[NEPAL: Dhonde, Lese.];[THAI: Pong, Lao (general), Ya phong, Ya lao, Ya Yung.];[VIETNAM: Cày sây, Côiig, Sây dac, Sây khô.];
EPPO Code--- NEYRE (Preferred name: Neyraudia reynaudiana)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตการกระจายพันธุ์---จีน อนุทวีปอินเดีย อินโดจีน อเมริกาเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา
Neyraudia reynaudiana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Sigismund Kunth (1788–1850) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยYi Li Keng (1897-1975) นักพฤกษศาสตร์ชาวจีน จากอดีต Albert Spear Hitchcock (1865–1935)นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน.ในปี พ.ศ.2477
ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยไปจนถึงภาคกลางของจีนและเอเชียใต้ และแพร่ไปยังทวีปอเมริกาในประเทศสหรัฐอเมริกา (รัฐบาฮามาส ฟลอริดา)  และ เม็กซิโก เกิดขึ้นในหนองน้ำ ในทุ่งหญ้าสะวันนา บนหน้าผาสูงและตามป่า ขอบถนน จากระดับน้ำทะเลไปจนถึงระดับความสูง 2,000เมตร ในประเทศไทยพบขึ้นอยู่บนพื้นที่สูงของทุกภาคบริเวณพื้นที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 90-1,000 เมตรขึ้นไป พบได้ริมทาง ข้างถนนและริมน้ำทั่วไป
บทสรุปของการรุกราน---ในสหรัฐอเมริกาจัดพืชชนิดนี้เป็นพืชรุกราน ถูกนำเข้าสู่สหรัฐอเมริกาในปี 1916 เป็นวัชพืชที่อุดมสมบูรณ์ริมถนนและที่ราบสูงอื่นๆ ทางตอนใต้ของฟลอริดา ในระบบนิเวศน์ของไพน์ร็อกแลนด์ สปีชีส์ดังกล่าวจะก่อตัวขึ้นหนาแน่น มีลักษณะเฉพาะและสามารถแข่งขันกับสปีชีส์พื้นเมืองได้
ลักษณะ เป็นหญ้าคล้ายอ้อหรือแขม อายุปีเดียวหรือหลายปี มีเหง้าสั้นลำต้นกลวงตั้งตรง สูงได้ประมาณ 0.8-4 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 0.3-1ซม.ใบรูปใบหอกมีขนาดใหญ่ ขนาดของใบ กว้าง 0.8-2.5 ซม.ยาว 20-100 ซม.หน้าใบมีขนปกคลุมเล็กน้อย ผิวใบเรียบ เส้นกลางใบสีขาวนวลเด่นชัด กาบใบไม่มีขน ลิ้นใบเป็นขอบชายครุยเป็นเส้น ช่อดอกออกที่ปลายยอดแบบช่อแยกแขนง มีขนแบบเส้นไหมสีขาวเงิน ช่อดอกมีขนาดใหญ่และหนัก ยาวสูงสุด 0.9 เมตร  ประกอบด้วยดอกไม้เล็ก ๆ หลายร้อยดอกและมีลักษณะเป็นประกายเงางาม ช่อดอกจะลู่เอนไปด้านใดด้านหนึ่ง ผลรูปไข่แคบ ยาว 1.5-3 มม.
มีความไวไฟสูงมากและสามารถสร้างเปลวไฟได้สูงถึง 9 เมตร ขนาดของพืชชนิดนี้จะบ่งบอกถึงอายุ ต้นไม้เล็กที่อายุน้อยกว่า2 ปี มักจะสูงประมาณ 1เมตร
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ทนต่อสภาพแวดล้อมบางอย่างสุดขั้ว ทนทานต่อความแห้งแล้ง น้ำขัง อุณหภูมิสูงและเมล็ดสามารถงอกระหว่าง pH 5.0-9.0 ( Feng et al., 2010 )
ศัตรูพืช/โรคพืช---มีรายงานเกี่ยวกับศัตรูธรรมชาติหรือศัตรูพืช N. reynaudiana เพียงเล็กน้อย Halbert (2004)/ในเวียดนาม N. reynaudiaเป็น hostของThanatephorus cucumeris ( Kim et al., 1981 ) ซึ่งเป็นเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคใบไหม้ในข้าว
การใช่้ประโยชน์---มีรายงานการใช้งานจำนวนมากแต่การใช้งานโดยรวมของสายพันธุ์ดูเหมือนจะน้อยที่สุด
-ใช้เป็นยา รากของเลามีรสหวาน ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ยาบำรุง ยาสมาน และรักษาอาการอาหารไม่ย่อย
-ใช้ปลูกประดับ มันถูกปลูกเป็นไม้ประดับในฟลอริดาและในโปแลนด์
-วนเกษตร ใช้ในการฟื้นฟูดินในพื้นที่ที่ปนเปื้อนด้วย ตะกั่วและโลหะหนักอื่น ๆ การใช้ N. reynaudiana ที่พบมากที่สุดคือการคงตัวของดิน ในประเทศจีนและเนปาลได้รับการส่งเสริมเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับการสร้างความมั่นคงของคันดินถนนร้างดินและพื้นที่ที่ถูกกัดเซาะอื่น ๆ
-อื่น ๆใช้เป็นพืชอาหารสัตว์ในประเทศเนปาล แต่ถือว่าเป็นอาหารสัตว์ที่ไม่ดีสำหรับปศุสัตว์ในเวียดนามและเป็นพิษต่อควายในภูฏาน -; ในเวียดนามมีการใช้ช่อดอกไม้เป็นไม้กวาด-; ใช้เป็นสารตั้งต้นสำหรับการเพาะเห็ดในประเทศจีนและในมาเก๊ามันถูกใช้เป็นแหล่งเชื้อเพลิง
ระยะออกดอก/ติดผล ---เมษายน-ตุลาคม
ขยายพันธุ์ --- เมล็ด, เหง้า

145 หญ้ากระดูกไก่/Ischaemum rugosum


ชื่อวิทยาศาสตร์---Ischaemum rugosum Salisb.(1791)
ชื่อพ้อง---  Has 24 Synonyms. See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-420816
ชื่อสามัญ---Wrinkle duck-beak, Saramolla grass, Muraino grass, Ribbed murainagrass.
ชื่ออื่น---หญ้าแดง, หญ้าก้านธูป, หญ้าดอกต่อ, หญ้าสร้าง ;[BENGALI: Mararo.];[BRAZIL: Capim macho, Capim-pelego.];[CAMBODIA: Smao srauv.];[COLOMBIA: Trigillo.];[CUBA: Pata de cao, Triguizzo.];[DOMINICAN REPUBLIC: Yerba de papo.];[FIJI: Co muraina.];[INDIA/West Bengal: Mararo.];[INDONESIA: Blemben, Suket blembem(Java); Jukut randan (Sundanese).];[MALAYSIA: Rumput mele (Sarawak), Rumput ekor chawi, Rumput colok cinia (Malay), Colok chine.];[MYANMAR: Ka-gyi-the-myet.];[PHILIPPINES: Tinitrigo (Tagalog), Daua (Subanum), Gulong lapas (Pangasinan).];[PORTUGUESE: Capim-Macho, Capim-Pelego, Mata-colono.];[SPANISH: Mazorquila.];[SRI LANKA: Kudukedu.];[SURINAME: Saramacca grass.];[TAMIL: Kaddukken pillu.];[THAI: Ya kra dook kai, Ya-daeng, Ya kanthup.];[VIETNAM: Mô[m] u.].
EPPO Code--- ISCRU (Preferred name: Ischaemum rugosum.)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเชีย
เขตการกระจายพันธุ์---เขตร้อนของเอเชีย แอฟริกา อเมริกากลาง หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตก
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Ischaemum มาจากภาษากรีก 'ischion' = hip หรือ hip-joint socket
Ischaemum rugosum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Richard Anthony Salisbury (1761–1829)นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษในปี พ.ศ.2334
ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในเอเชียเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน แปซิฟิกตะวันตก และมีการกระจายอย่างกว้างขวางไปยังทวีปต่างๆ เป็นวัชพืชของข้าวในประเทศรวมถึงบราซิล, กานา, เปรู, ฟิลิปปินส์, กัมพูชา, กินี, ไลบีเรีย, มาเลเซีย (ซาราวัก), เซเนกัล, เวเนซุเอลาและตรินิแดด รวมถึงเขตร้อนทางตะวันตกและแอฟริกาตะวันออก มันเกิดขึ้นที่ระดับความสูงถึง 2,400 เมตรในประเทศฟิลิปปินส์ ใประเทศไทยนับเป็นวัชพืชร้ายแรงตัวสำคัญ พบแพร่กระจายทั่วไปในพื้นที่ชื้นแฉะ โดยเฉพาะในนาข้าวที่เติบโตพร้อมกับต้นข้าว พบได้มากในแถบจังหวัดภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง
บทสรุปของการรุกราน---เป็นหญ้าC 4 ที่ได้รับการปลูกฝังอย่างกว้างขวางและได้สัญชาติในแหล่งที่อยู่อาศัยเขตร้อนชื้นทั่วโลกเป็นอาณานิคมที่ฉวยโอกาสและมีประสิทธิภาพของพื้นที่เปิดโล่งและถูกรบกวน หนองน้ำ และริมถนน เป็นวัชพืชที่ร้ายแรงในหลายพืชผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทุ่งนาและไร่อ้อย เป็นหญ้าที่มีการบุกรุกสูง ซึ่งสามารถผลิตได้ถึง 4,000 เมล็ดต่อต้น และมีศักยภาพที่จะเติบโตได้แม้ในที่ร่ม ( Holm et al., 1977 ; PROTA, 2015 ) ถูกระบุว่ารุกรานในคอสตาริกา คิวบา สาธารณรัฐโดมินิกัน และฟิจิ ( Kairo et al., 2003 ; Chacon and Saborio, 2012 ; Oviedo Prieto et al., 2012 ; PIER, 2015 ) ในสหรัฐอเมริกา กรมวิชาการเกษตรถือว่าวัชพืชมีพิษ พืชที่พบในทวีปอเมริกาควรรายงานไปยังหน่วยงานนั้นโดยทันที ( Barkworth et al., 2003 )
ลักษณะ เป็นพืชจำพวกหญ้าอายุปีเดียวมีลำต้นตั้งตรง กลม และเป็นข้อปล้อง แตกหน่อเป็นลำต้นใหม่จนเป็นกอใหญ่ สูงประมาณ 20-50 ซม. โคนลำต้นห่อด้วยกาบใบ สีแดงเรื่อ ใบเป็นใบเดี่ยวออกบริเวณข้อลำต้น มีก้านใบสั้น ก้านใบมีสีแดงประ ใบเรียวยาว 4-10 ซม.กว้าง 0.3-0.6 ซม.ออกดอกเป็นช่อเดี่ยวที่ปลายลำต้น ยาว 7-10 ซม ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ สามารถผสมเกสรในตัวเองได้ เมล็ด รวมกันเป็นกลุ่ม และเรียงชิดเป็นคู่ๆล้อมแกน เปลือกเมล็ดอ่อนมีสีเขียว เมล็ดแก่มีสีน้ำตาล
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ชอบตำแหน่งแสงแดดเต็มที่ แต่ก็สามารถคงอยู่ในสถานที่ที่ได้รับแสงแดดเพียง 30-35% เหมาะอย่างยิ่งสำหรับพื้นที่เปียกและสามารถทนต่อดินกรด pH 4.0
การใช้ประโยชน์---ใช้กิน เมล็ดสุกกินเป็นข้าวในเวลาที่ขาดแคลน
-ใช้เป็นอาหารสัตว์และเป็นวัสดุที่เหมาะสมสำหรับคลุมดินด้วยหญ้าและปุ๋ยหมัก
ระยะออกดอก/ติดผล---พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์
ขยายพันธุ์---ด้วยเมล็ด

146 หญ้ากับแก/Paspalum longifolium

ชื่อวิทยาศาสตร์--Paspalum longifolium Roxb.(1820)
ชื่อพ้อง---Has 13 synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-431854
---Paspalum platycoleum Ridl.(1925)
ชื่อสามัญ---Long-leaved Paspalum
ชื่ออื่น---หญ้าหวาย หญ้าปล้องหิน (กรุงเทพฯ) หญ้ากับแก (อ่างทอง) หญ้าแพรกหางช้าง (กาญจนบุรี) หญ้ารังตั๊กแตน (นครราชสีมา) ;[CHINESE: Chang ye que bai.];[JAPANESE: Nagaba suzume no hie.];[THAI: Yaa wai, Yaa plong hin, Yaa kab kae.];[VIETNAM: San lá dài, Cỏ đắng lá dài.].  
EPPO Code--- PASLF (Preferred name: Paspalum longifolium)
ชื่อวงศ์--POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตการกระจายพันธุ์---อินเดีย อัสสัม ภูฎาน บอร์เนียว เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และแปซิฟิก
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Paspalum จากภาษากรีก paspalos (ลูกเดือยชนิดหนึ่ง); ชื่อสายพันธุ์ 'longifolium'จากภาษาละติน 'longus' = ยาว และ 'folium' = ใบ หมายถึงมีใบยาว.
Paspalum longifolium เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยWilliam Roxburgh (1751-1815) ศัลยแพทย์และนักพฤกษศาสตร์ชาวสก็อตในปี พ.ศ.
ที่อยู่อาศัยพบในประเทศจีน (ฝูเจี้ยน, กวางตุ้ง, กวางสี, ไหหลำ, ไต้หวัน, ยูนนาน, เจ้อเจียง) ภูฏาน, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, พม่า, เนปาล, ศรีลังกา, ไทย, เวียดนาม ออสเตรเลีย, หมู่เกาะแปซิฟิก เกิดขึ้นตามเนินเขาขอบสนามในสถานที่ชื้นและแอ่งน้ำ ในประเทศไทยพบทุกภาค ตามที่รกร้างริมทางทั่วไปที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 35 - 473 เมตร
ลักษณะ เป็นวัชพืชจำพวกหญ้าอายุหลายฤดู เจริญเป็นกอ ลำต้นสูง 30 - 140 ซม. บริเวณข้อใกล้ดินมีรากและขนยาว กิ่งก้านแตกแขนงเล็กน้อย ใบรูปแถบเรียวไปที่ปลายใบ ยาว 9–35 ซม. กว้าง 3–9 มม. แผ่นใบมีเส้นกลางใบเด่นชัด หน้าใบและหลังใบไม่มีขน ช่อดอกยาว 40 - 50 ซม.แกนช่อดอกที่ขอบมีขนสั้นๆ รอยต่อระหว่างก้านช่อดอกมีขนแข็งยาว อับเรณู สีม่วงอ่อน บางครั้งพบด้านนอกสีม่วง ด้านในสีขาวนวล ยอดเกสรเพศเมียสีม่วง
การใช้ประโยชน์--- เป็นอาหารสัตว์ โค กระบือ แพะ แกะ
ระยะออกดอก/ติดผล--- เดือนพฤษภาคม-เดือนธันวาคม
ขยายพันธุ์--- เมล็ด

147 หญ้าผักไก่/Brachiaria reptans

 

ชื่อวิทยาศาสตร์---Brachiaria reptans (L.) C.A.Gardner & C.E.Hubb.1938.
ชื่อพ้อง---Has 28 synonyms
---Basionym: Panicum reptans L.(1759)
---Urochloa reptans (L.) Stapf.(1920)  
---(more).See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-399734
ชื่อสามัญ---Running grass, Creeping Panic Grass, Sprawling panicum, Sprawling signalgrass.  
ชื่ออื่น---หญ้าผักไก่, หญ้าตีนติด, หญ้าต้นติด ;[BANGLADESH: Para ghas.];[BRAZIL: Capim-rasteiro.];[CHINESE: Wei fu cao.];[CUBA: Alpiste de la tierra, Grama de castilla.];[EGYPT: Nissiela.];[FRENCH: Chiendent blanc.];[HINDI: Chaurila, Choti semai.];[INDIA: Mamakihoho, Para grass.];[PHILIPPINES: Marakuayan (Tagalog).];[PORTUGUESE: Capim-rasteiro.];[PUERTO RICO: Yerbita de pichones.];[RUSSIAN: Proso polzushchee, Vetvinka polzushchaia.];[SPANISH: San Juan de Castillo, Alpiste de la tierra, Cohitrillo, Zacate cuero de conejo.];[THAI: Ya phak kai, Ya tin tit, Ya ton tit.].
EPPO Code--- PANRP (Preferred name: Urochloa reptans)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---เขตร้อนทั่วโลก
Brachiaria reptansเป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Charles Austin Gardner (1896 –1970)นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษและCharles Edward Hubbard (1900 –1980)นักพฤกษศาสตร์อังกฤษในปี พ.ศ.2481
ที่อยู่อาศัยต้นกำเนิดในแอฟริกา วัชพืชนี้มาถึงเขตร้อนใน ตะวันออกกลาง ทวีปอินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และหมู่เกาะแปซิฟิกเติบโตที่ ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลถึงประมาณ 1,500 เมตร ในประเทศไทยพบทุกภาคของประเทศ พบขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปใน ทั้งที่แจ้งและร่มเงา ที่ไม่มีน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลานานๆ
ลักษณะ เป็นวัชพืชใบแคบ อายุฤดูเดียว ลักษณะต้นสูงประมาณ20-40ซ.ม.ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น1.2-2.5 มม.แตกแขนงบริเวณโคนต้น และแขนงทอดนอนไปตามพื้นดิน มีรากออกตามข้อ ตามกาบใบและโคนมีขนเส้นเล็กๆ ใบรูปใบหอก ยาว 1-9 ซม. กว้าง 4-12 มม.โคนใบรูปหัวใจปลายใบแหลม ดอกออกเป็นช่อ ประกอบด้วย 3-15 กิ่งก้านขึ้นไป มักจะสลับกันบนแกนหลัก ยาว 0.5-3 ซม
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการเติบโตได้ดีที่สุดในดินร่วนปนทรายและดินร่วนที่มีการระบายน้ำดี ชอบที่ค่อนข้างชื้นถึงค่อนข้างแห้ง แสงแดดรำไรถึงร่มเงาบางส่วน
การใช้ประโยชน์---พืชถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นเป็นยาและอาจเป็นอาหารในบางโอกาส
-ใช้กิน เมล็ดสุก บางครั้งมันถูกกินในอินเดีย แต่มีการกล่าวกันว่าเมล็ดมีไซยาไนด์
-ใช้เป็นยา ขี้เถ้าที่ได้จากการเผาทุกส่วนของต้นเป็นยารักษางูกัด เหง้าเป็นยาขับปัสสาวะ และรักษาปัญหาไต
ระยะออกดอก/ติดผล---เดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน
ขยายพันธุ์---โดยการแตกหน่อและเมล็ด

148 หญ้าโขย่ง/Mnesithea laevis var. cochinchinensis


ชื่อวิทยาศาสตร์---Rottboellia cochinchinensis (Lour.) Clayton.(1981)
ชื่อพ้อง---Has 14 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-439578
---Rottboellia exaltata L. f. (1782)
ชื่อสามัญ ---Itch grass, Corngrass, Jointed grass, Guinea fowl grass, Kelly grass, Kokoma grass, Raoul grass, Buffalo bean grass.
ชื่ออื่น ---หญ้าโขย่ง, หญ้าโปงคาย; [BRAZIL: Grama-alta, Rabo-de-lagarto.];[CHINESE: Tong zhou mao.];[COSTA RICA: Zacate de fuego, Zacate indio.];[CUBA: Grama de caballo, Sancarana.];[FRENCH: Herbe fataque duvet, Herbe queue-de-rat, Queue-de-rat.];[INDIA: Barsali, Bura, Dholu, Konda panookoo, Swooate.];[INDONESIA: Bandjangan, Bayung, Bludru, Branjangan, Doekoet kikisian, Jukut kikisan.];[JAPANESE: Tsunoaiashi.];[MADAGASCAR: Kalay, Tsanganday, Paipaikatianomby, Fataka malailay (Moyen-Ouest).];[MALAWI: Kadawe, Kandulu.];[PHILIPPINES: Agingai, Anguigay, Annarai, Bodo, Bukal, Gaho, Girum nagei, Nagel, Sagisi.];[PORTUGUESE: Capim-camalote.];[SOUTH AFRICA: Tarentaalgras.];[SPANISH: Caminadora, Cebada fina, Graminea corredora.];[THAI: Yaa kha hyong, Yaa pong khaai.];[VENEZUELA: Paja peluda.];[VIETNAM: Cỏ mía, Cỏ lắt léo, Cỏ dầy xanh, Cây cô hong.];[ZAMBIA: Mulungwe, Shamwe grass.];[ZIMBABWE: Kokomo grass, Shamva.].
EPPO Code---ROOEX (Preferred name: Rottboellia cochinchinensis)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---เขตร้อนทวีปเอเซีย
เขตการกระจายพันธุ์---จีน, ไต้หวัน, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ปากีสถาน, ฟิลิปปินส์, ศรีลังกา, ไทย, เวียดนาม; หมู่เกาะแปซิฟิก
Rottboellia cochinchinensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Jojo de Loureiro (1717–1791) นักพฤกษศาสตร์ชาวโปรตุเกสและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยJohn Clayton (1694–1773)นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกันในปี พ.ศ.2524


ที่อยู่อาศัยเป็นพืชพื้นเมืองมีต้นกำเนิดในอินโดจีนในพื้นที่ที่ตอนนี้เป็นเวียดนาม ปัจจุบันมีอยู่ในพื้นที่เขตร้อนของอเมริกาและแคริบเบียนรวมถึงแพร่หลายในเอเชียเขตร้อนและหมู่เกาะแปซิฟิก แอฟริกาเขตร้อนและออสเตรเลียที่ระดับความสูง 800 -1300 เมตร
บทสรุปของการรุกราน---เป็นวัชพืชของพืชฤดูร้อนในที่อยู่อาศัยที่หลากหลายทั่วโลกเติบโตไปตามถนนและในพื้นที่เปิดโล่งอื่น ๆพืชแต่ละต้นจะผลิตเมล็ดพันธุ์ 2,000 ถึง 16,000 เมล็ด ซึ่งจะผลิดอกออกผลทันทีที่สุก หญ้าโขย่งกลายเป็นวัชพืชสำคัญของ ข้าวไร่ อ้อย ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง และพืชผักต่าง ๆ ทั่วเขตร้อน มันแย่งธาตุอาหารในดินน้ำและแสง ส่งผลให้ผลผลิตพืชลดลง และยังเป็น host แมลงศัตรูพืชและโรคที่มีผลต่อพืช Graminaceous การวิจัยล่าสุด (Meksawat และ Pornprom 2010) แสดงให้เห็นว่า หญ้าโขย่งเป็น allelopathic (มีสารเคมีที่ยับยั้งการงอกและการเจริญเติบโตของพืชใกล้เคียง)
ลักษณะ เป็นเป็นพืชล้มลุกอายุฤดูเดียว ลักษณะลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 1.5-2 เมตร และอาจสูงได้ถึง 4 เมตร มีรากค้ำยันใกล้โคนต้น ลำต้นแตกหน่อเติบโตรวมกันเป็นกอใหญ่ แต่มีทรงพุ่มค่อนข้างโปร่ง ลำต้นและใบถูกปกคลุมไปด้วยขนแข็งและระคายเคือง ใบมีก้านใบสั้น แผ่นใบเรียว ยาวประมาณ 20-60 ซ.ม กว้าง 1-2.5 ซม.รูปใบหอก เชิงเส้น แผ่นใบมีเส้นกลางใบสีขาวขนาดใหญ่ชัดเจน ฐานใบรูปหัวใจ แผ่นใบและขอบใบหยาบ และเป็นคม ดอกออกเป็นช่อแขนง ช่อดอกแทงออกปลายยอดของลำต้น หรือตามยอดของแขนงย่อย หรือออกตามซอกใบของลำต้น มีก้านช่อดอกยาวประมาณ 10-25 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 มม.ก้านของ spike หนา และมีลักษณะเป็นข้อปล้อง มี spikelet อยู่เป็นคู่ๆ อันหนึ่งไม่มีก้าน อีกอันหนึ่งมีก้าน เชื่อมติดอยู่กับก้านใหญ่ แต่ละ spikelet ประกอบด้วยดอกย่อย 2 ดอก โดย spikelet ที่มีก้านจะเป็นดอกตัวผู้ ส่วน spikelet ที่ไม่มีก้านจะเป็นดอกตัวผู้ 1 ดอก และดอกสมบูรณ์เพศ 1 ดอก เมล็ดมีเปลือกหุ้มบาง และมีกลีบรองดอกแข็งหุ้มอีกที ใน 1 ช่อดอก จะมีเมล็ดประมาณ 9-34 เมล็ด
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ภายใต้ดวงอาทิตย์เต็มหรือร่มเงาปานกลางหรือแม้แต่พุ่มไม้และในป่าในที่ชื้นและแม้ในน้ำตื้น
ศัตรูพืช/โรคพืช---การตรวจสอบศัตรูธรรมชาติของR. cochinchinensisได้เน้นไปที่เชื้อราที่ก่อโรค Sporisorium ophiuri - Smut Fungi เป็นเชื้อก่อโรคในดินและเป็นระบบ ซึ่งทำให้ต้นหญ้าติดเชื้อราก่อนที่จะโผล่ออกมาจากดิน
ใช้ประโยชน์--- ใช้ปลูกเป็นพืชคลุมดิน ป้องกันหน้าดินพังทลาย ปลูกเป็นรั้วป้องกันสัตว์ ปลูกเป็นแนวแบ่งเขตไร่นา และปลูกเป็นแนวป้องกันลม
รู้จักอันตราย---ขอบใบหญ้าโขย่งมีความคม สามารถทำให้เกิดบาดแผลได้ นอกจากนั้น ขนที่ปกคลุมตามก้านใบ และแผ่นใบทำให้เกิดอาการแพ้ เป็นผื่นคันได้
ขยายพันธุ์ --- เมล็ด ผลิตเมล็ดพันธุ์ 6-7 สัปดาห์หลังจากการเกิดขึ้น การผลิตเมล็ดพันธุ์ยังคงดำเนินต่อไปตลอดฤดูปลูก

หญ้าพง หญ้าปง/ Sorghum halepense 


ชื่อวิทยาศาสตร์---Sorghum halepense (L.) Pers.(1805)
ชื่อพ้อง----Has 34 Synonyms
---Andropogon decolorans Kunth.(1816)
---(More).See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-443460
ชื่อสามัญ ---Johnson grass, Aleppo millet grass, Aleppo grass, Arabian millet, Egyptian millet, Evergreen millet, False guinea, Morocco millet, Syrian grass
ชื่ออื่น---หญ้าพง หญ้าปง(ทั่วไป) ;[ALBANIA: Talla, Tallë.];[BENGALI: Jowar.];[BRAZIL: Arroz bravo, Capim argentino.];[CHINESE: Shi mao.];[CZECH: Cirok halabský.];[DUTCH: Vild durra, Johnsongras, Wilde sorgo.];[FRENCH: Sorgho d'Alep.];[GERMAN: Aleppohirse.];[HINDI: Baru, Chinna, Jangli-jowar, Bajara.];[INDIA: Barool.];[INDONESIA: Glagah rajoeng, Pangan.];[IRAN: Ghiagh.];[ITALIAN: Cannarecchia.];[JAPANESE: Seibanmorokoshi.];[KANNADA: Impi Jola, Huchhu Jola, Kahijola, Kaadu Galagu Hullu.];[LEBANON: Hashishat-ul-faras.];[LITHUANIA: Alepinis sorgas.];[MALAYALAM: Aricholam, Njanal, Inchikkodi, Kakkacholam.];[NETHERLANDS: Johnsongras.];[PAKISTAN: Baru grass.];[PERU: Grama china.];[PHILIPPINES: Batad-bataran, Ngigai.];[PORTUGUESE: Capim-argentino, Sorgo-bravo, Sorgo-de-Alepo.];[SAUDI ARABIA: Halaiyan, Sifrand.];[SPANISH: Canota, Curacaosche, Don Carlos, Pasto honda, Pasto Johnson, Sorgho de Aleppo, Sorgho maleza, Zacate johnson.];[SWEDISH: Durra, Ograes.];[TELUGU: Gaddi Janu.];[THAI: Ya poeng, Ya pong (General).];[TURKISH: Gelis.].
EPPO Code--- SORHA (Preferred name: Sorghum halepense)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---แอฟริกา เมดิเตอเรเนียน
เขตกระจายพันธุ์---เขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วโลก
นิรุกติศาสตร์---ชื่อSorghum halepense ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกหมายถึงเมือง Allepo ในซีเรียซึ่งเป็นที่มาของตัวอย่างที่ Linneus อธิบาย ; ชื่อสามัญ'Johnson grass' ถูกใช้ครั้งแรกเป็นชื่อสามัญในรัฐแอละแบมา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้ปลูกเป็นหญ้าอาหารสัตว์เป็นครั้งแรก
Sorghum halepense เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยChristiaan Hendrik Persoon (1761–1836) นักพฤกษศาสตร์ นักวิทยาเชื้อรา,นักไลเคนและแพทย์ ชาวแอฟริกาใต้ในปี พ.ศ.
ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนของยุโรปและซีเรีย รวมถึงแอฟริกาเหนือและเอเชียใต้เช่นเดียวกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและเอเชียตะวันตก พบขึ้นตามไหล่ทางที่รกร้างว่างเปล่าทุ่งหญ้าริมถนนและไปตามลำธารหรือคลองชลประทาน
บทสรุปของการบุกรุก---S. halepenseเป็นหญ้ายืนต้นซึ่งสามารถปลูกเพื่อเป็นอาหารสัตว์ได้ แต่ยังเป็นวัชพืชที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วด้วยการกระจายทั่วโลก การแพร่กระจายของเหง้าและระบบยิงที่กว้างขวางและการผลิตเมล็ดพันธุ์ที่มีอัตราสูงทำให้มันรุกรานและยากที่จะกำจัด ชนิดนี้มีผลกระทบที่เป็นอันตรายมากมายรวมถึง: ความเป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงในทุ่งหญ้าความเสี่ยงจากไฟไหม้ในช่วงฤดูร้อนและการกีดกันจากการแข่งขันของพืชชนิดอื่น จะช่วยลดความอุดมสมบูรณ์ของดินทำหน้าที่เป็นโฮสต์สำหรับเชื้อโรคพืชและเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่รู้จักกัน มันถือเป็นวัชพืชที่ร้ายแรงใน 53 ประเทศและในพืชไร่ที่หลากหลาย
ลักษณะ เป็นวัชพืชจำพวกหญ้าอายุหลายปี ลำต้นใต้ดินเจริญ ยืดยาว แตกรากจากข้อ รากฝอยแตกแขนงและเจริญลึกลงในดินได้มากกว่า 1 เมตร ลำต้นเหนือดิน โค้งงอบริเวณโคนแล้วตั้งตรง อาจสูงถึง 3 เมตร ใบเป็นแผ่นยาวประมาณ 60 ซม. กว้าง 0.50ซม.เส้นกลางใบเห็นชัด ดอกออกเป็นช่อสีเขียวอ่อนปนม่วงมีขนปกคลุมยาวประมาณ1.50เมตรรูปทรงคล้ายปิรามิดแตกแขนงย่อยจำนวนมาก
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---สามารถเจริญเติบโตได้ดีทั้งในที่แหล้งแล้งและที่ความชื้นสูง ให้ผลผลิตมากในฤดูฝน การผลิตเหง้าอุณหภูมิ ที่เหมาะสมที่สุดใกล้ 30°C ในขณะที่การออกดอกถูกยับยั้งไว้ต่ำกว่า 13°C ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -3°C
ใช้ประโยชน์---ใช้เป็นพืชอาหารสัตว์
ขยายพันธุ์---เหง้าและลำต้นเหนือดิน เมล็ด

153 แขม/Phragmites karka


ชื่อวิทยาศาสตร์---Phragmites karka (Retz.)Trin. Ex Steud.(1841)
ชื่อพ้อง ---Has 22 Synonyms
---Arundo karka Retz.(1786).
---Phragmites vallatoria (Pluk. ex L.) Veldkamp (1992)
----(more).See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-433999
ชื่อสามัญ---Common reed, Nodding reed, Tall Reed, Flute reed, Giant reed, Tropical reed, Water reed
ชื่ออื่น---แขม ปง ;[ASSAMESE: Nal, Nal-khagra.];[AUSTRALIA: Tropical reed.];[BENGALI: Nal.];[FRENCH: Roseau.];[HINDI: Narkul, Nal, Doka-ghas, Kilak.];[INDONESIA: Perumpung (general), Bayongbong (Sundanese), Glagah asu (Javanese).];[MALAYALAM: Vezhamkole ,Chora pullu, Nain-canna, Nadam.];[KANNADA: Hulugila hullu.];[MALAYSIA: Tebuh salah, Terupuk (Dusun).];[MARATHI: Nala.];[MYANMAR: Kyu-phyu.];[PAPUA NEW GUINEA: Tiktik (Pidgin).];[PHILIPPINES: Tambo (Tagalog, Bisaya, Bikol), Tanubung (Bontoc), Lupi (Bikol).];[PORTUGUESE: Caniço.];[SANSKRIT: Dhamana, Nala.];[TAMIL: Perunanal, Nalam.];[TELUGU: Eela karra, Nagasaramu-peepalu.];[THAI: Yaa khaem (Prachin Buri), Yaa lang po (Trang).].
EPPO Code--- PHRKA (Preferred name: Phragmites karka)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย แอฟริกา แปซิฟิก ออสเตรเลีย
เขตกระจายพันธุ์--- แอฟริกา เอซีย แปซิฟิก ออสเตรเลีย โอเชียเนีย
Phragmites karka เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Anders Jahan Retzius (1742–1821)นักไลเคน, แพทย์ชาวสวีเดนและและศาสตราจารย์ด้านพฤกษศาสตร์ที่ Lund Universityและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยCarl Bernhard von Trinius (1778–1844)แพทย์ชาวรัสเซียผู้เชี่ยวชาญเรื่องหญ้าที่เกิดในเยอรมนีจากอดีต Ernst Gottlieb (Theophil) von Steudel (1783–1856)นักพฤกษศาสตร์ นักไลเคนและแพทย์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2384
ที่อยู่อาศัย แพร่หลายไปทั่วแอฟริกาเขตร้อนเอเชียเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนไปจนถึงนิวกินีออสเตรเลียและแปซิฟิก พบในเอเชียตะวันตก (อาหรับ ปากีสถาน) เทือกเขาหิมาลัย อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ อินโดจีน มาเลเซีย จีน (รวมถึงไต้หวัน) ญี่ปุ่น เกาหลี แอฟริกาตะวันตก ซูดาน ถึง เคนยา นิวกินี ออสเตรเลีย (ยกเว้นนิวเซาธ์เวลส์ วิกตอเรีย แทสเมเนีย) เติบโตในขอบป่าชื้น มักพบขึ้นเป็นกอหนาแน่นบริเวณริมน้ำ และพื้นที่ชื้นแฉะริมน้ำ ในประเทศจีนที่ระดับความสูงประมาณ 1,000 เมตร และถึง 2,000 เมตร ในนิวกินี
ลักษณะ เป็นวัชพืชน้ำอายุอยู่ได้หลายฤดู  ต้นสูงประมาณ 2-3 เมตร มีเหง้าใหญ่แข็งแรง ใบหยาบโคนใบเรียวปลายใบแหลม ยาวประมาณ 30-80 ซ.ม.และกว้าง 2-3 ซม ดอกออกเป็นช่อขนาดใหญ่สีน้ำตาล ยาวประมาณ 20-50 ซ.มและกว้าง 10–20 ซม
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เป็นพืชเขตร้อนถึงกึ่งเขตร้อนมักจะอยู่ที่ระดับความสูงต่ำ เติบโตได้ดีที่สุดในตำแหน่งที่มีแดดจัด ดินต้องชื้นมากไปถึงดินเปียก และขึ้นได้ดีในน้ำนิ่งตื้น มักพบในดินเหนียว ทนต่อดินกรดที่มีกรดรุนแรง ค่า PH ตั้งแต่ 4.5 - 7.5
การใช้ประโยชน์--- มีการใช้งานในท้องถิ่นได้หลากหลายส่วนใหญ่เป็นแหล่งวัตถุดิบสำหรับทอและเป็นอาหาร
-ใช้กิน ยอดอ่อน - สุก กินได้เหมือนหน่อไม้ฝรั่ง
-วนเกษตร พืชมีระบบรากหนาแน่นและเป็นสายพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการปลูกด้วยน้ำเพื่อป้องกันดินจากการกัดเซาะ มีความสำคัญทางนิเวศวิทยาอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการทำน้ำให้บริสุทธิ์
-อื่น ๆลำต้นถูกนำมาใช้สำหรับการทอหมวกหยาบ เสื่อ ช่อดอกแห้งทำไม้กวาด สำหรับการกวาดพื้นขัดเงาสูงและถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในฟิลิปปินส์ ลำต้นสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงได้
ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วงจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท'ความกังวลน้อยที่สุด'(ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้)
สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2011)
ขยายพันธุ์---เมล็ด แยกเหง้า

154 ตองกง/Thysanolaena latifolia

ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Thysanolaena latifolia (Roxb. ex Hornem.) Honda.(1930)
ชื่อพ้อง--- Has 19 Synonyms   
---Agrostis maxima Roxb.(1820)
---Thysanolaena maxima (Roxb.) Kuntze.(1891)
---Melica latifolia Roxb.ex Hornem.(1819)
---(more).See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-446596
ชื่อสามัญ ---Tiger grass, Asian Broom Grass, Bouquet grass.
ชื่ออื่น ---ตองกง, หญ้าไม้กวาด, หญ้ายูง, หญ้ากาบไผ่ใหญ่, เลาแล้ง, ก๋ง; [ASSAMESE: Phooljharu, Jharu-bon.];[BENGALI: Phul Jhanta.];[CHINESE: Zong ye lu.];[GERMAN: Tigergras.];[HINDI: Naktura, Nastura.];[INDIA: Amliso.];[INDONESIA: Menjalin wuwu (Javanese).];[KANNADA: Konda Cheepuru.];[MALAYSIA: Buloh teberau, Rumput buloh.];[PHILIPPINES: Tambu (Tagalog).];[TELUGU: Cheepuru, Gaddi, Cheepur, Konda.];[THAI: Tongkong, Laolaeng (northern), Ya-yung (southern);[VIETNAM: Đot, Chit.].
EPPO code---THSMA (Preferred name:Thysanolaena maxima)
ชื่อวงศ์ ---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด ---ทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์ ---จีนตอนใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย เนปาลปากีสถาน ศรีลังกา พม่า ไทย มาเลเซีย
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลThysanolaena มาจากกรีก thysanos = แถบและchlaina = ชั้น หมายถึงของขวัญชั้นนำที่มีขอบ ; ชื่อสายพันธุ์ 'latifolia' มาจากภาษาละตินความหมาย "ด้วยใบใหญ่"
Thysanolaena latifolia เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ในสกุลThysanolaena เป็น monotypic genus มีเพียง1สายพันธุ์ในสกุลได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยWilliam Roxburgh (1751-1815) ศัลยแพทย์และนักพฤกษศาสตร์ชาวสก็อต จากอดีต Jens Wilken Hornemann (1770 – 1841)นักพฤกษศาสตร์ชาวเดนมาร์กและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Prof. Dr. Masaji Honda (1897 - 1984 ) นักพฤกษศาสตร์ชาวญี่ปุ่นในปี พ.ศ.2473
ที่อยู่อาศัยมีถิ่นกำเนิดในอินเดียถึงอินโดจีนและจีนและทั่วมาเลเซีย นอกจากนี้ยังได้รับการปลูกเลี้ยงเป็นครั้งคราวนอกภูมิภาคนี้ พบขึ้นตามหุบเขาและเนินเตี้ย ๆ ริมตลิ่ง ชายป่า ทุ่งหญ้าเปิด โดยปกติแล้วจะสัมพันธ์กับต้นไม้อื่น (มักเป็นป่าไผ่) อยู่หรือเป็นกลุ่มเล็ก ๆ โดยไม่ถูกแสงแดดจัด ที่ระดับความสูง 150 - 2,000 เมตร
ลักษณะเป็นไม้ล้มลุกจำพวกหญ้าอายุหลายปี เป็นวัชพืชตามที่โล่งสองข้างทาง ลักษณะคล้ายต้นไผ่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นประมาณ 7-18 ม.ม. สูงได้ถึง3-4เมตร ลำต้นของตองกงตั้งตรงและเป็นกอที่แข็งแรงมาก  ใบเป็นรูปใบหอก กว้างประมาณ 3-7.5 ซ.ม.และยาวประมาณ 30-65 ซ.ม. ปลายใบแหลม โคนใบป้าน ส่วนขอบใบจักละเอียด เนื้อใบค่อนข้างหนา ดอกออกเป็นช่อแบบกระจายขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 0.60-1.4 เมตร.  กว้าง 15-30 ซม.ปลายช่อดอกโค้งลง ผลรูปไข่สีน้ำตาลแดง ยาว 0.5-0.6 มม.
การใช้ประโยชน์---พืชถูกเก็บจากป่าเพื่อเป็นยาและแหล่งวัสดุ
- ใช้เป็นยา มีสรรพคุณเป็นสมุนไพรโดยนำรากตองกงมาต้ม ใช้อมกลั้วคอเมื่อมีไข้
-ใช้ปลูกประดับ มีการนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ ใช้จัดสวนตามที่พักอาศัย สวนสาธารณะ ปลูกเดี่ยว หรือเป็นกลุ่ม หรือปลูกในอาคาร ตำแหน่งที่ร่มรำไร
-ใช้อื่นๆ ทำเป็นเครื่องจักสานและเครื่องมือใช้สอยต่าง ๆ ได้ดี ไม้กวาดที่ทำจากช่อดอกตองกง สวยและมีประสิทธิภาพและมีราคาสูง
ระยะออกดอก/ติดผล---ตลอดปี
ขยายพันธุ์---เหง้าลำต้นหรือเมล็ด

155 หญ้าใบไผ่/Acroceras munroanum


ชื่อวิทยาศาสตร์---Acroceras munroanum (Balansa) Henrard.(1940)
ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms
---Basionym: Panicum munroanum Balansa.(1890)
---Acroceras crassiapiculatum (Merr.) Alston.(1931)
---Panicum crassiapiculatum Merr.(1906)
---Panicum ridleyi Hack. ex Ridl.(1893)
ชื่อสามัญ---None (Not recorded)
ชื่ออื่น---หญ้าใบไผ่ (ประจวบคีรีขันธ์), หญ้าไผ่ ;[CHINESE: Feng tou shu.];[THAI: Yaa bai phai, Yaa phai.];
EPPO Code--- ACQMU (Preferred name: Acroceras munroanum)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย
เขตกระจายพันธุ์---อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ จีน พม่า มาเลเซีย เอเซียตะวันออกเฉียงใต้
Acroceras munroanum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Gaspard Joseph Benedict Balansa (1825 –1891) นักพฤกษศาสตร์ขาวฝรั่งเศสและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Johannes Theodoor Henrard (1881–1974)นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์ในปี พ.ศ.2483
ที่อยู่อาศัย พบในอินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ อินโดจีน มาเลเซีย จีน (ไห่หนาน) เติบโตในที่ราบ ทุ่งหญ้าชื้น ริมฝั่งแม่น้ำ
ลักษณะ เป็นวัชพืชพวกหญ้าอายุหลายปี(perennial) ผิวใบที่เรียบลื่นนุ่มและเขียวสดไม่สากคายและความสูงที่โตเต็มที่แล้วสูงประมาณ20-30ซ.ม.ทำให้นักนิยมธรรมชาติ มักจะตัดให้สั้นเก็บไว้คลุมดินในที่ร่ม ลำต้นสีเขียวปนม่วงแดง มีขน ความสูงของต้น 20-30 ซม.แตกรากตามข้อ เลื้อยไปตามพื้นดิน ข้อสีม่วงแดงเข้มกว่าสีลำต้น ช่วงปล้องสั้นยาวประมาณ2-3ซม. ใบรูปใบหอก ขนาดใบยาว 3.5-4.5 ซม. กว้าง 0.84-1.0 ซม.หน้าใบมีขนสั้นเล็กน้อย หลังใบไม่มีขน ดอกออกที่ปลายยอดแบบแยกแขนง ช่อดอกยาวประมาณ 8-10 ซ.ม.มี 3-4 ช่อดอกย่อย ในช่อดอกย่อยจะแตกแขนงออกไปเป็นแขนงของกลุ่มช่อดอกย่อยอีก กลุ่มช่อดอกย่อยแต่ละกลุ่มมี 2 ดอกย่อย(floret)ลักษณะค่อนข้างแบน ดอกย่อยบนมีก้านดอกยาวประมาณ 3 มม ดอกย่อยล่างมีก้านดอกยาวประมาณ 1.5 มม อับเรณู(anther)สีม่วง เมล็ดรูปไข่ขนาด 2 x 1.25 มม. ทื่อที่ปลายทั้งสองข้าง
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดรำไรหรือใต้ร่มเงาเจริญได้ดีในดินเหนียวแต่ก็ขึ้นได้ในดินร่วนปนทรายหรือดินทรายค่อนข้างเค็ม
การใช้ประโยชน์---ใช้เป็นพืชคลุมดินในที่ร่ม เป็นแหล่งอาหารสัตว์ โค กระบือ
ระยะออกดอก/ติดผล—มีนาคม-พฤษภาคม                                                                                                            
ขยายพันธุ์---เมล็ดและแตกรากตามเหง้า

156 หญ้าหนวดฤๅษี/Heteropogon contortus

ชื่อวิทยาศาสตร์---Heteropogon contortus (L.) P.Beauv. ex Roem. & Schult.(1817)
ชื่อพ้อง--- Has 34 synonyms    
---Basionym: Andropogon contortus L.(1753)
---Heteropogon hirtus Pers.(1807)
---(More).See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-418712  
ชื่อสามัญ---Spear grass, Black speargrass, Tanglehead, Twisted beardgrass, Bunch spear grass, Wild oats.
ชื่ออื่น---หญ้าเหล็ม, หญ้าแหล็ม (เชียงใหม่), หญ้าพุ่งชู้ (ประจวบคีรีขันธ์), หญ้ารังตั๊กแตน (ชุมพร), หญ้าลูกหนอง, หญ้าหนวดฤๅษี (ภาคกลาง) ;[AFRIKAANS: Assegaaigras, Steekgras.];[AUSTRALIA: Black speargrass, Tanglehead.];[BENGALI: Ahira.];[BRAZIL: Flechinha.];[CHINESE: Huáng máo, De jīn, Ti chin, Tic chen, Tien chen, Tu chin];[FRENCH: Andropogon d'Allioni, Herbe polisson, Hétéropogon contourné, Herbe barbue.];[GERMAN: Speergras, Europa-Schopfgras, Gedrehtgranniges Bartgras, Kahles Schopfgras.];[GHANA: Ananugai, Chiga.];[HAWAII: Lule, Pili, Pili grass.];[INDONESIA: Bejeng-bejend, Benjeng-benjeng, Marakan, Merakan.];[ITALIAN: Barbone attorcigliato, Trebbia contorta.];[JAPANESE: Aka-hige-gaya.];[KENYA: Kichoma mguu, Kichoma nguo, Kishona, Kishona nguo.];[MADAGASCAR: Boka, Boka ahidambo.];[MALAYALAM: Shoolampullu ,Oosipullu.];[NEW CALEDONIA: Herbe à moutons.];[NIGERIA: Bara babba tudu, Bunsurun daji, Buzun kura.];[PHILIPPINES: Sibat-sibatan.];[PORTUGUESE: Flechinha, Capim-amarela, Capim-trança, Rabo-de-asno.];[PUERTO RICO: Yerba torcida.];[SENEGAL: Fila ntaso.];[SPANISH: Hierba torcida.];[SOUTH AFRICA: Assegaaigras, Gewone pylgras, Isitupe, Makurwane, Malgras, Pieringgras, Pylgras, Seloka, Selokana, Steekgras, Swartangel.];[SRI LANKA: Itana.];[SWAHILI: Kichoma mguu, Kichoma nguo, Kishona nguo, Kishona.];[TAMIL: Ucippul.];[THAI:  Ya lem, Ya laem (Chiang Mai), Ya phung chu (Prachuap Khiri Khan), Ya rang takkataen (Chumphon), Ya luk nong, Ya nuat ruesi (Central).];[ZIMBABWE: Inzala.].  
EPPO Code--- HTOCO (Preferred name: Heteropogon contortus)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ทวีป อเมริกา เอเชีย
เขตกระจายพันธุ์---อเมริกา แอฟริกาใต้ เอเซียใต้ ตอนเหนือออสเตรเลีย โอเชียเนีย
นิรุกติศาสตร์---ชื่อสายพันธุ์ Heteropogonมาจากภาษากรีก 'heteros'= แตกต่าง และ 'pogon'=เครา ซึ่งหมายถึงก้านดอกสองชนิดที่มีอยู่ในช่อดอกของพืช; ชื่อสายพันธุ์ 'contortus'จากภาษาละตินหมายถึงเมล็ดพืชซึ่งบิดเบี้ยวเมื่อเปียกเพื่อเจาะดิน ( University of Hawaii, 2009 )
Heteropogon contortus เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Ambroise Marie Francois Joseph Palisot de Beauvois (1752–1820) นักพฤกษศาสตร์และนักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศส จากอดีต Johann Jacob Roemer (1763–1819)แพทย์และนักพฤกษศาสตร์ชาวสวิสและ Josef August Schultes (1773–1831) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรียในปี พ.ศ.2360


ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของแอฟริกา, เอเชียใต้, ทางตอนเหนือของออสเตรเลียและโอเชียเนียและมีการกระจายไปยังในพื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของอเมริกา, เอเชียตะวันออกและแปซิฟิก พบในสะวันนาและป่าเปิด  มักพบได้ตามป่าหญ้า ริมถนน ที่ร้างรก จากระดับน้ำทะเลถึงระดับความสูง 3,800 เมตร
บทสรุปของการรุกราน---ได้รับการประกาศให้เป็นวัชพืชในบางส่วนของอเมริกา เอเชียตะวันออก และในนิวแคลิโดเนีย ( Heuzé et al., 2017 ) มีรายงานว่ามีการบุกรุกในนิวแคลิโดเนีย ( ISSG, 2017 ) และในคิวบา ( Oviedo Prieto et al., 2012 ) ในนิวแคลิโดเนีย,มันแพร่กระจายอย่างมากบนหินตะกอนและเปลี่ยนพื้นที่ที่ถูกบุกรุกให้กลายเป็นทุ่งหญ้าสะวันนา
ลักษณะ เป็นวัชพืชใบแคบ พวกหญ้าอายุอยู่ได้หลายปี ต้นสูงประมาณ25-100 (-150)ซม. ใบรูปขอบขนานขนาดของใบยาวประมาณ 10-25ซม.มีสีเขียวหรือสีเขียวอมฟ้ามักจะเกลี้ยงหรือมีขนยาวเล็กน้อยที่ฐาน ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกเป็นเดี่ยว หรือ เป็นคู่ ยาวประมาณ4-6ซม.กว้าง0.4ซม.มีขนกระจาย เมล็ดสีขาวยาว 3.5-4.5 มม
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ตำแหน่งที่มีแสงแดดจัดจ้าไปจนถึงสภาพใต้ร่มเงาเติบโตได้ในดินที่มีการระบายน้ำที่ดีและหลากหลาย ทนไฟ ไม่ทนน้ำท่วมขัง แต่อาจทนน้ำท่วมเป็นระยะเวลาสั้น ๆ พักตัวในฤดูหนาว
การใช้ประโยขน์---วนเกษตร ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นพืชคลุมดินที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ในพื้นที่แห้งแล้งของซิมบับเวถูกนำมาใช้เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ร้างและเพิ่มการกักเก็บคาร์บอน ในสหรัฐอเมริกามีการแนะนำพันธุ์ Spear grass (Rocker) ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อรักษาเสถียรภาพของพื้นที่วิกฤติ ควบคุมการกัดเซาะ ตามแนวถนนสถานที่ก่อสร้างและพื้นที่รบกวนอื่น ๆ ในทะเลทราย ส่วนในอินเดีย สามารถป้องกันการกัดเซาะพื้นที่ลาดชันได้สูงถึง 20 °
-อื่น ๆ ใบใช้สำหรับมุงหลังคาหรือทำเซลลูโลสสำหรับกระดาษ
ระยะออกดอก/ติดผล---เดือนมิถุนายน-ธันวาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด

157 หญ้ากอ/Eragrostis pilosa

ชื่อวิทยาศาสตร์ --- Eragrostis pilosa ( L. ) P.Beauv.(1812)
ชื่อพ้อง---Has 37 Synonyms
---Basionym: Poa pilosa L.(1753)
---Catabrosa verticillata (Cav.) P.Beauv.(1812)
---Eragrostis multispicula Kitag.(1964)
---More.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-412999
ชื่อสามัญ--- Lovegrass, India Love Grass, Soft Love Grass, Feather lovegrass, Japanese lovegrass, Jersey love-grass, Hairy Grass, Hairy love-grass, Jersey Love-grass.
ชื่ออื่น---หญ้าไข่เห็บ (นราธิวาส)  หญ้าหางกระรอก ;[AFRIKAANS: Sagte-eragrostis.];[AEABIC: Difra.];[BRAZIL: Barbicha de alemao, Dapin atana, Dapin panasco.];[CHINESE: Huà méi cǎo, Wu mao hua mei cao.];[DUTCH: Draadliefdegras, Straatliefdegras.];[FRENCH: Eragrostide à plusieurs tiges, Eragrostide à manchettes, Pâturin poilu.];[GERMAN: Behaartes Liebesgras, Haarliebesgras, Vielstängliges Liebesgras.];[HEBREW: Ben-chilaf sa'ir.];[ITALIAN: Eragrostide a fusti numerosi, Eragrostide pelosa, Panicella pelosa.];[JAPANESE: Murasaki Niwa Hokori, Ooniwahokori.];[MALAWI: Chimanganga.];[NETHERLANDS: Harig liefdegras.];[POLISH: Miłka owłosiona.];[PORTUGUESE: Capim-barbicha-de-Alemao, Capim-mimoso, Capim-orva, Capim-Orvalho, Capim-Peludo, Panasco.];[SAUDI ARABIA: Heelaagoog.];[SPANISH: Barba de Indio, Pasto pelillo.];[SWEDISH: Hårigt Kärleksgräs.];[THAI: Yaa khai heb, Yaa haang krarok.];[TURKISH: Kıllı yulaf.];[VENEZUELA: Grama de fidoeos.];[ZIMBABWE: kaMbumbu.].
EPPO Code--- ERAPI (Preferred name: Eragrostis pilosa)
ชื่อวงศ์ ---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ยูเรเชียและแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---เขตร้อนและเขตอบอุ่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเลีย, แอฟริกาและยุโรปใต้
Eragrostis pilosa ชื่อนี้เป็นชื่อที่ยอมรับได้ของสายพันธุ์หญ้าในสกุลEragrostis สกุลเดียวกับ หญ้าไข่เห็บ หญ้าหวาย หญ้าโขมง ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Ambroise Marie Francois Joseph Palisot de Beauvois (1752–1820) นักพฤกษศาสตร์และนักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศสในปี พ.ศ.2355


ที่อยู่อาศัยมีถิ่นกำเนิดในยุโรป เอเซีย และแอฟริกา เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและเป็นวัชพืชที่พบได้ทั่วไปในหลายพื้นที่ มักพบได้ตามที่เปียกชื้น ริมหนองน้ำ ริมทาง ที่ระดับความสูงตั้งแต่ 10 - 3,200 เมตร ในประเทศไทยพบขึ้นอยู่ทั่วไปในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในที่โล่งแจ้งและ ในสภาพป่าผลัดใบ
บทสรุปของการรุกราน---มีการรุกรานในหมู่เกาะแปซิฟิกหลายแห่ง ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ แต่ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบหรือการบุกรุกในแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติหรือกึ่งธรรมชาติในช่วงที่ไม่ใช่ถิ่นกำเนิด ในยุโรปมีรายงานว่าเป็นวัชพืชในแอลเบเนีย ออสเตรีย บัลแกเรีย เชโกสโลวะเกีย ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี อิตาลี โปรตุเกส โรมาเนีย รัสเซีย สเปน สวิตเซอร์แลนด์ ยูเครน และยูโกสลาเวีย ( Holm et al., 1997 )
ลักษณะ เป็นวัชพืชใบแคบจำพวกหญ้าอายุปีเดียว ลำต้นเจริญออกเป็นกอกระจุกแผ่ไปรอบๆเป็นกอ  กอเล็กใหญ่ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของดิน ต้นสูงประมาณ 10-60 ซม.ใบรูปหอกสีเขียว ฐานใบกลมปลายใบแหลมหน้าใบหลังใบไม่มีขน ขนาดของใบ 5-18 x 0.2-0.4 ซม ช่อดอกเปิดรวงแยกแขนง ยาวประมาณ10-20 ซม. ดอกสีเทาหรือสีม่วงสีเขียว แต่ละช่อมีได้10-17ดอก ติดเมล็ดดีมาก เมล็ดแก่ร่วงง่าย
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ตำแหน่งแสงแดดจัดถึงร่มเงาบางส่วน ชอบดินทรายถึงดินร่วนทราย (ในรูปนี้)ได้มาจากริมทะเล กระจายพันธุ์ด้วยเมล็ดที่ปลิวไปตามลม และพักตัวอยู่ได้นานเพื่อรอสภาพเหมาะสมในการงอกในปีต่อไป
การใช้ประโยชน์--- พืชถูกเก็บเกี่ยวจากป่าใช้ในท้องถิ่นเป็นอาหารและยารักษาโรค
-ใช้กินเมล็ดกินได้ นำมาบดเป็นแป้งและใช้เป็นซีเรียล มันถูกมองโดยทั่วไปว่าเป็นอาหารของความอดอยาก แต่มีการใช้เป็นประจำในแอฟริกาตะวันออก
-ใช้เป็นยา พืชถูกกล่าวว่าใช้เป็นยาแก้อาการฟกช้ำ
-อื่น ๆ เป็นแหล่งอาหารสัตว์ตามธรรมชาติ สำหรับแทะเล็มของโค กระบือในช่วงต้นฤดูฝน มีการใช้เป็นอาหารสัตว์ แต่มีคุณค่าทางโภชนาการไม่มากนักและผลผลิตของพืชจะต่ำ
ระยะออกดอก/ติดผล---เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม  
ขยายพันธุ์---เมล็ด

158 หญ้าไข่เห็บเล็ก/ Eragrostis tenella

ชื่อวิทยาศาสตร์--- Eragrostis tenella (L.) P. Beauv.ex Roem et.Schult.(1817)
ชื่อพ้อง---This name is a synonym of Eragrostis amabilis (L.) Wight & Arn.(1834.)
ชื่อสามัญ--- Japanese lovegrass, Lovegrass, Feather lovegrass, Bug's egg grass.
ชื่ออื่น---หญ้าไข่เห็บ (นราธิวาส)  หญ้าหางกระรอก ; [BENGALI: Shada fulka.];[CHINESE: Ji yu cao.];[FRENCH: Eragrostide délicate.];[HINDI: Bharbhusi.];[INDONESIA: Jukut karukuan.];[JAPANESE: Nukakazekusa.];[THAI: Yaa khai heb, Yaa haang krarok.].
EPPO Code--- ERAAM (Preferred name: Eragrostis tenella)
ชื่อวงศ์ ---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---ยูเรเชียและแอฟริกา
เขตกระจายพันธุ์---ประเทศในเขตร้อนและเขตอบอุ่น  
Eragrostis tenella  เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยAmbroise Marie Fran?ois Joseph Palisot de Beauvois (1752–1820) นักพฤกษศาสตร์และนักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศส จากอดีต Johann Jacob Roemer (1763–1819)แพทย์และนักพฤกษศาสตร์ชาวสวิสและJosef August Schultes (1773–1831) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรียในปี พ.ศ.2360
ชื่อ Eragrostis amabilis ถูกนำมาใช้สำหรับสายพันธุ์นี้ แต่สำหรับ Eragrostis spp. อื่น ๆ ด้วยทำให้เกิดความสับสน
ที่อยู่อาศัย เป็นวัชพืชพื้นเมืองของเอเชียเขตร้อน อินเดีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทยและเวียดนาม และถูกแนะนำในบังคลาเทศลาวและพม่า และเผยแพร่อย่างกว้างขวางในภูมิภาคเขตร้อนของอเมริกาและแอฟริกา เติบโตในดินทรายบนตลิ่ง ริมฝั่ง ทะเลสาบและเนินทรายชายฝั่ง เป็นวัชพืชที่พบได้ทั่วไปในพื้นที่เพาะปลูก ที่ระดับความสูงถึง 1,160 เมตร
ลักษณะ เป็นหญ้าอายุสั้นอยู่ได้ฤดูเดียว พบขึ้นอยู่ทั่วไปในที่โล่งแจ้งและ ในสภาพป่าผลัดใบ ดินทราย –ร่วนทราย ลักษณะทรงต้นเป็นกอขนาดเล็กค่อนข้างแผ่คลุมพื้นที่ ความสูงของต้นประมาณ 30 – 50 ซม. ลำต้นสีเขียวอมม่วงขนาดเล็กไม่มีขน ข้อสีม่วงเข้มมีขนสั้นๆ รอบๆข้อ ใบรูปใบหอก โคนใบตัดปลายใบแหลม ใบยาวประมาณ 3 – 8 ซม. กว้าง 0.40 – 0.70 ซม. ผิวใบนุ่มลื่นเล็กน้อย ใบสีเขียวปนม่วง หน้าใบหลังใบไม่มีขน ขอบใบมีรอยหยักฟันเลื่อย กาบใบสีเขียวอมม่วงเข้มกว่าสีแผ่นใบ และมีขนสั้น ๆเล็กน้อย รอยต่อระหว่างกาบใบกับโคนใบมีขนยาวประมาณ 3 มม. ยอดอ่อนโผล่แบบม้วน
ช่อดอกออกที่ปลายยอด แบบช่อแยกแขนงยาวประมาณ20-30ซม. ดอกย่อยเรียงเป็นตับสองข้างของแกนช่อดอกย่อย กลุ่มดอกมีลักษณะแบน ดอกสีขาวเทามีม่วงปนเล็กน้อย ดอกรูปรีขนาดเล็กและมีก้านดอก ก้านดอกบนยาวประมาณ 1 – 1.5 ซม. ก้านดอกล่างแยกจากแกนก้านดอกบน มีความยาวประมาณ 3 – 4 มม. ติดเมล็ดดีมาก  เมล็ดรูปไข่สีน้ำตาล ยาว 0.4-0.7 มม ติดเมล็ดดีมาก เมล็ดแก่ร่วงง่าย
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ตำแหน่งแสงแดดจัดถึงร่มเงาบางส่วน ชอบดินทรายถึงดินร่วนทราย (ในรูปนี้)ได้มาจากริมทะเล กระจายพันธุ์ด้วยเมล็ดที่ปลิวไปตามลม และพักตัวอยู่ได้นานเพื่อรอสภาพเหมาะสมในการงอกในปีต่อไป
การใช้ประโยชน์--- พืชถูกเก็บเกี่ยวจากป่าใช้ในท้องถิ่นเป็นอาหาร บางครั้งก็ปลูกเป็นสนามหญ้าและคลุมดิน
-ใช้กิน ใช้กินเป็นซีเรียล ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการถูกพบมากที่สุดในฐานะของความอดอยากอาหาร ใช้เมื่อไม่มีอะไรที่ดีกว่า
-ใช้ปลูกประดับ มีการนำไปปลูกใช้เป็นสนามหญ้าตามวิทยาลัย, ปลูกเป็นที่กำบังบนตัวแบ่งกลางถนนในกานา แอฟริกา
ระยะออกดอก/ติดผล---ตุลาคม-พฤษภาคม
ขยายพันธุ์---เมล็ด

159 หญ้าชะกาดน้ำเค็ม/Paspalum distichum


ชื่อวิทยาศาสตร์--- Paspalum distichum L.(1759.)
ชื่อพ้อง---Has 35 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-431506
---Anastrophus paspalodes (Michx.) Nash.(1901)
---Digitaria disticha (L.) Fiori & Paol.(1896)
---Digitaria paspalodes Michx.(1803)
---Dimorphostachys oaxacensis (Steud.) E.Fourn. ex Hemsl.(1885)
---Milium distichum (L.) Muhl.(1817.)
ชื่อสามัญ---Dallisgrass, Knotgrass, Joint grass, Water finger-grass, Couch paspalum, Eternity grass, Thompson grass, Mercer grass, Seaside millet, Ginger grass, Water couch.
ชื่ออื่น---หญ้าสะกาดน้ำเค็ม ; [ALBANIA: Gram uji.];[BOLIVIA: Mashaguagache.];[BRAZIL: Capim-pancuan, Grama-de-forquilha, Grama-doce, Pancuam.];[CHINESE: Hong-ban-gen-cao, Liang er cao, Shuang sui que bai.];[COLOMBIA: Chepica.];[CUBA: Rapiente.];[FRENCH: Paspale a deux epis.];[GERMAN: Knotgras.];[INDONESIA: Lamhani.];[IRAQ: Shalhaw.];[ITALIAN: Gramignone d'acqua, Panico aquatico, Paspalo distico.];[JAPANESE: Chikugo-suzumenohie, Karimata-suzume-no-hie, Kishu-suzume-no-hie.];[NEPALI: Ghunde banso.];[PORTUGUESE: Alcanache, Grama-de-joanópolis, Graminhão.];[SPANISH: Colorada, Grama, Grama de agua, Gramilla dulce, Panizo, Panizo de las pampas.];[SOUTH AFRICA: Bankrotkweek, Kweekpaspalum.];[THAI: Yaa sakat nam khem.];[TURKISH: Yalan darısı.];    
EPPO Code--- PASDS (Preferred name: Paspalum distichum)
ชื่อวงศ์---POACEAE (GRAMINEAE)
ถิ่นกำเนิด---เขตร้อนของทวีปอเมริกา
เขตกระจายพันธุ์---ทวีป เอเชีย , แอฟริกา , ออสเตรเลีย และอเมริกา
Paspalum distichum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัววงศ์หญ้า(Poaceae)ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนในปี พ.ศ.2302
ที่อยู่อาศัยการกระจายและถิ่นอาศัย แพร่กระจายทั่วไปในทวีป เอเชีย , แอฟริกา , ออสเตรเลีย และอเมริกา เติบโตขึ้นตามทางระบายน้ำ คูคลอง ริมบึง หนองบึง พื้นที่ชายฝั่งทุ่งหญ้าชื้นตามฤดูกาล ชายเลน พื้นที่ชื้นที่ถูกรบกวน ริมถนน ริมสนามหญ้า ทุ่งนา ที่ระดับความสูง300- 1,650 เมตร เป็นหญ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็วในพื้นที่เปียกชื้น มันได้กลายเป็นวัชพืชที่สำคัญของข้าวและพืชอื่น ๆ อีกมากมายเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชุ่มน้ำทั้งในประเทศและภูมิภาคที่แนะนำ การแพร่ไปยัง ยุโรป เอเชีย และแปซิฟิกนั้น ยังไม่ได้รับการบันทึกไว้อย่างดีนัก แต่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน มีการรายงานบันทึกใหม่ ๆ เช่นอินโดนีเซีย สเปน และโครเอเชีย ซึ่งบ่งชี้ว่ายังคงเผยแพร่ในประเทศอื่นๆอีก สำหรับในประเทศไทยพบได้ทุกภาค
ลักษณะ เป็นวัชพืชประเภทใบแคบอายุหลายฤดู เหง้าแตกไหลทอดนอนตามพื้น และแตกรากตามข้อสูงประมาณ15-50ซ.ม ใบรูปใบหอก รูปแถบ ยาว 3-12 ซม. และกว้าง 0.2-0.6 ซม. สีเขียวทึบเนื้อค่อนข้างอ่อนและบางครั้งมีขนสั้น ๆ บนพื้นผิวด้านบน  ที่ฐานใบกลมมีขน ปลายใบเรียวแหลม กาบใบยาว 7 ซม.มีเมือก ดอกออกเป็นช่อ มักแตกแขนง แต่ละแขนงมีช่อดอกย่อยเรียงตัวแน่นเป็นสองแถว ก้านดอกยาว 3-4 มม. เกสรเพศผู้ 3  อับเรณูสีเหลืองอ่อน รังไข่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ผลรูปไข่ยาว 2.5-2.8 มม. กว้างประมาณ 1.2 มม.ผลเป็นผลแห้ง ร่วงง่าย
ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตขึ้นเป็นหลักในหนองน้ำจืดและเป็นครั้งคราวในหนองน้ำกร่อย ทนความเค็มและน้ำนิ่งปานกลาง
การใช้ประโยชน์---ใช้เป็นพืชอาหารสัตว์ ได้รับการพิจารณาในหลาย ๆ ส่วนของโลกว่าเป็นทุ่งหญ้าที่มีค่าและถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในพื้นที่ที่มีน้ำท่วม
ระยะออกดอก/ติดผล--- เมษายน - ธันวาคม
การขยายพันธุ์---เมล็ด เหง้าและไหล
    

อ้างอิง (Reference) แหล่งที่มา

1 ฐานข้อมูลพฤกษศาสตร์พื้นบ้าน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. 2555. URL http://www.qsbg.org/Database/Botanic_Book%20full%20option/search_page.asp
2 เต็ม สมิตินันทน์. 2557. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย. สำนักงานหอพรรณไม้ กรมอุทธยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพรรณพืช. โรงพิมพ์พุทธศาสนาแห่งชาติ. กรุงเทพ.
3 สวนพฤกษศาสตร์สายยาไทย. มปป. ผักขม. URL: http://www.saiyathai.com/herb/484000.htm
4 Plants Database. 2013. Needle and thread. Natural Resources Conservation Service (NRCS). USDA. URL: http://plants.usda.gov/java/
5 ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2552. วัชพืช:  URL: http://clgc.rdi.ku.ac.th/index.php/w-variety/354-imperata
6 อำไพ ยงบุญเกิด. 2514. เอกสารทางวิชาการ วัชพืชบางชนิดในไร่ข้าวโพด. กองพืชพันธุ์ กรมกสิกรรม.
7 ศูนย์รวมข้อมูลสิ่งมีชีวิตในประเทศไทย. 2555" URL: http://www.thaibiodiversity.org/
8 กรมการข้าว. 2556. องค์ความรู้เรื่องข้าว: วัชพืชในนาข้าว: กกทราย. URL: www.http://brrd.in.th/rkb/weed/index.php-file=content.php&id=7.htm
9 ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชลบุรี. 2556. องค์ความรู้เรื่องข้าว: วัชพืชในนาข้าว: หญ้าแดง. URL: http://brrd.in.th/rkb/weed/index.php-file=content.php&id=3.htm
10 ฐานข้อมูลพันธุ์ไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์. 2555. . URL: http://www.qsbg.org/Database/_Book%20full%20option/search_detail.asp?botanic_id=1597.
11 พรชัย เหลืองอาภาพงศ์. 2540. วัชพืชศาสตร์. โรงพิมพ์ลินคอร์น, กรุงเทพฯ.
12 หนังสือ "ป่าชายเลน นิเวศวิทยาและพรรณไม้" สรายุทธ บุณยะเวชชีวิน, รุ่งสุริยา บัวสาลี บ.อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด(มหาชน) 2554
14 เว็บไซต์เมดไทย (MedThai) URL: https://www.medthai.com
15 สารานุกรมพืชในประเทศไทย (ฉบับย่อ) URL:www.dnp.go.th/botany/detail.aspx?wordsnamesci=Neptunia0javanica0Miq.
16 ศัตรูพืชในประเทศไทย (Plant pest in Thailand)  http://ippc.acfs.go.th/pest/
17 CABI บทสรุปของสายพันธุ์ที่รุกราน https://www.cabi.org/isc/datasheet/
---Invasive Species Compendium
Detailed coverage of invasive species threatening livelihoods and the environment worldwide---www.cabi.org

Check for more information on the species:   
         
Plants Database           Names, synonymy and distribution    The Garden.org Plants Database    https://garden.org/plants/
Global Plant Initiative    Digitized type specimens, descriptions and use    Tropicos    Nomenclature, literature, distribution and collections    
Tropicos -                    Home    www.tropicos.org/
GBIF                           Global Biodiversity Information Facility    Free and open access to biodiversity data    https://www.gbif.org/
IPNI                           International Plant Names Index    The International Plant Names Index - home page    http://www.ipni.org/
EOL                            Descriptions, photos, distribution and literature    Global access to knowledge about life on Earth    Encyclopedia of Life eol.org/PROTA   Uses    the Plant Resources of Tropical Africa    https://books.google.co.th/books?isbn=9057822040
Prelude                       Medicinal uses    Prelude Medicinal Plants Database    http://www.africamuseum.be/collections/external/prelude
Google Images            Images


รูปภาพประกอบ-รวบรวมและเรียบเรียงโดย
---ทิพพ์วิภา วิรัชติ
---บริษัท สวนสวรส การ์เด้น ดีไซน์ จำกัด
---สวน-เทวา อ.แม่สอย จ.เชียงใหม่
---www.suansavarose.com
---www.suan-theva.com













  Copyright 2005-2009 suansavarose All rights reserved.
view